Eclipse (แปล) | Harry Potter...

By Mainn_

44.9K 483 137

"นายตายแน่พอตเตอร์... คราวนี้ฉันจะเอาคืนให้สาสม" เดรโกปฏิญาณไว้แล้วว่าจะคิดบัญชีกับแฮร์รี่เหตุที่... More

บทที่ 1 ผู้ล่าและผู้ถูกล่า
บทที่ 2 บทเรียนแห่งอำนาจ
บทที่ 3 ชาขม
บทที่ 4 ภาระหน้าที่
บทที่ 5 ไม่มีอะไรจะเสีย
บทที่ 6 การสนทนาพาหวั่นใจ
บทที่ 7 ชั่วโมงมืดมน
บทที่ 8 สะพานติดไฟ เส้นด้ายกวัดแกว่ง
บทที่ 9 บทสลับฉาก
บทที่ 10 การไล่ล่า
บทที่ 12 เทือกภูเขาเนาโตรกธาร
บทที่ 13 เปิดใจ
บทที่ 14 จุดผกผัน
บทที่ 15 กระบวนวิธีและการเสียสละ

บทที่ 11 ความจริงในสิ่งลวง

1.6K 20 10
By Mainn_


บทที่ 11 ความจริงในสิ่งลวง

Royal rebels discover you.

Trust? You turn, there is no truth.

And circle, circle, why are you scared?

Why a smile instead of tears?

(Indigo Girls)

********

เขายังไม่ตาย อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่

เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว เบื้องใต้ใบไม้ครึ้มหนาเป็นผลให้ค่ำคืนมืดมิดและอุดอู้ทั้งนี้เพราะอากาศเย็นชื้นซึ่งซึมซาบผ่านเสื้อผ้าและเนื้อหนังมังสา ในใจกลางที่โล่งเล็ก ๆ นั้น แฮร์รี่นั่งอยู่โดยมีศีรษะเดรโกหนุนบนตัก เขาเสกคาถาขยายผ้าคลุมเดรโกให้ใหญ่ขึ้นแล้วห่มอีกฝ่ายไว้รอบกายอย่างบรรจง ที่เหลือก็ดึงขึ้นมาคลุมไว้รอบหัวไหล่ตัวเอง ถึงจะรู้ว่าฟังดูเซ่อซ่าไร้เดียงสาเพียงไร แต่มันก็สบายใจดีที่คิดว่าผ้าคลุมจะช่วยปกป้องอันตรายซึ่งแฝงอยู่ในเงามืดได้ แม้แท้จริงแล้วนั้นความหนาวมันยังช่วยคลายไม่ได้เลย

ดวงดาวเหนือยอดไม้ที่เห็นพอหร็อมแหร็มค่อย ๆ เลือนหายไป ทีละดวง ทีละดวง เมื่อกลุ่มก้อนเมฆเลื่อนลอยมาบังฟ้า หากแฮร์รี่ไม่รู้มาก่อนก็คงปักใจเชื่อไปแล้วว่าคืนเมฆคลุ้มนั้นคืออุบายอย่างหนึ่งของโวลเดอมอร์ที่จะทำให้ทั้งคู่เป็นทุกข์เป็นร้อน ทว่าแม้แต่โวลเดอมอร์เองก็ยังไม่สามารถควบคุมสภาพอากาศได้ ใช่หรือเปล่า

แฮร์รี่อดก้มสำรวจดูเดรโกไม่ได้ แม้จะมองไม่เห็นอะไรในความมืดดั่งนี้ เสียงหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอบอกได้ว่าอีกฝ่ายยังคงนอนหลับอย่างสงบ ดู ๆ แล้วเดรโกไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด ซึ่งช่วยให้สบายใจไปเปลาะหนึ่ง

แฮร์รี่สำนึกรู้ว่าการที่เดรโกพาเขาออกมาจากคุกนั้นมันเสี่ยงแค่ไหน รู้ว่าโวลเดอมอร์สร้างความพินาศได้มากเพียงไร เขาเคยเจอมาแล้ว ได้แต่ด่าทอตนเองใจในที่ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น หากโวลเดอมอร์เข้ามาล่วงล้ำในจิตใจแฮร์รี่มันคงไม่เป็นแบบนี้ เพราะมันเคยเกิดขึ้นแล้ว เขาไม่เคยคิดว่าโวลเดอมอร์จะใช้อำนาจพินิจใจกับคนอื่น ก็เหมือนอย่างเคย เขาชอบคิดว่าตนเองเป็นกรณีพิเศษ

ฉันนี่โง่เง่าเสียจริง

ดัมเบิลดอร์เคยบอกว่าโวลเดอมอร์เป็นเลจิลิเมนที่มีพลังเก่งกาจ ตอนนี้แฮร์รี่เริ่มเข้าใจแล้วว่าเก่งกาจเป็นอย่างไร ดูเหมือนว่าหากใครคุมอำนาจจิตใจคนอื่นได้แล้วก็จะคุมร่างกายคนนั้นได้ด้วย โชคดีที่เดรโกเหมือนจะหลุดจากฝันร้ายที่โวลเดอมอร์สร้างขึ้นแล้ว ชายหนุ่มหายใจสม่ำเสมอ หัวใจเต้นเป็นจังหวะ และที่สำคัญเขายังไม่ตาย

แต่ตัวเขาไม่ขยับ

และไม่ตื่นขึ้นมาสักที

ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถปลุกเดรโกได้ เขาจึงพยายามบอกตัวเองว่าเป็นเพียงเพราะความเหนื่อยล้า เมื่อไรที่เดรโกได้นอนหลับพักผ่อนเพียงพอก็จะตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นและทำตัวเป็นเจ้างั่งอย่างเคย โดยตรรกะของเขาแล้ว เมื่อโวลเดอมอร์มีอำนาจควบคุมถึงเพียงนี้ ถ้าเขาจะให้เดรโกตาย เดรโกคงตายไปแล้ว แต่ไม่เป็นเช่นนั้น โวลเดอมอร์ต้องการสิ่งอื่น

เขาต้องการตัวฉัน แฮร์รี่ใคร่ครวญ พูดยังกับไม่รู้มาก่อน และตอนนี้เขาจะใช้เดรโกเป็นเครื่องมือ

เขาเอื้อมมือกระชับผ้าคลุมรอบตัวเดรโกให้แน่นขึ้นอย่างปกป้องเป็นการปลอบตนเองไปพลาง มือไปสัมผัสกับสายสร้อยเครื่องเวศมกำบัง อันเป็นเครื่องเตือนว่าสิ่งที่กั้นกลางระหว่างตัวเขาและโวลเดอมอร์ก็คือเดรโก มัลฟอยนี่เอง ไม่ใช่ความคิดที่น่าชื่นใจนัก เดรโกจะรู้หรือไม่นะว่าเขากำลังเอาตัวเองมาติดอยู่ตรงกลางระหว่างพ่อมดที่บาดหมางกันที่สุดในโลกเวทมนตร์

ป่านนี้คงสังหรณ์ใจบ้างแล้วละ

ถอนหายใจยาวแล้วเอนหลังพิงต้นไม้ เขาลืมไปแล้วว่าตนเองนั่งอยู่ตรงนั้นนานเพียงใด ความรู้สึกที่ขาก็หายไปตามกัน ทว่าน้ำหนักที่หน้าตักกอปรกับจังหวะหายใจช้า ๆ ของเดรโกมันทำให้รู้สึกสบายอย่างน่าแปลก ตอนนี้ขอเขาสบายอย่างนี้ไปก่อนแล้วกัน แฮร์รี่จัดแจงผ้าคลุมอีกครั้ง สอดชายผ้าเก็บใต้ขา ดึงผ้าขึ้นห่มเดรโกจรดคาง

ค่ำคืนค่อยเคลื่อนไปอย่างแช่มช้า แฮร์รี่รู้สึกคล้ายหลับ ๆ ตื่น ๆ อยู่เป็นระยะด้วยความอ่อนล้าที่มี แม้เสียงหวี่ ๆ ของแมลงก็ไม่สามารถทำสายความเงียบสงัดลงได้ ไม่มีแสงสว่างใดให้สายตาได้แลเห็น จนชั่วครู่คิดว่าตาคงฝาดไปแล้วเป็นแน่ที่ตื่นจากอาการสะลึมละลือมาเห็นเงาจาง ๆ ของต้นไม้ผ่านม่านความมืด มาบอกใบ้ว่าใกล้รุ่งแล้ว นัยน์ตาจดจ่อตรงนั้น – ที่ค่าคบไม้ใกล้ ๆ – จับจ้องลงไปดังหนึ่งจะช่วยเร่งแสงแห่งวันให้สาดฉายด้วยแรงปรารถนาให้จงได้ ตอนนั้นเองที่รู้สึกได้ว่าเดรโกขยับตัวบนหน้าตักเขา

แฮร์รี่เหลือบมองร่างซูบซีดของเดรโกอย่างมีหวัง แม้มองเห็นไร ๆ ในความสลัวมัวซัว ไม่นานนักเขาก็เขย่าตัวเดรโกเบา ๆ

"เฮ้... ตื่นแล้วหรือ"

"ฮืมมมอืมมม..."

"เดรโก"

ดวงตาเดรโกเตลิดเปิดกว้าง ตัวเนื้อกระตุกด้วยตกใจ "อ๊ากกก!"

เขากระเด้งตัวกลิ้งหนีจากแฮร์รี่ จนแข้งขาพันกับผ้าคลุม ชายหนุ่มพยายามพยุงตัวยืนขึ้น ทว่าด้วยขาที่พันกันยุ่งจึงล้มลงไม่เป็นท่า สีข้างกระแทกกับพื้น เขามองแฮร์รี่ด้วยความตกใจปนงงงวยผ่านเรืองแสงอรุณรำไร

"เดรโก..." แฮร์รี่ขาน ชักกลัวขึ้นมา เริ่มสงสัยว่ามโนภาพของโวลเดอมอร์ยังไม่สิ้นไป "เป็นอะไรหรือเปล่า"

ตาเดรโกเบิกโพลง ละจากใบหน้าแฮร์รี่มองผ่านความเงามืดรอบ ๆ ซ้ายที ขวาที ราวกับกำลังมองหาบางสิ่งบางอย่าง

"มืด... ไปหมดเลย..." น้ำเสียงแหบแห้งและสากห้าวราวตระโกนมาเป็นเวลานาน เขาเอื้อมมือข้างหนึ่งออกและงมคลำกับพื้น เอานิ้วจิกลงในเนื้อดิน "พื้น... รู้สึกได้แล้ว... ขอบคุณเมอร์ลิน... จับอะไรไม่ได้เลย"

"เดรโก" แฮร์รี่เริ่มเป็นกังวลจริง ๆ แล้ว

"ขยับไม่ได้... มองไม่เห็น..." เดรโกเอานิ้วคว้าชายผ้าคลุมขึ้นมา พยายามจะเอาขึ้นมาคลุมรอบไหล่ให้ดีขึ้น แต่ความที่ผ้าพันอยู่กับขาจึงติดแน่นไม่ขยับ หากยังดึงมันอยู่อย่างนั้น ตัวสั่นงันงกตลอดเวลา

แฮร์รี่ใจกระตุกวูบขณะมองเหยื่อคนล่าสุดของโวลเดอมอร์ตรงหน้านี้ "เดรโก... ได้โปรดเถอะ..."

เดรโกเงยหน้ามองอีกฝ่าย ดวงตาขยายกว้างทอความสับสนอยู่ชั่วครู่ชั่วคราว ครั้นแล้วจึงนึกขึ้นได้ทันใด... และเห็นตัวเองนอนแอ้งแม้งตัวพันกับผ้าอยู่บนพื้น เขาหรี่ตาลงอย่างรำคาญใจ "ถ้านายปริปากพูดเรื่องน่าขายหน้าแบบนี้ให้ใครฟังแม้แต่คำเดียวนะพอตเตอร์ ฉันสาบานว่าจะจับนายมัดมือมัดเท้าแล้วโยนให้แร้งกินซะ"

แฮร์รี่หัวเราะสั้น ๆ ส่วนหนึ่งเพราะโล่งใจ อีกส่วนก็เพื่อปกปิดความกังวลของเขา "นายพูดจาซาดิสม์อีกแล้วนะมัลฟอย ฉันนี่ชักจะสงสัยแล้วซี"

เดรโกอ้าปากค้างด้วยความขึ้งเคียด แต่แล้วก็หุบเก็บไว้แล้วใช้สายตาพิฆาตจ้องมอง

แฮร์รี่ฉีกยิ้มพลางยื่นมือไปหาเดรโก ฝ่ายนั้นก็พยายามทำหน้าบึ้งถลึงตาต่อไปก่อนจะรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าที่โถมสู่กาย หัวไหล่ลู่ลง ถอนใจใหญ่แล้วเอื้อมแขนจับมือที่ยื่นมา ปล่อยให้คนตรงหน้าดึงตนขึ้นสู่ท่านั่ง

ในแสงจาง ๆ นั้น เดรโกดูออกจะเครียด ๆ และมึนงงอยู่ แต่ดูจากอาการแล้วก็ไม่ถึงขั้นแย่เท่าไร เขากระพริบตาสองสามทีแล้วมองไปรอบ ๆ พยายามปรับตัวให้ชินกับสภาพ มินานก็หาวหวอดยาว ๆ คว้าผ้าคลุมจากข้างหลังขึ้นมาห่ม แฮร์รี่ไม่เอ่ยปาก รอให้เดรโกเป็นคนพูดก่อน ซึ่งไม่ได้รอนานอะไร

"มองอะไร" เดรโกถามอย่างหงุดหงิด

"ฉันกำลังรอให้นายเล่าอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น"

เดรโกเบือนหนี หันมาสนใจกับการจัดผ้าคลุมให้เข้าที่ "รอให้เช้าก่อนก็ได้หรอก ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้วตอนนี้... แล้วนายทำอะไรกับผ้าคลุมฉัน"

"คาถาขยายขนาด" แฮร์รี่บอกหน้านิ่ง แล้วพูดต่อเรื่องที่ค้างไว้ "นายหมายความว่าไง 'รอให้เช้า'"

"ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละพอตเตอร์ และนี่ไม่ใช่เวลามาทดสอบฉัน อีกไม่นานก็ค่ำแล้ว ฉันเหนื่อย หลังจากที่ฉันเจอ... เอ่อ... อะไรก็ช่างเถอะ ฉันต้องการการพักผ่อนบ้าง" เขาพูดตะกุกตะกัก แฮร์รี่ดูออกว่าอีกคนพยายามอย่างยิ่งที่จะปกปิดอาการวิตกกังกลของตน แต่ดูจะไม่แนบเนียนเท่าไร

"เดรโก –"

"ฉันยังปวดหัวอยู่ ไม่อยากพูดอะไรตอนนี้" เขาโน้มตัวลงม้วนผ้าคลุมส่วนที่เหลือทำเป็นหมอน "กลับไปกินบิสกิตของนายต่อเถอะ"

"เดรโก –"

"– แล้วก็ปล่อยให้ฉันนอนพัก ถ้านายยังกังวลเรื่องที่หัวฉันจะได้รับการกระทบกระเทือนก็ปลุกฉันทุก ๆ สองชั่วโมงแล้วกัน ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ ละก็นะ ฉันว่าฉันคงขอบใจนายแหละแม้ไม่รู้ว่าทำไมก็ตาม ว่าแต่ นายรู้วิธีเสกหมอนใช่ไหม"

"เดรโก มัลฟอย!"

