เวหามองหน้าโลกิก่อนถอนใจเบาๆ ยามเย็นที่ท้องฟ้าเป็นสีแดงสายลมหนาวกรรโชกพัดพาเอาใบไม้ปลิดปลิวลอยคว้างไปตามลม ขณะผู้นำหมู่บ้านนั่งโขกหมากรุกจิบนำ้ชากับที่ปรึกษาคนสนิทจู่ๆสายลมหนาวก็ตีวงควงสว่านหอบซากปักษาสวรรค์มาหล่นตุ๊บลงกลางกระดานหมากรุกตัวหมากกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ซากนกตัวโตเท่าข้อมือสีดำสนิทขนหางยาวสลวยขนปีกเป็นเงาสวยงามทอดตัวสิ้นลมหายใจอยู่กลางกระดานที่ขีดเป็นตารางมองไปคล้ายมันถูกบูชายันต์
"ลางบอกเหตุร้าย....คราวนี้ชะตากรรมของหมู่บ้านเราช่างเลวร้ายและยากจะหลีกเลี่ยงนัก...ท่านหัวหน้า...."โลกิเอ่ยเบาๆมองดูซากนกบนกระดานนิ่งๆก่อนเหลือบตามองเวหา
"เพราะเด็กแวมไพร์นั่นหรือเปล่า...."
"นั่นก็ส่วนหนึ่ง...แต่เงาแห่งความชั่วร้ายกระจายออกมาจากภายในราวแมลงร้ายที่กัดแทะพวกเรามานาน...เป็นเพราะคนของเรามากกว่า...."
"เราจะแก้ไขอย่างไรได้บ้างละโลกิ...."
"หนักหนานัก...คงต้องพึ่งสติและความสามัคคีร่วมมือร่วมใจเท่านั้น...อีกอย่าง...ดาวประจำตัวบุตรชายท่านหม่นหมองนักท่านหัวหน้า....."โลกิเอ่ยเบาๆ
"ลูกชายข้า....นาคี??..."
"ผิดแล้ว...เมฆาต่างหาก แม้จะสุขภาพอ่อนแอแต่ดวงดาวของเขาก็เคยเจิดจ้ามาบัดนี้ช่างหม่นมัวและที่เลวร้ายกว่านั้นมันกำลังถูกดาวมฤตยูกลืนกิน...."
"เจ้ากำลังจะบอกว่าลูกข้ากำลังมีภัยใช่ไหม...จากอะไรบอกได้หรือเปล่า..."
"ข้าไม่รู้....แต่ดาวประจำตัวเขาหมองหม่นและมืดมัวเป็นแบบนี้คงไม่เป็นผลดีกับเขาเท่าไหร่..."
🍀🍀🍀ขณะที่คนที่ทั้งคู่กล่าวถึงกำลังลืมตาขึ้นช้าๆภายในห้องที่มืดสนิทรับรู้ถึงเลือดในกายที่ร้อนระอุแขนขาที่เคยอ่อนล้ากลับมีเรี่ยวแรง...เขากำลังจะมีชีวิตใหม่ ชีวิตที่ดีกว่านาคี ชีวิตที่แข็งแกร่งและทนทานเหนือทุกคน...อีกไม่นานเขาก็จะมีกำลังพอจะแย่งชิงและยึดทุกอย่างที่เขาอยากได้มาเป็นของเขา...มิคาเอล ลูเซอร์เดล คือคนที่ทำให้ความฝันของเขาเป็นจริง...
"อย่าเพิ่งทนงตนไปเมฆา...เจ้าตอนนี้ยังเป็นแค่ตัวอ่อนเท่านั้น..."เสียงเตือนเบาๆพร้อมการปรากฏตัวของร่างสูงทำให้เมฆายิ้มอย่างดีใจ
"ท่านมิคาเอล....."
