Eclipse (แปล) | Harry Potter...

بواسطة Mainn_

44.9K 483 137

"นายตายแน่พอตเตอร์... คราวนี้ฉันจะเอาคืนให้สาสม" เดรโกปฏิญาณไว้แล้วว่าจะคิดบัญชีกับแฮร์รี่เหตุที่... المزيد

บทที่ 1 ผู้ล่าและผู้ถูกล่า
บทที่ 2 บทเรียนแห่งอำนาจ
บทที่ 3 ชาขม
บทที่ 4 ภาระหน้าที่
บทที่ 5 ไม่มีอะไรจะเสีย
บทที่ 6 การสนทนาพาหวั่นใจ
บทที่ 7 ชั่วโมงมืดมน
บทที่ 8 สะพานติดไฟ เส้นด้ายกวัดแกว่ง
บทที่ 9 บทสลับฉาก
บทที่ 10 การไล่ล่า
บทที่ 11 ความจริงในสิ่งลวง
บทที่ 13 เปิดใจ
บทที่ 14 จุดผกผัน
บทที่ 15 กระบวนวิธีและการเสียสละ

บทที่ 12 เทือกภูเขาเนาโตรกธาร

1.8K 31 7
بواسطة Mainn_


บทที่ 12 เทือกภูเขาเนาโตรกธาร

ตะวันสูงโด่งเหนือศีรษะ รังสรรค์เป็นเฉดสีเขียวอมน้ำตาลเมื่อมองผ่านต้นไม้ แม้ร่มเงาจะแลชื่นตา ทว่ากลับทานความร้อนระอุช่วงกลางวันได้เพียงน้อยนิด กระโจมใบไม้ดกครึ้มเห็นจะบังกระแสลมเอาไว้หมด อากาศร้อนชื้นทำให้เหนียวเหนอะไปทั้งตัว และทางเลี่ยงหุบเขาดูเหมือนจะชันกว่าที่ตาเห็น กลางวันอากาศร้อน ตกค่ำอากาศเย็น แถมภูมิประเทศยังไม่เอื้ออำนวย เวลาประกอบกับความเหนื่อยล้าลดความตื่นเต้นของการหลบหนีลงไปทีละน้อย ๆ ทิ้งไว้แต่เพียงสถานการณ์ความเป็นจริงอันน่าขยาด ทั้งสองยังต้องเดินทางอีกไกล ร่วมสองวันได้แล้วที่แฮร์รี่และเดรโกผลัดกันออกเดินนำ ทั้งคู่ต่างไม่อยากเป็นคนตัดสินใจทำร้ายตนเองโดยการเปลี่ยนทิศขึ้นเขาไปทางใต้ ด้วยว่าแนวลำธารนั้นมีแต่จะทอดสายไปทางตะวันตกเรื่อย ๆ จนแล้วจนรอดในเช้าวันที่สาม แฮร์รี่จึงได้ตกลงใจขึ้นเขาในที่สุด ซึ่งนั่นเป็นเหตุให้เดรโกประกอบกิจกรรมโปรดของเขา การบ่นนั่นเอง

เป็นครั้งแรกที่แฮร์รี่รู้สึกอย่างไม่สู้เต็มใจนักว่าเดรโกมีสิทธิ์ที่จะบ่น หลังจากเดินบุกป่าฝ่าดงมาได้สามวันสามคืนโดยไม่มีการขัดจังหวะ แฮร์รี่ต้องยอมรับว่าเขาก็เริ่มจะเบื่อแล้วเหมือนกัน แต่เขาไม่ปริปากบอกให้เดรโกรู้หรอก กระนั้นก็ตาม ถึงแฮร์รี่จะเหนื่อยมากอยู่แล้ว แต่ท่าทางเดรโกจะดูแย่กว่าเขาหลายเท่าตัว

แฮร์รี่คว้าลำต้นของต้นไม้เล็ก ๆ พยุงตัวเองขึ้นทางชันพลางถอนใจใหญ่ แล้วปรายตาชำเลืองมองเดรโก ที่ทำสีหน้าเหมือนกำลังออกแรงอย่างเต็มที่ เรื่อสีเขียวอ่อน ๆ สาดส่องจากต้นไม้ยิ่งทำให้สีหน้าเดรโกที่ดูแย่อยู่แล้วแย่ลงไปอีก เมื่อบวกกับรอยคล้ำใต้ตาเข้าไป ตอนนี้นั้นเขาดูอย่างกับคนถูกรุมทำร้าย แฮร์รี่เดาว่าถึงแม้เดรโกจะไม่เหนื่อยเท่านี้ เขาก็คงปีนป่ายได้ลำบากอยู่ดี เขาไม่ใช่ประเภทนักกิจกรรมกลางแจ้ง แฮร์รี่ก็ยังรู้สึกได้ถึงผลจากการถูกขังอยู่ และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะย่ำฝีเท้าอย่างช้า ๆ ซึ่งนั่นเปิดโอกาสให้เดรโกได้หายใจหายคอและพูดพล่ามยิ่งกว่าเดิม หมอนี่พูดเก่งทีเดียวทีละ แฮร์รี่ว่า ถ้าคิดในแง่ดีน่ะนะ เมื่อเดรโกบ่นจนไม่รู้จะบ่นอะไรแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องดี ฝ่ายนั้นก็เริ่มหาเรื่องใหม่มาพูดไม่รู้จบรู้สิ้น

"ตอนฉันหกขวบ แม่นมบอกว่าแถวทางเหนือนี้มีวงแหวนนางฟ้าด้วยละ"

"จริงเหรอ" แฮร์รี่ถามไปเฉย ๆ เพราะรู้ว่าถึงอย่างไรเดรโกก็จะขยายความอยู่ดี จนในสองวันมานี้มันกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้ว เดรโกจะเริ่มอารัมภบทเรื่องสิ่งวิเศษอะไรสักอย่างมาเสียใหญ่โต จากนั้นแฮร์รี่ก็จะทำเป็นไม่สนใจ แต่แท้จริงก็ตั้งใจฟังเดรโกบรรยายเรื่องชวนตื่นใจแห่งโลกเวทมนตร์เรื่องแล้วเรื่องเล่า

มีอะไรต้องเรียนรู้อีกสารพันมากมาย นอกไปจากกลเสกเปลี่ยนรูปสิ่งของที่แฮร์รี่เคยเรียน และต่างไปจากโลกหนังสือตำราของเฮอร์ไมโอนี่โดยสิ้นเชิง มันมีความซับซ้อนอยู่เหลือคณนาในโลกแห่งมนตราซึ่งแฮร์รี่ไม่เคยรู้ว่ามีอยู่มาก่อน มันเกี่ยวกับการมองสิ่งต่าง ๆ ในเชิงเวทมนตร์เป็นเอก กายภาพเป็นรอง เป็นสิ่งที่แฮร์รี่ยังไม่เคยรู้ซึ้งสักที แม้จะอยู่ในโลกเวทมนตร์มาห้าปีกว่าแล้วก็ตาม มันเป็นโลกทัศน์อันชวนหลงใหล แฮร์รี่อยากจะโตมาในโลกแบบนั้นบ้าง อยากเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ที่เขาคงไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้อีกแล้ว เขาเกือบจะเข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงอยากให้พ่อมดแม่มดอยู่เฉพาะในครอบครัวพ่อมดแม่มด และไม่อยากให้มักเกิ้ลเข้ามาก้าวก่าย

เกือบ

ตอนนี้เขาได้ฟังเดรโกแล้ว ก็จะพยายามเรียนรู้จากสิ่งที่ฟัง อีกอย่างตอนเดรโกพูดเขาดูจะไปต่อได้เรื่อย ๆ

"ก็เขาบอกฉันอย่างนั้น ฉันคิดเสมอว่าเมอร์ทิลด้าเป็นป้าแก่น่ารำคาญ ชอบเล่าแต่นิทาน" เดรโกอธิบายพลางหลบกิ่งไม้ที่ขวางทาง "นางฟ้าชอบอยู่ในอากาศอุ่นกว่านี้ แต่ฉันก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องการพบเห็นวงแหวนนางฟ้าจริง ๆ จัง ๆ หรอก ก็มันนิทานน่ะนะ ถ้านายถามฉันละก็"

"แล้วทำไมนายถึงเอ่ยถึงขึ้นมาล่ะ" แฮร์รี่ถาม

"ไม่รู้ซี – ระวังหัวด้วย – แต่ฉันว่าพื้นที่แถบนี้มันเหมือนกับที่หล่อนบอกไว้เลย มันแค่ทำให้ฉันนึกถึงขึ้นมา"

"อาฮ่า!" แฮร์รี่ส่งเสียงขณะก้มหลบกิ่งไม้โค้งต่ำ

"อะไร"

"ถ้าแถวนี้ทำให้นายนึกถึงวงแหวนนางฟ้าได้ แสดงว่าคงเริ่มชอบแล้วสิ" แฮร์รี่หันไปยิ้มให้เดรโกขณะที่อีกฝ่ายกำลังปัดกิ่งไม้ออกจากทาง

สีหน้าเดรโกเรียบเฉย "อย่าเพ้อเจ้อไปหน่อยเลย เนินบ้านี่ก็ไม่ได้ต่างจากเขาเป็นลูกหรอก ฉันจะบ้าตาย นายบอกว่า 'เราต้องปีนขึ้นเลี่ยงลำธาร' ทำไมไม่รอให้ลำธารมันไหลมาทางเดิมของมันก็ไม่รู้"

"ก็เพราะตอนล่าสุดที่ฉันตรวจดู คือเราจะไปฮอกวอตส์ไม่ใช่เหรอ" แฮร์รี่พูดอย่างคล่องแคล่ว "เพราะฉะนั้น เราต้องไปทางทิศใต้ ไม่ใช่ตะวันตก"

"ลำธารอาจจะเบี่ยงมาทางใต้อีกก็ได้" เดรโกฮึดฮัด "กริฟฟินดอร์นี่ ไม่มีความอดทนเอาเสียเลย"

"นายเองก็รู้ดีพอ ๆ กับฉันนี่แหละว่าไม่มีทีท่าว่าลำธารจะเปลี่ยนทิศเลย ฉันก็ได้แต่หวังว่าเราจะไม่เดินเลยเส้นทางมากเกินไป"

"เราเปล่าซะหน่อย" เดรโกหยุดไปชั่วขณะ แล้วทำหน้าบูดบึ้ง "ฉันอยากได้ไม้กวาด"

"ไหนดูซิว่าคาถาเรียกของของนายจะดีสักแค่ไหนกันเชียว และเราจะได้ไปถึงฮอกวอตส์ก่อนฟ้ามืด"

"หุบปากไปเลย พอตเตอร์" เดรโกว่า แต่น้ำเสียงกลับฟังดูเหนื่อยล้า ไม่ได้ดุดันเลยสักนิด

"ฉันล้อเล่น เดรโก"

"ฉันรู้ ฉันก็เหมือนกัน"

แฮร์รี่ทำคอตกชั่วครู่ บางครั้งคราวเดรโกก็จะพูดด้วยน้ำเสียงรอนอ่อนล้า ฟังดูผิวแผ่ว ราวกับไม่ใช่เสียงเขา มันทำให้แฮร์รี่ตัวไหวสั่น เขาไม่รู้ว่าทำไมมันถึงมีผลต่อเขานัก

แฮร์รี่คอยจับตาดูเดรโกอย่างละเอียดขณะทั้งสองคนเดินดุ่มผ่านไหล่เขาเล็ก ๆ ฝ่ายนั้นดูจะมีปัญหากับอะไรหลาย ๆ อย่าง ดู ๆ แล้วแฮร์รี่เดาว่าอีกฝ่ายคงฟื้นสภาพแล้วพอสมควร เขาไม่ได้มีมโนภาพนั้นอีกแล้ว แต่กระนั้นทุกคืนแฮร์รี่ยังสะดุ้งตื่นอยู่หลายครั้งด้วยว่าเดรโกร้องครวญครางในฝันร้ายของเขา เดรโกบอกว่าเขาจำอะไรไม่ได้ แฮร์รี่จึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย เขาเข้าใจความรู้สึกเดรโกดี สิ่งสุดท้ายที่เขาต้องการคือให้คนมาถามเซ้าซี้ เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ทำแบบนั้นกับเดรโก ตามจริงมันก็รู้สึกประหลาดอยู่ไม่น้อยที่ต้องมาดูสิ่งที่ปกติแล้วมักจะเกิดขึ้นกับเขา แต่คราวนี้กลับเกิดกับเดรโก มันทำให้รู้สึกผิดอย่างไรชอบกล ประหนึ่งว่าเขามีใจห่วงใยอีกฝ่าย ซึ่งอาจใช่ เขาต้องยอมรับ อาจใช่

แต่คิดดูก็แปลกอีก แม้ทั้งคู่จะสงบศึกและหันมาร่วมมือกันแล้ว แม้กระทั่งนอนหันหลังชนกัน ใต้ผ้าคลุมเดียวกันทุกคืน แต่ก็เหมือนมีบางสิ่งที่ไม่ค่อยถูกต้องเกี่ยวความสัมพันธ์เกือบฉันท์มิตรของพวกเขา ครั้นไม่มีภัยร้ายต่อหน้าแล้ว แฮร์รี่กลับมาคิดไตร่ตรองว่าเขากำลังร่วมทางกับใครกันแน่ จริงอยู่ที่เดรโกได้ตัดสินใจก้าวออกมาจากฝักฝ่ายเดิมของเขาแล้ว ทว่าความรู้สึกใหม่ที่แฮร์รี่มีให้ถูกเทียบเคียงกับความไม่วางใจลึก ๆ ข้างในที่ไม่สามารถสลัดออกได้เสียที เขาปักใจเชื่อเต็มร้อยไม่ได้หรอกว่าเดรโกจะเปลี่ยนฝักเปลี่ยนฝ่ายได้ในเวลาแค่นี้

เดรโกยังคงซื่อสัตว์ต่อพ่อเขาอยู่ เขาพูดเอง และเขาก็เกรงกลัวพ่อเอามาก ๆ ด้วย นั่นทำให้แฮร์รี่ติดจะประหม่าหน่อย ๆ อนึ่ง ใบหน้าเขา ยังคงเป็นใบหน้าของมัลฟอย ใบหน้าที่เขารู้จักจากฮอกวอตส์ ที่เฝ้าแต่ยิ้มเยาะเย้ยหยันระรานไปทั่ว มันยากจะลบลืมภาพนั้น ใช่ เดรโกยิ้มและแม้กระทั่งหัวเราะบ้างแล้ว เหมือนมาจากใจจริง... ทว่ามันกลับรู้สึกเหมือนไม่ถูกที่ถูกทาง และแล้วบางครั้งบางคราวอีกฝ่ายก็จะพูดอะไรแปลก ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ไม่สามารถอ่านออกได้ ราวกับว่ากำลังปิดบังอะไรแฮร์รี่อยู่ แฮร์รี่ไม่ค่อยสบายใจเลย

แม้จะอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียด แต่แฮร์รี่ก็ไม่มีทางเลือกอะไรอยู่แล้ว ความจริงเดรโกก็ไม่ได้ดูเลวร้ายอะไรขนาดนั้น จะว่าไปพวกเขาเข้ากันได้ดีเลยทีเดียว ดีมาก ๆ ด้วย

บางทีนั่นอาจเป็นปัญหาที่แท้จริงก็ได้ เขากับเดรโก มัลฟอย ไม่ควรจะมาเป็นเพื่อนกัน แต่มันกลับรู้สึกราวกับว่านั่นคือสิ่งที่พวกเขาเป็น และมันก็น่าเชื่อมาก ๆ จนบางครั้งแฮร์รี่แทบจะรู้สึกว่าพวกเขาคือเพื่อน... ที่สนิทกัน... มานานแล้ว มันผิดมหันต์ แต่ตอนนี้ นั่นคือสิ่งที่ทั้งคู่ต้องการ ไม่มีอะไรต้องคิดมากแล้ว

"ถ้าอย่างนั้น" แฮร์รี่เปรยขึ้น พยายามใช้น้ำเสียงธรรมดาที่สุด "เล่าเรื่องวงแหวนนางฟ้าให้ฟังหน่อยซี"

เดรโกกลอกตาอย่างระอาเป็นที่สุด ทำเอาแฮร์รี่อดขำแทบไม่ได้ "เจ้ากี้เจ้าการนัก"

"นายเป็นคนเริ่มเอง ฉะนั้นก็ถูกแล้วที่นายต้องพูดให้จบ"

"ก็ได้ แต่เราต้องหยุดพักหายใจหายคอเสียก่อนนะ ภูเขานี่อาจทำฉันขาดใจตายได้"

"ยังมีอีกหลายลูกเลยละ"

"ก็ใช่ แต่ถ้าไม่หยุดพักก่อน ฉันไปไม่รอดถึงลูกต่อไปแน่" เดรโกจับก้านไม้ดันตัวเองก้าวไปอีกก้าว "แล้วนายจะทำยังไงเถอะถ้าไม่มีฉันไปด้วย"

แฮร์รี่หยุดเดินแล้วเพ่งมองเดรโก "ฉันว่า... คงเหลือบิสกิตไว้กินเยอะขึ้นละมั้ง..."