"อะไร!"

แฮร์รี่มองเดรโกอย่างเหลืออด "นี่เช้าแล้ว"

เดรโกปล่อยม้วนผ้าคลุมที่ถืออยู่ ร้อง "ห้ะ" เบา ๆ

"ฉันพยายามปลุกนายแล้ว แต่ก็ไม่ตื่น นายไม่รู้สึกตัวทั้งคืน เป็นอะไรไป"

เดรโกไม่พูดอะไรอยู่พักหนึ่ง ใบหน้านิ่งอึ้งของเขาเริ่มแสดงความไม่แน่ใจ จากนั้นเป็นความหวาดกลัว ในที่สุดก็สูดหายใจเข้าลึก "ฉันไม่รู้พอตเตอร์ นายสิบอกฉัน"

"เดรโก ฉันไม่ได้อยู่ในหัวนายนะ ฉันจะไปรู้ได้ยังไง" ส่วนหนึ่งเขาโกหก ก็พอจะเดา ๆ ได้อยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เอาจริง ๆ แล้วก็ไม่รู้หรอก เขาอยากรู้ว่าเดรโกจะพูดอะไรออกมาก่อน

เดรโกจ้องมองแฮร์รี่ด้วยใบหน้าซึ่งไม่สามารถอ่านออกได้ "ในหัวฉัน..." เดรโกรำพึง เหลียวหนีตัวสั่นเทา

แฮร์รี่เขยิบไปใกล้อย่างใคร่รู้ "เดรโก"

"มืดไปหมด... ไม่มีอะไรเลย... มีแต่เขา... ทุกหนแห่ง จับอะไรไม่ได้... ทุกอย่างว่างเปล่าและดำมืด..." ตอนพูดมือก็เรื่อยลงมาจับชายผ้าคลุม กำแน่น แล้วค่อยยกขึ้นมาที่หน้าอก เรียวนิ้วขยี้ผืนผ้านั้น

"นายเห็นอะไร" แฮร์รี่ซักไซ้

"เพียงความมืด" เดรโกส่ายหน้าเอื่อยอ่อน "มืดไปหมด"

"ได้ยินอะไรไหม"

ได้ยินแล้วฟันก็ขบลงบนริมฝีปากล่าง เดรโกบิดผ้าคลุมแรงเสียจนแฮร์รี่คิดว่ามันจะขาดออกจากกัน ฝ่ายนั้นไม่ตอบกลับมา แฮร์รี่เมียงมองอย่างระวังระไว เขาต้องรู้ให้ได้ว่าโวลเดอมอร์พูดและทำอะไรไว้กับเดรโก มีข้อความสื่ออะไรไหม การข่มขู่ หรือแย่กว่านั้น มีข้อตกลงอะไรกับจอมมาร

"ช่วยเขาไม่ได้... ช่วยตัวเอง... คิด... ให้ดี..."

ฟังดูไม่น่ารื่นรมย์นัก แฮร์รี่เคลือบแคลงใจตั้งแต่แรกแล้ว แต่ว่ายังทำอะไรไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะคิดผิดคิดถูก เขาก็ไม่อยากทำให้เดรโกเป็นกังวลไปมากกว่าเดิม เขาไม่รู้ว่าเดรโกจะแสดงปฏิกิริยาอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น รบเร้ามากไปรังแต่จะทำให้เรื่องมันแย่ลง

"เขาพูดอะไรกับนายไหมเดรโก" แฮร์รี่ถามค่อย ๆ "ไม่มีเลยเหรอ"

เดรโกก้มมองพื้นชั่วครู่ก่อนเอ่ยเอื้อน "มันก็แค่ฝันร้าย" เขาพำพึม

"อะไรกัน"

"มันก็แค่ฝันร้ายไม่เป็นเรื่อง แค่เครียดไป นอนไม่พอ ก็เท่านั่นแหละ" เขาหันมองแฮร์รี่ แววตาประกายกร้าวบนดวงหน้าเจียนทำแฮร์รี่ผงะถอย

"มัลฟอย นายคงไม่คิดว่าฉันจะเชื่อที่ –"

"ไม่ พอตเตอร์ ฉันคิดว่านายควรเลิกพูดเรื่องนั้นซะ"

แฮร์รี่นั่งยวบ กรุ่นด้วยความขัดเคือง นี่มัลฟอยกำลังจะทำให้เรื่องมันยากขึ้นใช่ไหม พวกเขาติดแหง็กอยู่ด้วยกัน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแต่มีผลต่อเขาทั้งคู่ อมพะนำไว้แต่กับตัวเองเมื่อเกิดอะไรขึ้นก็สายเกินแก้ โวลเดอมอร์จะตามตัวพวกเขาด้วยวิธีนั้นหรือไม่ แฮร์รี่แสนอยากรู้ แต่แน่เทียวละ อย่างเดรโก มัลฟอยหรือจะปล่อยให้คนอื่นรู้ไปกว่าจมูกเสี้ยม ๆ ของเขา

แฮร์รี่หลิ่วตา "ก็ดีที่นายไม่ได้เป็นอะไรแล้ว กลับมาทำตัวงี่เง่าเหมือนเดิม ฉันไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อย"

"นี่นาย!"

"บางทีคราวหน้าตอนโวลเดอมอร์เข้าไปเล่นในหัวนายอย่างหุ่นเชิด เขาควรไปเปลี่ยนอะไรในนั้นสักหน่อย ทัศนคติน่ะ"

ฉับพลัน เดรโกรุดไปหาแฮร์รี่ จมูกจรดจมูก จ้องมองอย่างฉุนเฉียว "ฟังนะ! นายอาจทำเมินเฉยการเผชิญหน้าคนที่คุณก็รู้ว่าใครได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คนเราก็ย่อมต้องตายด้วยกันทั้งนั้น เรื่องแบบนี้มันใช้เวลา!และฉันจะรับมือกับมันด้วยตัวฉันเอง ขอบใจ!"

แฮร์รี่รู้สึกได้ถึงลมหายใจเดรโกรินรดบนเรือนแก้ม มองเห็นนัยน์ตาอีกฝ่ายฉายวาบในม่านเงา ห่างจากเขาไม่เท่าไร การเปลี่ยนแปลงกะทันหันนั้นน่าตกใจ เห็นชัดว่าเดรโกใกล้ถึงขีดจำกัดกว่าที่เห็น หากเดรโกถูกโวลเดอมอร์ขู่ขวัญมา คงไม่อยากให้ใครมาคาดคั้นคะยั้นคะยอ โดยเฉพาะเมื่อคนคนนั้นต้องพึ่งเดรโกเพื่อมีชีวิตรอด

แฮร์รี่กลืนน้ำลายลงคอแล้วสูดหายใจช้า ๆ "เดรโก ขอร้องเถอะ ใจเย็นก่อนได้ไหม แสร้งทำว่ามันคือฝันร้ายไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลยนะ"

เดรโกถอยห่างอย่างช้า ๆ ทว่าสีหน้ายังคงเดิม สายตายังเพ่งมองอยู่ระดับเดียวกับแฮร์รี่ "แล้วนายเรียกมันว่าอะไรเวลาหลับแล้วมองเห็น ได้ยิน และสัมผัสกับสิ่งน่ากลัว คนปกติทั่วไปเขาก็เรียกกันว่าฝันร้ายทั้งนั้นแหละ"

แฮร์รี่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขาก็จะไม่ยอมอ่อนข้อเหมือนกัน "แต่คนปกติทั่วไปไม่ได้ทำเรื่องให้พ่อที่ชั่วร้ายและอันตรายที่สุดในศตวรรษโกรธละนะ"

"ขอบคุณที่เตือน พอตเตอร์ ขอบคุณมากเลย"

การจ้องตาแข่งกันดำเนินไปอีกหลายอึดใจ จนในที่สุดเดรโกก็ละสายตาไป และทรุดหน้าผากลงซบกับฝ่ามือ เขาสูดลมหายใจอันสั่นเครืออันฟังดูคล้ายเสียงสะอื้น "ทำไมต้องเป็นฉัน พอตเตอร์"

แฮร์รี่ไหล่ตก "ฉันก็ถามตัวเองแบบนั้นอยู่ตลอดเวลา"

เดรโกเอี้ยวหน้าไปด้านข้างทางแฮร์รี่เพียงเล็กน้อย มองอีกฝ่ายจากหางตา "แล้วคำตอบคืออะไร"

"เกิดมาโชคดี งั้นมั้ง"

เดรโกทำเสียงปัด ๆ แล้วทั่งคู่ก็จมสู่ความเงียบอีกครั้ง แฮร์รี่กระสับกระส่ายอยู่สักพักแล้วเบือนหนี รู้สึกอึดอัดกับความเงียบพิกล เขาคิดว่าคงโทษเดรโกไม่ได้ที่ฝ่ายนั้นหงุดหงิด แต่เขาก็มีความปลอดภัยของตัวเองที่ต้องเป็นกังวลเหมือนกัน

เขาต้องทำให้เดรโกเชื่อให้ได้ว่าพวกเขาจะไม่เป็นไรจนว่าจะไปถึงฮอกวอตส์ ดัมเบิลดอร์และสเนปจะช่วยเขาจากเล่ห์กลของโวลเดอมอร์ ต้องแสดงให้เขาเห็นว่าการยินยอมต่อคำพูดโวลเดอมอร์ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี ความทรมานที่โวลเดอมอร์สร้างขึ้นจากทางไกลนั้นเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดซึ่งหน้า ตราบใดที่อยู่ไกลเอื้อมมือเขา ทั้งคู่ก็ยังมีโอกาส

น่าเสียดายที่แฮร์รี่ไม่รู้ว่าจะทำให้เดรโกเชื่อได้อย่างไร

ยิ่งแฮร์รี่พะวงเรื่องภาวะจิตใจเดรโกยิ่งไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น การเผชิญหน้ากับโวลเดอมอร์ครั้งแรกนั้นทำให้เดรโกตื่นกลัวจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกมา ตอนนี้ การเผชิญหน้ากับโวลเดอมอร์ครั้งล่าสุดนี้แทบจะทำให้เดรโกพร้อมคลุ้มคลั่งเต็มที และแฮร์รี่เห็นแก่เดรโก

แฮร์รี่เกิดกลัวเมื่อคิดว่าตนเปรียบเหมือนลูกไก่ในกำมือเดรโก ถ้าโวลเดอมอร์ขู่ขวัญเดรโกได้สำเร็จในคืนนั้น หรือหากเขาพยายามคุกคามเดรโกจนรับมือไม่ไหว เช่นนั้นแล้วเดรโกจะส่งแฮร์รี่กลับคืนให้เขาเมื่อไรก็ได้ เดรโกเป็นเสมือนระเบิดเวลาที่กำลังเดินอยู่

แฮร์รี่เอามือถูหน้าผาก ไม่ใช่เพราะแผลเป็นเจ็บ แค่อาการปวดหัวเดิมกำเริบขึ้นมา เขาถอนหายใจยาว กองทัพต้องเดินด้วยท้อง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่แฮร์รี่ไม่รู้สึกหิวเลย

เขาคว้านมือเข้าไปในย่ามเสบียงอย่างเงื่องหงอยเมื่อเดรโกส่งเสียงออกมา แฮร์รี่เงยหน้ามอง เห็นอีกคนจ้องจดจ่อมา เหมือนมองอยู่นานแล้ว

"มีอะไร"

"ขอโทษนะ... แฮร์รี่"

แฮร์รี่รู้สึกมวนท้องชอบกล "นายเคยบอกแล้ว" เขาเอ่ยอย่างชั่งใจ ไตร่ตรองคำที่พูด ทว่าเบื้องใต้ใบหน้าเรียบนิ่งนั้น ใจเขากลัวเหลือเกินว่าเดรโกจะหมายความอย่างไร กลัวว่าอีกฝ่ายอาจกำลังขอโทษล่วงหน้าก่อนจะลงมือทำสิ่งเลวร้าย

มันยิ่งทำให้ขัดใจเมื่อเดรโกไม่อธิบายขยายความ หากแต่ก้มมองพื้นแล้วสั่ง "ส่งผลไม้มาให้ทีซิ"

แฮร์รี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ได้สิ"

***********

จากเช้ามืดฟ้าเริ่มสาง ต่อมาอากาศเริ่มร้อนชื้น ท้องฟ้ามีเมฆมาก เดรโกเดินตามหลังแฮร์รี่อย่างเมื่อยล้า ตลอดทางได้ยินเสียงน้ำรี่ไหล แฮร์รี่บอกว่าพวกเขากำลังเดินเลียบขนานสายธาร แต่เดรโกไม่เข้าใจว่ามันสำคัญอย่างไร ที่เขากังวลมากกว่าคือเรื่องผู้เสพความตายที่ตนเชื่อว่ากำลังไล่ตามตัวพวกเขาอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่แฮร์รี่ทำมองข้ามไม่สนใจ พอเดรโกจะเอ่ยปากพูดถึงความกังวล... ไม่สิ ความวิตก... ที่จริงต้องบอกว่าความกลัวขึ้นสมอง แฮร์รี่กลับบอกว่าโวลเดอมอร์ไม่ส่งใครมาจับตัวพวกเขาแล้ว ไม่ใช่คำตอบที่เดรโกพร้อมจะยอมรับ แต่เมื่อเขาอ้าปากพูด แฮร์รี่ก็หันมาจ้องตาเขาเขม็งไม่ปล่อยให้พูดอะไรได้อีก

ทำไม เดรโก นายรู้อะไรงั้นเหรอ รู้แผนการของโวลเดอมอร์ว่างั้น ฉันคิดว่าไม่ ฉะนั้นเชื่อฉันซะ ไม่มีใครตามเรามาแล้ว

เดรโกไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงยอมคล้อยตามคำประกาศิตของอีกฝ่าย หรือทำไมเขาต้องเชื่อคำพูดนั้นด้วย และเขาก็ติดจะไม่แน่ใจว่าแฮร์รี่มาเป็นคนนำแต่ตั้งเมื่อไร แต่ไม่รู้ทำไม บางอย่างบอกเขาว่าไม่ควรเถียง แฮร์รี่ทำท่าหงุดหงิดใส่เขาตั้งแต่เช้าแล้ว เขาดูเหมือนจะไม่ค่อยสบายอกสบายใจอะไรสักอย่าง เหมือนกำลังคิดว่าเดรโกจะทำอะไรมิดีมิร้ายกับเขา หรือไม่ก็แย่กว่านั้น

ทำไมแฮรี่ถึงดูเหมือนจะรู้อะไรไปเสียหมด ปฏิเสธไม่ได้ว่าแฮร์รี่มีพันธะเกี่ยวพันกับโวลเดอมอร์ทำให้สามารถบอกได้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่แม้ในระยะทางไกล แต่เขาทำได้อย่างไร มีโทรจิตอะไรอย่างนี้หรือ นั่นเกือบจะทำให้เดรโกอิจฉาจนมาคิดได้ว่านั่นอาจเป็นประตูเปิดไปสู่สมองโวลเดอมอร์ – สิ่งที่เดรโกไม่ปรารถนาจะเข้าไปกล้ำกรายอีกเป็นอันขาด กระนั้นก็เถอะ มันทำให้เดรโกสงสัยว่าแฮร์รี่ยังมีอะไรที่แปลกพิสดารไม่กว่านี้อีกบ้าง มันน่าทึ่ง และออกจะน่ากลัวอยู่เหมือนกัน

เดรโกสงสัยว่าบางทีแฮร์รี่อาจอ่านใจเขาได้เหมือนกัน ดวงตามรกตคู่นั้นดูเหมือนจะทิ่มแทงมาที่เขาอยู่ร่ำไป ที่เขาบอกว่า ฉันไม่ได้อยู่ในหัวนายนะ เดรโกชักเริ่มไม่แน่ใจแล้ว แฮร์รี่จะรู้ได้หรอกหรือว่าโวลเดอมอร์ได้พูดสิ่งใดไว้ ข้อตกลงนั้น เขาจะคิดว่าเดรโกคิดจะหักหลังหรือเปล่า หากเป็นเช่นนั้น เขาคิดถูกหรือไม่ เดรโกกลัวคำตอบนั้นจับใจ

เขามองก้านคอและไหล่แฮร์รี่ขณะย่ำเดิน ตัวสั่นสะท้านต่อความคิดที่ว่ามนุษย์คนหนึ่งมีเลือดเนื้อและจิตใจตรงหน้านี้ ถือชีวิตขึ้นกับการตัดสินใจของเดรโกแต่เพียงฝ่ายเดียว เดรโกไม่สามารถเลือกทางใดได้ ไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง หากแม้จะคิดลองท้าทายอำนาจจอมมาร – อีกครั้ง – มันจะเปล่าประโยชน์หรือไม่

โวลเดอมอร์เคยบอกว่าฮอกวอตส์อยู่ห่างออกไปร้อยไมล์ เหมือนจะเป็นตัวเลขหยาบ ๆ เดรโกว่ามันไม่ได้เที่ยงตรงเสียทีเดียว อีกทั้งสภาพภูมิประเทศก็ไม่ได้ราบเรียบอะไร เป็นอีกครั้งที่ถามตัวเอง พวกเขาจะไปถึงจุดหมายและมีเวลาพอให้ดัมเบิลดอร์และสเนปหาวิธีแก้คำสาปทันหรือไม่ ถ้าหากไม่... เดรโกแทบไม่อยากนึกถึงเลย ว่ากันที่จริง อะไรคือโอกาสที่พ่อมดไม่ค่อยเจนวิชาสองคนจะรอดจากเงื้อมมือโวลเดอมอร์ไปได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ

คงเหมือนกับทารกที่รอดจากคำสาปพิฆาตได้นั่นละ

แน่ละ เขาไม่จำต้องมาขบคิดให้มากเรื่องเลยหากถอดใจเสีย ยอมเชื่อฟังจอมมาร และส่งตัวเองกับแฮร์รี่คืนสู่สิ่งที่โชคชะตาลิขิตไว้

เสียแต่เขายังไม่พร้อมจะเล่นเกมนั้น

และไม่อยากทำร้ายแฮร์รี่

ไม่อีกแล้ว

ขณะรำพึงไป ขาก็ไปเกาะเกี่ยวกับเครือไม้หนามเป็นครั้งที่ร้อยได้นับตั้งแต่เริ่มเดิน ยิ่งดึงออกยิ่งมีแต่ย้ำว่ากางเกงขาดไปเท่าไรแล้ว คงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คอยเตือนว่าคนเราไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้ แม้แต่ต้นไม้ใบหญ้ายังพยายามจะฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ

เขาเบี่ยงความสนใจจากห้วงนึกมาสู่รูขาดใหม่ที่เสื้อผ้า แล้วก่นด่าต้นไม้ในป่าด้วยความหงุดหงิดรำคาญใจ

"ต้นไม้อะไรทำไมเป็นแบบนี้" เดรโกบ่นเสียงดัง

แฮร์รี่ส่งเสียงตอบจากด้านหน้า "แบบไหน แบบเขียว ๆ น่ะเหรอ"

"ตลกมากเลย พอตเตอร์ ไปฝึกมาใหม่นะเผื่อมุกนายจะพัฒนาขึ้น แต่คงไม่มีทางหรอก"

แฮร์รี่หยุดแล้วแลบลิ้นกับตัวเอง เดรโกกลอกตา

"ไม่ใช่ ฉันหมายความว่าต้นไม้ไม่ควรรกเรื้อแบบนี้ ในสวนคฤหาสน์มัลฟอยน่ะไม้ทุกต้นต่างเป็นระเบียบและสวยงาม หากเป็นไม้มีหนามหรือมีพิษก็จะจัดวางไว้ห่างจากผู้คน ฉันอยากให้ป่านี้เป็นแบบนั้น มีระเบียบ ไม่รกรุงรัง และไม่ขวางทาง" ในที่สุดเขาก็ดึงขาออกจากพุ่มไม้หนามที่เกาะอยู่ได้สำเร็จ แล้วรีบจ้ำตามแฮร์รี่ไป

แฮร์รี่หัวเราะทั้งที่ไม่ได้ตลก "บอกทีมัลฟอยว่านายพูดเล่น"

"จะพูดเล่นทำไม ทุกสิ่งที่นี่ทั้งไม่มีระเบียบ ไม่มีความเจริญ –"

"เพราะอย่างนี้เขาถึงเรียกว่า 'ห่างไกลความเจริญ' ไง รู้ไหม...ที่ที่สิ่งต่าง ๆ อาจดูรกร้างและไม่สามารถคาดเดาได้"

"แหมก็" เดรโกพูดขณะก้าวเท้าข้ามก้านไม้โค้งอย่างระวัง "มัล... ฉันไม่ชอบอยู่ห่างไกลความเจริญนี่"

แฮร์รี่พ่นลมออกจมูก

"มันไม่น่าดูเอาเสียเลย" เดรโกว่าต่อ ได้พูดแล้วรู้สึกดีที่ไม่ต้องอยู่ในความเงียบ ยิ่งได้บ่นยิ่งดี เรื่องบ่นนี่เขาถนัดเชียว "ฉันไม่ชอบอะไรที่มองแล้วขี้ริ้วขี้เหร่ ไม่มีความเป็นศิลปะ สวนเราสวยก็สวย แต่นี่สกปรกรกรุงรัง โอ้ย หนามบ้านี่!" เดรโกฉุดขากางเกงออกจากหนามที่ตอไม้

แฮร์รี่หยุดชะงัก หันหน้ามองเดรโกข้างหนึ่ง "นายไม่เห็นหรือว่าที่นี่สวยจะตาย"

"นายเรียกนี่ว่าสวยเรอะ" เดรโกออกปากถามอย่างไม่อยากเชื่อ มือชี้ไปตามทางที่พวกเขาเดินมา

แฮร์รี่ไหวไหล่ "ที่จริงมันออกจะเพลิดเพลินเจริญใจ สภาพอากาศไม่แย่นัก และฉันก็ชอบฟังเสียงน้ำไหล"

"อากาศครึ้มเมฆ และนั่นก็แม่น้ำสายเดียวกับที่ฉันถูกโยนลงไปเมื่อวานนี้ และนายลืมไปแล้วหรือว่าเรากำลังหนีอยู่ ฉันไม่เห็นว่าคนปกติที่ไหนจะคิดว่าสถานการณ์แบบนี้มันสวยงามลงได้"

แฮร์รี่สำรวจดูเดรโก ใบหน้าฉายบางสิ่งคล้ายคลึงความสังเวช "ฉันถูกขังมาเกือบทั้งชีวิต และฉันได้มาที่นี่ รู้สึกอิสระอย่างแท้จริง ไม่มีกำแพง ไม่มีประตู ไม่มีราวเหล็ก ทุกอย่างช่างมีชีวิตชีวา และสวยงาม... แต่นายมองไม่เห็นมัน"

"ที่ฉันเห็นก็มีแต่เรา ห่างไกลจากความปลอดภัย จากเตียงนอน ที่พัก อาหาร น้ำดื่ม และ - เอื้อก!" เขารีบผละออกจากกิ่งไม้หนามซึ่งทิ้งรอยแดงไว้ที่คอ "และสวนที่เป็นระเบียบ" เขาจบประโยค

"นายรู้จักทางลัดไปฮอกวอตส์ หรือมีไม้กวาดพกพาไหมล่ะ"

"ถ้ามี นายคิดว่าฉันจะยังเดินลอยชายในป่าบ้านี่ให้เปลืองแรงเล่น ๆ เรอะ"

"ถ้ายังงั้น ไม่ว่านายจะชอบหรือไม่ นายก็ติดอยู่ที่นี่แล้ว นอกเสียจากนายจะอยากกลับไป"

เดรโกสัมผัสได้ถึงความแน่นหนักในน้ำเสียงแฮร์รี่และความกังวลใจที่ขีดเขียนบนใบหน้า กลับไป... แฮร์รี่ระแวงใจจริง ๆ หรือ

ทั้ง ๆ ที่เดรโกยังไม่ตัดสินใจอะไรลงไป แต่แววตาของแฮร์รี่นั้นส่งความรู้สึกผิดตีขึ้นมาที่ช่องท้องเขาเสียแล้ว เขาส่งแฮร์รี่คืนไม่ได้ ไม่ใช่ตอนนี้ เขาสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่าพวกเขาต้องกลับบ้านอย่างปลอดภัย แต่ถ้าว่าถึงแม้จะฉุกคิด... ก็ไม่ผิดใช่หรือไม่ ลองตรองดูทางเลือกนั้น ไม่ ไม่ผิดหรอก มันควรจะเป็นอย่างนั้น คนฉลาดย่อมคำนึงถึงปัญหาในทุก ๆ แง่ก่อนตัดสินใจ เขาแค่กำลังทำตัวอย่างคนฉลาดเท่านั้นเอง และตราบที่เดรโกยังไม่ตกลงปลงใจ แฮร์รี่ก็ไม่ควรต้องรู้ เหมือนกับอีกสิ่งหนึ่งนั้นที่เขาไม่ควรรู้เช่นกัน พอมานึกว่าเขาปกปิดแฮร์รี่อย่างนี้ทำให้เดรโกยิ่งรู้สึกผิดขึ้นไปอีก

สายตาแฮร์รี่เริ่มมองทะลุเข้ามา เดรโกรีบเก็บซ่อนอาการลังเลใจทันที เขาสูดอากาศฟุดฟิด พยายามทำเป็นใช้ความคิด

"อากาศในคุกออกจะอับ ๆ ไม่ดีต่อสุขภาพเท่าไร นั่นน่าจะพอเป็นคำตอบได้"

แฮร์รี่บุ้ยปากแล้วพ่นลม เดรโกดูไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังโล่งอกหรือหงุดหงิดกันแน่ "รู้ไหม เดรโก นายก็แค่เดินอ้อมพุ่มไม้หนามนั่น อย่างที่ฉันทำเห็นไหม"

เดรโกอ้าปากหมายจะตอบโต้ มัลฟอยไม่มีวันหลีกทางให้ใครหรือสิ่งใดเป็นอันขาด แต่กลับกลืนลงคอ แล้วก้มหน้าก้มตาอย่างยอมจำนน เมื่อเงยหน้าขึ้นใหม่ก็เห็นแฮร์รี่ยิ้มเยาะน้อย ๆ มาให้ มันน่าเจ็บใจนัก

"งั้นอธิบายทีซี พ่อคนฉลาด จะรู้ได้ยังไงว่าพุ่มไหนมีหนามพุ่มไหนไม่มี มันก็ดูเหมือน ๆ กันไปหมด ถ้าไม่เดินไปจนหนามทิ่มเข้า"

ฟังแล้วแฮร์รี่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากใหญ่ "เดรโก ที่นายเหยียบไปกว่าครึ่งนั้นก็มีอยู่ในขวดโหลในห้องเครื่องยาของสเนปเหมือนกันนั่นแหละ ดูโน่น ต้นไน้ต์เฉดและโกฐจุฬาลัมพา ตรงหน้าโน้นคือต้นตำแยถูกตัวแล้วคัน และฉันมั่นใจว่านายจะเดินไปโดนมันแน่ถ้านายยังเดินแบบนั้น ฉันว่าไม้พุ่มเตี้ยตรงนั้นคือไม้หนามทั้งนั้น ฉันก็นึกว่านายเป็นกูรูเรื่องปรุงยาเสียอีก"

เดรโกมองต้นไม้เล็ก ๆ ที่โผล่ออกมาใต้ร้องเท้าของตัวเอง ประหลาดใจที่จำได้ว่าเป็นต้นโกฐจุฬาลัมพา ส่วนประกอบที่เขาต้องใส่ลงไปในน้ำยาหลายต่อหลายตัวในปีที่ผ่านมา "นายไปเรียนมาจากไหนล่ะนั่น" เดรโกถามด้วยความแปลกใจ "นายไม่ตั้งใจเรียนปรุงยาด้วยซ้ำ!"