"มีบางอย่างที่ข้าอยากรู้....ข้าและคนของข้าไม่อาจทำได้..."เสียงเอ่ยเบาๆนั้นบอกให้รู้ว่ามีงานให้เขาทำ
"อะไรครับท่านมิคาเอล...ถ้าข้าทำให้ท่านได้ข้ายินดี...."เมฆาขันอาสาอย่างกระตือรือร้น
"ทุกคืนเดือนแรมจะมีสัตว์ตัวหนึ่งโผบินขึ้นเหนือท้องฟ้าและกลับมาตอนฟ้าสาง ข้าอยากรู้ว่าตอนตะวันเยือนท้องฟ้าเจ้าสัตว์ตัวนั้นมันหลบซ่อนอยู่ที่ไหน...."
"สัตว์....มันคือตัวอะไรหรือครับ..."เมฆาถามอย่างแปลกใจ
"การ์กอย...และเหตุการณ์ที่ข้าบอกเจ้าทุกอย่างเกิดขึ้นที่บ้านพี่ชายเจ้า..."
"บ้านนาคี...."เมฆาอุทาน
"ใช่ข้าจึงอยากให้เจ้าหาคนที่มีความรู้เรื่องการสะกดรอย...ติดตามการ์กอยตัวนั้นแค่ตามมันและมารายงานว่ายามแสงตะวันมาเยือนเจ้าสัตว์รัตติกาลตัวนั้นหลบซ่อนที่ไหน...ทำได้หรือเปล่า..."
"ได้สิ...ข้าจะทำให้ดีที่สุด...."
"ดี...ข้าคิดไม่ผิดจริงๆเมฆาที่เลือกคบเจ้าเป็นเพื่อน...."มิคาเอลหัวเราะเบาๆอย่างพอใจก่อนจะเลือนหายไปในความมืด
.....................................
นาคีมองร่างบางที่เลี่ยงไปทางหลังบ้านทันทีที่เห็นเขาก่อนถอนใจ สองวันมาแล้วที่เมลเอาแต่หลบหน้าเขา มันทำให้เขาอึดอัดเขาไม่ได้จะบีบบังคับให้นางรับรักเขาแต่งงานกับเขาถ้าไม่ต้องการไม่ตกลงก็บอกกันตรงๆไม่ใช่คอยหลบราวเขาเป็นตัวน่ารังเกียจแบบนี้
เมลยกมือทาบอกปล่อยลมหายใจยาว...บอกตัวเองไม่ได้ว่าทำไมไม่กล้าสู้หน้าเขารู้แค่ว่าทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้หัวใจมันเต้นแรงและทำตัวไม่ถูก
"เมล...หยุดหนีข้าสักที เราต้องพูดกัน..."เสียงทักพร้อมมือเรียวยาวที่คว้ามือบางแน่นทำให้สาวน้อยสะดุ้งสุดตัว...
"ท่านนาคี....."
"มานี่...เราต้องพูดกันให้รู้เรื่อง..."นาคีจับมือเล็กๆดึงให้เดินไปด้วยกันก่อนจะหยุดที่ใต้ร่มไม้ริมลำธาร ชายหนุ่มจึงปล่อยมือบางของคนตัวเล็กที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาปิดปากเงียบ
"เจ้ารังเกียจข้าหรือ...ลำบากใจที่ข้าขอเจ้าแต่งงานใช่ไหมถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่มีอะไรที่เจ้าต้องกังวล...ข้าไม่ได้คิดบังคับจิตใจเจ้าไม่จำเป็นต้องหลบหน้าแล้วทำตัวราวข้าเป็นโรคติดต่อน่ารังเกียจ แบบนี้ข้ามีเหตุผลพอ...เจ้าอย่าได้ทุกใจไปเลย.."คำพูดและนำ้เสียงเจือแววน้อยใจนั้นทำให้เมลเงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างตกใจเพราะเธอไม่ได้คิดอย่างที่เขาพูด
"ท่านนาคี...."เมลเรียกชายหนุ่มเบาๆ
"ขอร้องนะเมล...เจ้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะนะข้าผิดเองที่จู่ๆก็พูดออกมาแบบนั้น...ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าลำบากใจต่อไปข้าจะไม่ทำอีก...ที่แล้วมาเจ้าก็ลืมมันเสียเถอะนะ...."แล้วร่างสูงก็หมุนตัวจากไปท่ามกลางอาการงงงันของเมล
"ท่านนาคี...."เมลอุทานก่อนผวาเข้าไปจับมือชายหนุ่มไว้แน่น ร่างสูงชะงักหันมองหญิงสาวงงๆแต่มืดมากแล้วเขาจึงมองไม่เห็นสีหน้าอีกฝ่ายชัดนัก
"เจ้ายังมีอะไรอีก...."นาคีถามเบาๆเมื่ออีกฝ่ายได้แต่จับมือเขาไว้ไม่พูดอะไร
"ท่านเข้าใจข้าผิด...."เสียงตอบเบาๆและสั่นเครือนั้นทำให้ต้องเชยคางมนขึ้นมองใกล้ๆ
"ข้าเข้าใจอะไรผิด...แล้วเจ้าร้องให้ทำไม...."
