ทิมมี่มองดูชายหนุ่มสองคนที่แยกตัวมานั่งคุยกันเงียบๆใต้ต้นปาล์มประดับที่ปลูกอยู่ใกล้ระเบียงห้องนอนเขาพอดี หลังจากที่มีรถหลายคันวิ่งตามกันมาจอดที่หน้าลานกว้างตรงสนามก็มีชายฉกรรจ์หลายคนที่แยกตัวออกมากระจายกันอยู่รอบๆตัวรถ.....คงเป็นแขกของริคคาโด และคงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาแต่เพราะชายหนุ่มร่างสูงผิวขาวจัดคนนั้นไม่มีทีท่าว่าจะเป็นคนในแก๊งมาเฟียได้เลยและอาจเป็นผมสีเงินนั่นที่สะดุดตากว่าสิ่งอื่นทำให้อดมองอย่างสนใจไม่ได้...ทั้งสองคุยอะไรกันเขาก็ไม่รู้ก่อนจะดึงบุหรี่ออกมาสูบและอาการสำลักควันและไอติดต่อกันของหมอนั่นทำให้ต้องเผลอยิ้มออกมา...
"มาเฟียฝึกหัดก็มีด้วยแฮะ...."ทิมมี่พูดกับตัวเองขำๆก่อนชงักไปเมื่อเสียงชาลรายงานเข้ามาหลังเคาะประตู
"คุณทิมมี่ครับ...ริคคาโดให้ไปพบที่ห้องรับแขกครับ...."
"ครับ...."ทิมมี่ตอบออกไปก่อนละสายตาจากมาเฟียฝึกหัดที่ยังคงไอติดต่อกันเพราะท่าทางหมอนั่นยังคงมุ่งมั่นที่จะสูบบุหรี่ต่อไป
.....ลีรอยกวาดตามองร่างเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างสนใจ ร่างสูงโปร่งผิวขาว ใบหน้าเรียวยาวหวานใสไม่เหมือนทิมโมธีเลยสักนิด หน้าตาดีแบบนี้นี่เองอีริคถึงได้หวงนัก ตัวทิมมี่เองก็ว่าน่าสนใจอยู่แล้วแต่ที่น่าสนใจกว่าคือสองคนที่ตามหลังหมอนี่มาต่างหากเพราะหนึ่งในนั้นคือคนสำคัญที่อีริคมักจะเก็บไว้ใกล้ตัวเสมอแต่ตอนนี้กลับมาอยู่ที่นี่ก็หมายความว่า....ทิมมี่มีค่าสำหรับอีริคมากกว่าที่เขาคิด
"ยินดีที่รู้จัก....ทิมมี่ เฮ้ชาล!!...ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเจอนายที่นี่..."ลีรอยทักทายเด็กหนุ่มตรงหน้าก่อนหันไปทักคนติดตามที่ยืนสงบอยู่ข้างหลังเด็กหนุ่มราวแปลกใจ
"คุณลีรอย...."ชาลค้อมตัวลงทักทายพี่ชายเจ้านายอย่างเสียไม่ได้
"อีริคสบายดีเหรอชาล??...แปลกใจจังที่หมอนั่นยอมให้นายมาอยู่ที่นี่..."ลีรอยเหลือบตามองทิมมี่ก่อนหันมาสบตาชาลแล้วเผยรอยยิ้มที่ทำให้คนมองลอบถอนใจ
"สบายดีครับ..."ชาลตอบเรียบๆไม่อธิบายเหตุผลที่เขาต้องมาอยู่ที่นี่เพราะรู้ดีว่าลีรอยรู้ดีอยู่แกใจว่าเขามาอยู่ที่นี่ทำไม
"ทิมมี่...ได้ยินแค่ชื่อมาสักพักเพิ่งจะเจอตัวจริง นายไม่เหมือนทิมเลยนะผิดกับที่คิดไว้...มีอะไรก็ปรึกษาฉันได้นะตอนพ่อนายยังมีชีวิตอยู่ฉันกับเขาสนิทกันมากพอถึงวันที่เขาจากไปแบบนี้ก็อดใจหายไม่ได้..."ลีรอยเอ่ยยิ้มๆราวผู้ใหญ่ใจดี
"ขอบคุณครับ...."ทิมมี่ตอบกลับไปเรียบๆแม้ภายนอกจะวางท่าสบายๆดูใจดีแต่ดวงตาคมเข้มของหมอนี่น่ากลัว...ไม่ต่างกับอีริคเลยสักนิด
"ฉันมาหาริคกี้...อยากชวนไปงานเปิดตัวสินค้าของตระกูลอายามิด้วยกันนายก็น่าจะไปด้วยกันนะทิมมี่จะได้เปิดตัวลูกชายทิมโมธีให้ทุกคนรู้จัก...วันนั้นจะมีหลายแก๊งใหญ่มารวมตัวกัน...นายคิดเหมือนฉันไหม...ริคกี้...."
