หลังจากที่พระราชมารดาสูญเสียตำแหน่งและอำนาจไปอย่างสมบูรณ์ คนส่วนใหญ่จึงหันหลังให้กับเธอโดยไม่สนใจแม้แต่ชื่อหรือการมีตัวตนของเธอเลย ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติหากคิดถึงเรื่องนี้ เพราะท้ายที่สุดใครจะไปสนใจราชวงศ์ที่สูญเสียอำนาจกัน?
อย่างไรก็ตาม รีแอนนานั้นแตกต่างจากคนอื่น เธอเป็นคนเดียวที่ยังคงดูแลพระราชมารดาหลังจากที่กลับมาจากอรันเดลล์ เธอไม่ใช่คนที่จะเพิกเฉยต่อความห่วงใยที่ใครบางคนเคยมอบให้กับเธอได้อย่างง่ายๆ
เมื่อเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เราจะมองเห็นคุณค่าที่แท้จริงของคนที่เราเคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน ซึ่งมิสซิสเซสลีย์รู้ว่ารีแอนนาเป็นคนที่เห็นถึงความดีในตัวผู้อื่น
"ข้าแน่ใจว่าพระราชมารดาจะต้องดีใจกับของขวัญชิ้นนี้แน่ๆเลยล่ะเพคะองค์ราชินี แล้วท่านจะถักให้กับฝ่าบาทสักผืนหลังจากเสร็จผืนนี้ด้วยหรือเปล่าเพคะ? ข้าคิดว่าฝ่าบาทเองก็คงจะชอบเช่นกันนะเพคะ" มิสซิสเซสลีย์ยิ้มแล้วทำเป็นถามในช่วงที่บรรยากาศพาไป
รีแอนนายิ้มอย่างกระอักกระอ่วน "ข้าไม่คิดว่าผู้ชายจะชอบอะไรเช่นนี้สักเท่าไหร่นะ..."
ยังไงซะเธอก็จะจากไปเมื่อข้อตกลงสิ้นสุดลงอยู่ดี จำเป็นที่เธอจะต้องมอบของขวัญให้กับเขาด้วยหรือ?
มิสซิสเซสลีย์ที่มองรีแอนนาอยู่ครู่หนึ่งได้เปิดปากพูดหลังจากนึกอะไรบางอย่างออก
"จะว่าไปแล้ว ข้าจำได้ว่าเบซิลมีเรื่องที่เคยบอกกับข้าอยู่ด้วยล่ะเพคะ เขาบอกว่ามีของอะไรบางอย่างอยู่ในลิ้นชักในโต๊ะห้องทำงานของฝ่าบาทด้วยเพคะ บางครั้งฝ่าบาทก็หยิบมันออกมาดูตอนอยู่คนเดียวแล้วทำหน้าตาจริงจังใหญ่เลยเพคะ เบซิลคิดว่าของชิ้นนั้นน่าเกี่ยวกับท่านเพคะองค์ราชินี ไม่ทราบว่าท่านเคยมอบของขวัญบางอย่างให้กับฝ่าบาทไปบ้างหรือเปล่าเพคะ?"
"ไม่นะ เท่าที่ข้าจำได้ ข้าไม่เคยให้อะไรสักอย่างกับฝ่าบาทเลย..."
"...อย่างนั้นหรือเพคะ? ข้าสงสัยจังเพคะว่าในนั้นมันคือของอะไรกันแน่" มิสซิสเซสลีย์เอียงคออย่างสับสนแล้วเปลี่ยนเรื่องทันทีหลังจากนั้น "มันคงไม่สำคัญอะไรล่ะมั้งเพคะ ยังไงก็ตาม ท่านทราบไหมเพคะว่าเมื่อไม่นานมานี้ฝ่าบาทเพิ่งจะป่วยไปด้วยล่ะเพคะ?"
รีแอนนามองไปที่มิสซิสเซสลีย์ด้วยตาที่เบิกกว้างด้วยความตกใจ
"ฝ่าบาทกำลังป่วยอยู่อย่างงั้นหรือ? ได้อย่างไร? ฝ่าบาทเขาเป็นอะไร?"