"พอตเตอร์!"

"ใจเย็นน่าเดรโก" แฮร์รี่บอกพลางเอาตัวไปอิงกับต้นไม้ "ฉันว่าการมีนายอยู่ด้วยต้องมีประโยชน์บ้างแหละ แบบว่า ถ้าไม่มีนาย แล้วใครจะเป็นคนถือบิสกิตให้ฉันล่ะ"

แฮร์รี่หลบกระเป๋าย่ามสัมภาระที่ลอยมากระแทกหน้าไม่ทัน เขาคว้าไว้พลางหัวเราะระรื่น ขณะเดรโกจ้องมาตาเขม็ง

"เพราะยังงี้เราถึงต้องมีเอลฟ์ประจำบ้านไง เอาไว้ช่วยถือของ" เดรโกบ่นอุบอิบ "แต่นายดันปล่อยไปเสียนี่"

"ก็" แฮร์รี่พูดช้า ๆ ขณะค้นถุงย่าม "เราต้องแจ้งข่าวดัมเบิลดอร์ เขาอาจจะกำลังตามหาเราอยู่ก็ได้ ใครจะไปรู้ เขาอาจพบเราในอีกไม่ช้า และนายก็จะได้ไปนอนบนเตียงอุ่น ๆ ภายในคืนนี้ก็ได้" เขาล้วงมือลงไปในถุงจนถึงหัวไหล่ ควานหาแซนด์วิชเนื้ออบที่เหลืออยู่ "อาหารในถุงนี้ทำไมยังสดอยู่ ว่าจะถามตั้งนานแล้วแต่ลืมไปเสียก่อน"

เดรโกกรนต่ำ "ฉันไม่ได้อยากเถียงกับนายเรื่องดัมเบิลดอร์หรอกนะ แต่ถึงนายจะว่ายังไง ฉันก็ไม่เอาความหวังไปฝากไว้กับเขาหรอก... ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม และในถุงนั้นมีคาถาถนอมอาหารอยู่ บิดดี้คงร่ายไว้ตอนเตรียมของ ฉันได้แต่หวังว่ามันจะใส่อาหารอย่างอื่นที่ไม่ใช่แซนด์วิชลงไปบ้าง อาจเป็นไก่อบหรืออะไร ถ้าการปีนเขาไม่ทำให้ฉันหมดลมซะก่อน ฉันก็คงจะตายเพราะขาดสารอาหารนี่แหละ"

"อาาาฮ่าาาา" แฮร์รี่อุทานช้า ๆ แล้วหยิบแซนด์วิชขึ้นมา

เดรโกแอบยิ้มเยาะ "ฉันสงสัยว่ามักเกิ้ลเก็บอาหารให้สดได้ยังไง คงเป็นไปไม่ได้หรอก... คงกลิ่นเหม็นน่าดู"

"ที่จริงก็... มีตู้เย็นนะ" แฮร์รี่พูดง่าย ๆ พลางยื่นแซนด์วิชให้เดรโก

"ตู้เย็นคือ"

คราวนี้แฮร์รี่ยิ้มบ้าง "ก็ตู้ใหญ่ ๆ คล้ายกล่อง เอาไว้แช่อาหารให้เย็นหรือแข็ง อาหารจะได้ไม่บูด แต่ต้องเสียบเข้ากับปลั๊กไฟก่อนถึงจะใช้งานได้ ฉันเลยคิดว่ามันคงไม่มีประโยชน์อะไรกลางป่าแบบนี้" เขากัดแซนด์วิชเข้าไปคำใหญ่

"อะไรไฟ ๆ นะ"

แฮร์รี่กระหยิ่มยิ้มย่อง กลืนของในปาก แล้วสาธยายเทคโนโลยีมักเกิ้ลล้ำสมัยให้อีกฝ่ายได้ประจักษ์ พอพูดจบ เดรโกก็หันมาใจจดใจจ่อกับการมองดูตัวด้วงไต่บนก้อนหินจนแฮร์รี่กินอิ่ม

"นายต้องยอมรับนะ" แฮร์รี่ยุแหย่ "สิ่งประดิษฐ์พวกนี้อาศัยความฉลาดอยู่ไม่น้อย ไม่ต้องมีเวทมนตร์ก็ทำได้"

เดรโกทำเสียงฮึดฮัดบอกปัด

"ยอมรับเถอะน่าเดรโก มักเกิ้ลก็ฉลาดเหมือนกัน"

เดรโกโต้ตอบโดยไม่หันมอง "โอเค บางทีมักเกิ้ลอาจไม่ได้โง่มาก ทำของกิ๊กก๊อกมาแทนปมด้อยของตัวเองได้"

"ถูกต้อง" แฮร์รี่ปรับสายย่ามสัมภาระบนไหล่

"แล้ว..." เดรโกมองหาแฮร์รี่อย่างมีเลศนัย "ทำนี่ได้หรือเปล่า"

ก่อนแฮร์รี่จะขยับไปไหน เดรโกก็ทำการสะบัดไม้กายสิทธิ์ไปที่ต้นไม้ข้างบน ต่อมามีเสียง พลึบ! เหนือศีรษะ ก่อนจะทันตั้งตัว แฮร์ก็พบว่าตัวเองจมอยู่ใต้กองใบไม้พะเนินสูงถึงคอ เขาขยับไม่ได้อยู่พักใหญ่ ตาถลึงขึงมองเดรโกที่ยิ้มหวานมาให้ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จากนั้นแฮร์รี่แหงนขึ้นมองต้นไม้ข้างบนที่ไม่มีใบเหลืออยู่ พอจะอ้าปากฉะด่าอีกฝ่าย ก็ต้องจามเสียยกใหญ่ ซึ่งยิ่งทำให้เดรโกหัวเราะเข้าไปอีก

"นายต้องได้มาเห็นหน้าตัวเอง!"

"หนอยแน่ะ มัลฟอย ฝากไว้ก่อนเถอะ"

"อย่าลืมมาเอาคืนละ พอตเตอร์"

"มาเอาฉันออกไปเดี๋ยวนี้เลย" แฮร์รี่ออกคำสั่ง

"นายต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ฆ่าฉัน ให้มีพ่อมดบ้าคลั่งมาตามเอาชีวิตแค่ฉันคนเดียวพอ ไม่ต้องการเพิ่ม"

"เดรโก..."

"ก็ได้ ๆ นายนี่ไม่มีอารมณ์ขันเลย"

ถึงเดรโกจะพูดไปอย่างนั้นแต่ก็เห็นได้ชัดว่ากำลังพยายามกลั้นหัวเราะอยู่ ซึ่งไปเข้าคู่พอดิบพอดีกับที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากแฮร์รี่ ชายหนุ่มเพิ่งค้นพบว่าเดรโกมีนิสัยชอบเล่นพิเรนทร์ซึ่งเกิดขึ้นเป็นบางเวลา ไม่สามารถคาดเดาได้ แต่มันก็สนุกดีไม่น้อย เขาไม่รู้มาก่อนว่าเดรโกมีมุมแบบนี้ด้วย และแฮร์รี่ต้องยอมรับว่าเรื่องแบบนี้แหละที่ทำให้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายคือเพื่อน มันเป็นความรู้สึกที่มาของมันเอง และแฮร์รี่ไม่ค่อยแน่ใจว่าต้องคิดกับมันอย่างไร

ครู่ต่อมาทั้งคู่ก็ออกเดินอีกครั้ง คราวนี้เดรโกเป็นคนนำ แฮร์รี่ยังคงแกะใบไม้ออกจากเสื้อผ้าขณะเดิน

"ถ้าไปขึ้นถึงยอด เราอาจมองเห็นฮอกวอตส์จากไกล ๆ ได้" เดรโกพูดอย่างใช้ความคิด "คือว่า หอคอยทิศเหนือสูงมาก ใช่หรือเปล่า"

"ไม่สูงขนาดนั้น ฉันไม่คิดงั้นหรอก"

"เหรอ"

สองสามนาทีผ่านไป

"แฮร์รี่... นายคิดว่าดัมเบิลดอร์จะหาเราเจอจริง ๆ เหรอ"

แฮร์รี่ใช้ความคิด "ฉันว่าเขาไม่ยอมแพ้หรอกจนกว่าจะหาเจอ"

"เหรอ"

"นายกลัวว่าบิสกิตจะหมดก่อนไหม" แฮร์รี่ถามเบา ๆ ในทำนองเปิดประเด็นเรื่องที่เดรโกอาจยังกังวลอยู่ เขารอคำตอบระหว่างที่อีกฝ่ายมุ่งหน้าไปเรื่อย ๆ ไม่หันกลับมา

ใต้สุ้มเสียงฝีเท้าย่ำใบไม้แห้ง ในที่สุดเดรโกก็เอ่ยแผ่วเบา "ไม่"

แฮร์รี่ขมวดคิ้วให้น้ำเสียงเบาต่ำของเดรโก "เราเดินทางมาได้สี่วัน –"

"สี่วันครึ่ง เกือบห้า"

"นั่นแหละ เกือบห้าวันแล้ว ฉันว่าไม่ดัมเบิลดอร์หาเราเจอ เราก็เดินไปถึงได้เอง ไม่ใช่ปัญหาหรอก นอกเสียจากว่านายกลัวจะเข้าเรียนสาย แต่ถ้าเป็นกรณีนั้น ป่านนี้แต้มบ้านเราคงร่วงจนติดลบเพราะเข้าเรียนสายแล้วละ"

ได้ยินดังนั้นแล้วเดรโกก็สะดุ้งเฮือกอย่างเห็นได้ชัด แฮร์รี่เอียงคอด้วยความฉงนฉงาย นั่นเป็นเรื่องแปลกอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้แฮร์รี่สงสัยว่าเดรโกกำลังปิดบังอะไรอยู่ ทุกครั้งที่เอ่ยถึงเวลาดูเหมือนเดรโกจะแสดงอาการแปลก ๆ ราวกับว่ากำลังรีบ แต่ไม่อยากแสดงออกมา แน่ละทั้งคู่อยากกลับบ้าน ทว่าเดรโกทำตัวพิกลไป แฮร์รี่มัวแต่ตรึกคิดเรื่องพฤติกรรมประหลาดของเดรโกจนหน้าผากไปโขกกับกิ่งไม้ที่อยู่ต่ำ

"โอ๊ย!" แฮร์รี่เซถลาถอย มือกุมหน้าผาก

เดรโกชำเลืองมองด้วยสีหน้างงงัน "อยากได้แผลเป็นเพิ่มอีกหรือยังไง"

"หุบปากไปเลยมัลฟอย"

"ให้ฉันเป่าให้ไหมจะได้หาย"

อกแฮร์รี่วาบหวิว "ไม่ต้อง" เขาพูดเสียงต่ำ หยุดเอามือถูหน้าผาก

เดรโกผงกหัว ใบหน้าว่างเปล่าชืดชา เขาหันกลับไปเดินต่อ แฮร์รี่เอามือถูหน้าผากที่เริ่มปูดโปนขึ้นมาอีกที

"ว่าแต่ว่า... พักนี้แผลเป็นเจ็บบ้างไหม ได้ยิน...นายบอกมันจะเจ็บตอนคนที่คุณก็ –"

"โวลเดอมอร์"

"– โกรธ รู้สึกเจ็บบ้างไหม หรือฝันหรือเปล่า นายบอกว่าเคยฝันถึงเขา"

แฮร์รี่อ้าปากจะพูด แต่หยุดชะงักแล้วขมวดคิ้ว "ที่จริงก็ไม่ ไม่ได้เจ็บตั้งแต่คืนแรกแล้ว ทำไมเหรอ"

เดรโกส่ายหน้า ไม่ได้หันมอง "แค่สงสัย"

แฮร์รี่พยายามขบคิดว่าเดรโกกำลังคิดอะไรอยู่ "บางทีเครื่องเวศมกำบังอาจกั้นไว้ละมั้ง"

"คิดดูดี ๆ นะแฮร์รี่ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เขาคงเข้ามาในหัวฉันไม่ได้"

"อ๋อ งั้น... คงเพราะระยะทาง เรากำลังเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ"

"พอตเตอร์ นายคิดก่อนพูดหรือเปล่าห้ะ" เดรโกตะคอก หันมองมาประเดี๋ยวหนึ่ง

"คิดสิ! ฉันพยายามคิดอยู่ว่า –"

"งั้นก็คิดซีว่าเพราะอะไรมันถึงเจ็บ นายเป็นคนบอกฉันเอง"

แฮร์รี่อ้าปากค้างชะงักชัน คราวนี้เขาถูกเดรโกสั่งสอนเรื่องแผลเป็นตัวเอง หัวแผลเป็น เขาถอนหายใจแล้วเริ่มเดินอีกครั้ง "ตอนโวลเดอมอร์โกรธ หรือไม่ก็ –"

"นั่นแหละคำตอบ เจ้าเบื๊อก"

"นายจะบอกว่าโวลเดอมอร์ไม่ได้โกรธยังงั้นเหรอ" แฮร์รี่ทำเสียงแข็งขณะปัดกิ่งไม้ออก "ตลกน่า ฉันมั่นใจว่าเขายังโกรธเหมือนคืนแรกที่เราหนีออกมานั่นแหละ และเขาแค่ไม่แสดงให้เรารู้ว่าเขาโกรธแค่ไหน กำลังรอจังหวะเหมาะ อาจกำลังทำให้นายตายใจ"

เดรโกส่ายหน้า "ช่างเถอะแฮร์รี่ ฉันอาจคิดมากไปเอง" เขาไหล่ตก "และเหนื่อย บางทีนายอาจพูดถูก ดัมเบิลดอร์อาจหาเราเจอ แม้ว่าเขาจะเป็นตาแก่หงำเหงือกก็ตามที" ไม่ได้มีความค่อนแคะในน้ำเสียง ที่จริงมันเกือบจะกลายเป็นเสียงหวิวแว่วที่แฮร์รี่ไม่ชอบ

แฮร์รี่พยายามจะทำหน้าบึ้งใส่เดรโก แต่ทำก็แค่สีหน้าเหนื่อยหน่าย ถึงแม้ว่าเขาจะกังวลใจเรื่องพฤติกรรมปริศนาของเดรโกและแอบหงุดหงิดหน่อย ๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่จะเห็นลีลาตลกร้ายแฝงคำเสียดสีของเดรโก น่าแปลกที่เขาไม่คิดว่ามันแย่ ถึงขนาดเริ่มชอบมันแล้ว เฮอร์ไมโอนี่จะเสียดสีแค่ตอนที่เธอเห็นต่างและบังคับเขาให้อ่านหนังสือในวันหยุดเท่านั้น ส่วนรอน... ไม่รู้ว่าเขาเข้าใจความหมายของคำว่าเสียดสีหรือเปล่า

แฮร์รี่ทอดถอนใจ สีหน้าเหนื่อยหน่ายกลายเป็นขมวดคิ้วอ่อน ๆ รอนกับเฮอร์ไมโอนี่ เขาจะได้เจอเพื่อนเขาอีกครั้ง ไม่มีมุกตลก คำหยอกเย้า หรือวาจาเสียดสีใดมาแทนที่เพื่อนเขาได้ แต่ยิ่งคิดถึงพวกเขามันก็ยิ่งเจ็บ เขาสะบัดศีรษะราวกับจะไล่ความรู้สึกโดดเดี่ยวออกไปได้ แล้วปรายตามองไปยังเดรโก

"เออ... นายได้พักหายใจหายคอแล้ว คราวนี้เล่าเรื่องวงแหวนนางฟ้าให้ฉันฟังสิ"