คราวนี้แฮร์รี่ดูอึกอักบ้าง "ที่จริงเขาเรียนกันในสมุนไพรศาสตร์น่ะ จำเรื่องพืชที่ใช้สำหรับปรุงยาได้ไหม ในนั้นจะได้เห็นต้นสมุนไพรจริง ๆ ไม่ใช่ที่ตากแห้ง บดละเอียด หรือประสมแล้ว ฉันไม่เคยคิดว่าบทเรียนพวกนั้นจะมีประโยชน์เหมือนกัน"

เดรโกทำหน้าขรึมแล้วก้าวเท้าเดิน เฉียดผ่านแฮร์รี่เล็กน้อยแล้วออกนำ "เยี่ยม แฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้เป็นที่โจษจันเรื่องความห่วยด้านปรุงยา ที่โหล่รองจากลองบัตท่อม คราวนี้มาเอาชนะความรู้สูงขั้นของฉันในวิชาแขนงนี้ได้ ฉันว่าหน้าฉันแตกต่อไม่ติดแล้ว"

"เอ้!" แฮร์รี่ร้องจากทางด้านหลัง "ฉันสอบปรุงยาได้คะแนนดีพอจะผ่านเกณฑ์ปรุงยาระดับหกอยู่นะ ให้เครดิตกันบ้างซี"

"เหอะ แต่นายต้องลงเรียนปรุงยาซ่อมเสริมกว่าจะผ่าน"

"ฉันไม่ได้ลงเรียนปรุงยาซ่อมเสริมสักหน่อย!" แฮร์รี่ขึ้นเสียง ทำเอาเดรโกหยุดชะงักจนแทบหัวคะมำ

เขาหันมาขมวดคิ้วมุ่น "ฉันเห็นนายในห้องทำงานสเนป นายบอกว่ามาเรียนปรุงยาซ่อมเสริม!"

แฮร์รี่หยุดเดินห่างออกไประยะหนึ่ง อ้าปากพะงาบ เห็นชัดว่าไม่แน่ใจว่าควรพูดออกไปหรือไม่ เขาทำหน้าดังหนึ่งกำลังกลั่นกลั้วคำที่จะพูดต่อไปในปาก ลิ้มรสดู ชั่งใจว่าจะเอ่ยออกไปหรือไม่ดี จนในที่สุดก็เพ่งสายตาถมึงทึงไปที่เดรโกแล้วตัดสินใจแพร่งพรายไปออกมา

"ไม่ใช่ว่ามันสำคัญอะไรหรอกที่ฉันจะบอกนายหรือไม่บอก ฉันไม่ได้ไปเรียนปรุงยาซ่อมเสริมหรือเรียนเพิ่มเติมอะไรทั้งนั้น ชิชะ สเนปแค่จะสอนการสกัดใจให้ฉัน เพื่อยับยั้งไม่ให้โวลเดอมอร์เข้ามายุ่งในหัวฉัน" รอยยิ้มเล็ก ๆ แย้มตรงมุมปากแฮร์รี่ "เหมือนอย่างที่เขาเข้าไปยุ่งในหัวนายไง"

เดรโกรู้สึกจุกในท้อง แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไร แฮร์รี่พลันหุบยิ้มแล้วส่ายหน้า "แต่ไม่เป็นผลหรอก แถมตอนนั้น ยังเป็นประสบการณ์ที่อเนจอนาถที่สุดที่ฉันเคยมีมา สเนป ล่วงล้ำในหัวฉัน ตาบักโกรก ผมมันแผล็บ ไม่มีดี - "

"นายกำลังพูดถึงอาจารย์ประจำบ้านฉันอยู่นะพอตเตอร์" เดรโกท้วงอย่างไม่สบอารมณ์

"ช่างปะไร" แฮร์รี่เอามือกอดอกแน่น "ฉันยอมถูกกักบริเวณไว้กับอัมบริดจ์ สลักบทลงโทษลงหลังมือ ดีกว่าให้สเนปรุกล้ำเข้ามาในความคิดฉัน อย่างน้อยตอนนั้นฉันคงรู้ว่าใครคือศัตรู"

อาการหงุดหงิดของเดรโกถูกกลบเกลี่ยด้วยความอยากรู้อยากเห็น "สลัก... อะไรนะ"

แฮร์รี่คลายแขนกอดอกออกน้อย ๆ มองดูเดรโกอยู่พักใหญ่ก่อนพูด "เดรโก นายน่าจะรู้ได้แล้วนะว่าเวลาที่ดูเหมือนฉันจะรับมือกับปัญหาได้ง่าย ๆ ... นี่แน่ะ นายเคยฉุกคิดบ้างไหมว่ามันอาจเป็นเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันผ่านเรื่องแย่ ๆ มา"

ใบหน้าแฮร์รี่เรียบนิ่ง ถ้อยคำที่เปล่งออกมาสม่ำเสมอและมั่งคง ซึ่งมีแต่จะส่งความหนาวสะท้านมาตามสันหลังเดรโก "งั้นมั้ง" เขาเอ่ยช้า ๆ

เดรโกเลียริมฝีปากอันแห้งผาก รู้สึกราวมีทรายหยาบฉาบอยู่ เขาไม่ได้รู้สึกอยากถาม แต่ต้องถาม แม้เขาไม่แน่ใจว่าตนเองอยากรู้หรือไม่ "ยังงั้น บอกซิ นายหมายความว่าไง... 'สลัก'"

ด้วยสีหน้าคงเดิม แฮร์รี่ยื่นหลังมือซ้ายไปหาเดรโก "อ่านดู"

เดรโกลังเลใจ ไม่ยอมละสายตาจากดวงหน้าปลงตกของอีกคน กระทั่งแฮร์รี่พยักหน้าใส่มือที่ยื่นไป "อ่านสิ"

เดรโกคว้ามือแฮร์รี่มาอย่างไม่มั่นใจ แล้วก้มมองดู ทีแรกก็คิดว่าเป็นเพราะแสงที่ทำให้ดูผิดเพี้ยนไป เส้นสายลวดลายประหลาดมองไม่ค่อยเห็นด้วยคราบดินโคลนและขี้ฝุ่น ชายหนุ่มเลิกขอบแขนเสื้อขึ้นแล้วเอานิ้วเช็ดหลังมือของแฮร์รี่ รู้สึกประหนึ่งเป็นนักโบราณคดีกำลังปัดฝุ่นออกจากวัตถุโบราณ เขาถลกแขนเสื้อออก และสิ่งที่เห็นนั้นชวนเวียนหัว

แผลเป็นนูน ดูจางมากแล้ว ขีดเขียนตามหลังมือแฮร์รี่เป็นตัวหนังสือกระหวัด สะกดได้ว่า ฉันต้องไม่โกหก

"ฮะ... แฮร์รี่... นายใช้มีดทำเหรอ" คิดแล้วก็หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม ภาพใบมีด กรีดลงในเนื้อ มีเลือดไหลออกมา...

เสียงหัวเราะหึในลำคอดังขัดความคิดเดรโก

"ไม่ใช่ ดูดี ๆ ฉันรู้นายอยากรู้" แฮร์รี่ดูท่าจะชอบดูเดรโกหน้าซีดเป็นไก่ต้ม

ฉันเปล่าซะหน่อย เดรโกมองตามเส้นเหล่านั้น พยายามคิดตามเหตุผล "ปากกาขนนก" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจกว่าที่ตนรู้สึกอยู่ตอนนี้ เห็นจะเป็นเช่นนั้น สังเกตุเห็นดวงตาแฮร์รี่ที่เบิกโพลงแล้วนั้นเป็นสิ่งยืนยันว่าสิ่งที่เขาคาดเดานั้นถูกต้อง "แฮร์รี่ นายใช้ปากกาขนนกสักอะไรงี่เง่าแบบนี้ลงบนมือทำไม"

แฮร์รี่หรี่ตาลงอีกครั้งอย่างรวดเร็ว "คิดว่าฉันมีทางเลือกหรือ ฉันถูกกักบริเวณอยู่ให้อยู่กับอัมบริดจ์ เขาให้ฉันคัดลายมือ... ซึ่งไม่ได้ฟังดูเลวร้ายอะไรกระทั่งฉันจรดขนนกลงกระดาษ ทุกสิ่งที่เขียนในกระดาษก็บาดลงมาที่หลังมือฉันทันที ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกครั้งที่กักบริเวณ จนเป็นแผลเป็นถาวร"

เดรโกเหล่มองหลังมือแฮร์รี่ รู้สึกถึงมวนความประหม่ารสขมที่โคนลิ้น "แฮร์รี่ นั่นคือศาสตร์มืด"

"บอกสิ่งที่ฉันยังไม่รู้ซิ"

เดรโกไล่ปลายนิ้วระเรื่อยตามลายเส้นที่นูนขึ้น "คำเขียน... การตีตรา... รู้ไหมว่ามันหมายความว่าไง"

"นี่ ฉันอ่านหนังสือออกนะ"

"นายนี่มันเหลือเกินจริง ๆ รู้ตัวหรือเปล่า" แฮร์รี่ไม่ตอบอะไร เดโกได้แต่ส่ายหน้าระอา "นี่แน่ะพอตเตอร์ มนตราจำพวกนี้... ฉันไม่เคยเห็นแต่เคยได้ยินมา เมื่อมีการตีตราอย่างนี้... นายจะต้อง... ที่ฉันพยายามจะพูดก็คือไม่ว่าข้อแม้ใดที่ถูกเขียนลงไป หากมันคงทนถาวรแล้ว จะมีผลบังคับนาย ด้วยเวทมนตร์"

ริ้วความกลัวฉายขึ้นบนใบหน้าแฮร์รี่ ทว่าลับหายไปอย่างรวดเร็ว "ตั้งแต่นั้นมาฉันก็เคยโกหกอยู่ บ่อยครั้งด้วยแหละอันที่จริง"

เดรโกเลิกคิ้วข้างหนึ่ง "นั่นคงเป็นการโกหกสีขาวทั่วไป ไม่มีอะไรสลักสำคัญ ไม่ได้มาจากข้างใน นายเคยต้านทานอำนาจคำสาปสะกดใจได้ อันนี้นายก็คงพอสกัดได้บ้าง แต่จำคำฉันไว้ ถ้านายพยายามจะพูดโป้ปดมดเท็จจากแก่นแท้ของจิตใจแล้วละก็ นายจะไม่มีวันทำได้"

แฮร์รี่ดึงมือออกทันที "ถ้าฉันจะปล่อยให้สิ่งที่ยายป้าหน้ากบนั้นทำมามีผลต่อฉัน..."

"นายทำเอง พอตเตอร์ ถ้าจะพูดให้ถูก มันคือการกำหนดโทษตัวเอง"

แฮร์รี่จ้องมองเดรโกชั่วครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อย ๆ ค้อมหัวลง ตาค้อนมองผ่านกรอบแว่นตา น้ำเสียงกดต่ำอย่างน่ากลัว "จะเอาความจริงไหมเดรโก ลองฟังนี่ดูหน่อยเป็นไร ฉันอยากจะฆ่าเขาด้วยมือเปล่า ๆ ของฉันเอง"

เดรโกยืนนิ่ง ถูกอีกฝ่ายเพ่งมองด้วยสายตาแข็งกร้าวร่วมหลายอึดใจก่อนจะหลุดออกมาได้ด้วยเสียงแค่นหัวเราะฝืน ๆ "เรามีอะไรคล้ายกันมากกว่าที่นายจะกล้ายอมรับเสียอีกพอตเตอร์ แล้วนายมาทำเป็นห้ามฉันไม่ให้ฆ่าแครบ อย่างน้อยฉันก็มีข้ออ้างว่าทำไปโดยอารมณ์ชั่ววูบละนะ"

เขาทำท่าออกเดินอีกครั้ง หมายใจจะจบบทสนทนาไว้เพียงเท่านั้น ทว่าน้ำเสียงห้าวของแฮร์รี่หยุดทุกสิ่งชะงักงัน

"นายเป็นคนส่งฉันให้เขา"

เดรโกยืนแข็งกับที่ แต่ไม่ได้หันมอง

"นายส่งฉันให้เขา" แฮร์รี่ทวน คราวนี้ใช้น้ำเสียงอ่อนลง เดรโกเกือบคิดว่าได้ยินเสียงแฮร์รี่สั่น ๆ "นายขัดขาฉันตรงโถงทางเดินตอนที่เราวิ่งออกมาจากการประชุม ก.ด. แล้วนายก็ส่งฉันให้เขา"

"แฮร์รี่..."

"และในห้องทำงาน คืนสุดท้ายนั้น นายเอาไม้กายสิทธิ์ฉันไป ทำทุกอย่างที่เขาสั่ง... นายและก๊วนของนาย ทำทุกอย่างที่คิดว่าง่าย"

เดรโกรู้สึกว่าอากาศแถวนี้มันอึดอัดเกินกว่าจะหายใจขึ้นมาทันใด เขาหันหน้าช้า ๆ ไม่กล้ามองหน้าแฮร์รี่โดยตรง จึงทำได้แค่มองจากด้านข้าง พยายามไม่สบตา

แฮร์รี่จ้องมองอย่างเยือกเย็น "นายเป็นคนทำ" แฮร์รี่ย้ำ มันเหมือนค้อนพิพากษาทุบลงโต๊ะครั้งสุดท้ายก้องในหูเดรโก

"คำสั่ง... ฉันแค่ทำตามทำคำสั่ง" เดรโกได้ยินตัวเองพูดออกมา "มันจำเป็น"

"นายอยากทำ"

เดโกคอตก "ก็ใช่" เขากระซิบแหบพร่า "แต่นั่นมันเมื่อก่อน"

"นั่น..." แฮร์รี่ส่ายหน้า

อย่าถามฉันเลย พอตเตอร์ ได้โปรด ฉันตอบนายไม่ได้หรอก

เดรโกเงยมอง กลับต้องสะดุ้งเมื่อสายตาสบกัน แฮร์รี่ไม่ได้เอ่ยแม้สักคำ หากคำถามนั้นถูกเปล่งออกมาก้องดังและชัดเจน

ถ้าหากมีคนออกคำสั่งนายตอนนี้... นายจะทำตามหรือเปล่า

เดรโกต้องการปฏิเสธ ต้องการจริง ๆ เขาเกือบจะเปล่งมันออกไปแล้ว ทว่าทุกถ้อยทุกคำดับสิ้นที่ปลายลิ้น

ถ้าเกิดทุกอย่างที่ทำมาเปล่าประโยชน์ เสียงเล็ก ๆ ในหัวเดรโกขัดขึ้น ถ้าเกิดกลับไปไม่ทันเวลา ถ้าเกิดไม่มีทางแก้คำสาป ถ้าเกิดโวลเดอมอร์จับได้ล่ะ ถ้าเกิด... ถ้าเกิด...