"ท่านโกรธข้า......"
"เมื่อไหร่กัน...ข้ายังไม่ได้โกรธเจ้าสักหน่อย....แล้วอะไรที่เจ้าบอกว่าข้าเข้าใจผิด..."นาคีถามเบาๆเมื่อเช็ดนำ้ตาบนแก้มนวล
"ข้า...ข้าไม่ได้ไม่พอใจหรือรังเกียจท่าน...แต่ข้า...ข้า..."หญิงสาวอึกอักก่อนก้มหน้าหลบตา
"เจ้าทำไมหรือ...."นาคีถามเบาๆยิ้มออกมากับท่าทางอึกอักเอียงอายของอีกฝ่าย
"ข้า...ข้าทำตัวไม่ถูกเมื่อท่านเข้ามาใกล้ข้า...ใจข้ามันเต้นแรง...มือไม้ข้ามันสั่น..."เสียงสารภาพแผ่วเบานั้นทำให้รอยยิ้มชายหนุ่มกว้างขึ้นเมื่อดึงร่างบางมากอด...
"โธ่เมล....สาวน้อยของข้า...."มือเรียวยาวของคนตัวโตกดใบหน้าเล็กๆลงซบกับอกกว้างเสียงหัวใจเต้นถี่เร็วอยู่ข้างหูทำให้เมลเงยหน้าทำตาโตนาคีหัวเราะเบาๆ
"เจ้าได้ยินไหมเมล...หัวใจข้าก็เต้นแรง แล้วมือข้าก็สั่นยามเจ้าอยู่ใกล้ นั่นเป็นเพราะเรารู้สึกเหมือนกัน..."
"รู้สึกเหมือนกัน...."เมลทวนเบาๆ
"ใช่...เรารู้สึกเหมือนกันนั่นคือความรัก...ข้ารักเจ้าอยากปกป้องเจ้า อยากเห็นรอยยิ้มของเจ้า อยากเห็นเจ้ามีความสุข...."
"ท่านนาคี......"เมลเรียกชายหนุ่มเสียงสั่นเครือมือเล็กๆกอดเอวหนาอย่างลืมตัวเมื่อเริ่มร้องให้เบาๆ
"ร้องให้ทำไม...เสียใจที่ข้ารักเจ้าหรือเมล...."นาคีถามล้อๆรู้สึกอิ่มเอมกับความจริงที่ได้รู้
"ข้าดีใจ...ข้าดีใจต่างหากล่ะ..."
"เมล...งั้นไหนเจ้าตอบข้ามาสิจะแต่งงานและอยู่กับข้าที่หมูบ้านนี่ได้ไหม..."นาคีเชยคางมนขึ้นก่อนถามหญิงสาวด้วยนำ้เสียงจริงจัง
"ได้สิ...ได้...ข้าจะแต่งงานกับท่าน...อยู่กับท่าน...."เมลพยักหน้าตอบออกมาอย่างเอียงอายทำให้นาคีรัดร่างบางแน่นขึ้นอย่างดีใจ ต่อไปก็แค่ไปบอกพ่อว่าเขาจะแต่งงานจะได้เลิกต่อว่าเขาสักที