*********************

วงแหวนนางฟ้าคือหนึ่งในตำนานของโลกเวทมนตร์และที่เดรโกแปลกใจก็คือมันเป็นตำนานของโลกมักเกิ้ลเช่นกัน มักเกิ้ลรู้เรื่องอะไรพรรค์นี้ได้อย่างไร เดรโกได้แต่สงสัย ขนาดพ่อมดยังมีปัญหาในการแยกแยะว่าอันไหนจริงอันไหนหลอกเลย ไม่เคยมีหลักฐานการค้นพบเป็นลายลักษณ์อักษร ทว่าจากคำบอกเล่าต่าง ๆ นานา มีทฤษฎีที่น่าสนใจอยู่หลายทฤษฎีด้วยกัน

"นี่แน่ะ" เดรโกเอ่ยช้า ๆ "เหล่านางฟ้าจะปรากฏบริเวณทุ่งโล่งใกล้แหล่งน้ำเฉพาะในตอนกลางคืนเท่านั้น ว่ากันว่าวงแหวนเดียวมีนางฟ้ามากถึงหลายร้อยตนเลยละ ตกกลางคืนจะมาโบยบินเรี่ยพื้นระบำกัน"

"คงสวยงามน่าดู" แฮร์รี่ตอบเบา ๆ มือจัดกระเป๋าสัมภาระบนบ่า

"ถ้ามีจริง ฉันก็เชื่อว่าคงสวยมาก ๆ" เดรโกพูด ข่มน้ำเสียงไม่ให้ฟังดูโหยหา

"น่าเสียดายที่เราคงไม่มีโอกาสเจอหรอก"

เดรโกรู้สึกขัดเคืองใจขึ้นมาตงิด ๆ ที่แฮร์รี่พูดบอกปัดไปง่าย ๆ แบบนั้น เขาอยากเห็นวงแหวนนางฟ้ามาตั้งแต่ที่เมอร์ทิลด้าเล่าเป็นนิทานให้ฟังก่อนนอน "หึ นายไม่มีทางได้เห็นหรอกเพราะนายไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง ไม่ต้องมาทำเป็นพูดเลย"

แฮร์รี่หันไปยิ้มให้แปลก ๆ "ก็นายเชื่อว่ามีอยู่จริง"

"ฉันเชื่อแล้วจะทำไม" เดรโกกลืนน้ำลายอย่างประหม่า พ่อมดแม่มดโดยมากเลิกพูดเรื่องเหลวไหลแบบนี้ไปนานก่อนจะเข้าฮอกวอตส์แล้ว แต่แฮร์รี่ไม่รู้เรื่องด้วย เขาคงไม่หัวเราะเยาะหรอก ใช่ไหม

"ก็ถ้าเกิดว่าไม่มีใครเคยเจอ –"

"แฮร์รี่ เพียงเพราะว่าไม่มีการค้นพบ 'อย่างเป็นทางการ' ไม่ได้หมายความว่าไม่มีใครเคยเห็นนะ" เดรโกบอกเรียบ ๆ "คนที่รายงานเรื่องนี้แค่ไม่มีหลักฐานชัดเจน ทางกระทรวงจึงไม่รับรองเท่านั้นเอง"

"นายพูดเหมือนกับว่าอยากให้มันเป็นเรื่องจริง" คราวนี้แฮร์รี่ใช่น้ำเสียงนุ่มนวลลง เหมือนมีความหวัง

"ใครจะไม่อยากล่ะ" เดรโกพูดโพล่งออกมา "มันต้องวิเศษมากแน่ ๆ เชื่อกันว่าใครที่ได้อยู่ในวงแหวนนางฟ้า ความรู้สึกนึกคิดข้างในจะถูกดึงออกมา จิตใจจะล่องลอย เหมือนกับมาถูกมอมเมาด้วยเวทมนตร์"

แฮร์รี่ดูเขาพูดอย่างใจจดใจจ่อ ด้วยสีหน้าครุ่นคิดที่แสดงออกมา เดรโกบอกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังใช้ความคิดไต่ตรองอยู่ ครั้นแล้วสีหน้านั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วและแทนที่ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "เออแน่ะ... เหล้าเข้ม ๆ สักแก้วก็น่าจะพอแทนกันได้"

"นั่นคงจะตลกไม่เบา คงจะมีตำนานสองเรื่องในเวลาเดียวกัน วงแหวนนางฟ้า กับ แฮร์รี่ พอตเตอร์ที่เมาแอ๋"

"พนันได้เลย นายคงเป็นประเภทคออ่อนละสิท่า"

เดรโกกระแอม "เอ่อ จะบอกว่า... อีกอย่าง... คือ..." เดรโกเร่งคิดหาอย่างอื่นที่เขาได้ยินมาเกี่ยวกับวงแหวนนางฟ้า และแล้วรอยยิ้มก็แย้มกว้างบนใบหน้า "ว่ากันอีกว่าคนที่จะเข้าหาวงแหวนนางฟ้าได้ ต้องเป็นผู้ครองพรหมจรรย์เท่านั้น ฉันว่านายยังมีโอกาสพอตเตอร์"

"ถ้าอย่างนั้นก็หมายถึงเราทั้งคู่ซีนะ ใช่หรือเปล่า" แฮร์รี่พูดพลางหัวเราะ

เดรโกกระแอมกระไออีกครั้ง "ก็ใช่ แต่..."

"นั่น! นายหลุดปากแล้ว! ฮ่า!"

เดรโกหน้าเจื่อน "ให้ตาย!"

"ไม่เป็นไรน่าเดรโก ฉันไม่บอกใครหรอก... เว้นแต่ว่าฉันอยากจะแบล็กเมล์ –"

"พอตเตอร์!"

การสนทนาเรื่องวงแหวนนางฟ้าได้นำพายักย้ายเข้าสู่การพูดเรื่องเอลฟ์และโนมแคระ เดรโกแอบนึกตลกชอบใจเวลาแฮร์รี่ไม่รู้เรื่องบางเรื่อง แน่ละแฮร์รี่ก็มีดีที่ทักษะคาถาและการแปรงร่างของเขา และมันก็น่าประทับใจอยู่ไม่น้อย... แต่เดรโกไม่ยอมรับหรอกว่าเขาประทับใจ... มันน่าประหลาดใจที่ว่าเรื่องที่เดรโกเคยได้ยินมาจนชินแล้วกลับเป็นเรื่องที่แฮร์รี่ไม่เคยรู้เลย อีกฝ่ายไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเอลฟ์อยู่สี่จำพวกและมีโนมอย่างน้อยสิบเอ็ดประเภทเฉพาะในยุโรปตอนเหนือ แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ดูประหลาดใจอะไรเมื่อรู้ว่าโนมทุกประเภทต่างชอบก่อกวนและล้วนเป็นศัตรูพืชทั้งนั้น

พวกโนมแคระน่ารำคาญ เขาพูด พลางบีบนิ้วมือโดยไม่รู้ตัว

จากตรงนั้น บทสนทนาก็นำพาให้พูดถึงเรื่องสิงสาราสัตว์ที่พบในป่า และคราวนี้เดรโกเป็นฝ่ายไม่มีข้อมูลในเรื่องที่พูดบ้าง สัตว์วิเศษพวกนั้นที่ทั้งอันตรายและป่าเถื่อน เขารู้ว่าน่าจะตั้งใจเรียนกับอ้ายเจ้าแฮกริดไม่เต็มเต็งนั่น แต่ก็น่าแปลก เรื่องที่เดรโกไม่รู้ ดูเหมือนแฮร์รี่จะสามารถเติมเต็มได้ ราวกับว่าความรู้และประสบการณ์ของทั้งคู่เป็นส่วนเติมเต็มซึ่งกันและกันจนครบถ้วนสมบูรณ์ แน่นอนว่าสองหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว เดรโกไม่อยากเอาความจริงข้อนั้นมาเป็นตัวกำหนด แต่ก็ต้องยอมรับว่าพวกเขาเข้าคู่กันได้ลงตัวทีเดียว

อาจจะ

ยังมีบางอย่างที่เดรโกคับข้องใจเกี่ยวกับการเข้าคู่กันได้ดีของทั้งสอง มันก็เพลิดเพลินเจริญใจดีอยู่หรอก แฮร์รี่เป็นเพื่อนร่วมทางที่ดี แต่ตรงนั้นแหละที่ผิด พวกเขาไม่ควรจะเป็นอย่างนี้ และในขณะเดียวกันเดรโกก็ได้เริดร้างจากฝักฝ่ายเดิมมาแล้ว ข้ามน้ำข้ามเขามาไกล ไม่ใช่ว่าเขาจะกลับคืนไป – ทำไม่ได้ด้วยซ้ำ – คงเพราะศิลปะการเอาตัวรอดกระมัง ส่วนพ่อกับแม่... เขารู้ว่าจะไม่มีวันได้เจอพวกท่านอีก และมันรู้สึกเหมือนเอาหินก้อนใหญ่ทั้งก้อนมายัดไว้ในท้อง ซ้ำร้าย พ่อจะไม่มีวันนับถือเขาอีกแล้ว นั่นคือผลจากการกระทำของเขาซึ่งไม่ได้คิดไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า

เหมือนกับว่าเขาเอาพ่อแม่ไปแลกกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอนนั้นมันเหมือนเป็นเพียงทางเลือกเดียว มันต้องเป็นทางเลือกที่ถูกต้องไม่ผิดแน่ ด้วยเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลที่เขาได้ผ่านพ้นมา ถ้าจะให้กลับไปตัดสินใจใหม่อีกครั้ง เขาก็จะทำแบบเดิม สิ่งที่เขายังคาใจอยู่ก็คือ เขาทำไปเพราะอะไร พอมาคิดดูดี ๆ แฮร์รี่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องในการตัดสินใจของเขา (แต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร) และใช่ เขาตกลงใจแล้วว่าจะไม่ไปเป็นหุ่นเชิดให้จอมมารอีกต่อไป แต่ที่จากมาก็เพราะความกลัวเสียโดยมาก ไม่ใช่เหตุผลที่เลิศเลออะไร ที่จริงมันเป็นเหตุผลที่โง่เง่ามาก ๆ เลยต่างหาก

ราวกับเรื่องราวยังเลวร้ายไม่พอ มันยังแถมมาด้วยสถานการณ์อันแทบจะไม่มีหวัง พวกเขาอาจถูกจับได้ก่อน หรือไม่อย่างนั้นก็อาจสายเกินกว่าจะช่วยแฮร์รี่ได้

คิดแล้วเดรโกก็ส่ายหน้าจนปัญญา ทุกช่วงเวลาเงียบ ๆ ที่อยู่ด้วยกัน เดรโกก็จะเจียดไปนึกถึงความเป็นได้ของการถอนคำสาป คิดไปก็รังแต่ทำให้ตัวเองหัวเสียเพิ่มขึ้นเท่านั้น เขาทำไม่ได้หรอก สเนปสิทำได้ หรืออาจดัมเบิลดอร์ แม้จะภูมิใจในความสามารถด้านการปรุงยาของตนเองแค่ไหน แต่เดรโกก็รู้ว่าเขาเป็นแค่นักเรียนคนหนึ่ง การที่เขาหาทางออกไปได้อย่างนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ชัดเจน เหนืออื่นใดคือเขายังไม่ได้บอกแฮร์รี่เลย

เดรโกถอนหายใจ พยายามไล่ความคิดว้าวุ่นออกไป

"นายคิดว่ามีตัวอะไรแฝงตัวอยู่ในป่าบ้าง" เดรโกเอ่ยถาม พยายามใช้น้ำเสียงปกติ "คือว่า เราได้ยินเสียงพวกสัตว์เคลื่อนไหวในตอนกลางคืน แต่ไม่ยักเข้าใกล้เราเลย นายว่าเป็นเพราะอะไร"

"เพราะนายตัวเหม็นฉึ่งยังไงล่ะ" แฮร์รี่พูดท่าทีดูจริงจังจนเดรโกหน้าร้อนผ่าว ๆ ก่อนจะสังเกตเห็นแฮร์รี่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

"เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว! แต่เอาจริง ๆ นะ มันต้องมีเหตุผลสิ" เดรโกพูดเสียงเข้มขณะก้าวเท้าข้ามแท่นหิน "สัตว์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้จิตใจและกระหายเลือด พวกมันคงชอบที่จะฝังเขี้ยวลงบนเนื้อแสนอร่อยอย่างฉัน แม้กระทั่งพวกที่ไม่ใช่สัตว์วิเศษก็ด้วย ถึงพวกมันจะไม่มาชื่นชมผิวพรรณอันสวยงามของฉันก็เถอะ แต่นาย... มิน่าล่ะถึงไม่รู้สึกรู้สาอะไร เนื้อนายคงเหนียวเคี้ยวยากน่าดู"

"เดรโก แค่ได้อวดว่าตัวเองมีโอกาสถูกกินมากกว่าก็เอาเหรอ"

"ไม่ต้องมาอิจฉา คนเนื้อเหนียว"

"งั้นถ้านายเนื้อนุ่มนักละก็" แฮร์รี่รำพึงด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด "และอาหารที่เตรียมมายิ่งมีจำกัดอยู่ ฉันกินนายอีกคนไปด้วยเป็นไร เนื้อเดรโกย่างฟังดูเข้าท่าว่าไหม"

"พอตเตอร์ นายมันคนโรคจิตวิตถาร!"

"ตอนนอนระวังตัวให้ดีนะมัลฟอย"

เดรโกหายใจแรงอย่างไม่ชอบใจ และเบี่ยงประเด็นพูด บางทีอาจเป็นเพราะว่าพวกเขาอยู่กลางแจ้งนานเกินไปหรือไม่ก็นอนไม่พอ แต่ "เนื้อเดรโกย่าง" มันฟังแล้วสยิวกิ้วอย่างที่สุดของที่สุด แม้แฮร์รี่จะเป็นคนพูดก็เถอะ "แล้ว ทำไมนายคิดว่าพวกสัตว์ถึงไม่มายุ่มย่ามกับเรา"

เงียบไปประเดี๋ยวหนึ่ง เหลือเพียงเสียงหายใจกับเสียงกรอบแกรบของกิ่งไม้ใบไม้แห้ง

"อาจเพราะพวกมันจะอยู่ให้ห่างจากเวทมนตร์... พวกสัตว์ที่ไม่ใช่สัตว์วิเศษน่ะ เวทมนตร์จะขับไล่พวกมันไป เช่นเดียวกับที่สัตว์วิเศษมักจะอยู่ให้ห่างจากมักเกิ้ล"

เดรโกใช้ความคิด "ถ้าเป็นงั้นจริง เราก็ปลอดภัยจากพวกที่ไม่มีเวทมนตร์ ว่าแต่พวกสัตว์วิเศษล่ะ ถ้าเราเกิดเจอ สกรูตะปูไฟ ของแฮกริดเข้าจะทำยังไง"

"สกรู... อะไรนะ สกรู๊ตปะทุไฟหรือเปล่า"

เดรโกขบกรามแล้วพยักหน้า แต่ต้องหงุดหงิดเข้าไปอีกเมื่อได้ยินเสียงแฮร์รี่หัวเราะเยาะสนุกสนาน

"ไม่หรอก มันเป็นลูกผสม... แฮกริดเป็นคนเพาะพันธุ์เอง เราไม่เจอมันในป่านี้หรอก"

"แน่ละ... นอกเสียจากว่าเขาจะเพาะพันธุ์ขึ้นมาอีกเป็นร้อย ๆ ตัว"

แฮร์รี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ไม่หรอก เพราะเขาคงทนไม่ได้ที่ต้องแยกจากพวกมัน"

ได้ยินดังนั้นเดรโกก็หลุดขำก่อนความคิดเรื่องสัตว์ดุร้ายตัวอื่นจะดึงสติกลับมา "แล้วพวกฮิงกี้พังก์... เรดแคป หรือแวมไพร์ หรือมนุษย์หมาป่าล่ะ"

"เราเรียนการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดมาแล้ว ศาสตราจารย์ลูปินสอน... แต่นายคงไม่ได้ตั้งใจฟังหรอก ใช่หรือเปล่า"

เดรโกสะดุ้งกับน้ำเสียงเชิงกล่าวหาของแฮร์รี่ "แหม พอตเตอร์ ฉันขอคำปรึกษานะ ไม่ได้ขอให้สอน"

"เราจะรับมือกับมันเมื่อถึงเวลา" แฮร์รี่พูดปนเคือง "ส่วนเรื่องหมาป่าก็ไม่ต้องกังวลหรอก ยังไม่ถึงคืนจันทร์เต็มดวงเลย"

เดรโกแทบกระอัก – คืนพระจันทร์เต็มดวงคือคืนที่จะเกิดจันทรคราส – แต่เขาต้องข่มความคิดนั้นลงไป "งั้นเราก็มีเวลาอีกมากจริงไหม"

"ใช่" แฮร์รี่ตอบเรียบง่าย ก่อนจะเดินไปสะดุดก้อนหิน

เดรโกหัวเราะคิกคัก "พื้นที่สวยงามของนาย คราวนี้ถึงกับสะดุดแล้วเหรอ"

แฮรืรี่ถลึงตาให้ "ก็ฉันเหนื่อยนี่ บอกซิว่านายไม่เหนื่อย พูดถึงสัตว์วิเศษแล้วก็ บางทีเราอาจโชคดีเจอฮิปโปกริฟฟ์ก็ได้นะ"

ทันใดนั้นภาพที่เคยเผชิญกับสัตว์ประหลาดตัวนั้นก็ปรากฏขึ้นในหัวเดรโกจนต้องสำลัก "นายบ้าไปแล้วหรือไง พอตเตอร์!" เขาหันขวับกลับมา เกือบพาตัวเองล้ม "ฉันรู้ว่านายเห็นมันเป็นสัตว์เชื่อง แต่ฉันยังไม่อยากตายตอนนี้นะ!"