เมื่อเห็นความกังวลของรีแอนนา มิสซิสเซสลีย์ก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
"ไม่มีอะไรร้ายแรงมากหรอกเพคะ ถ้าพูดถึงเรื่องที่น่าเป็นห่วง ก็คงมีแต่เรื่องไข้หวัดนั่นแหละเพคะ เจ้าทึ่มเบซิลเองก็คงกำลังกังวลใจอยู่แน่ๆเลย เรื่องที่ฝ่าบาททำงานหนักไม่ได้พักจนหมดสติไปน่ะเพคะ แล้วสุดท้ายฝ่าบาทก็เป็นไข้หวัดจนได้เพคะ"
รีแอนนารีบเปลี่ยนสีหน้าที่ตกใจของเธอให้กลับเป็นปกติ
"...ข้าคิดว่ายังไงฝ่าบาทก็ต้องจัดการกับไข้หวัดแค่นี้ได้อยู่แล้วล่ะน่า" รีแอนนากล่าว
"แน่นอนอยู่แล้วล่ะเพคะ" มิสซิสเซสลีย์สะบัดพัดและยิ้ม
รีแอนนาแพ้อย่างหมดรูปให้กับการสนทนาในครั้งนี้ มิสซิสเซสลีย์รู้ทันว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แม้จะแกล้งทำเป็นไม่สนใจก็ตาม
คืนนั้นรีแอนนาตื่นขึ้นกลางดึก เธอเห็นแสงจางๆลอดผ่านช่องว่างของประตูที่มาจากห้องทำงาน
เธอมองขึ้นไปที่นาฬิกา ตอนนี้เป็นเวลาตีสามแล้ว รีแอนนากัดริมฝีปากของเธอ และกังวลว่าตอนนี้เขาจะยังคงทำงานอยู่หรือเปล่า
รีแอนนาก้าวลงจากเตียงและสวมผ้าคลุมไหล่ทับชุดนอนของเธอ เธอเอนหูแนบไปกับประตู แต่ก็ไร้ประโยชน์ เธอไม่ได้ยินเสียงใดๆเลย
เมื่อเปิดประตูอย่างระมัดระวังเพื่อมองเข้าไปข้างใน เธอเห็นอิกอร์นอนฟุ่บหน้าอยู่บนโต๊ะทำงานโดยใช้แขนของเขาหนุนเอาไว้ รอบตัวของเขานั้นมีแต่กองเอกสารอยู่มากมายกระจัดกระจายไปทั่วโต๊ะทำงาน
ทุกวันนี้เบซิลไม่ต้องไปตามหาอิกอร์เพื่อขอให้เขาเซ็นต์เอกสารที่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว แต่กลับเป็นฝ่ายของอิกอร์ที่ยุ่งจากการบอกให้เขาส่งงานมาให้เคลียร์ซะหมด จนเบซิลไม่มีอะไรให้ทำ
รีแอนนาเดินเข้าไปหาเขาอย่างเงียบๆ ใบหน้าของเขาที่มองเห็นผ่านระหว่างเส้นผมมันดูโทรมและซีดเซียวมาก
ดูเหมือนคำพูดของมิสซิสเซสลีย์ถึงอาการของอิกอร์นั้นเป็นเรื่องจริง
รีแอนนาใช้หลังมือแตะไปที่แก้มของเขาด้วยความเป็นห่วง เมื่อสังเกตเห็นว่าอุณหภูมิสูงได้แผ่กระจายออกมาจากผิวของเขา ความเป็นห่วงของรีแอนนาก็เพิ่มขึ้น
ปกติอิกอร์เป็นคนมีประสาทสัมผัสที่ไวมาก หากเขาโดนรีแอนนาสัมผัสเช่นนี้เขาจะต้องตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับนอนหลับสนิท
เธอรู้สึกไม่ดีเมื่อเห็นความอ่อนแอของเขามากกว่าปกติ ความทรงจำอันแสนสุขของพวกเขาในช่วงเดือนที่ผ่านมาได้หลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธออีกครั้ง และทั้งหมดที่เธอต้องการในตอนนี้ก็คือ เธออยากกอดเขา...