สุดท้ายแฮร์รี่จึงพยักหน้าน้อย ๆ จนแทบไม่สามารถสังเกตได้ ชายหนุ่มเบือนหน้าหนี แล้วสาวก้าวยาวเดินนำออกไป "เนื้อตัวฉันสกปรก"

เดรโกกระพริบตาปริบ ๆ อย่างงงันกับหัวข้อเรื่องที่เปลี่ยนไปกะทันหัน ครั้นแล้วก็เห็นว่าทิศทางการเดินก็เปลี่ยนไปด้วยเมื่อแฮร์รี่เลี้ยวไปทางซ้ายหักแยก แฮร์รี่แทบจะหายไปกับต้นไม้ก่อนที่สมองเดรโกจะกลับสู่สภาวะปกติแล้วรีบจ้ำอ้าวตามไป ไม่วายเดินไปชนกับพุ่มไม้หนามเข้าอีก "พอตเตอร์ จะไปไหนน่ะ"

"หาลำธาร อยากอาบน้ำสักหน่อย" เสียงขานตอบดังมาจากข้างหน้า

เดรโกป้องปัดกิ่งไม้ให้ออกจากทาง พลางคอยจับตาดูเฉดสีแดงของเสื้อไหมพรมแฮร์รี่ผ่านใบไม้ครึ้มหนา "อาบน้ำเหรอ พอตเตอร์ นายคงเพี้ยนไปแล้ว ใช้คาถาทำความสะอาดก็ได้หรอก พอตเตอร์ แฮร์รี่"

"อาบน้ำก็ได้เหมือนกัน เห็นนายบ่นว่าไม่มีน้ำ นี่ไง น้ำออกจะเยอะแยะไป" แฮร์รี่ส่งเสียงอู้อี้ พอเดรโกผลักกิ่งไม้กิ่งสุดท้ายออกได้สำเร็จจึงรู้ว่าทำไม

แฮร์รี่ยืนอยู่ริมฝั่งน้ำ เสื้อไหมพรมของเขาถูกดึงขึ้นไปอยู่ที่ศีรษะเรียบร้อยแล้ว เสื้อยืดที่พันอยู่กับเสื้อด้านนอกก็พ่วงติดกันขึ้นไปด้วย จึงเผยให้หน้าท้องส่วนล่าง เดรโกรีบหันหนีโดยเร็ว จู่ก็รู้สึกขวยเขินอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นแฮร์รี่เปลื้องผ้าตรงหน้า

"แฮร์รี่ วันที่ฉันจะก้าวลงเหยียบน้ำนั่นอย่างเต็มใจคงจะเป็นเดียวกับที่ฉันรับฮิปโปกริฟฟ์มาเลี้ยงนั่นแหละ"

เสื้อไหมพรมถอดออกจากหัวแฮร์รี่จนได้ในที่สุด ส่งผลให้เส้นผมตั้งโด่เด่ทุกทิศทาง "ฉันก็นึกว่านายเป็นประเภทจู้จี้จุกจิกเรื่องความสะอาดเสียอีก"

เดรโกหันไปหาแฮร์รี่เพื่อตอบ แต่ก็รีบหันหนีอีกทีเมื่อเห็นแฮร์รี่กำลังปลดกระดุมกางเกงอยู่ "เพราะลำธารบ้านี่แหละฉันถึงได้สกปรกอย่างนี้! แถมยังโคลนอีก... ยึ๋ย ฉันจะขอใช้คาถาทำความสะอาดแล้วกัน ขอบใจ"

แฮร์รี่หัวร่อต่อกระซิก "แหม ครั้งล่าสุดที่ใช้ก็ไม่เห็นจะได้ผลเท่าไรนะ ดูหน้านายเลอะเทอะ –"

เดรโกยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดคาง

"– เสื้อผ้าก็มีแต่โคลนแห้งเขรอะ –"

เดรโกเขย่าเสื้อ เอามือปัดกางเกง

"– ดูผมเผ้าก็คร่ำเครอะเกรอะกรัง –"

ไวเท่าความคิดเดรโกหันขวับไปหาแฮร์รี่อย่างอารมณ์เสีย "ถึงผมฉันจะยังงี้ก็ดีกว่าผมนายเป็นร้อยเท่า –"

ทันทีที่หันไปเห็นแฮร์รี่ เดรโกจึงรู้ว่าไม่น่าหันมาเลย แฮร์รี่เพิ่งถอดถุงเท้าออกเสร็จ เสื้อผ้าเหลือติดตัวมีเพียงกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว ทว่าไม่ใช่ความเปลือยเปล่าที่เดรโกตกใจ หากแต่เขามองเห็นรอยฟกช้ำตรงโน้นบ้างตรงนี้บ้าง โดยเฉพาะจุดที่ช้ำเขียวกว่าบริเวณอื่นสองจุดที่หน้าท้องและไหล่ เส้นซี่โครงไล่เรียงนูนเด่นออกมา รอยกระดูกบริเวณหัวไหล่ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน เขารู้ว่าแฮร์รี่ผอมแม้ในสภาวะปกติ ซ้ำในคุกยิ่งไม่ได้กินอะไรร่วมสามวัน และรู้ ๆ อยู่ว่าหนีหัวซุกหัวซุนออกมาในป่าอย่างนี้ไม่ใช่วิธีเพิ่มน้ำหนักที่ดี แต่แม้กระนั้นแล้ว เขากลับไม่เคยรู้ว่าแฮร์รี่ซูบผอมและเจ็บปวดเพียงใดเบื้องใต้อาภรณ์นั้น เขาบอบช้ำเหลือเกิน จากการที่ถูกแครบโยนไปโยนมา จากการเดินสะดุดแมกไม้ในป่า จากการถูกแกว่งไปมาบนพื้นคุกใต้ดิน

"ใช่ ฉันนี่น่ารักมากเลยใช่ไหม" คำถามแฮร์รี่แฝงประชดนัย ๆ

"ห้ะ" เดรโกทำหน้าเร่อร่า ในใจยังคงผูกติดกับภาพเบื้องหน้า เขารู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก

"เดรโก นายกำลังจ้องฉันอยู่"

เดรโกถูกสอนมาว่า การจ้องมองถือเป็นการละลาบล้วงอย่างร้ายแรง และคำสอนนั้นดึงเดรโกออกมาจากห้วงนึก เขาก้มมองเท้าตัวเองอย่างเก้อเขินพลางพูดอ้ำอึ้ง "ขอโทษที... ฉันไม่ได้ตั้ง... ไม่กวนแล้ว"

"อืมม รู้ไหม นายก็อาจมีรอยฟกช้ำอยู่บ้างเหมือนกัน ถ้าเห็นของฉันแล้วขัดใจนัก เมื่อวานแครบก็ทำกับนายไว้ใช่ย่อยเหมือนกัน"

เดรโกทำเสียงเบา ๆ ในลำคอ แต่สิ่งที่เขาอยากพูดคือ "ขัดใจ" ไม่ใช่คำที่ถูกต้อง ต้องบอกว่า "เจ็บใจ" จะถูกกว่า

มีเสียงตูมของน้ำสาดกระเซ็นดังมาจากสายน้ำเอื่อยไหล เมื่อเดรโกหันมองก็เห็นแฮร์รี่มุดลงไปใต้ผิวน้ำใกล้ฝั่งพอดี จากนั้นไล่สายตาไปตามฟองอากาศต่อท้ายกันไปทางเดียว ทันใดนั้นศีรษะแฮร์รี่ก็ผุดขึ้นมากลางสายน้ำ แว่นตาชายหนุ่มถอดไว้ริมตลิ่ง แม้ในระยะห่างเพียงนั้นยังเห็นนัยน์เนตรสีเขียวสุกใสได้อย่างชัดเจน น้ำที่นี่ลึกและไหลช้ากว่าเมื่อวานที่พวกเขาเดินเลียบมา ช่างเหมาะจะเป็นสระน้ำเล็ก ๆ น่าลงเล่น

แฮร์รี่เหวี่ยงศีรษะสะบัดน้ำออกไปทั่วทุกทิศทางพลางหัวเราะร่า "น้ำเย็นจัง!"

เดรโกมุ่ยหน้า "นั่นแหละผลของการวิ่งแจ้นลงไปในน้ำ พอตเตอร์ เดี๋ยวก็ได้หนาวตายพอดี"

แฮร์รี่หัวเราะอีกครั้ง เหมือนจะหายใจไม่ทันเพราะความเย็นของน้ำ "บ้าน่า รู้สึกดีจะตาย สดชื่นชะมัด นายต้องลองบ้างนะ ดินที่เปื้อนเสื้อนายอยู่ไม่ทำให้คันขยุกขยิกบ้างเลยเหรอ" เขาผลุบหัวลงไปในน้ำ แล้วผุดกลับขึ้นมาใหม่และสะบัดศีรษะอีกหน ดู ๆ ไปก็เหมือนหมาน้อยขนปุยเล่นน้ำอยู่เหมือนกัน

น้ำก็ดูน่าจะเย็นสบายจริง ๆ แหละ เดรโกพบว่าตัวเองกำลังเกาทรายที่ติดอยู่ในเสื้อก่อนจะรู้สึกตัวว่ากำลังทำแบบนั้นอยู่ เขาเกือบจะมีใจลงไปเอี่ยวกับแฮร์รี่แล้ว แต่ไม่ เขาไม่อยากรู้ว่าจะมีรอยแผลที่ทำให้ผิวเขาเสียโฉมอยู่กี่รอย เพราะรู้ทั้งรู้ว่าเขาเป็นแผลง่าย เขาไม่อยากให้แฮร์รี่เห็นรอยพวกนั้น เขาไม่อยากเข้าใกล้แฮร์รี่

แน่ละว่าเขาเคยน้ำอาบในห้องล็อกเกอร์กับสมาชิกในทีมหลังแข่งควิดดิชเสร็จ แต่นั่นมันไม่เหมือนกัน เขาไม่ได้สนว่าใครจะคิดอะไร ไม่ได้สนว่าใครจะมอง แต่แฮร์รี่นั้นต่างออกไป ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไม

อีกอย่าง เขาไม่เคยว่ายน้ำมาก่อนในชีวิต และเขาก็กลัวน้ำด้วย เขาไม่มีวันยอมรับแน่ โดยเฉพาะกับแฮร์รี่

"คงจะมีเชื้อโรคเยอะแยะลอยอยู่ในน้ำนั่น" เดรโกเร่งพูด "เดี๋ยวก็เป็นโรคฝีมังกรตายก่อนไปถึงฮอกวอตส์"

ทันทีที่พูดจบเขาก็รู้สึกไม่ดีที่พูดออกไป แต่แฮร์รี่ที่กำลังขัดสีฉวีวรรณตามแขนและคออยู่นั้น ดูไม่ได้ใส่ใจอะไร "อย่างน้อยฉันก็ตายอย่างสะอาดละนะ" เขามุดกลับลงไปในน้ำอีกรอบ

หมอนั่นเปลี่ยนจากพูดจาฉอด ๆ น่ารำคาญมาเป็นหัวเราะร่าสบายใจได้อย่างไรภายในเวลาไม่กี่นาที เดรโกรำพึงกับตัวเองพลางมองดูอีกฝ่ายเล่นน้ำสนุกสนาน ร่างผอมบางปกคลุมด้วยรอยแผลและน้ำ ช่างเป็นการแปรปรวนทางอารมณ์ที่สุดขั้วจริง ๆ ชั่วขณะหนึ่ง อีกฝ่ายไม่ได้ทำตัวเหมือนคนที่กำลังหนีเพราะมีคนตามฆ่า แต่เหมือนคนที่กำลังมาผจญภัยมากกว่า

ต้องเป็นกลไกการป้องกันตัวแน่ ๆ เดรโกใช้เหตุผล ใช่แล้วละ ตัวเดรโกเองก็ยังใช้ทักษะป้องกันตัวด้านจิตวิทยาของตนเองในการรับมือกับเหตุการณ์เมื่อคืน ฉะนั้นแฮร์รี่ก็ควรมีวิธีของตัวเองในการรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ว่าเดรโกชื่นชอบวิธีของอีกฝ่าย ยิ่งเห็นแฮร์รี่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอย่างนี้ เดรโกยิ่งรังแต่จะตกประหม่า

เขายังคาใจอยู่ แฮร์รี่เอาอะไรมามั่นใจว่าไม่มีคนตามพวกเขาแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นความคิดที่สบายใจดี อะไร ๆ คงจะง่ายขึ้นหากเชื่อเสียว่ามีเพียงพวกเขาสองคนในป่านี้ ไม่มีมโนภาพอันน่ากลัว ไม่มีการข่มขู่ใด ๆ ไม่มีผู้เสพความตายตามล่า มีเพียงแฮร์รี่ เดรโก และป่าไม้ไร้พิษภัยผืนกว้างที่ซึ่งมีแต่พันธุ์ไม้สวยงาม ไม่ได้จ้องจะกินเลือดเนื้อ อีกทั้งอารมณ์แจ่มใสของแฮร์รี่ – แม้จะแปลกและผิดที่ผิดเวลา – ก็ง่ายแก่การรับมือมากว่าการตีฝีปากกัน

ตีฝีปาก ทำไมเดรโกเหมือนจะพบกับการประคารมที่จบลงดื้อ ๆ อยู่ทุกครั้งไป ทุกครั้งต้องลงเอยแบบเดิม ทั้งในคุกและในป่านี้ แฮร์รี่สามารถไล่ต้อนเดรโกได้จนจนมุม แต่เมื่อไรที่เขาคิดว่าไม่ชอบเรื่องที่พูดแล้ว ก็จะยุติมันลงทันที แฮร์รี่เป็นคนคุมการสนทนา เขากำหนดขีดจำกัด แม้มันจะทำให้เดรโกรำคาญใจอยู่บ้าง แต่เขาว่ามันก็สมเหตุสมผลพอตัว หากแฮร์รี่ต้องการจะหลีกเลี่ยงปัญหาตอนนี้ ก็ไม่เป็นไร เพราะมันช่วยให้เดรโกหลีกเลี่ยงได้เช่นกัน หากแฮร์รี่ยังขะมักเขม้นกับสิ่งอื่น เดรโกก็ไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับสิ่งใด ยังไม่ใช่ตอนนี้

เดรโกเดินไปริมฝั่งแล้วย่อตัวลงอย่างระมัดระวัง น้ำใกล้ฝั่งค่อนข้างนิ่ง เงาสะท้อนของเขาซึ่งเป็นคลื่นไหวน้อย ๆ จ้องมองกลับมา แฮร์รี่พูดถูก เขาดูไม่ได้เลย นอกจากหน้าตาที่ขะมอมขะแมมและผมที่เกรอะกรังแล้ว เขานึกภาพว่ากำลังเห็นตัวเองแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ขณะที่แฮร์รี่กำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนานอยู่อีกฝาก เดรโกก็เอามือกอบน้ำขึ้นมาล้างหน้าล้างตา แฮร์รี่พูดถูกจริงด้วย น้ำเย็นชื่นใจและชวนเล่น แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเดรโกปรารถนาจะลงไป ไม่มีทางเสียหรอก