แฮร์รี่หัวร่อต่อกระซิก ยิ่งนึกถึงภาพครั้งนั้นก็ยิ่งได้ใจ ฝ่ายเดรโกนั้นรำคาญใจนัก "ไม่ละ ฉันว่าฮิปโปกริฟฟ์บินพาเราไม่ส่งฮอกวอตส์ได้" เขาออกแรงปีนข้ามท่อนซุงที่ล้มอยู่ "อาจบินไม่นิ่มเท่าไม้กวาด แต่เร็วกว่าเดินแน่"

เดรโกเบิกตากว้าง "หลังจากถูกกัดคอตายแล้วน่ะสิไม่ว่า! ไม่มีทางที่ฉันจะยอมขึ้นไปตายบนหลังเจ้าตัวประหลาดนั่นแน่ ต่อให้เมอร์ลินบอกเถอะ"

แฮร์รี่ไหวไหล่ "ที่นายต้องทำก็แค่เปิดใจ ส่วนตัวแล้วฉันขอบินข้ามป่าไปดีกว่าต้องมาเดิน โดยเฉพาะเมื่อไปถึงป่าต้องห้าม ถ้าถามว่าจะเจอสัตว์พวกนั้นได้ที่ไหน ก็คงเป็นป่านั่นน่ะแหละ ฉันไม่รู้เลยว่าเราจะใช้เวลาเดินในป่านั้นนานแค่ไหน ถ้าเราต้องเดินไปตลอดทาง"

"นายรู้หรือเปล่าว่าตรงไหนจุดสิ้นสุดของป่าธรรมดา ตรงไหนจุดเริ่มต้นของป่าต้องห้าม"

"แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงมิทราบ"

"ไม่รู้สิพอตเตอร์ แค่ถามดูเฉย ๆ ดูเหมือนนายจะใช้เวลาในป่านั่นนานอยู่เหมือนกัน" เดรโกสูดหายใจเข้า คว้าก้านไม้ แล้วดันตัวเองขึ้นทางลาดชัน "บางทีเราอาจมองเห็นได้จากยอดเขาเจ้ากรรมนี่ ถ้าไปถึงยอดได้น่ะนะ"

"เราใกล้ถึงแล้วนะรู้หรือเปล่า บนนี้ต้นไม้เริ่มบางตาลงแล้ว"

เดรโกกะพริบตาแล้วมองไปรอบ ๆ แฮร์รี่พูดถูก ต้นไม้เตี้ยลง และทิ้งระยะห่างมากขึ้น ข้างหน้าโน้นเหมือนจะมีที่โล่งด้วย

"ฉันว่าตรงนั้นแหละ!" แฮร์รี่อุทานตาโต "แข่งกัน ใครถึงก่อนชนะ"

เดรโกส่ายหน้า "ไม่เอาละ ฉันเหนื่อยและก็เมื่อยไปทั้งตัว นายอยากให้ฉันเหนื่อย เมื่อย แล้วอารมณ์เสียเหรอ"

"นายอารมณ์เสียอยู่แล้วนี่ ฉะนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร"

"พอตเตอร์!"

"เอาน่า มันก็เหมือน ๆ กับแข่งกันจับลูกสนิชนั่นแหละ ปีที่แล้วฉันยิ่งไม่ได้ลงแข่งอยู่"

"ไม่มีทาง"

แฮร์รี่ครุ่นคิด "ก็ได้เดรโก ก็เหมือนกับแข่งควิดดิชสินะ ยังไงนายก็แพ้อยู่ดี"

เดรโกไม่ทันแม้แต่จะกะพริบตา แฮร์รี่รุดออกตัววิ่งขึ้นไปทันที ไม่วายเอาเท้าเขี่ยใบไม้ใส่เดรโก "พอตเตอร์!หนอย... ขี้โกงนี่! พอตเตอร์!"

เดรโกสูดหายใจเข้าปอดแล้วรีบวิ่งตามขึ้นไป ผมเผ้าร่วงมาปิดหน้าปิดตา กิ่งไม้ดีดขาบ้าง ในหัวเขาคิดแต่ว่าต้องตามเสื้อไหมพรมแดง ๆ ของแฮร์รี่ให้ทัน ห้ามให้คลาดสายตา

ไม่ชอบเลย ๆ ๆ โอ๊ย นิ้วเท้าฉัน! ไม่ชอบเลย ๆ ๆ ไปถึงเมื่อไรฉันเอานายตายแน่พอตเตอร์! ไม่ชอบเลย ๆ ๆ ...

โอ้โห เทวดาคุณพระคุณเจ้าเคราเมอร์ลิน

ถ้าเดรโกมีแรงพอ เขาคงอุทานออกมาเสียงดัง บนยอดเขาแห่งนี้ เสมือนโลกทั้งใบแผ่ไพศาลต่อหน้า สายลมโชยอ่อนพัดระรวยให้เหงื่อไคลแห้งหาย เป่าผมที่ระคายหน้าผากออกไป เผยให้เห็นภูมิประเทศแนวสันเขา ลำธาร กับแสงที่สะท้อนลำน้ำระยิบระยับเป็นประกายกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ท้องนภาสีครามอ่อนลดหลั่นบรรจบเส้นขอบฟ้า แลดูสดใสไร้มวลเมฆมาบดบัง มันช่าง...งดงาม และแล้วนิ้วเท้าที่ปวดตุบ ๆ และปอดที่ร้อนผะผ่าวเตือนให้เขารู้ว่ามันเป็นความคิดที่บ้าบอ แต่ก็ยัง...

"ฉันชนะ"

เดรโกไอทีหนึ่งแล้วมองไปหาแฮร์รี่ แก้มอีกฝ่ายมีสีชมพูระเรื่อแต่งแต้มอยู่ ดวงตาคู่นั้นเบิกโพลง ปากแย้มเป็นยิ้มกว้างแม้ในขณะที่อ้ารับอากาศ ถึงหน้าอกจะยังเจ็บอยู่ แต่เดรโกก็อดยิ้มตามไม่ได้ที่เห็นแฮร์รี่ตื่นเต้นแบบนี้ แบบเดียวกับที่เขาทำตอนคว้าลูกสนิชไปต่อหน้าต่อหน้าเดรโกได้ มันเคยทำให้เดรโกรู้สึกอยากชกหน้าอีกคนให้น่วม แต่คราวนี้กลับไม่รู้สึกแบบเดิมอีกต่อไป

"ฉันไม่ได้จะแข่งอยู่แล้วนี่" เดรโกพูดง่าย ๆ "นายชนะก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไร"

"ตอนนี้นี่เป็นภูเขาของฉันแล้ว 'ภูเขาพอตเตอร์'"

"ตามใจเถอะ"

เดรโกทอดสายตามองเส้นขอบฟ้า ความเจริญ ความปลอดภัย ไม่มีวี่แววเลย เขารู้สึกถึงอวลไอความโศกเศร้าและอ้างว้างขึ้นมาโดนพลัน เขาหวังไว้ในใจว่ายิ่งไปไกลจากพ่อและได้ใช้เวลากับแฮร์รี่มากเท่าไร ความรู้สึกแบบนั้นก็จะหายไป แต่กลับไม่เป็นแบบนั้น เป็นอีกครั้งที่มันผุดขึ้นมาแจ่มชัดในใจ กระนั้นก็ตามเขารู้ดีว่าคิดไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาฝืนสูดหายใจผ่านปอดที่แสบร้อน "นายเห็นวี่แววฮอกวอตส์บ้างไหม หรือควันจากฮอกส์มี้ด"

"ไม่เห็นเลย อาจถูกภูเขาบังไว้"

"อาจจะ" เดรโกเขย่งเท้าชะเง้อมอง รู้ทั้งรู้ว่ามันสิ้นคิดเพียงไร มองผ่านเส้นขอบฟ้านี้ไปก็ไม่เห็นมีวี่แววของบ้านเมืองหรือผู้คนเลย ความเจริญของโลกดูห่างออกไปแสนไกล เขาชำเลืองมองผ่านไหล่มาด้านหลังเห็นลำธารทอดสายยาวออกไป ดูไม่ออกเลยว่าพวกเขาเดินมาไกลแค่ไหน หรือต้องไปอีกไกลเท่าไร เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าจะข้ามภูมิประเทศเบื้องหน้านี้โดยเร็วได้อย่างไร "หนึ่งร้อยไมล์นี่ไกลแค่ไหน"

"บอกไม่ได้หรอก" แฮร์รี่พูดอย่างสบายใจ "แต่เมื่อได้อยู่บนภูเขาพอตเตอร์ที่สวยงามอย่างนี้แล้ว ทางร้อยไมล์ก็ไม่ต่างอะไรไปจากการเดินเล่นกลางสวนหรอก"

"นายคงเสียสติไปแล้ว"

"นายคงปวดใจที่ไม่มีภูเขาเป็นของตัวเอง"

"เท้าฉันปวด ขาก็ปวด หัวก็เริ่มปวดขึ้นเรื่อย ๆ ฉันว่าฉันแพ้อาการกระตือรือร้นเกินเหตุของนาย"

แฮร์รี่ยิ้มละไม "อีกหน่อยก็เป็นทางลงแล้ว ฉันคิดว่าเราจะตั้งแค้มป์กันตรงตีนเขาตรงโน้น –" เขาชี้ "– คืนนี้"

"ไปแค่นั้นเองเหรอ" เดรโกรู้สึกถึงมวลความประหม่าในอก

"แค่นั้นแหละ ดูสิข้างล่างป่าทึบจะตาย ไม่ต้องรีบ อีกอย่างนี่ก็บ่ายแล้ว" แฮร์รี่พยักพเยิดหน้าไปที่หุบเขาด้านหน้า "รีบไปดีกว่า ฉันว่าฉันเห็นลำธารข้างล่างด้วยละ คืนนี้เราจะตั้งแค้มป์ใกล้ ๆ ลำธาร บางทีอาจจับปลามาทำเป็นมื้อเย็นด้วย"

"น่าขยะแขยง"

"แล้วแต่นะ" แฮร์รี่พูดขณะเดินลงเขา "ฉันจะกินอาหารสด ส่วนนายก็กินแซนด์วิชเหมือนเดิมไปแล้วกัน ฉันว่าน่าจะยังมีไส้เนื้อหมักเหลืออยู่"

"เอ่อ... ฉะ...ฉันจะไม่แตะปลานั่นจนกว่าจะทำสุกแล้ว"

แฮร์รี่หัวเราะดังลั่นทั่วภูเขา

*****************

อาทิตย์เคลื่อนคล้อยอ่อนแสงริมขอบฟ้า เป็นเวลาที่สองพ่อมดตั้งแค้มป์แล้วเสร็จพอดี เดรโกราวถูกความรู้สึกสองอย่างดึงออกจากกัน ความต้องการที่จะรุดหน้าให้ได้ไกลที่สุดในแต่ละวัน กับความปวดเมื่อยและเหนื่อยล้าที่คอยเตือนบอกให้หยุดพักอยู่ร่ำไป แฮร์รี่เองก็ดูจะเหนื่อยกระป้อกระแป้เช่นกัน ยิ่งเดรโกไปเร่งเร้าเซ้าซี้นัก รังแต่จะทำให้อีกฝ่ายสงสัยเสียเปล่า เดรโกจึงทรุดกายนั่งริมลำธารระหว่างที่แฮร์รี่กำลังลุยน้ำพยายามจับปลาด้วยมือเปล่า แต่ดูท่าโชคจะไม่เข้าข้างสักเท่าไร

"แย่หน่อยนะที่นายเสกไม้จับปลาดี ๆ สักอันไม่ได้แฮร์รี่"

"เขาเรียกว่าเบ็ดตกปลาหรอก – ฮึบ!" เขาถลันพุ่งใส่ตัวปลา แต่ก็คว้าน้ำเหลวเช่นเดิม "อีกอย่าง – เอื้อกก! – ฉันเคยเห็นหมีทำแบบนี้ในสารคดีที่ลูกพี่ลูกน้องฉันเปิดดู"

"นายคิดว่าตัวเองเก่งกว่าหมีธรรมดางั้นสิ*"

ได้ยินดังนี้แฮร์รี่ก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากใหญ่ในทันที จนลื่นก้อนหินล้มคะมำตกน้ำตัวเปียก ไม่วายยังหัวเราะสำราญใจไม่หยุดพลางพยุงตังเองลุกขึ้น

เดรโกขมวดคิ้วมุ่นสงสัย "เป็นอะไรของนาย"

"เปล่า แค่... มุกตลกของมักเกิ้ลน่ะ" แฮร์รี่พูดทั้งที่ยังขำอยู่ "นายไม่เข้าใจหรอก"

ถึงเดรโกจะอยากรู้ แต่ว่าเขาเหนื่อยหน่ายกับเรื่องราวมักเกิ้ลที่อีกฝ่ายเอ่ยถึงอย่างไม่จบไม่สิ้นเต็มที – มันเหมือนเป็นหน้าต่างอันพร่ามัวซึ่งด้านนอกคือโลกที่เขาไม่เข้าใจ... หรืออาจเป็นกำแพงอิฐที่มีอิฐสองสามก้อนหายไป แม้กระนั้น เขาต้องสงวนท่าที ไม่แสดงตนว่าใคร่รู้วัฒธรรมมักเกิ้ลมากเกินไป จึงได้แต่นั่งเอนหลังแล้วถอนหายใจ "ยังไงก็เถอะ นายจะจับปลาได้สักตัวไหมล่ะนั่น"

"แน่นอน – รอเดี๋ยว... ตัวนี้ตัวโตเลย... อีกนิดเดียว... ใกล้แล้ว... ย้า!" แล้วก็ขึ้นมาด้วยมือเปล่าอีกเช่นเคย "โธ่เอ้ย!"

เดรโกหัวร่อต่อกระซิก "มีวีธีที่ง่ายกว่านี้นะพอตเตอร์"

"พูดเป็นเล่น" แฮร์รี่เอากำปั้นเท้าสะเอว "นายจะลงมาช่วยฉันแล้วเสกเบ็ดตกปลาให้หรือยังไง นายยอมเปียกเหรอ"

เดรโกลุกขึ้นยืนอย่างผึ่งผาย "ให้ฉันยอมเปียกเหรอ เหอะ ไม่มีทาง! แฮร์รี่นายนี่ไม่มีความคิดเป็นพ่อมดเอาเสียเลย ฉันไม่เคยบอกเคยสอนหรือไง" เขากลั้วคอกระแอมวางมาดใหญ่ ล้วงไม้กายสิทธิ์ออกมาจากกระเป๋า แล้วชี้ลงไปในน้ำจุดที่แฮร์รี่เพิ่งมองไปก่อนหน้านี้

"แอ๊กซีโอปลา!"

มิช้ามินาน ปลาเทราต์แม่น้ำตัวใหญ่ก็ลอยมาตกอยู่แทบเท้าเดรโก เขาย่นจมูกเดียดฉันท์ "เอาละแฮร์รี่ ฉันได้ปลาแล้ว ขึ้นมาจากน้ำแล้วมาทำเร็วเข้า"

แฮร์รี่ยืนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ปากอ้าค้าง ดวงตาทอแววพิฆาต เดรโกไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือวิ่งหนีเอาตัวรอดดี สุดท้ายแฮร์รี่ก็ส่ายหน้าแล้วเดินสวบสาบออกจากแม่น้ำมา "ก่อไฟเลยนะมัลฟอย" เขาบอกเคือง ๆ "เอาแบบที่ไม่มีควันเหมือนนายบอกฉันตอนนั้น"

"อย่าหน้าบึ้งนักซีแฮร์รี่ ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะเก่งเท่าหมีน่ะ แต่ผมนายก็ดูเหมือนขนหมีอยู่นะ ไม่แน่ว่า –"

ต่อมามีเสียง ผลึบ! และกองใบไม้หนาก็หล่นท่วมลงมาถึงจมูกเดรโก

"พล่า! ผ-ถุย! แอ้กอัก แค่ก ๆ! พอตเตอร์!"