"ได้...ฉันก็คิดแบบนั้น..."ริคคาโดตอบเบาๆเพราะสายตาของอีกฝ่ายที่มองมาบอกให้รู้ว่านี่คือคำสั่งไม่ใช่การขอความคิดเห็น....
ทิมมี่เหลือบมองริคคาโดก่อนขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายทำท่าราวหวาดกลัว เกรงใจลีรอยอยู่มากทั้งๆที่เทียบกันแล้วทั้งคู่ก็มีฐานะเป็นหัวหน้าแก๊งย่อยเหมือนกันแต่ลีรอยกลับทำท่าราวเป็นเจ้านายของริคคาโดก็ไม่ปานจะว่าเกรงใจในความเป็นลูกชายบ้านใหญ่ของลีรอยก็ไม่น่าจะใช่เพราะกับอีริค ริคคาโดไม่ได้มีท่าทางแบบนี้เลยสักนิดแต่แม้จะสงสัยยังไงทิมมี่ก็คงจะเก็บความสงสัยไว้ในใจเขาไม่อยากถามริคคาโดว่าทำไมเพราะอาจทำให้ลุงของเขาเสียความมั่นใจมากไปกว่านี้ แค่ตอนนี้ในสายตาของทิมมี่ริคคาโดก็ดูหงอและกลัวลีรอยจนน่าสารพออยู่แล้วถ้าเขาถามอะไรมากไปอาจเป็นการตอกย้ำซ้ำเติมกันเปล่าๆ
................................................
"ซ่า...ซ่า...ซ่า.....อึก!..อ๊า...อืม!!..."เสียงสายนำ้จากฝักบัวแทรกด้วยเสียงครางเบาๆพร้อมเสียงหอบหายใจ ทิมมี่เท้าสองมือไว้กับข้างฝาเกร็งตัวรับการการกระแทกเป็นจังหวะจากร่างที่กอดเขาไว้จากข้างหลังมือหนาจับเอวคนตัวเล็กกว่าไว้แน่นเมื่อเร่งจังหวะรักก่อนจะเกร็งตัวปลดปล่อยทุกอย่างออกมา ทิมมี่หลับตากัดริมฝีปากเบาๆรับรู้ถึงอาการตอดรัดของส่วนลึกของร่างกาย
"ทิมมี่..."เสียงกระซิบเบาแผ่วเมื่อมือหนาละจากเอวมาช้อนจับปลายคางเรียวดึงเบาๆให้แหงนเงยขึ้นรับจูบที่แนบลงมาเมื่อถอนตัวเองออกจากคนตัวเล็กกว่าช้าๆ
"อืม!!..."ทิมมี่ครางเบาๆในลำคอเมื่อหมุนตัวกลับมายกแขนเรียวกอดลำคอหนาจูบตอบอีกฝ่ายอยู่ใต้สายนำ้
"พอแล้วน่า...อีริค...ฉันต้องกลับแล้ว..."ทิมมี่ยกมือเรียวยาวปิดปากที่ไล่งับจูบเขาไม่ยอมเลิก ทั้งๆที่เขาบอกว่าจะอาบนำ้แล้วกลับบ้านหมอนี่ก็ยังจะตามเข้ามาจนได้เรื่องสิน่ะ
"ค้างที่นี่ไม่ได้เหรอ...นะ...พรุ่งนี้ฉันจะไปส่งนายแต่เช้าเลย..."อาการออดอ้อนเบาๆทำให้คนฟังส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
"ไม่ได้หรอก...แค่นี้ฉันก็กลายเป็นเด็กไม่ดีมากพอแล้วแค่ริคไม่อยู่ก็ออกมากับนายทั้งวันกับครึ่งค่อนคืน...."