หลังจากวิดน้ำขึ้นมาล้างหน้าอีกสองสามที เดรโกจึงลงมือใช้คาถาทำความสะอาดให้เสร็จสรรพ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สนใจแฮร์รี่ที่ดูมีความสุขเกินกว่าคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ครู่ต่อมาเดรโกส่องดูเงาตนเอง ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง เขารู้สึกสะอาดสะอ้านขึ้น แต่ไม่ได้สดชื่นอะไร แต่เท่านี้คงจะพอถูลู่ถูกังไปได้

ตอนนั้นเองที่แฮร์รี่โผล่พรวดขึ้นจากน้ำ กางเกงบางเปียกติดกับขา ชายหนุ่มสร้างแอ่งน้ำเล็ก ๆ ไว้ตามทางที่ก้าวมา เขาเดินมาหยุดอยู่เคียงข้างเดรโก แล้วจงใจสะบัดผมให้น้ำกระเด็นใส่อีกฝ่าย

เดรโกถลึงตาเขียว "โดนฉันหมดแล้ว"

"รู้สึกดีชะมัด!" แฮร์รี่หัวเราะชอบใจ ใบหน้ามีสีสันจริง ๆ จัง ๆ เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ถูกจับมา แก้มขึ้นสีระเรื่อ ดวงตาเป็นประกาย "นายต้องลองบ้าง"

"มันเย็นไป"

"น้ำน่ะอาจจะเย็น แต่อากาศเริ่มอุ่นขึ้นแล้ว ฉันว่าจะเก็บเสื้อไหมพรมไว้ในย่ามด้วยซ้ำ ไม่นานนายคงเหงื่อโชกใส่เสื้อหนาแบบนั้น"

ใบหน้าบึ้งตึงของเดรโกหวั่นไหว "ฉันไม่เป็นไร"

แฮร์รี่ยักไหล่ "แล้วแต่นายแล้วกัน" เขาหยิบเอาไม้กายสิทธิ์ที่วางอยู่บนเสื้อ เด็ดต้นเฟิร์นจากพื้น แล้วเสกเป็นผ้าขนหนูสีแดงผืนใหญ่

"ขี้อวด"

"ไม่เอาน่า เดรโก" แฮร์รี่พูดพลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมตัวเองอย่างกระฉับกระเฉง "ฉันก็นึกว่านายเป็นหัวกะทิของสลิธีริน แต่ฉันยังไม่เคยเห็นนายเสกอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย"

"วิชาแปลงร่างมักกอนนากัลสอน ไม่ใช่วิชาโปรดฉันเท่าไร" เดรโกเอาเท้าเตะก้อนหินอย่างเลื่อยลอย

"แต่ว่า นายสอบผ่านวิชาแปลงร่างมาได้ ใช่หรือเปล่า" แฮร์รี่เว้นช่วง รอให้เดรโกตอบ "ใช่ไหม"

เดรโกเตะหินอีกรอบ คราวนี้แรงพอจะทำให้มันเขยื้อนขึ้นจากพื้นน้อย ๆ "ถู ๆ ไถ ๆ เกือบไม่ผ่าน เพื่อนเก่าพ่อที่ทำงานอยู่กระทรวงปรับแก้ผลคะแนนเป็น 'ด' รู้สึกแย่อยู่... ทั้งกับพ่อและทุก ๆ อย่าง" แก้มเขาผ่าวร้อนด้วยความกระดากใจ "วิชาคาถาก็เหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะนาย อย่างน้อยฉันคงสอบผ่านได้ด้วยตัวเอง!"

"เพราะฉันเหรอ!" แฮร์รี่สะบัดผ้าเช็ดตัวออกจากศีรษะ "หมายความว่าไง ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน"

หนนี้เดรโกเตะหินก้อนนั้นจนกระเด็นตกน้ำเสียงดังจ๋อม "บอกแล้วไง... คาถาลอยตัวฉันไม่ได้เรื่องเลย... เว้นแต่ฉันจะตั้งใจกับมัน... ฉันเสียสมาธิ... เพราะนายฉันถึงทำแก้วเหล้าองุ่นตกแตก" เขาชี้แจง

"ฉันทำหรือ..." แฮร์รี่ปล่อยให้คำถามนั้นลอยค้างในอากาศครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ระเบิดหัวเราะออกมา ที่แฮร์รี่หัวเราะก่อนหน้านี้แม้จะตกอยู่สถานการณ์คับขันมันก็แย่พออยู่แล้ว แต่นี่เขาหัวเราะเยาะเดรโก

"เงียบน่า!" เดรโกยืนขึ้นเต็มตัว หมายจะตรงรี่ไม่หาอีกฝ่าย แต่แฮร์รี่ขำจนตัวงอเอามือเท้าเข่า ผ้าขนหนูลากกับพื้น "หยุดเลย!"

"ก็มันตลกนี่นา!" แฮร์รี่ยืดตัวขึ้น สูดหายใจเอาอากาศระหว่างที่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากไม่หยุด "ฉันยังจำหน้าตอนที่นายทำตกได้อยู่เลย... ฮ่า! ตลกมากเลยขอบอก!"

"นายจะหยุดดี ๆ หรือไม่หยุด พอตเตอร์" เดรโกคำรามเสียงต่ำ

แฮร์รี่หุบปากไว้ แต่ยังคงกระหยิ่มยิ้มย่องจนเจ็บกระพุ้งแก้ม แฮร์รี่หันกลับไปเช็ดตัวให้แห้งยังหัวร่อคิกคักกับตัวเอง ร่ายไฟไนท์ อินคานทาเท็มทันใจผ้าขนหนูก็กลายเป็นต้นเฟิร์นเปียกชุ่ม ครั้นแล้วแฮร์รี่จึงใช้คาถาทำความสะอาดจัดการกับเสื้อผ้าตนเองให้เรียบร้อย

เดรโกเหลียวหนี รู้สึกอับอายขายหน้าเป็นที่สุด อะไรมาทำให้เขายอมรับเรื่องแบบนั้นกับแฮร์รี่ไปเสียได้ ที่ว่าเขาผ่านวิชาแปลงร่างไม่ได้ด้วยตัวเอง

ปีการศึกษาที่แล้วต่างไปจากปีก่อน ๆ เขาหมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องอำนาจ การประจบสอพลออัมบริดจ์พาเขาไปไกลกว่าแค่ได้คะแนนดี เขาไม่ได้ใช้เวลาใส่ใจกับเรื่องเรียนเท่าที่ควร วิชาที่เหมือนจะมีผลกระทบมากที่สุดเห็นจะเป็น แปลงร่าง ไม่ใช่ความผิดเดรโกที่มัลกอนนากัลไม่ชอบเขา เขาไม่ใช่ลูกสุดรี่รักอย่างพอตเตอร์ ณ ตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจหรอกว่าหล่อนจะคิดกับเขาอย่างไร แต่ตอนนี้เขาหวังว่าเขาน่าจะตั้งใจเรียนมากกว่านี้ การถูกพอตเตอร์เอาชนะแม้กระทั่งในตอนที่ทำงานคู่กันถือเป็นเรื่องน่าอัปยศอดสู ยังดีไม่พอ ไม่เคยดีพอ

"เดรโก นายน่าจะรู้นะว่าถลึงตาใส่ต้นหญ้าไปก็ไล่มันออกไปไม่ได้หรอก"

เมื่อเดรโกเงยขึ้นก็เห็นแฮร์รี่แต่งตัวเรียบร้อยพร้อมจะออกเดินทาง ในมือถือเสื้อไหมพรมตัวเก่า เดรโกตกใจที่นึกได้ว่าตนเหม่อมองพื้นอยู่นานสองนาน "มันควรจะออกไปให้พ้น ๆ" เขาเอ่ยเรียบ ๆ "ฉันไม่ชอบ"

แฮร์รี่กลอกตา "ที่ฉันพูดนายไม่ได้ฟังเลยใช่ไหม" เขาย่อตัวลงดูดอกไม้เล็ก ๆ สีฟ้าใกล้ ๆ ใช้มือลูบเบา ๆ "แพงพวยนี่นา เฮอร์ไมโอนี่คงภูมิใจ... ฉันจำอย่างอื่นได้นอกเหนือจากในหนังสือควิดดิช" เขาเอียงคอพินิจดูดอกไม้นั้น "มันสวยมาก จริง ๆ นะ ดูสิ ไม่มีหนามด้วย!"

เขาแหงนมองอีกฝ่าย หน้ายังยิ้มแป้น เดรโกว่ามันชักจะมากไปแล้ว

"แฮร์รี่ ทำไมนายยังเล่นเป็นเด็กอยู่ได้ในเวลาแบบนี้ เล่นน้ำเอย ชมดอกไม้เอย ไม่เข้าใจหรือว่านายกำลังตกอยู่ในอันตราย หรือคิดว่าตัวเองใหญ่เกินไปที่จะเก็บเรื่องพวกนี้มาคิดเล็กคิดน้อย แล้วฉันก็ยังไม่รู้ว่านายเอาอะไรมามั่นใจว่าเราไม่ได้ถูกตามล่าอยู่"

รอยยิ้มหายไปในทันตา และเดรโกเข้าใจตอนนั้นเองว่าตนพูดอะไรไป แฮร์รี่ยืนขึ้นประจันหน้ากับเขา "เล่นเป็นเด็กเหรอ นายเรียกนี่ว่าเล่นเป็นเด็กงั้นเหรอ ฉันแค่พยายามจะทำให้ตัวเองไม่คลุ้มคลั่งไปเสียก่อน! และถ้าฉันอยากจะทำแบบนั้นโดยการหาความสนุกให้ตนเอง ฉันถามหน่อยเถอะ มันผิดตรงไหน อย่างน้อยก็ดีกว่าทำหน้าบูดบึ้ง ด่าต้นไม้ที่แสนจะใสซื่อไปทั่วแล้วกัน"

เดรโกคิดว่าข้อนี้ตนต้องเถียงไม่สู้แน่ จึงเบี่ยงประเด็นไป "ใสซื่อเหรอ ต้นไม้พวกนั้นลอบทำร้ายฉันมาทั้งวัน!"

"ก็บางทีถ้านายตัดสินใจที่จะฟัง –"

"นายคิดว่าฉันไม่มีอะไรทำจนต้องคอยจับตาดูต้นไม้กินคนบ้าคลั่งพวกนั้นน่ะเหรอ!" เสียงเดรโกเริ่มสั่น

"ก็บางทีถ้า –"

"หุบปาก! หยุดพูดสักนาทีไม่เป็นหรือไง!" เขาเริ่มเสียงดังขึ้น ดังขึ้น ทุกถ้อยคำเปี่ยมด้วยอารมณ์กล้า "นายเล่นทุกทีที่คิดอยากเล่น นายโกรธทุกครั้งที่นึกโกรธ และฉันคือคนที่ต้องรับมือกับมัน! นายสั่งสอนฉันอย่างกับรู้ว่าฉันผ่านอะไรมาบ้าง – และอย่ามาขัดฉันพอตเตอร์! นายอาจจะเคยเผชิญกับโวลเดอมอร์มาตั้งแต่ก่อนที่นายจะจำความได้ แต่นายไม่ใช่ฉัน! นายไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฉัน นายไม่รู้ว่าฉันสูญเสียอะไรไปบ้าง นายไม่รู้ว่ามันรู้สึกยังไงเวลาไม่รู้ว่าต้องเชื่อแบบไหน! บอกว่าอย่าขัดฉัน! พับผ่าสิ พอตเตอร์!"

เดรโกตัวสั่นด้วยความขัดข้องใจและความกลัวที่ท่วมท้นขึ้นมา ทว่าเขาได้สร้างสมแรงกระตุ้นไว้มากเกินกว่าจะหยุดตอนนี้ ซึ่งเขาไม่ได้อยากหยุดอยู่แล้ว สีหน้าตกตะลึงของแฮร์รี่มีแต่จะเป็นแรงผลักให้เขาไปต่อ

"นายลงเล่นน้ำสบายใจ ส่วนฉันพยายามจะพาเรากลับบ้านให้เร็วขึ้น! นายมัวแต่คิดถึงเพื่อน ส่วนฉันพยายามคิดหาทางว่าจะทำยังไม่ให้เพื่อนร่วมบ้านรุมซ้อมเมื่อไปถึง! นายอาจผ่านหายนะมามากมายในอดีต แต่เราอยู่ที่นี่ด้วยกันพอตเตอร์! ฉันก็อยู่ด้วย! และนี่แหละหายนะ"

"ฉันเบื่อหน่ายกับการกระทำแบบ 'พอตเตอร์รู้ทุกเรื่อง' เต็มที บางทีนายอาจไม่ได้รู้ทุกเรื่อง เคยคิดบ้างไหม และบางทีถ้านายทำตัวเหมือนไม่รู้อะไรเสียบ้าง อาจมีคนอยากบอกอะไรให้นายรู้ก็ได้!"