"เล่นกับใครไม่เล่น สมน้ำหน้า" น้ำเสียงสะใจตอบมา

เดรโกเอาแขนออกมาปัดใบไม้ออกจากหน้า อ้าปากออกหมายจะด่าว่าอีกฝ่าย แต่กลับคิดคำเหมาะ ๆ ที่ใช้บรรยายความไม่สบอารมณ์ตอนนี้ไม่ออก "มาเอาฉันออกไปแล้วไปทำกับข้าวเดี๋ยวนี้เลย"

"เอาผ้าเช็ดปากด้วยไหม" แฮร์รี่ถามพลางปัดใบไม้ออกแล้วเดินฝ่าเข้าไปหาเดรโก

"แค่ก ๆ คั่ก ๆ... ใบไม้เวรนี่... ผ้าเช็ดปากเหรอ"

"ใช่" แฮร์รี่พูดท่าทีจริงจัง ดึงมือเดรโกออกมา "เพราะนายปากเปียกปากเฉะหมดแล้ว"

เดรโกเกือบจะออกมาได้อยู่แล้ว ก่อนจะนึกได้ว่าแฮร์รี่หมายความว่าอะไร เขาเอามือข้างที่ว่างอยู่ขยุ้มใบไม้มาเต็มกำมือ พุ่งถลาไปข้างหน้าแล้วยัดใบไม้ใส่เข้าไปในเสื้อแฮร์รี่

"อ้าว!" แฮร์รี่ร้องตะโกน ปล่อยมือเดรโก

เดรโกผลุบกลับเข้าไปในกองใบไม้เหมือนเดิม พลางหัวเราะร่าถูกอกถูกใจ กำใบไม้ขึ้นมาอีกแล้วโยนใส่แฮร์รี่

แฮร์รี่ปัดออก ตาจ้องมองเดรโกผ่านกรอบแว่นพร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย "คิดจะเปิดศึกใช่ไหม"

แฮร์รี่ร้องเสียงฮึกเหิมราวอยู่ในสนามรบ แล้วพุ่งตัวใส่เดรโก

****************

กว่าปลาจะย่างไฟสุก เดรโกก็เอาใบไม้ออกจากผมและเสื้อผ้าเกือบหมดแล้ว เขาออกจะตกใจที่มีใบไม้มาอยู่ในกางเกงในเขาตั้งสองสามใบ และเขาก็ไม่อยากรู้ว่ามันเข้ามาได้ยังไง แต่มันก็สนุกดี สนุกมาก ๆ เลยด้วย แฮร์รี่มีใบไม้ติดอยู่บนหัวด้วยแหละ... แต่เดรโกจะยังไม่บอกเขาหรอก

เมื่อสงครามปาใบไม้สิ้นสุดลง เขาก็กลับมาคิดว่าการจับปลาเป็นอาหารก็เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน มันเป็นอาหารร้อนมื้อแรกที่ได้กินในหลายวันมานี้ และมันก็รสดีทีเดียว ใกล้ค่ำอากาศก็เริ่มเย็น กองไฟประกายแสงสีเขียวเล็ก ๆ พอจะช่วยประทังได้ มันไม่ได้ให้แสงสว่างมากพอจะมีใครมองเห็นได้จนกว่าจะมืดสนิท นี่นับเป็นกิจวัตรยามเย็นที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นใจ นั่งข้างกองไฟ คุยอะไรเรื่อยเปื่อย และแฮร์รี่ก็เป็นผู้ร่วมทางที่ดี อาจจะแม้กระทั่ง เพื่อนที่ดี

"ไปเรียนทำอาหารมาจากไหน" เดรโกถามของกินเต็มปาก

"ฉันเคยทำกับข้าวให้ลุงกับป้า จำได้ไหม"

"อ้อ จริงสิ" เขากลืนลงคอ "ฝีมือไม่เลวนะ ฉันคิด ๆ อยู่ว่าเราอาจจับอย่างอื่นมากินได้อีก" เขายืดตัวตรงขึ้นทันทีเหมือนนึกอะไรได้ "ไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันพูดแบบนั้นออกไป ให้ตายเถอะ ฉันพูดยังกับเป็นสัตว์ล่าเนื้อเลย แหมมันช่าง... ช่าง..."

"เหมาะเหม็ง" แฮร์รี่แนะ

"ไม่มีทาง" เดรโกเอียงคอใช้ความคิด "ก็... อาจใช่"

"อย่าห่วงเลย ฉันไม่บอกใครหรอก รวมถึงเรื่องที่นายล่าตัวนี้มาเองกับมือ"

"เอ่อ...คือ... ฉันทำเหรอ ฉันปล่อยให้ตัวเองทำแบบนั้นไปได้ –" ก่อนจะพูดจบประโยคก็หาวหวอด ๆ

"ง่วงเหรอ"

"ไม่เลยสักนิด" เดรโกพูดหน้าขรึม "แล้วตุ๊กตาหมีฉันเอาไว้ไหนล่ะทีนี้"

"จับปลาน่ะ ฉันว่าก็ไม่เลวนะ"

"แล้วฉันจะไปนอนได้หรือยัง"

แฮร์รี่กระหยิ่มยิ้ม ซึ่งดูออกจะน่าขนลุกด้วยแสงสะท้อนจากเปลวไฟสีเขียว "ดับไฟเสียสิเดรโก พรุ่งนี้เราจะออกเดินแต่เช้าตรู่"

เปลวไฟหายกลับเข้าไปในไม้กายสิทธิ์ของเดรโก แล้วชายหนุ่มก็เริ่มกางผ้าคลุมไว้สำหรับพวกเขาทั้งสอง ทว่าแฮร์รี่ไม่ลงมานอนด้วย เดรโกจึงมองไปหาอีกฝ่าย "เป็นอะไร"

"ฉันกำลังคิดเรื่อง... ที่นายพูดก่อนหน้านี้... ที่ว่าโวลเดอมอร์ไม่ได้โกรธ" แฮร์รี่เว้นช่วงไว้ให้คิด "นายคิดแบบนั้นจริง ๆ หรือ แบบว่า... เขาจะทำอะไรกับเราอย่างนั้นเหรอถ้าเขาหาเราไม่เจอ แล้วถ้าเขาทำได้จริง ๆ ป่านนี้เขาจะไม่ทำไปแล้วเหรอ"

เดรโกตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ รู้สึกราวกับหน้าอกหยุดทำงาน เขาฝืนสูดหายใจช้า ๆ "ฉัน เอ่อ... มันก็แค่ความคิดน่ะแฮร์รี่ ก็เหมือนที่พูดไง ฉันอาจจะแค่เหนื่อยและระแวงมากเกินไป"

"ไม่" แฮร์รี่ออกคำพูดหนักแน่น "นายดูเชื่ออย่างนั้นจริง ๆ เดรโก นายมีเรื่องอะไรที่ไม่ได้บอกฉันหรือเปล่า"

ประดุจเส้นลวดบีบรัดกลางทรวง หัวใจเดรโกพยายามอย่างหนักเพื่อจะเต้นให้จงได้ เขาจะโกหกแฮร์รี่แบบนี้ไปได้อย่างไร มันไม่ถูกต้อง มันไม่ดีกับแฮร์รี่ แต่มันก็ไม่ดีเหมือนกันที่ให้แฮร์รี่ต้องกังวลใจกับเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ ไม่แน่ดัมเบิลดอร์อาจหาพวกเขาเจอทันเวลา ไม่แน่สเนปอาจปรุงยาแก้คำสาปเตรียมไว้แล้วรอพวกเขาไปถึง ไม่แน่...

"เปล่า... ไม่มีอะไรหรอกแฮร์รี่ ฉันว่าฉันแค่ยังกลัวอยู่"

แฮร์รี่พยักหน้าอย่างเคลือบแคลงใจ "เหรอ... งั้นถ้ามีอะไรก็บอกฉันนะ ตกลงไหม"

เดรโกกลืนน้ำลายฝืดเฝื่อนแล้วพยักหน้า แฮร์รี่พิศดูอีกฝ่ายต่ออีกครู่หนึ่ง นัยน์เนตรจับจ้องเดรโกอย่างไม่ค่อยสะดวกใจ ก่อนท้ายที่สุดจะละสายตาจากมาแล้วหันมาสนใจก้อนหินที่ตนหาพบ

"ตอนกลางคืนข้างล่างนี่คงจะหนาวน่าดู ฉันคิดว่า ฉันจะให้ความร้อนก้อนหินนี่ จะได้เอาไว้ใช้เหมือนถุงน้ำร้อนน่ะ"

เดรโกพยักหน้าแม้ว่าแฮร์รี่จะไม่ได้มองอยู่ ครั้นแล้วความคิดแปลก ๆ ก็ผุดขึ้นมา "ฉันอุ่นดีอยู่แล้วที่ได้ห่มผ้าคลุมกับนาย" ทันทีที่คำพูดถูกเปล่งออกไป เขาก็รู้สึกเอียงอายเต็มที เมื่อคิดได้ว่าคำพูดนั้นสื่อความในแง่ใด "ฉันหมายถึง... นาย... กับฉัน... และ... คือ ฉันทำให้นายรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า นายจะออกไปนอนคนเดียวเหรอ ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะ... เอ่อ ฉันแค่อยากรู้ว่าฉันไม่ได้ทำให้นายรู้สึกไม่ดีใช่ไหม..."

เสียงเดรโกขาดตอนชะงักไปขณะที่แฮร์รี่หันมาหา อีกฝ่ายมีสีหน้าที่ผิดแปลกไม่เคยเห็น "เปล่า ฉันแค่ยังไม่อยากนอนตอนนี้ ฉันคิดว่านายน่าจะง่วงแล้วและไม่อยากให้นายหนาว วันนี้นายดูเหนื่อยล้าพอตัว"

"อ้อ" ฟังดูมีเหตุผล ทว่าเดรโกไม่สามารถสลัดความรู้สึกปั่นป่วนในท้องออกไปได้ เขาทำให้แฮร์รี่ไม่ชอบใจ แฮร์รี่กำลังสงสัยอะไรบางอย่าง นี่มันไม่ดีเลย ไม่ดีมาก ๆ

เขาดึงผ้าคลุมขึ้นห่มหัวไหล่ แผ่ออกไปถึงขา แล้วชำเลืองมองแฮร์รี่อีกครั้ง อีกฝ่ายกำลังขะมักเขม้นกับการขุดก้อนหินขนาดราวลูกแคนตาลูป เดรโกเฝ้ามองดูอีกคน พลางสงสัยว่าเหตุใดเขาจึงไม่ค่อยชอบความคิดที่ว่าแฮร์รี่จะออกไปนอนคนเดียว ไม่ใช่ว่าเขาต้องการ... หรือชอบให้... โอ้ ตายแล้ว กลางคืนอากาศหนาว และแฮร์รี่ก็ตัวอุ่น ในความมืดแฮร์รี่ทำให้รู้สึกอุ่นใจ พวกเขาอยู่กันเพียงลำพัง การมีแฮร์รี่อยู่ตรงนี้ ทำให้เดรโกรู้สึกปลอดภัย

คิดแล้วเดรโกก็ทึ่งไปชั่วขณะ – เขาชอบที่มีแฮร์รี่อยู่ใกล้ ๆ – จากนั้นแฮร์รี่ที่ปัดเศษดินออกจากก้อนหินอยู่ก็พลันมองมา

"เดรโก เป็นอะไรหรือเปล่า" คิ้วแฮร์รี่ขมวดเข้าหากัน ดวงตาจ้องมองเดรโก

ครั้นนึกได้ว่าตนเองกำลังคิดอะไรอยู่ ดวงตาเดรโกกลับเบิกกว้างด้วยความตกใจและอับอาย "เปล่า" เขารีบพูด มือดึงผ้าคลุมขึ้นแล้วพลิกตัวไปอีกทาง

เขาได้ยินเสียงแฮร์รี่ถอนหายใจดังมาจากด้านหลัง

สองสามนาทีต่อมา ผ้าคลุมก็ถูกดึงออก ตอนแรกเดรโกคิดว่าแฮร์รี่จะมานอนด้วย แต่กลับรู้สึกมีหินอุ่น ๆ วางแนบแผ่นหลัง มันช่วยให้ไออุ่นเพียงพอ ใต้ผ้าคลุมผืนนี้กายเดรโกอุ่นดีแล้ว แค่อุ่นกาย...

เดรโกได้ยินเสียงแฮร์รี่ขยับเขยื้อนครู่หนึ่ง เสียงผ้าปลิวไหว เสียงใบไม้แสกสาก เหมือนแฮร์รี่กำลังเดินอยู่ ซึ่งยิ่งทำให้เดรโกไม่สบายใจ เสียงนั้นดังมาทางเดรโกแล้ว แต่จากนั้นก็หยุดอยู่ห่างออกไป ไม่มีทีทว่าว่าแฮร์รี่จะเข้ามาใกล้กว่านี้

จนแล้วจนรอดเดรโกก็ผล็อยหลับไป หัวใจหวิว ๆ ชอบกล

**************

อันธการแห่งห้วงนิทราค่อย ๆ ปกคลุมด้วยความดำมืดอันคุ้นเคยอย่างช้า ๆ เดรโกอาจคิดว่าเขาเพียงแค่หลับไป เว้นแต่เขารู้ว่า เมื่อใดที่เขาสงสัยว่าหลับไปแล้วหรือไม่นั้น คำตอบก็น่าจะเป็นไม่

ข้อกังขาที่มีทั้งหมดถูกปลดเปลื้องไปครั้นเสียงต่ำห้าวแผดกร้าวออกมาในความมืด

"เจ้าเด็กทรยศเอ๋ย ยังคิดจะทำเรื่องโง่เง่าต่อไปอีกหรือ อ้อ คงไม่จำเป็นต้องถามหรอก จริงไหม"

สุรเสียงจอมมารหยุดเส้นเลือดของเดรโกไว้ทุกอณู เขาไม่แน่ใจว่าตอนนี้เขากำลังลืมตาหรือหลับอยู่ หากแต่ยังพยายามปิดตาไว้ให้แน่นที่สุดเท่าที่ทำได้ หมายขับมโนจิตนี้ออกไป

"แกหนีฉันไปไม่พ้นหรอก ไม่มีสิ่งใดที่แกจะซ่อนจากสายตาฉันได้ แม้ความคิดแก ก็ยังเป็นของฉัน มัลฟอย" หยุดไป "อะไรกัน ไม่อยากใช้นามสกุลตัวเองแล้วหรือ รู้ว่าไม่มีค่าพอจะใช้มันสินะ น่าสมเพช พ่อแกคงอับอายที่ต้องมารู้เรื่องนี้"

พ่อ....