"ก็นั่นไง...ริคคาโดไม่อยู่จะรีบกลับไปทำไม...."อีริคบ่นขณะเอื้อมมือไปปิดฝักบัวก่อนหันไปคว้าผ้าเช็ดตัวผืนโตมาห่อร่างสูงเพรียวตรงหน้าที่ดูจะเริ่มหนาวแล้วหลังจาก ที่นำ้ด้วยกันมานานสองนาน
"พรุ่งนี้เขาจะเอาเสื้อผ้ามาให้ลองแต่เช้าแล้วป่านนี้ริคก็คงกลับมาแล้วไหนจะต้องเตรียมตัวไปงานเปิดตัวสินค้าอะไรนั่นอีก...."ทิมมี่บอกออกมาพร้อมโอบแขนไปรอบบ่ากว้างเมื่อร่างสูงใหญ่ของอีริคย่อเข่าลงช้อนร่างสูงเพรียวอุ้มไว้ในอ้อมแขนอย่างเคยชิน
"งานเปิดตัวสินค้าของตระกูลอายามิ....หึ!..ก็แค่พวกอยากอวดอำนาจสินค้าบ้าๆบอๆ....น่าเบื่อ...."นำ้เสียงเยาะหยันนั้นทำให้ทิมมี่เลิกคิ้วก่อนจะยิ้มกว้าง
"นายก็ได้รับเชิญใช่ไหม...แล้วจะไปหรือเปล่า...."
"ไม่อยากหรอก....ครั้งแรกก็ว่าจะไม่ไปแต่เมื่อนายไปฉันจะปล่อยนายไปคนเดียวได้ยังไง...."อีริคยักไหล่วางร่างในอ้อมแขนลงบนเตียงก่อนหยอดคำหวานทำให้คนฟังส่ายหน้า
"คนเดียวที่ไหนกัน...ริคก็ไป...ลูกน้องอีกโขยงหนึ่งไหนจะชาลกับเควินอีก..."ทิมมี่แก้คำพูดอีกฝ่ายทำให้อีริคหน้าหงิกหันหลังให้อย่างไม่พอใจ
"นั่นสินะ...รอบๆตัวนายชักจะมีคนมากไป...จนจะลืมฉันอยู่แล้ว..."คำพูดแฝงแววน้อยใจนั้นทำให้ทิมมี่หัวเราะเบาๆก่อนลุกขึ้นเดินไปกอดเอวหนาไว้แน่นอย่างประจบประแจง
"ลืมที่ไหนเล่า...คิดถึงนายตลอดเวลาเลย...จริงๆนะ..."
"ทิมมี่..."ร่างสูงหันกลับมาก่อนจะมอบจูบหวานๆเป็นรางวัลกับประโยคถูกใจ
"อื้ม!!...ไม่...พอแล้ว...."ทิมมี่จับมือหนาไว้ปฏิเสธเสียงแข็งเมื่ออีกฝ่ายชักจะไม่หยุดแค่จูบ อีริคถอนใจแต่ก็ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายได้ไปแต่งตัวเมื่อเห็นว่าดึกมากแล้วทิมมี่ควรได้พักผ่อนเสียที
ความกังวลยังคงรบกวนจิตใจเมื่อชาลบอกเล่าถึงการเข้าออกอย่างสะดวกของลีรอยในแก๊งของริคคาโด เขาปล่อยให้ทิมมี่อยู่ใกล้อันตรายมากไปแล้วแต่เขาจะทำอะไรให้เป็นที่ผิดสังเกตมากไปก็ไม่ได้จนกว่าหลักฐานทุกอย่างจะกระจ่าง...สิ่งเดียวที่ทำใด้ตอนนี้คือสั่งคนของเขาให้ระวังรอบคอบห้ามประมาทเด็ดขาดเพราะคนอย่างลีรอยอาจทำอะไรก็ได้ที่เขาและใครๆคาดไม่ถึง........