การปะทุอารมณ์ยาวเหยียดของเดรโกหยุดไปพร้อมกับลมหายใจและคำจะพูดที่หมดลง เขายืนอยู่พร้อมกรามขบแน่น กำปั้นกำกระชับ ตาขึงมองแฮร์รี่ประหนึ่งจะควบคุมสถานการณ์ได้ด้วยเพียงพลังแห่งเจตจำนง

แฮร์รี่มองตอบ ตาเบิกกว้าง แก้มขึ้นสีด้วยความโกรธ ซึ่งผิดจากการวางท่าของเขาโดยสิ้นเชิง ตัวเอนไปด้านหลังน้อย ๆ ราวกับตกตลึง แขนปล่อยลงแนบข้างอย่างไม่รู้จะทำอะไร สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นการต่อต้านอย่างช้า ๆ จนชั่วครู่เดรโกคิดว่าอีกฝ่ายจะตะโกนใส่เขา แต่ทว่า แฮร์รี่กัดฟันสูดลมหายใจเข้าช้า ๆ

"นายอาจพูดถูกเดรโก เหมือนอย่างที่นายพูด เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว แต่บางทีฉันอาจไม่ได้แค่เล่นสนุกเพราะไม่ใส่ใจ ลองคิดดูให้ดีนะ เผื่อสิ่งที่ฉันพูดจะเข้าหัวกะโหลกสลิธีรินของนายบ้าง รู้ใช่ไหมว่าโวลเดอมอร์ต้องการจะควบคุมนาย วิธีที่เขาจะทำแบบนั้นกับคนอื่นได้คือทำให้ร้อนใจ เพราะมันจะทำให้อ่อนแอ ยิ่งนายเดือดเนื้อร้อนใจเท่าไร นายก็จะยิ่งปล่อยให้เขาได้สิ่งที่ต้องการ ยิ่งเขาได้สิ่งที่ต้องการมากเท่าไร เขาก็จะเข้ามาควบคุมนายได้มากเท่านั้น"

ลมหายใจเดรโกจู่ ๆ ก็จุกอยู่ที่ลำคอ เขายังฉุนเฉียวอยู่ แต่เมื่อได้หยุดโวยวายและได้ฟังแฮร์รี่แล้วอย่างนี้ เหมือนความกลัวต่าง ๆ ไหลกับเข้าไปในเส้นเลือดใหม่ เขามองแฮร์รี่ พยายามอ่านมวลอารมณ์ที่รวมกันอยู่บนใบหน้าของอีกฝ่าย ความกังวล ความพะวง ความเกรี้ยวกราด สร้างเป็นภาพตัดปะที่แย้งกันอย่างประหลาด

แฮร์รี่เหมือนจะคิดว่าอีกฝ่ายเข้าใจที่พูดแล้ว จึงพยักหน้าให้ช้า ๆ "ปีที่แล้วคงเป็นปีที่ทรมานที่สุดในชีวิตฉัน ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจะถูกพรากออกไปจากฉันหมด ฉันโมโห ฉันไม่ไว้ใจใคร ฉันเสือกไสทุกคนออกไป จนตอนสิ้นปี ฉันเป็นเหมือนหุนเชิดของโวลเดอมอร์ ทำทุกอย่างที่เขาอยากให้ทำ ถูกกำกับการโดยคนที่ฉันพยายามต่อต้าน และเมื่อมาคิดได้มันก็สายเกินไป"

"ฉันไม่ได้โง่ ฉะนั้นอย่าสักแต่ว่าฉันอย่างเดียว ฉันรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ฉันจะให้ทางเลือกนายอีกทาง มัลฟอย ก่อนที่นายจะไปไกลมากกว่านี้ บางทีนายอาจจะรู้คำตอบก่อนที่นายจะผลักไสฉันไปด้วยเหมือนกัน"

แฮร์รี่มองอีกคนอย่างมีความหวังอยู่ครู่ใหญ่ ทว่าเดรโกยังตกตะลึงเกินกว่าจะพูดอะไร เขามองตอบ ปากอ้าค้าง พยายามคิดให้ออกว่าแฮร์รี่กำลังพูดอะไรเพื่อที่จะตอบเขา ทว่าในที่สุดไหล่แฮร์รี่กลับลู่ลง แล้วหันไปอีกทาง

"เราจะตามแม่น้ำนี่ไปอีกสักพัก ฉันชอบฟังเสียงน้ำไหล"

เขาเริ่มเดินห่างออกไป ตามสายธารไหลไปทางใต้ ไม่มีทีท่าว่าจะหันกลับมา เดรโกจ้องมองแผ่นหลังที่เคลื่อนห่างก่อนจะตระหนักได้ ทุกครั้งที่แฮร์รี่เดินออกไปแบบนั้น เขาเชื่อว่าเดรโกจะตามไป แฮร์รี่รู้ดีอยู่แล้วว่าหากเดินห่างเกินไป โวลเดอมอร์อาจสืบพบได้ เขากำลังมอบโอกาสให้เดรโกทุกโอกาสที่เป็นไปได้เพื่อให้เดรโกหักหลังและส่งเขากลับคืน

ซื่อบื้อ ซื่อบื้อ ซื่อบื้อที่สุด

เดรโกเหล่มองต้นแพงพวยต้นเล็กที่ปลายเท้า จับจ้องที่กลีบดอก แฮร์รี่พูดถูก... มันสวยงาม ถูกตา บอบบาง อ่อนแอ

ด้วยความหงุดหงิด ณ ตอนนั้น เขาจึงกระทืบมัน เหยียบขยี้ดอกไม้นั้นกับพื้นกรวดด้วยส้นเท้า ไม่มีพื้นที่สำหรับความอ่อนแอ เพราะเดรโกได้ใช้มันไปหมดแล้ว ความอ่อนแอคือเหตุให้เกิดปัญหาตั้งแต่แรก มันทำให้เขาต้องใช้ชีวิตหลบอยู่เบื้องใต้ผู้ที่เป็นใหญ่กว่า ไขว่คว้าหาอำนาจที่เขายังสร้างขึ้นไม่ได้ และตอนนี้มันก็นำพาเขามาสู่สถานการณ์ที่ไม่มีวันชนะ

ในที่สุดก็เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าใจสถานการณ์จริง ๆ และเขาได้เลือกแล้ว หากอยากให้เรื่องราวลงเอยด้วยดีละก็ มีทางเดียวเท่านั้นที่ต้องไป เขาสูดหายใจเฮือกใหญ่ จัดแจงสัมภาระบนบ่าให้ดี แล้วออกเดินตามแฮร์รี่ไป

"แฮร์รี่ รอด้วย... ฉันมาแล้ว"

*******************

เดรโกไม่แน่ใจว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไร แต่ระหว่างทางที่ใดสักแห่ง เขาได้ขึ้นมาเดินเคียงข้างแฮร์รี่ ไม่ได้ตามหลังแล้ว มันเป็นความรู้สึกแปลก ๆ แต่ใช่ว่าจะแย่เสียทีเดียว

ด้วยไม่แน่ใจจะพูดอะไร เดรโกจึงไปง่วนกับการชมวิวทิวทัศน์ ส่วนหนึ่งก็เพื่อคอยระวังผู้เสพความตายที่แฮร์รี่ยืนกรานว่าไม่ได้ตามมาแล้ว แต่หลัก ๆ ก็เพื่อชมสิ่งต่าง ๆ โดยรอบนั่นแหละ ใต้ฟ้าครึ้มเมฆแม่น้ำจึงไม่ได้มีชีวิตชีวาอะไรมาก แต่น้ำใสและชวนมองอยู่พอควร เสียงกระแสน้ำเอื่อยไหลแผ่วเบาเตือนให้เดรโกนึกถึงน้ำพุกลางสวนในคฤหาสน์ เขามองดูว่าแฮร์รี่เดินไปอย่างไร และเริ่มเรียนรู้วิธีเดินเลี่ยงต้นไม้มีหนาม บางครั้งบางคราวเขาก็จะพบพืชตำรับยา แล้วก็จะทดไว้ในบัญชีใจที่จำนวนรายการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เขาไม่ได้จะมาปรุงยาในป่าหรอก มันเป็นเพียงวิธีที่จะทำให้จิตใจไม่ฟุ้งซ่านเท่านั้น เขายอมรับสนิทปากไม่ได้หรอกว่าภูมิประเทศที่นี่สวยงาม ด้วยท้องฟ้าสีหม่นและอากาศอบอ้าว ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ไม่ได้เลวร้ายเสียทีเดียว แน่ละว่าดีกว่าคุกโวลเดอมอร์มากโข

ถ้าโวลเดอมอร์ไม่บีบคอเขาตายไปเสียก่อนน่ะนะ

ทั้งคู่หยุดพักกินน้ำกินท่าที่ใต้ร่มโอ๊กใหญ่ เติมน้ำใส่ขวดแก้วยื่นให้กัน ขณะที่เดรโกดื่มนั้น สายตาก็ปรายมองผ่านขอบขวดแก้ว สังเกตดูแฮร์รี่ที่เอนหลังพิงต้นโอ๊กพลางหลับตาพริ้ม เอามือขวาสอดไว้ใต้ท้ายทอย

แฮร์รี่ถอนหายใจยาวแล้วลืมตาข้างหนึ่งเมียงมองเดรโก "ได้ผ่อนคลายเสียทีว่าไหม"

เดรโกกลืนน้ำอึกสุดท้ายลงคอแล้วพยักหน้า "ก็ไม่แย่เท่าไรฉันว่า คือว่านะ อะไรก็เกิดขึ้นได้ เราอาจถูกมนุษย์หมาป่าไล่กิน งูพิษฉก หนาวตาย อดอาหารตายถ้าเสบียงหมด แต่ตอนนี้ ก็ไม่เลว"

แฮร์รี่ลืมตาทั้งสองข้าง "นายนี่เป็นลูกแหง่ใช่หรือเปล่า"

"แม่ฉันบอกเสมอว่าฉันเป็นเหมือนแก้วตาของแม่"

แฮร์รี่อมยิ้ม "ฉันว่าแม่นายต้องอยากได้ยาหยอดตาละ"

"ยาอะไรนะ"

"ไม่มีอะไรหรอก" แฮร์รี่บอกปัดพลางหัวเราะเบา ๆ

เดรโกกลอกตาขณะปิดฝาขวดกลับเข้าที่ "มิสเซิลโท"

แฮร์รี่ตวัดตามอง "อะไรเหรอ"

เดรโกยิ้มแฉ่ง "มิสเซิลโท ตรงต้นโอ๊กนั่น" เขาแหงนมอง "ที่กิ่งก็มีเต็มไปหมด ส่วนประกอบยาฤทธิ์แรง ช่วยเพิ่มสมรรถภาพตัวยาได้หลายตัว"

แฮร์รี่มองเดรโกเขม็งชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นทำหน้าระรื่นด้วยความประหลาดใจและขบขันปะปนกัน "รู้เรื่องพวกนี้ด้วย"

"นี่ ฉันปล่อยให้นายเอาชนะฉันอีกไม่ได้หรอกนะ คิดว่าตนเองรู้อยู่คนเดียวหรือไง นายไม่ได้ครึ่งเกรนเจอร์หรอก"

"เธอเป็นคนกดดันให้ฉันเรียนรู้เรื่องพวกนี้ตั้งแต่แรก" แฮร์รี่หลิ่วตาข้างหนึ่งเมื่อแหงนมองกิ่งไม้เหนือศีรษะ "รู้ไหม มักเกิ้ลก็มีการใช้มิสเซลโทเหมือนกัน"

"งั้นหรือ" เดรโกถาม ชักสงสัยใคร่รู้ว่ามักเกิ้ลจะเอาพืชกาฝากมีพิษอย่างนี้ไปทำอะไรแบบไหน

แฮร์รี่มองกลับลงมาที่เดรโก เห็นได้ชัดว่ากำลังกลั้นหัวเราะ "เชื่อเถอะ นายไม่อยากรู้หรอก ตอนนี้"

"พอตเตอร์ นายนี่มันตัวแสบจริง ๆ รู้ตัวหรือเปล่า"

"แน่นอนที่สุด" เขาพูด พร้อมผงกหัวรับ

เดรโกถอนหายใจระอิดระอา ครั้นแล้วชำเลืองมองหลัง "เราต้องไปต่อแล้วละ ไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้"

แฮร์รี่โน้มตัวออกจากต้นไม้ "เราตรงตามกำหนดเวลาหรือเปล่า"

ไม่ใช่คำถามจริงจัง ทว่าข้างในเดรโกนั้นชะงักงันไปชั่วขณะ "ไม่" เขาบอกห้วน ๆ "ไม่ ฉันแค่อยากไปถึงให้เร็วดีกว่าช้า"

แฮร์รี่ผงกศีรษะหน้าตาย "ถือเป็นอันตกลง" เขาพยักพเยิดหน้าไปทางที่ต้องเดินต่อ "พร้อมไหม"

"นายออกก่อน"

แฮร์รี่ส่ายหน้าแล้วโค้งตัวต่ำ พร้อมผายมือไปด้านหน้า "ขอยืนกรานว่า สุภาพสตรีก่อน"

เดรโกขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน "มุกเก่าไปแล้วพอตเตอร์"

"ใครบอกว่าฉันเล่นมุกกันล่ะ" แฮร์รี่เปรยขึ้นเบา ๆ ขณะก้าวเท้าเดินเคียงเดรโก

เดรโกไม่อยากแม้แต่จะทำหน้าบึ้งถลึงตาใส่อีกฝ่าย จึงทำแค่ทอดมองพื้นดินเบื้องหน้าขณะย่างก้าว ขะมักเขม้นกับการบันทึกพืชชนิดต่าง ๆ ลงในรายการในหัว แต่ก็ห้ามใจไม่ให้รู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ที่พืชพันธุ์เหล่านี้ไม่ได้รับการตัดแต่งจัดแจงให้ดี

"เมื่อกลับไปถึงแล้ว สิ่งแรกที่นายจะทำคืออะไร" จู่ ๆ แฮร์รี่ก็ซักขึ้น

ถามง่าย ๆ เดรโกก็ตอบง่าย ๆ "อาบน้ำ"

"ความคิดดี"

เดรโกนึกภาพอ่างอาบในห้องน้ำพรีเฟ็คอย่างโหยหา แล้วปล่อยใจล่องลอยไปกับห้วงนึก "แน่ซี อาบน้ำอุ่นให้ยาว ๆ ทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม ขจัดคราบโสมมนี้ออกจากตัวฉันให้หมด อ่างน้ำนั้นแสนดีเลิศจนอยากจะขอบคุณเมอร์ลิน ฉันจะไม่ลุกไปไหนเป็นชั่วโมง เป็นวันเลยก็ได้ และก็ฟองสบู่ ฉันจะใช้ทุกแบบที่มีเลยละ"

"ส่วนตัวฉันชอบขวดสีม่วงนะ" แฮร์รี่เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

"ใช่ นั่นน่ะ... เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ" เขาตวัดตามองแฮร์รี่ "นายรู้เรื่องห้องน้ำพรีเฟ็คได้ยังไง"

แฮร์รี่อ้าปากค้างชะงักงัน หน้าขึ้นสีระเรื่อ ชายหนุ่มรีบเหลียวหนีทันที

"ใครบอกรหัสผ่านนายแฮร์รี่ บอกมาเดี๋ยวนี้นะ เร็วเข้า" เดรโกยิ้มเยาะอย่างมีเลศนัย "นายแอบนัดพบใครในห้องเสพสังวาสที่ขึ้นชื่อที่สุดในฮอกวอตส์หรือเปล่า"

แฮร์รี่หัวขวับมาหาเดรโก หน้ายิ่งแดงก่ำกว่าเมื่อแรกที่หันหนี "อะไร... ฉันไม่ได้ 'แอบนัดพบ' ใครทั้งนั้นแหละ!แต่ฉัน... มันก็แค่ –"

ชายหนุ่มได้ใจนักที่เห็นแฮร์รี่หน้าแดงแปร๊ดเป็นลูกมะเขือเทศ "ถ้างั้นใครเป็นคนให้รหัสผ่านนายล่ะ"

"เซดริก ดิกกอรี่" แฮร์รี่พูดเบา ๆ "แต่มันไม่ใช่อย่างที่ –"

"นายได้เสียกับเซดริก ดิกกอรี่เหรอ มิน่าล่ะนายถึงบอกว่าไม่เคยมีแฟน!"