เสียงหัวเราะแหลมสูงโหยหวนในความมืด บาดลึกในใจเดรโก

"แกยังเห็นหัวพ่อตัวเองอยู่หรือเปล่า น่าจะสำนึกเสียบ้างนะ ไม่ห่วงแม่แล้วใช่ไหม อ้อ แต่พอตเตอร์คงจะสำคัญกับแกมากว่าซีนะ พ่อแกคิดว่าแกถูกพอตเตอร์หลอกลวงมา แต่นี่คงไม่ใช่แล้วกระมัง เห็น ๆ อยู่ว่าแกน่ะ... มีใจ"

เสียงหัวเราะดังมาอีก หากโลกแห่งมโนภาพนี้เดรโกมีท้อง ท้องนั้นคงขมวดมัดเป็นปม

"ความคิดแกมันไม่โกหก เจ้าหนู! แกน่ะหวงเขานัก... น่ารักเสียไม่มี แกอยากปกป้องเขา... เพื่อจะ... ได้อยู่ใกล้เขา" โวลเดอมอร์เสียดสี

เดรโกผะอืดผะอม เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคิดอย่างไรกับแฮร์รี่ ไม่แน่ใจว่าเขากับแฮร์รี่เรียกว่าเพื่อนได้หรือไม่ แต่จอมมารกลับฉีกคำถามอันคลุมเครือนั้นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เดรโกรู้สึกขมขื่นในคอ

"น่าเศร้าหน่อยนะ เพราะยังไงเขาก็ต้องตายอยู่ดี ฟังแล้วทำให้อกน้อย ๆ ของแกหักหรือเปล่า" น้ำเสียงกระเซ้าเย้าแหย่

เดรโกพยายามบอกตนเองว่าเขาไม่ได้เป็นห่วงแฮร์รี่ ไม่สำคัญว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนร่วมทางของเขาคนนี้ ทว่าว่ายิ่งฝืนใจเท่าไร ความรู้สึกมันกลับเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่สามารถนึกถึงเรื่องอื่นได้ กระแสความคิดกระเด้งออกไปในความมืด แล้ววนกลับมาใหม่ ย้อนมาเล่นงานเขาพร้อมเสียงหัวเราะอันชั่วร้ายของโวลเดอมอร์

"ฉันเฝ้ารอวันที่พอตเตอร์ตาย ฉันน่าจะฆ่าแกไปเสียก่อนหน้านี้ แกได้พิสูจน์แล้วว่าแกไม่มีค่าสำหรับฉัน คราวนี้ฉันจะฆ่าแกตายให้สมใจ เจ้าคนเนรคุณ"

เสียงเงียบลงเหมือนเตือนเป็นลางร้าย เขาจะมาบอกทำไม เดรโกสงสัย รู้สึกกระวนกระวาย ฉันรู้อยู่แล้ว ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันตกลงใจแล้ว ฉัน... ฉันจะไม่... ฉัน... เขาเริ่มรู้สึกอยากจับอะไรบางอย่างที่จับต้องได้ หากโวลเดอมอร์เอาชีวิตแฮร์รี่ไปและคงฆ่าเดรโกตามไปด้วยถ้าทำได้ เช่นนั้นแล้วก็ไม่จำเป็นต้องข่มขู่อีกจริงไหม ไม่มีอะไรต้องแลกอีกแล้วใช่หรือไม่

ราวกับตอบคำถามที่ค้างคาในใจ มันมีภาพเรืองแสงปรากฏออกมาจากความมืด เดรโกบอกไม่ได้ว่าเขาเห็นภาพนั้นด้วยตาจริง ๆ หรือว่าเป็นภาพที่จิตใต้สำนึกวาดขึ้น แต่มันไม่สำคัญหรอก แสงเรื่อเริ่มก่อตัวเป็นรูปร่าง รูปคน เป็นผู้หญิง ดูสง่า ผมสีเหลืองอ่อน ปากแต้มสีโทนคล้ำที่เคยเห็นเจนตา วางท่าผู้ดี

แม่...

"เจ้าหนูน้อยอยากมาหาหม่ามี้ไหมเอ่ย"

โอ้ ไม่... ไม่... เขาคงจะไม่... ไม่คิดจะ...

"อ้อ ฉันคิดแบบนั้นแหละ เจ้าเด็กโง่ ไม่มีอะไรที่ฉันเอาจากแกมาไม่ได้หรอก"

ทันทีทันใดดวงตาแม่เขาก็เบิกโพลงด้วยความหวาดกลัวสุดขีด พร้อมส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด ก่อนจะร่วงลงสู่พื้น

แม่! หยุดนะ! อย่าทำแม่นะ!

เดรโกพยายามพุ่งเข้าไปหาภาพนอนคว่ำหน้าตัวสั่นงันงกของ นาร์ซิสซา มัลฟอย ทว่าเขากลับขยับตัวไม่ได้

มันแค่มโนภาพ เป็นแค่ฝันร้าย อาจจะไม่ใช่ความจริง มันต้องไม่ใช่ความจริง! ฉันไม่ได้เห็นภาพนี้อยู่... ไม่นะ!แม่!

เสียงหัวเราะก้องสูงประสานกับเสียงกรีดร้องของแม่เขา เดรโกได้แต่ร้องครวญครางอย่างสิ้นหวัง นี่มันเกินจะรับไหว รู้สึกเวียนหัว คลื่นเหียน เขาทำท่าจะสำรอก ใจอ้อนวอนภาวนาให้มันสิ้นสุดลง

แล้วมันก็หยุดไปราวกับปาฏิหาริย์ ภาพของแม่เขาหยุดส่งเสียงร้องแล้วนอนหมดแรงกับพื้น มีเพียงเสียงสะอื้นน้อย ๆ ที่หลุดออกมาเป็นระยะ เดรโกพยายามจะเข้าไปหาอีกครั้ง ทว่าก่อนที่เขาจะได้ทำดังใจนึก โวลเดอมอร์ก็เอ่ยขึ้นมา

"หล่อนจะตาย เจ้าเด็กทรยศ จะตายลงช้า ๆ และเจ็บปวดเพราะแกนั่นอย่างไร ถ้าไม่นำพอตเตอร์คืนมาภายในสองวัน ฉันอาจจะไว้ชีวิตแต่แกต้องแสดงตัวออกมาก่อน แล้วฉันจะตามหา ยิ่งแกรอนานเท่าไร แม่แกก็จะทรมานมากเท่านั้น เวลาปรานีได้หมดลงแล้ว"

เสียงหัวเราะค่อย ๆ เลือนหายไป แต่ภาพของแม่เขายังอยู่ หล่อนค่อย ๆ เอามือดันศีรษะและไหล่ขึ้นจากพื้นนาร์ซิสซา มัลฟอย เคยทระนงด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี บัดนี้กลับคลานกับพื้นสะบักสะบอม พร้อมเลือดกบปาก

"เดรโก... ได้โปรด เดรโกลูกแม่... ลูกเคยทำให้แม่ภูมิใจ... ภูมิใจมาก..."

แม่!

"อย่าทิ้งแม่ไว้อย่างนี้... ได้โปรดกลับมาหาแม่..."

ทว่าภาพนั้นกลับรางเลือนไปอย่างราวเร็ว เขาพยายามจะเข้าไปหาแม่อีกครั้ง แต่ขยับไม่ได้ แม่อยู่ไกลเกินเอื้อมมือ และเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้ แม่กำลังจะตาย

เขาอาจช่วยได้ เขาแค่ต้องกลับไป ชีวิตเขาไม่มีค่าอะไรอยู่แล้ว คนทรยศอย่างเดรโกไม่คู่ควรกับนามสกุลด้วยซ้ำ แม่ผู้สวยสง่าและทระนงของเขา... กำลังต้องการเขา... ชีวิตแม่สำคัญกว่า...

แล้วแฮร์รี่ล่ะ เขาสละชีวิตแฮร์รี่อีกไม่ได้ ไม่อีกแล้ว เขาให้สัญญาไว้ และถ้าเขายังพอมีเกียรติหลงเหลืออยู่ เขาก็จะรักษาสัญญานี้ไว้ให้ถึงที่สุด

แม่ไม่ได้ชอบเด็กอะไรนัก แม่เคยไม่สนใจเขา แต่แม่ก็รักเขาในแบบของแม่เอง เขาไม่แน่ใจหรอก แต่มันต้องเป็นแบบนั้น แม่รักเขา!

แม่! ได้โปรด แม่ครับ!

แม่กำลังจะตาย และเดรโกก็อยู่ลำพังในความมืดมนนี้ เอื้อมมือไปไม่ถึง

เขาช่วยได้... เขามีกุญแจสำคัญ เขามีแฮร์รี่

แสนเหน็บหนาว แสนอ้างว้าง

เดรโกทรุดกายลงกับพื้นที่ไม่มีอยู่จริง ขดตัวสะอื้นไห้ตัวสั่นสะท้าน

เขารับมันไม่ไหว เขาเคยคิดว่ามันจะมีแค่ตัวเขาคนเดียวไม่เกี่ยวกับใคร แต่คราวนี้แม่เขาถูกคุกคาม นั่นก็เป็นเพราะเขา เพราะเขาคนเดียว และมันช่างเดียวดายเหลือเกิน

ครั้นแล้วก็มีแขนแกร่งโอบรอบตัวเขา

น้ำเสียงคุ้นเคยก้องอยู่ข้างหู "เดรโก"

เขาใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนจะจดจำเสียงนั้นได้ แฮร์รี่

"ไม่เป็นไรใช่ไหม ลืมตาเสียสิ ฉันอยู่นี่แล้ว..."

เดรโกกำลังจะร้องประท้วงว่าเขาทำไม่ได้ เพราะเขาไม่มีดวงตาให้ลืม ครั้นแล้วก็นึกได้ว่าหากแฮร์รี่กอดเขาได้ แสดงว่าเขาต้องมีร่างกายให้กอด และหากมีร่างกาย ก็ต้องมีดวงตา แขนนั้นกระชับแน่นขึ้น ประหนึ่งว่าแฮร์รี่กำลังดึงเขาเข้าสู่ห้วงความจริง

มีความรู้สึกหนักอึ้งบริเวณเปลือกตา แต่มันสามารถขยับได้แล้ว มีแสงเงินทอประกายอยู่ไกล ๆ เงาต้นไม้ในผืนฟ้ายามราตรีก็ค่อยปรากฏไร ๆ ให้เห็นผ่านความมืดแสนพิกล แม้กระทั่งดวงดาวยังส่องแสงแวววับมาให้ เดรโกตกใจเมื่อรู้สึกเหมือนได้กลับเข้ามาในร่างของตัวเอง ดังหนึ่งถูกโยนกระแทกกับกำแพงกระจก เขาสูดหายใจสั่นเครือระริกเข้าปอดเฮือกใหญ่ ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก กระหายหอบเอาอากาศ

"ใจเย็น ๆ" น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยขึ้นข้างหู "หายใจช้า ๆ"

"ฉัน... ห้ะ... เคราเมอร์ลิน แฮร์รี่" เขาซบบนหน้าอกแฮร์รี่ ผู้ที่เอาแขนโอบกายเขา เหนี่ยวรั้งไว้

"ไม่เป็นไร อย่าเพิ่งพูดก็ได้ ทำใจให้สบายหายใจเสียก่อน"

เดรโกส่ายศีรษะอย่างอ่อนแรง "ไม่... ไม่ได้... เขา... เขาจะ..." น้ำเสียงขาดระยะเพราะเสียงสะอื้น เขาไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำ ๆ ได้ และเขาก็ไม่อยากคิดถึงมัน

"ไม่ต้องห่วงนะเดรโก" ลำแขนกระชับแน่นขึ้น "เขาแค่พยายามทำให้นายกลัว แต่เขาทำอะไรนายที่นี่ไม่ได้หรอก เขาอาจจะเพิ่งนึกได้ว่านายยังกลัวไม่พอตอนที่นายพูดว่าเขาไม่ได้โกรธ ก็เลยมาลงมือใหม่เท่านั้นเอง"

"ไม่... ไม่ใช่แบบนั้น... ไม่ใช่ฉัน... แต่เป็น..."

"ใครเหรอ"

เดรโกอ้าปากหมายจะพูด แต่ทำไม่ได้ หากเอ่ยไปมันจะกลายเป็นจริง มันจะกลายเป็นแม่จริง ๆ ที่ลงไปนอนกับพื้นตรงนั้น กรีดร้อง เลือดไหล เขากัดปากล่าง ออกแรงบีบแขนแฮร์รี่พยายามจะกลับมาสู่ความเป็นจริง แฮร์รี่ที่อยู่ด้านหลังต้องสะดุ้งไปเพราะต้องความเจ็บ แล้วเดรโกก็คลายมือออก

"ไม่ต้องบอกฉันตอนนี้ก็ได้ ฉันเข้าใจ"

เดรโกกะพริบตา เกือบลืมไปว่า – ไม่สิ ลืมไปเลยว่าคนที่นั่งอยู่กับเขาคนนี้คือใคร "แล้วแผลเป็น... รู้สึกไหม"

เขารู้สึกได้ว่าแฮร์รี่พยักหน้าอยู่เบื้องหลัง "อือ ฉันรู้สึกได้ก่อนจะเห็นว่านายผิดปกติไป ตอนนั้นฉันก็เลยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น"

แฮร์รี่รู้สึกได้สินะ เดรโกอยากรู้เสียจริงว่าแฮร์รี่จะเห็นภาพนั้นด้วยหรือเปล่า เสียแต่คิดแล้ว ภาพของแม่ก็ผุดขึ้นมาในใจ ตัวเขาสั่นสะท้านไม่ทันตั้งตัว

"เดรโก"

ลิ้นเขาแข็งชาเมื่อได้ยินเสียงแม่กรีดร้องก้องในโสตประสาท เขาครางอ่อน ๆ แล้วส่ายหน้า

"แย่ขนาดนั้นเลยเหรอฮึ"

เดรโกมองขึ้นไปหาแฮร์รี่ "มาก"

แฮร์รี่ดูเหมือนใช้ความคิดไต่ตรองอยู่ชั่วครู่ "รู้ไหม ใช่ว่าทุกอย่างที่เขาแสดงให้ดูจะเป็นความจริง"

โดยพลันเชือกจินตนาการที่เกี่ยวพันหน้าอกเดรโกไว้เส้นหนึ่งก็ขาดสะบั้นไป ทำให้หายใจได้อีกครั้ง "อะไรนะ"

แฮร์รี่พยักหน้า ประหนึ่งว่าปฏิกิริยาของเดรโกบ่งบอกว่าสิ่งที่เขาค้างคาใจอยู่นั้นเป็นจริง "เขาจะขุดค้นเข้าไปในความคิดของนาย เสาะหาสิ่งที่นายกลัวที่สุด หรือสิ่งที่นายรักที่สุด แล้วใช้สิ่งนั้นต่อกรกับนาย" เขาใช้สุ้มเสียงต่ำ "เรื่องนี้เขาเก่งทีเดียวละ อาจหลงเชื่อได้"

"นายจะบอกว่า..."

"อย่าเชื่อทุกสิ่งที่เขาแสดงให้ดู"

"นายรู้ได้ยังไง"

แฮร์รี่ขมวดคิ้ว "เพราะเขาเคยทำกับฉันมาแล้ว"

เดรโกไม่รู้ว่าควรโต้ตอบอย่างไรดี จึงพยักหน้าแล้วหันไปทางอื่น มันเหมือนจริงมาก แม้มันอาจเป็นเพียงภาพลวงตาก็ตาม แต่หากไม่ใช่ล่ะ แม่ต้องการเขา เขาต้องช่วยแม่... แต่เขาสัญญากับแฮร์รี่แล้ว สำหรับแฮร์รี่... อย่างที่จอมมารพูดไว้... แน่ละ เขากับแฮร์รี่ได้เริ่มสนิทชิดเชื้อกัน อาจเรียกได้ว่าเพื่อน... ทั้งคู่เชื่อใจกัน แต่แฮร์รี่ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ไม่เท่าแม่ของเขา

เช่นนั้น เขาจะยอมแลกแฮร์รี่กับแม่กระนั้นหรือ

ไม่ยอม ยอม ไม่ยอม!

นี่มันมากเกินรับไหว เขาไม่อยากคิดถึงมันอีกแล้ว ร่างกายเขาร้าวระบมไปหมด ราวกับว่าได้ข้ามภูเขามาเป็นสิบกว่าลูก คล้ายกับที่ข้ามมาก่อนหน้านี้ ด้วยว่าไม่มีแรงจะผละหนี เขาอ่อยกายคลายเส้นบนตัวแฮร์รี่ พยายามรวบรวมแรงและกำลังตราบที่ยังหาได้

ครั้นแล้วเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้

"นายคือคนดึงฉันออกมาจากภาพฝัน"

"ว่าไงนะ" แฮร์รี่ทำเสียงฉงน

"คราวที่แล้ว... ฉันจับอะไรไม่ได้ในมโนภาพนั้น ไม่มีพื้น ไม่มีอากาศ ฉันจับตัวฉันเองยังไม่ได้ แต่คราวนี้... ฉันรู้สึกได้ถึงแขนนาย ราวกับเป็นสมอ ที่ดึงฉันออกมา" เขาเว้นช่วง ขบริมฝีปากตัวเอง กลัวว่ามันจะฟังดูโง่เง่า แต่มาถึงจุดนี้แล้ว เขาคงดูน่าสมเพชไปกว่านี้ไม่ได้แล้วละ เขาได้แต่ถอนหายใจ "ขอบใจนะ"

แฮร์รี่ไหวไหล่ "นายเป็นฉัน ก็คงทำแบบเดียวกัน"

เดรโกประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดแบบนั้นมาก่อน "ฉันคงไม่รู้ว่าควรทำยังไง"

"ฉันก็ไม่รู้" แฮร์รี่ลังเลใจ "มันเหมือนเป็นสัญชาตญาณ ฉันคว้าตัวนายมาประคองไว้ แล้วนายตอบสนอง ฉันจึงทำอยู่อย่างนั้นไม่ปล่อยไป"

"โอ้"

แฮร์รี่ทำเสียงเล็ก ๆ ออกมา เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับเงียบไป

เดรโกบิดตัวเล็กน้อยเพื่อมองหาอีกฝ่าย "มีอะไรเหรอ"

"ขอโทษนะ"

คราวนี้เดรโกเป็นฝ่ายฉงนบ้าง "เรื่องอะไร"

"ที่ทิ้งให้นายอยู่คนเดียวตั้งแต่แรก"

เดรโกครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วดันตัวออกทางด้านข้าง แล้วลุกขึ้นนั่ง หันหน้าไปหาแฮร์รี่ในความมืด "อะไรกัน... แฮร์รี่ นายคิดจริง ๆ เหรอว่าการที่นายอยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร มีส่วนทำให้โวลเดอมอร์เข้ามาในหัวฉัน"

"ก็..." เดรโกมองเห็นหน้าแฮร์รี่ชัดพอจะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังขบริมฝีปากอย่างครุ่นคิด "หนที่แล้วที่นายหลับไปคนเดียว คือตอนที่โวลเดอมอร์เข้ามายุ่งกับนาย นับแต่นั้น... ฉัน...ก็เลยรู้สึกว่าฉันปล่อยให้นายไปสู้กับเขาเพียงลำพัง"

ดูภายนอกเดรโกนั้นทำทีกลอกตา แต่ข้างในลึก ๆ แล้ว เขาคิดว่ามันก็มีเหตุผลอยู่ แน่ทีเดียวว่าเขารู้สึกปลอดภัยกว่าเมื่อมีแฮร์รี่อยู่ด้วยตรงนี้ กระนั้นก็ดี เขาไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวข้องอะไรกัน

"แฮร์รี่ ก็แค่บังเอิญเท่านั้นแหละน่า" เดรโกบอก พยายามทำใจให้เชื่อทั้งที่ยังติดใจ "คนที่คุณก็รู้ว่าใครคงเห็นว่าเราทำตัวสบายเกินไป และก่อนนี้เราก็พูดถึงเขาด้วย เขาเลยคิดจะมาก่อกวนฉัน มาทำให้ฉันกลัว" อาจจะฟังไม่ขึ้น แต่นั่นคือสิ่งที่เขาอยากบอกกับแฮร์รี่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโป้ปดเพื่อบอกในสิ่งที่คนอื่นอยากได้ยิน และที่ทำไปก็เพราะเขาหวังดีกับแฮร์รี่ เขาเอื้อมมือไปสะกิดแขนอีกคน "ตราบใดที่นายยังอยู่กับฉัน ไม่ว่าจะใต้ผ้าคลุมเดียวกัน หรือห่างออกไปหลายเมตร เขาก็ทำให้ฉันกลัวจนเปลี่ยนใจไม่ได้หรอก เราตกลงกันเรื่องนั้นแล้วนี่จริงไหม"

แฮร์รี่ชะเง้อมองท้องฟ้า แล้วเหลือบมามองเดรโก "คิดว่าจะนอนหลับไหม"

เดรโกนิ่งไปพลัน ไม่มีทางที่เขาจะกลับไปนอนตอนนี้แน่ ไม่ว่าโวลเดอมอร์จะกลับมาอีกหรือไม่ก็ตาม ภาพแม่กรีดร้องจะตามเข้าไปหลอกหลอนในฝันอีกเป็นแน่ ที่จริงเขาก็ไม่ได้ง่วงขนาดนั้น เขาจะคอยสอดส่องเฝ้ายามไปจะดีกว่า เขา...

แฮร์รี่พยักหน้าช้า ๆ "คงไม่สินะ"

อาการร้อนตัวปะทุขึ้นมาทันใด "ไม่ใช่ว่าฉันนอนหลับเองคนเดียวไม่ได้หรอกนะพอตเตอร์ ฉันแค่ยังตาสว่างอยู่ก็เท่านั้น เพิ่งเจอเรื่องร้ายมาหยก ๆ คงหลับไม่ลงง่าย ๆ หรอก ฉันจะไปอยู่เฝ้ายามตรงโน้นก็แล้วกัน –"

เขาตั้งใจจะยืนขึ้นแล้วเดินดุ่ม ๆ ไปตรงที่ตั้งแค้มป์ก่อนนี้ แต่พอลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาก็รู้ทันทีว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดี แข้งขายังคงขัดยอกจากการปีนเขา มโนภาพนั้นคงผลาญพลังงานไปมากกว่าที่คิด เลือดแล่นพรวดพราดในหัว ต่อมาที่รู้คือเขาไปนอนกองกับพื้น พอลืมตาขึ้นมาก็รู้สึกว่าแฮร์รี่เอามือมาอังหน้าผาก

"เดรโก"

ทั้งไม่สบอารมณ์ ทั้งกระดากอาย เดรโกรีบปัดมือแฮร์รี่ออก "อย่าทำ"

"ก็ได้ ๆ" แฮร์รี่บอกง่าย ๆ

เดรโกส่งเสียงต่ำในลำคอ "ฉันแค่ยืนขึ้นเร็วไปหน่อย"

"อือฮึ"

น้ำเสียงใจเย็นของแฮร์รี่ยิ่งทำให้เดรโกเคือง ชายหนุ่มออกแรงลุกขึ้นนั่ง "และฉันก็ไม่ได้ต้องการให้นายช่วย"

"ไม่มีปัญหา"

เดรโกหมดความอดทน แฮร์รี่ พอตเตอร์คนเก่ง เย็นใจทุกที เป็นฮีโร่ตลอด รู้คำตอบของทุกปัญหา... บ้าจริง!"ทำยังงั้นทำไม!"

"ทำอะไร" แฮร์รี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงใจเย็นจนน่าหมั่นไส้

"ฉัน... ก็นาย..." เดรโกยกมือชี้โบ้ชี้เบ้เก้ ๆ กัง ๆ ขบเขี้ยวยิงฟัน แฮร์รี่คือคนกั้นกลางระหว่างเขากับการช่วยแม่ ความสัมพันธ์ของเขาที่มีต่อแฮร์รี่ ทำให้แม่ตกอยู่ในอันตราย นี่เป็นความผิดเขา... เขาไม่...

เดรโกรู้ว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงเอามึงลงแล้วบ่ายหน้าหนี "ไม่ต้องมาทำดีกับฉัน ฉันดูแลตัวเองได้"

ปล่อยเงียบอยู่นานทีเดียว "แหม... ฉันนึกว่าเราต้องช่วยกันเสียอีก และถ้าเกิดว่าฉันต้องการความช่วยเหลือจากนายขึ้นมา ฉันก็จะรู้สึกดีที่ได้ช่วยนายไว้ก่อนแล้ว"

เดโกชำเลืองไปก็เห็นว่าแฮร์รี่หันไปอีกทาง เดรโกหายใจแรงพลางเอื้อมมือหยิบผ้าคลุมมาจัดแจงแบ่งพื้นที่ไว้ให้แฮร์รี่ด้วย "นายต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่นตั้งแต่เมื่อไร"

แฮร์รี่ตอบกลับแผ่วเบา "ทุกเมื่อนั่นแหละ"

เดรโกรู้สึกว่าการต่อปากต่อคำของเขาหยุดลงเอาเสียดื้อ ๆ เขาได้แต่นั่งตรงนั้น จ้องมองแฮร์รี่ งงงันเต็มที ความกระดากอาย อารมณ์ฉุนเฉียว ความสำนึกผิด และความกริ่งเกรง กำลังประเดประดังเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง ขณะเดียวกันสายตาแฮร์รี่ก็จ้องมองมาทางเขาผ่านแสงนวลจันทร์เรืองอ่อน

ท้ายที่สุดเขาก็รับมันต่อไปไม่ไหว เขาตะบึงตะบอนคว้าผ้าคลุมมาห่ม แล้วล้มตัวลงนอนหันหลังให้แฮร์รี่ พยายามข่มตาหลับ ฟันกัดริมฝีปากแรงไม่น้อย สองวันมานี้ อะไร ๆ ก็ดูจะบรรเทาเบาบาง เหมือนจะดี แทบจะลืมเรื่องร้ายต่าง ๆ ไป ปล่อยใจเพลิดเพลินไปกับการมีแฮร์รี่เป็นเพื่อนร่วมทาง เขาไม่บอกให้แฮร์รี่รู้หรอกว่า เขานับอีกฝ่ายเป็นเพื่อนแล้ว หนทางข้างหน้ามีอุปสรรคขวากหนาม เรื่องนั้นเขารู้ดี มันคือเส้นทางที่เขาเลือก ความคิดอาจหวั่นไหว หัวใจอาจยังกลัว ทว่าเส้นทางของเขายังมั่นคงเสมอมา

คราวนี้... เขาได้ยินคำยั่วยุของโวลเดอมอร์ จอมมารดูถูกมิตรภาพที่เขาเพิ่งพบนี้ คอยย่ำยีกล่าวร้ายไม่แย่แส เขาได้ยินเสียงแม่กรีดร้องทรมาน เขานี่โง่เขลานัก... ใจมันรู้สึกสั่นคลอนอีกครั้ง

และรู้สึกเดียวดายอีกครา

แฮร์รี่เอาตัวมาซุกใต้ผ้าคลุม ห่มกายเขาและเดรโกไว้ เดรโกไม่รู้จะทำตัวอย่างไรจึงได้แต่นิ่งไป รู้สึกไม่สะดวกใจเหมือนเช่นคืนแรกที่นอนห่มผ้าคลุมผืนเดียวกัน เขาอยากจะผ่อนคลายแต่ทำไม่ได้ เพราะแฮร์รี่อยู่ตรงนี้ใกล้ ๆ สัมผัสได้ถึงเรือนกายอุ่นอยู่ข้าง ๆ... คนคนนี้ที่เขารู้จักดีในช่วงสี่ซ้าห้าวันให้หลัง... คนที่เขานับถือและชมชอบอยู่ในใจ... คนที่เขาได้ให้คำมั่นสัญญาไว้

แต่แล้วกลับมีแม่ แม่แท้ ๆ ในสายเลือดของเขา

จะให้เขาเลือกได้อย่างไรกัน

เขารอให้แฮร์รี่พูด แต่กลับไม่มีเสียงใดเว้นแต่เสียงใบไม้ลู่ลม เดรโกไม่กล้าเป็นคนทำลายความเงียบนี้ด้วยตัวเอง

นานทีเดียวกว่าเดรโกจะหลับไป

แฮร์รี่ยังนอนลืมตาอยู่ด้านหลัง รอให้เดรโกพูด เขาเป็นห่วง เดรโกเห็นอะไรในมโนภาพนั้น ทำไมถึงได้อารมณ์ร้อน อีกฝ่ายปิดบังอะไรอยู่ แต่เดรโกไม่ได้พูดอะไร

นานทีเดียวกว่าแฮร์รี่จะหลับไป

***************

ที่นอนถูกเก็บอย่างเงียบเชียบในแรกแสงอรุณเบิกฟ้า บรรยากาศดูหม่น ๆ และห่อเหี่ยวในหมอกหนา เดรโกรู้สึกจะมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่กว่าเมื่อคืน และแฮร์รี่ก็ไม่มีอารมณ์จะพูดโต้ตอบอะไรตอนนี้ เขาแทบไม่ได้นอน พอหลับไปกลับฝันแปลก ๆ เป็นครั้งแรกในหลายวันที่ผ่านมา

เขาอยู่ในกระทรวงเวทมนตร์ ตาทอดมองลูกแก้วบรรจุเวลา แต่แทนที่จะเป็นฮัมมิงเบิร์ด มันกลับปรากฏเป็นดวงจันทร์เล็ก ๆ ดวงจันทร์ดวงนั้นเปลี่ยนระยะข้างขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เต็มดวงเสียที ก่อนจะกลับมาเป็นข้างแรม รอบกายเขาได้ยินเสียงนาฬิกาเดินติ๊กต็อก ๆ ต่อเนื่องกัน พอมองออกไปก็เห็นเดรโกยืนอยู่ตรงหน้าไม่ไกลนัก ไม่ได้อยู่โถงทางเดินในกระทรวงแล้ว แต่อยู่บนสะพานไม้ริมแม่น้ำ เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋าที่มีโซ่ทองห้อยออกมา ทว่ามันไม่ใช่นาฬิกาพก หากแต่เป็นกิ่งไม้ที่เดรโกขีดเครื่องหมายไว้ในแต่ละวัน มันถูกตัดออกจนเล็กเกือบเท่าไม้จิ้มฟัน เราจะไม่ทันแล้วนะ นั่นเป็นความผิดนาย เขาพูด ฉันต้องกลับบ้าน แม่เรียกฉันแล้ว เขาเก็บกิ่งไม้นั้นเข้าไว้ในกระเป๋า จากนั้นก็ก้าวลงไปในแม่น้ำ พอได้ครึ่งทางเขาก็หายลับไป

มันเป็นแค่ความฝัน ไม่ใช่ภาพลวงตาใด ๆ ถึงกระนั้นมันก็ประหลาดมาก ๆ แฮร์รี่รู้สึกไม่สบายใจยังไงชอบกล เขาอาจจะแค่คิดมากไปก่อนจะนอน เดรโกทำตัวแปลก ๆ พวกเขาอยู่ในป่านานเกินไป และมันก็แค่ความฝัน คงเพราะความเครียด คงไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น มันไม่ได้ทำให้แฮร์รี่สบายใจขึ้นเลยที่เห็นเดรโกตื่นมาข้างกัน

แฮร์รี่ถอนหายใจแล้วหันไปเก็บที่สถานที่ต่อ เขาเสกก้างปลาให้เป็นก้อนกรวดแล้วโยนทิ้งลงแม่น้ำ ส่วนเดรโกก็ซ่อนร่องรอยของการตั้งแค้มป์ ทั้งสองช่วยกันเอาใบไม้ไปคลุมบริเวณที่พวกเขานอน ผ้าคลุมถูกย่อขนาดลงแล้วแฮร์รี่ก็เดินไปหมายจะเอาไปเก็บไว้กระเป๋าสัมภาระ แต่เดรโกคว้าไปก่อนแล้วสะพายไว้บนบ่า

แฮร์รี่ทำท่าจะพูดแต่ก็ต้องห้ามตัวเองไว้ เขาจะพูดอะไรได้ อากาศเย็นจากเมื่อคืนยังลอยคว้างกลางอากาศ และนั่นก็เป็นผ้าคลุมของเดรโก กระนั้นแล้ว กลับรู้สึกราวกับว่าเดรโกจงใจจะสร้างกำแพงกั้นพวกเขาไว้ตอนที่เขาฉวยผ้าคลุมไปคลุมไหล่และหันหลังให้แฮร์รี่ แฮร์รี่ส่ายหน้า พยายามไม่แสดงออกว่าเขารำคาญใจเพียงใด เมื่อได้ย่ามไปแล้ว เดรโกก็เอ่ยปากโดยไม่หันมามอง

"ไปทางไหน" เสียงเขาเยือกเย็นเฉกเช่นอากาศยามนี้ และดูไม่เป็นตัวของตัวเอง นั่นทำให้แฮร์รี่ตะขิดตะขวงใจยิ่งกว่าความเงียบเสียอีก

แฮร์รี่เอาไม้กายสิทธิ์วางบนฝ่ามือ "บอกทาง" เขาร่ายคาถาเสียงเรียบ เมื่อไม้กายสิทธิ์หยุดหมุน แฮร์รี่ก็เดินไปทางใต้โดยไม่ได้ปริปากบอกเดรโก เขาไม่หันกลับไปมอง แต่เงี่ยหูฟังเพื่อให้แน่ใจว่าเดรโกกำลังตามมา เสียงฝีเท้าบนใบไม้ยืนยันว่าเดรโกไม่ได้ทำตัวงี่เง่าจนเกินควร อย่างน้อยเขาก็มีสามัญสำนักที่จะไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกจับได้

หลังจากที่ได้ร่วมเดินทางกับคนที่ไม่คิดว่าจะได้ร่วมทางด้วยมาเกือบ ๆ สัปดาห์ – และก็น่าแปลกที่เขาเผอิญชอบมัน ตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่ากลับไปเริ่มวันแรกใหม่ ในหลายวันมานี้ นี่เป็นวันแรกที่เขาเดินทางกับมัลฟอยไม่ใช่เดรโก ในใจเขาคิดว่าสายตามัลฟอยมองมาที่ท้ายทอยประดุจน้ำแข็งกำลังทิ่มเข้ามา แต่เมื่อหันไปมองกลับพบว่ามัลฟอยแค่เดินก้มหน้ามองพื้น อย่างน้อยเขาก็ไม่เดินสะสุดกิ่งไม้หรือกอหนามอีกแล้ว

แฮร์รี่หันกลับมาจดจ่อกับการเดินของตนเอง ผืนดินบริเวณที่ลุ่มตรงนี้ต่างไปจากดินริมแม่น้ำกว้างที่เดินผ่านมาเมื่อวาน เนื้อเดินร่วนซุยเกือบเป็นสีดำสนิท ก้าวเท้าลงดินก็ยุบยวบลงไปด้วย อากาศอุดอู้เพราะความชื้นและความเย็น มันเฉือนลึกถึงเนื้อหนังและกระดูก ต้นไม้กว่าครึ่งแห้งตาย โค่นลง กิ่งก้านบ้างก็หักมากองที่พื้น ไม้เล็กระดับพื้นโดยมากเป็นต้นเฟิร์นเกิดใกล้กันเป็นหย่อม ๆ บ้างก็ทอดเถาพันกันชวนให้สะดุดเพื่อเรียกความสนใจ ไม่ใช่ภาพที่น่าอภิรมย์นัก ทว่าแฮร์รี่เหนื่อยล้าเกินกว่าจะใส่ใจ

หรือไม่เขาก็เหนื่อยเพราะเขาไม่อยากใส่ใจกระมัง

ความเงียบสงัดระหว่างเขากับมัลฟอยชวนให้อึดอัดใจอย่างไรบอกไม่ถูก แต่เขาจะไม่เป็นคนเปิดปากพูดก่อนหรอก

อากาศเย็นเริ่มเปลี่ยนเป็นร้อนชื้นเมื่อฟ้าสว่างขึ้น แฮร์รี่ถอดเสื้อไหมพรมออกมาผูกไว้ที่สะเอว เหลือบมองหลังไปก็เห็นเดรโกยังสวมผ้าคลุมอยู่ เขาหัวเราะเบา ๆ

"ยังไม่หายหนาวเหรอมัลฟอย" ทันทีที่เอ่ยปาก แฮร์รี่แทบจะเขกหัวตัวเองที่เผลอเป็นคนพูดก่อน

ดวงตาเดรโกตวัดขึ้น มันประกายความเดือดดาลจนแฮร์รี่ตกใจ "ฉันไม่ต้องการให้ กริฟฟินดอร์ผู้แสนดี ใจอารี อย่างนายมาเป็นห่วง"

แฮร์รี่รู้สึกไม่ชอบใจ จึงหันหลังไปถลึงตาใส่อีกฝ่าย "งั้นก็ขอโทษแล้วกัน" เขาพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน "ลืมไปเสียสนิทว่าฉันต้องทำตัวเป็นคนหยิ่ง ฉันก็แค่คิดว่านายอาจร้อน ใส่ผ้าคลุมหนาอย่างนั้น"

เดรโกหยุดชะงัก "ฉันน่าจะรู้นะ ก็พอตเตอร์ก็ทุกเรื่องนี่น่า" เขาแสร้งแสดงเอาหลังมือทาบหน้าผาก "เอ้อ พอตเตอร์ บอกได้ไหมว่าฉันต้องใส่อะไร เพราะฉันเลือกชุดใส่เองไม่เป็น! และถือผ้าคลุมให้ด้วยได้ไหม! มันหนักเกินไปสำหรับคนตัวเล็กอย่างฉัน!"

แฮร์รี่ยืนนิ่งตะลึงงัน แขนแนบข้างลำตัว ไม่รู้เลยว่าจะโต้ตอบอย่างไร มัลฟอยมองเขาพลางแสยะยิ้มให้ รอยยิ้มนั้นเขาคุ้นเคยดี มันคือรอยยิ้มเหยียดหยันที่อีกฝ่ายชอบทำตอนปีหนึ่ง แฮร์รี่หรี่ตาลงด้วยโมโหให้คู่ปรับเก่าคนนี้

"พอกันที ฟังนะมัลฟอย" แฮร์รี่ขึ้นเสียง ชอบที่ได้เห็นเดรโกทำหน้าฉุนเฉียวตอบมา "ฉันไม่รู้ว่าเมื่อคือนายเห็นอะไร หรือทำไม่จู่ ๆ นายถึงเปลี่ยนจากมนุษย์มนากลับไปเป็นเจ้างั่งเหมือนตอนที่อยู่ฮอกวอตส์ แต่รู้อะไรไหม ฉันไม่แคร์!"

เดรโกเหมือนจะชะงักไป แต่ก็เก็บซ่อนอาการไว้ได้อย่างรวดเร็ว "อ๋อ แน่สินายไม่สนหรอก พ่อฮีโร่น้อย นายก็ไม่เคยแคร์อะไรอยู่แล้วนี่ นายแค่อยากหาทางออกจากคุก และฉันก็คือตัวเลือกที่ง่ายที่สุด"

แฮร์รี่ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะได้ยินจากปากอีกคน มัลฟอยเป็นบ้าอะไรไป แน่นอนละแฮร์รี่แคร์

ไม่สิ เมื่อก่อนนี้เขาเคยแคร์ เรื่องมิตรภาพเหลวไหลอะไรนั่นมันคือความผิดพลาดตั้งแต่ต้น และตอนนี้แฮร์รี่ก็รู้แล้วว่าทำไม มันก็แค่เรื่องตลกโง่ ๆ! ก็แค่ผลของสถานการณ์เลวร้ายนี้เท่านั้น ท้ายที่สุดแล้ว หมอนั่นก็คือมัลฟอยอยู่วันยังค่ำ! เป็นมัลฟอยมาโดยตลอด และก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เขาน่าจะตาสว่างเร็วกว่านี้ ด้วยท่าทีที่มัลฟอยแสดงออกตอนนี้ เขาไม่สมควรได้รับความเห็นใจด้วยซ้ำ และถ้ามัลฟอยต้องการให้มันเป็นแบบนี้ เช่นนั้นเขาก็จะได้สมใจอยาก

"เออแน่ะมัลฟอย นายจะเชื่อแบบไหนก็เรื่องของนาย ตามใจเลย ไม่ต้องสงต้องสนเรื่อง 'จุดหมายเดียวกัน' บ้าบอนี่อีกแล้ว"

วาจาเกรี้ยวกราดทำเอาเดรโกชะงักงันไป ทันใดก็ตระหนักได้ว่าคราวนี้แฮร์รี่เอาจริงเข้าแล้ว ดวงตาเขาเบิกโพลงด้วยความตกใจ และเหมือนจะผลุบตัวเข้าไปในผ้าคลุมเล็กน้อย เจ้าคนขี้ขลาดเอ๊ย! นี่ยิ่งจะปลุกปั่นให้แฮร์รี่ได้ใจยิ่งขึ้น

"ฉันเกือบจะนับถือนายอยู่แล้ว รู้หรือเปล่า ฉันโง่ถึงขนาดที่คิดว่านายจะเปลี่ยนได้ แต่ที่ไหนได้นายหนีออกมาก็เพราะนายกลัวโวลเดอมอร์จนขี้ขึ้นสมอง และตอนนี้นายก็ทำตัวงี่เง่าเพราะรับแรงกดดันไม่ไหว ฉันจะบอกอะไรให้นะมัลฟอย ชีวิตมันไม่ได้ง่าย! มันไม่ได้ยกพานเงินพานทองมาประเคนถึงมือคุณหนูอย่างนาย ชีวิตไม่ได้สนว่านายจะเป็นใคร มาจากครอบครัวไหน เพื่อนนายเป็นใคร มันไม่สนใครทั้งนั้น และถ้านายคิดว่าจะมาร่วมทีมกับฉันเพียงเพราะรู้ว่าฉันรอดชีวิตจากโวลเดอมอร์ได้หลายครั้ง ขอบอกเลยว่านายมันซื่อบื้อกว่าที่ฉันคิด"

ชั่วครู่หนึ่งเดรโกดูอึ้งไป ก่อนจะรีบครองสติกลับมาใหม่ แฮร์รี่รู้แน่แล้วว่าเขากำลังรับมือกับหน้ากากของคนคนนั้น คนที่เป็นตัวตนที่แท้ของเดรโกมานานปี แต่ตอนนี้นั้นเขาไม่สนอีกแล้ว ตลอดเวลาที่พวกเขาร่วมทางกันมา ความตึงเครียดนั้นมีมาก ความผูกพันและมิตรภาพจึงถูกสร้างขึ้นมาอย่างฉาบฉวยเกินไป มันเทียบไม่ได้กับความเคืองแค้นแต่เก่าก่อนภายใต้แรงกดดันเช่นนี้ แม้ว่าเมื่อคืนเขาจะพยายามแก้ไขมากเพียงไร แม้จะเดินทางมาไกลไหน ตอนนี้มันไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว เลือดร้อนปะทุในร่างกาย นิ้วม้วนเป็นกำปั้นแน่น เขาจะคอยดูว่ามัลฟอยจะทำอะไรต่อไป

เดรโกก้าวเท้าไปข้างหน้า ดวงตาหรี่ลง "พูดอย่างนี้นายคงอยากกลับเข้าไปในกรงอีกสินะ" เขาขู่

"พูดออกมาจนได้" แฮร์รี่ทำท่าจะก้าวเข้าไปหา แต่แล้วกลับเกิดความคิดใหม่ ก่อนจะก้าวถอยออกมา "แต่บางทีนายคงอยากกลับเข้าไปเหมือนกัน"

ความโกรธบนใบหน้าของเดรโกส่อแววความกลัวในทันที "นั่นจะทำบ้าอะไรน่ะ"

"อย่าขู่คนอื่นในเรื่องที่ตัวเองก็รับมือไม่ไหว มัลฟอย"

นี่มันบ้าบอที่สุด ทั้งที่คอยระวังมาตลอด ทั้งที่มาไกลถึงขนาดนี้ แฮร์รี่รู้ว่าเขากำลังทำตัวอยู่เหนือเหตุผล แต่มันไม่สำคัญอีกแล้ว แฮร์รี่ไม่ได้จะพิสูจน์ว่าตัวเองถูก เขาไม่ได้จะเล่นเกมจิตวิทยาอะไรทั้งนั้น เขาแค่โกรธ

"ถ้าเขาหานายเจอ ฉันมั่นใจว่าเขาจะเจอฉันด้วย หรือไม่ถ้าเขาเจอฉันก็จะเจอนายด้วย เพียงแต่ว่านายเคยรอดมาได้บ่อยครั้งกว่าเท่านั้น" แฮร์รี่เอานิ้วสัมผัสกับสายสร้อยเครื่องเวศมกำบัง ชอบใจนักที่ได้เห็นเดรโกหน้าซีดเป็นไก่ต้ม "คราวนี้ฉันขอเลือกทางของฉันเองบ้าง!"

"ฮะ – แฮร์รี่... อย่า" เดรโกสะอึก "ฉันให้ไว้... เพราะเชื่อใจนะ!"

"นายจะไปรู้อะไรเกี่ยวกับความเชื่อใจ!" แฮร์รี่ตะคั้นตะคอก

เดรโกหายใจแรงและถี่รัว "ฉันรู้ว่านายไม่อยากทำหรอก!"

"นายจะมารู้ได้ยังไงว่าฉันอยากทำอะไร ไม่อยากทำอะไร!" แฮร์รี่คำรามลั่น

"เพราะ... เพราะนายบอกฉัน" สายตาเดรโกจดจ้องอยู่กับเครื่องเวศมกำบังอย่างพะวักพะวง ไม่ได้มองแฮร์รี่ เขาไม่สนที่แฮร์รี่บอกหรอก แฮร์รี่คิดอย่างขมขื่น เขาสนแค่กะลาหัวตัวเองเท่านั้นแหละ

"อ๋อ แสดงว่านายฟังแค่ตอนที่อยากฟัง สนแค่ตอนที่อยากสนงั้นสินะ" แฮร์รี่ล่าถอยอีกก้าว เจียนล้มเพราะดินที่ร่วนยุ่ย "เมื่อไรที่มีปัญหา ก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม คนทั้งโลก หันมาสนใจฉันสิ เพราะฉันคือเดรโกมัลฟอย"

เดรโกจากหน้าซีด ๆ ตอนนี้กลายเป็นเขียวภายในเสี้ยววินาที "ทำไมนาย... ช่างจองหอง อวดดี ขี้โอ่ ไม่สำนึกบุญคุณ!"

"ไม่สำนึกบุญคุณ ไม่สำนึกบุญคุณเหรอ นายคือคนพาฉันมาเจอเรื่องบ้า ๆ นี่แต่แรกนะ!"

"จะต้องให้ขอโทษอีกสักกี่ครั้ง!" เดรโกแผดเสียงอย่างสิ้นหวังเต็มที

แฮร์รี่จ้องมองเขา ดูเหมือนประเดี๋ยวประด๋าว แต่กลับรู้สึกยาวนานเหลือทน ในที่สุดก็กระซิบออกมาเสียงพร่า "ก็จนกว่าฉันจะเชื่อนายละมั้ง"

เดรโกอ้าปากค้างพูดไม่ออก ตาเริ่มแดงแต่แห้งหาก หากเป็นวันก่อน แฮร์รี่คงไม่คิดจะทำอย่างนี้ ตอนนี้อารมณ์เขามีมากกว่าเหตุผลทั้งปวง เขาทำให้เดรโกมาอยู่จุดที่เขาต้องการมาหลายปีได้แล้ว อยู่ใต้อาณัติ อ้อนวอน ครวญคราง และน่าสมเพช กระนั้นก็ตาม... เดรโกพูดถูกอยู่เรื่องหนึ่ง แฮร์รี่ไม่อยากกลับไปหาโวลเดอมอร์ และเขาจะไม่ส่งใคร – แม้แต่เดรโก – ให้ไปตกอยู่ในชะตากรรมนั้น

แฮร์รีขมวดคิ้วทำหน้าแน่วแน่ "ที่ฉันยังไม่เปิดโปงที่อยู่เรา ก็เพราะฉันไม่อยากกลับไปที่นั่นอีก และอยากจะรักษาสัจจะ"

เดรโกดูสับสนเล็กน้อย แล้วก็โล่งอกไป ทว่าดวงตาเขาเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าแฮร์รี่ก้าวถอยไปอีก "แฮร์รี่ –"

"ฉันไม่สนว่านายจะทำอะไร กลับไปเลยถ้าอยากไป แต่ฉันไม่กลับไปกับนายอย่างแน่นอน ฉันจะรอด ดูเหมือนว่าฉันจะเอาตัวรอดเก่งพอสมควร" ถอยไปอีกก้าว เท้าเหยียบลงพื้นเบื้องล่าง ดินยุบลงไปมาก แต่เขาเอาเท้าออกมายืนได้ใหม่

"แฮร์รี่เดี๋ยว –"

"หุบปาก" แฮร์รี่ตะคอก เดินถอยไปอีก "เอาอย่างงี้ นายบอกว่าเจ้าเครื่องนี้มีรัศมีอย่างน้อยยี่สิบห้าเมตรใช่ไหม งั้นนายก็ไปอยู่ยี่สิบห้าเมตรโน่น จนกว่านายจะมีความคิดเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง"

"แฮร์รี่หยุดก่อน! ขอร้องละ! นายกำลังจะ –"

"อย่ามายุ่งกับฉันมัลฟอย แล้วฉันจะไม่ยุ่งกับนาย แต่ตามฉันมาให้ทันละ เพราะฉันจะไม่รอ" แฮร์รี่บอกเรียบ ๆ หันหน้าไปอีกทาง แล้วก้าวเท้าไปข้างหน้า เหยียบลงบนพื้นเต็มแรง

เท้าของเขาผลุบลงไปใต้พื้นดิน

และมันไม่หยุดแค่นั้น หน้าอกหวิววาบใจหายเมื่อร่างกายร่วงลงใต้พื้น เขาพยายามหันมา เห็นสีหน้าผวาสุดขีดของเดรโก ก่อนร่างทั้งร่างจะหายลับไปใต้พสุธา


_______________

   สุขสันต์วันแม่ค่ะ! 

_______________  

  - Update- 

August 12, 2018: Published 100% 

واصل القراءة