แฮร์รี่ดูเหมือนจะสำลักลิ้นตัวเอง "ฉัน... คือ... แน่ละฉันไม่ได้ได้เสี – มัลฟอย อย่าคำลามกมายัดใส่ปากฉันได้ไหม!"

"นายมีอะไรอย่างอื่นยัดใส่ปากหรือเปล่า"

ใบหน้าแฮร์รี่เปลี่ยนจากแดงเถือกเป็นเขียวปั๊ด ตาฉายวาบอย่างขุ่นเคือง มือผลักไหล่เดรโกไปที

เดรโกเซถลาไปสองสามก้าว ยังหัวร่อต่อกระซิก "ใจเย็นน่าพอเตอร์ ฉันคงพูดจี้ใจดำเข้าละสิถึงได้ทำท่าแบบนั้น"

"นายมันตัวกวนประสาทจริง ๆ รู้ตัวไหม" แฮร์รี่ชำเลืองมอง

"ฉันพยายามแล้ว จริง ๆ นะ"

"และนายก็พูดเลยเถิดจนน่าปวดหัว"

เดรโกหัวเราะขำขัน "ถึงคราวฉันเอาคืนบ้าง โทษฐานที่หาว่าฉันซาดิสม์"

แฮร์รี่คำรามในลำคอแล้วส่ายหน้า "ก็ได้ งั้นเราหายกัน"

"ไม่หรอก ฉันยังอยากรู้ว่านายไปทำอะไรในห้องน้ำพรีเฟ็ค"

"ฉันไม่อยากพูดถึงมัน" แฮร์รี่บอกเรียบ ๆ

ปากเดรโกเผยอแย้มอย่างฉุนเฉียว "แฮร์รี่นายเป็นบ้าอะไรห้ะ นายสักจะถามซักไซ้ฉันอะไรก็ได้ตามใจ แต่พอฉันถามเข้าหน่อย กลับทำเป็นเหมือนเก็บความลับสุดยอดของกองปริศนาอยู่อย่างนั้นแหละ"

แฮร์รี่มองตรงไปข้างหน้าขณะเดิน "นายยังไม่เห็นบอกฉันเลยว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน... มีอะไรในภาพที่นายเห็น ฉันว่าเรื่องนี้ยังสำคัญกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอ่างน้ำเมื่อสองปีที่แล้วนะ"

ด้วยประหลาดใจกับบทสนทนาที่พลิกผัน เดรโกจึงไม่ได้เอาใจจดจ่อจนเดินชนหนามเข้าอีก ชายหนุ่มส่งเสียงรำคาญใจแล้วดึงกางเกงออก "มันคนละเรื่องกัน พอตเตอร์ และฉันก็บอกแล้วด้วยว่าให้ฉันจัดการมันด้วยตัวเองก่อน พูดอย่างกับนายไม่ได้ล้วงเข้ามาในจิตใจฉัน ทีละส่วน ๆ แล้วยังงั้นแหละ แต่เป็นนายนั่นแหละ! ทุกครั้งที่นายไม่ชอบเรื่องที่พูด ก็จะปิดกั้นไว้ราวกับระบบความปลอดภัยสูงสุดของกริงกอตส์!"

แฮร์รี่ทำเสียงฮึดฮัด

"นายไม่พูดกับใครเลยหรือ"

"มีตั้งหลายคน ฉันพูดกับนายอยู่นี่ก็อาทิตย์กว่าแล้ว"

เดรโกขบเคี้ยวริมฝีปากขณะตรึกตรอง "นายพูดจากระแทกฉันต่างหาก ฉันดูความต่างออกหรอกน่า"

แฮร์รี่เอียงศีรษะพิจารณาเดรโกชั่วครู่ นัยน์ตาวาววับทอประกายความใคร่รู้ "เพราะอะไรอย่างนั้นหรือ"

"เอ้ออย่าเลย อย่าแม้แต่จะคิด เราไม่ได้กำลังพูดเรื่องฉัน นาย นายอยากรู้ไปเสียทุกอย่าง แต่ไม่ตอบคำถามฉันสักคำ นอกเสียจากนายจะคิดว่าฉันสมควรรู้ หรือตอบเฉพาะคำตอบงี่เง่าไร้สาระ ทำไมนายถึงทำตัวมีความลับนักหือ"

แฮร์รี่หยุดชะงัก ทั้งสายตาและน้ำเสียงต่างเยือกเย็น "บางทีฉันอาจอยากมีความลับ บางทีความลับคือทั้งหมดที่ฉันรู้จัก ไม่มีใครบอกอะไรฉัน ฉะนั้นทำไมฉันต้องบอกความลับฉันให้คนอื่นรู้ ดูเหมือนฉันจะมีแค่มันนี่แหละ แล้วตอนที่ฉันพยายามจะบอกความจริง –" แฮร์รี่เอามือซ้ายยกขึ้นให้เดรโกเห็นรอยเขียนตรงนั้น "– ไม่เห็นมีใครอยากฟัง"

เดรโกมองแฮร์รี่ รู้สึกถึงความเศร้าใจเต็มตื้นขึ้นมา เขาถอนหายใจ "บางทีนายอาจบอกผิดคน"

ชั่วครู่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่แล้วความตึงเครียดและความโมโหบนใบหน้าแฮร์รี่ค่อย ๆ เลือนหายไปอย่างช้า ๆ แทนที่ด้วยแววความปวดร้าวอันทำให้เดรโกมวนท้อง แฮร์รี่คอตก ก้มหน้ามองพื้น

"นายอาจคิดว่ามันไม่สำคัญ แต่ฉันคิดถึงรอนกับเฮอร์ไมโอนี่จริง ๆ"

เดรโกไหวไหล่ "ฉันว่ามันสำคัญกับนาย แล้วได้คุยกันไหม"

แฮร์รี่เหลือบมองเดรโกโดยไม่เงยหน้าขึ้น "มีแค่พวกเขาที่ฉันคุยด้วยได้"

เดรโกแทบจะรู้สึกได้ถึงมวลความรู้สึกที่แผ่รังสีออกมาจากตัวแฮร์รี่ เขาไม่เคยคิดถึงใครจริง ๆ จัง ๆ สักครั้ง จริงอยู่ ตอนเขาได้เก้าขวบพ่อแม่ไปพักร้อนสามสัปดาห์ และได้ทิ้งเขาไม่กับป้า เขาบอกได้ว่าเขาคิดถึงพ่อกับแม่ ทว่าเมื่อมองดูใบหน้าแฮร์รี่ตอนนี้ เขาไม่รู้เลยว่ามันหมายความว่าอย่างไร เดรโกวิ่งหนีจากอันตรายทั้งหวังว่าจะไม่หนีเสือปะจระเข้ แต่แฮร์รี่จะกลับคืนไปที่ฮอกวอตส์ไปหาคนที่รักเขา เดรโกไม่ได้พูดเกินจริงหรอกแต่เขากลัวอยู่ในใจว่าเพื่อนร่วมบ้านเขาจะฆ่าเขาเสียให้ได้

อีกทั้งเขายังพบว่าตนเองแอบอิจฉาวีสลีย์กับเกรนเจอร์ เหมือนอย่างที่แฮร์รี่พูดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "เฮอร์ไมโอนี่กับรอนเป็นแม่มดและพ่อมดที่ดีที่สุดที่ฉันเคยรู้จักมา พวกเขาตายเพื่อฉันได้ และฉันก็ตายเพื่อพวกเขาได้ นั่นแหละความภักดี มัลฟอย และนั่นคือสิ่งที่นายควรอิจฉา" เป็นอีกครั้งที่หนุ่มน้อยมหัศจรรย์คนนี้พูดถูก เพียงแต่ครั้งนี้ไม่เจ็บเหมือนลูกบลัดเจอร์กระแทกศีรษะเหมือนเช่นทุกครั้ง มันเพียงแค่ส่งความจุกแน่นขึ้นมาที่หน้าอก

เขาจดจ้องใบหน้าละห้อยหาของแฮร์รี่ห่างออกไปแล้วถอนหายใจ เขาแย้มยิ้มแห้ง ๆ แล้วพูด "ฉันเชื่อว่าพวกเขาก็คิดถึงนายเหมือนกัน แต่ถ้าอยากเจอกันเร็ว ๆ เราก็ต้องรีบหน่อย มาเร็ว" เขาพยักพเยิดไปทางที่ต้องไป

แฮร์รี่พยักหน้า หันไป แล้วออกเดิน เขาไม่ได้มองกลับมาหาเดรโก หากแต่ทอดสายตามองพื้นเบื้องหน้า มันไม่ใช่การหลบหน้าเพราะเคืองโกรธอย่างที่เขาทำก่อนหน้านี้ บัดนี้เขาดูเหมือนว่าจะเหนื่อยล้าเกินจะถกเกียง หรือบางทีอาจกำลังอ้างว้างใจ

ถ้าอยากพูดอะไร เดรโกคิดขณะเดินเคียงข้างแฮร์รี่ รู้บ้างไหมว่าฉันฟังอยู่

เดรโกกำลังกลั่นกรองในใจว่าควรพูดออกไปหรือไม่ เสียแต่แฮร์รี่พูดขึ้นก่อน

"เซดริกเป็นคนบอกรหัสผ่านเข้าห้องน้ำให้ฉันเพื่อจะได้คิดเบาะแสการประลองไตรภาคีภารกิจที่สองออก"

บางสิ่งที่เปลี่ยนไปในน้ำเสียงแฮร์รี่ดึงความสนใจเดรโก ดวงตาขยายกว้างเล็กน้อย "ทำไม"

หากเป็นได้เสียงแฮร์รี่นั้นยิ่งแผ่วเบาลงอีก "เพราะนั่นเป็นตอนที่ทุกสิ่งดิ่งลงเหว" เขาชำเลืองหาเดรโก จ้องมองอย่างมีความหมาย ดังหนึ่งพยายามสื่อสารเรื่องราวที่ไม่ได้เอ่ยด้วยแววตา

เบื้องลึกในใจเดรโก หมอกคลุมเครือของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปีนั้นถักร้อยประสานเข้าด้วยกัน พ่อบอกว่าการประลองเวทไตรภาคีนั้นเป็นการประลองครั้งใหญ่เอาการ แต่ก็เช่นเคย พ่อไม่ได้บอกรายละเอียดไปมากกว่านั้นไม่จำเป็นต้องรู้เหตุผลหรอกเดรโก ยิ่งรู้น้อย ก็ยิ่งเสี่ยงภัยน้อย พ่อก็เป็นแบบนั้นตลอด ไม่เคยบอกอะไรเขา เดรโกมีอะไรสนุกกว่าต้องทำไม่อยากเจียดเวลาไปตั้งข้อสงสัยอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ กระทั่งต้นเค้าของปริศนาได้ลอยหายไปต่อหน้าต่อตาโดยไม่ได้ใส่ใจเหมือนอย่างเดิม แฮร์รี่ได้แชมป์คนที่สี่ เอาชนะนักเรียนรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์มากกว่า วินาศกรรมลึกลับตอนท้ายการประลอง พอดิบพอดีกับกลับมาของจอมมาร ทุกอย่างล้วนราบรื่นเกินไป

"นายถูกจัดฉาก ใช่หรือเปล่า"

"ถูกหลอกใช้ ฉันถูกใช้มาโดยตลอด แม้แต่กับคนที่อยู่ 'ฝ่าย' เดียวกัน โวลเดอมอร์จะทำบ้างคงไม่แปลก"

เดรโกไม่รู้จะตอบอย่างไร เขากระพริบตาสองครั้งแล้วเอ่ยช้า ๆ "เอ่อ... ใช่ ดีที่เป็นที่ต้องการ ฉันว่า"

แฮร์รี่หัวเราะ สั้นห้วน ไร้อารมณ์ ทำเอาเดรโกสะดุ้ง "'กำจัดอีกคนซิ' เขาพูด แล้วมีแสงสีเขียว สิ่งต่อมาที่ฉันรู้คือเซดริกนอนตายบนพื้นข้างกับฉัน เซดริกไม่ได้ 'เป็นที่ต้องการ' แต่ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน ฉันก็จะตามเซดริกไปในอีกไม่กี่นาที เห็นไหมว่าไม่ได้มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับการเป็นที่ต้องการเลย แค่ถูกฆ่าแบบจงใจกว่าเท่านั้นเอง"

เดรโกดูจะไม่สะดวกใจกับการสนทนาทั้งหมดนี้ และแฮร์รี่ท่าทางจะรู้อยู่ ที่จริงเขาดูเหมือนจะชอบมันทีเดียว

"แผลเป็นบนแขนฉันที่นายถามถึง... เหนือรอยเขี้ยวบาซิลิสก์ขึ้นมา... หางหนอนกรีดตรงนั้น... และใช้เลือดฉันในการคืนร่างโวลเดอมอร์ แผนการคือใช้ประโยชน์จากฉัน จากนั้นก็ฆ่าทิ้งต่อหน้าผู้เสพความตายทั้งหมด เพียงเพื่อที่โวลเดอมอร์จะได้พิสูจน์ว่าตนแข็งแกร่งกว่าเด็กชาย เขาแค่อยากเล่นกับฉันเฉกเช่นแมวเล่นกับหนูเพื่อความสนุกก่อนจะฆ่าทิ้ง"

แฮร์รี่ชำเลืองมองเดรโก "ทีนี้รู้หรือยังว่าทำไมฉันถึงไม่อยากพูดอะไรเท่าไร" เขาเอ่ยถามเบา ๆ

"แหม..." เดรโกละล้าละลัง "นั่นก็ผ่านมาปีกว่าแล้ว คือว่า ชีวิตนายมีอะไรมากกว่าเรื่องคนที่คุณก็รู้ว่าใคร ใช่ไหมล่ะ ก็พูดเรื่องอื่นที่นายไม่เก็บปากเงียบเป็นเป่าสากซี"

แฮร์รี่เอื้อมมือจับแขนเดรโกโดยพลัน หมุนคืนมาให้ประจันหน้ากัน นัยน์ตาสาดฉายความเกรี้ยวกราดเบื้องหลังแว่นตา และเดรโกบอกไม่ได้ว่าแฮร์รี่จะสติแตกหรือไม่ เขากลัว "นี่นายไม่เข้าใจใช่ไหม โวลเดอมอร์ทำทุกอย่างในชีวิตฉันพัง ได้ยินไหมเดรโก ทุกสิ่งทุกอย่าง! นายเข้าใจหรือเปล่า!"

"ฉัน... คือ... เข้าใจแล้ว... ฉัน... แต่ว่า..." คำพูดหายไปภายใต้ดวงตาแข็งกร้าวของแฮร์รี่ เขารวบรวมความกล้าที่พอมีเหลืออยู่พยายามจะเห็นใจอีกฝ่าย "เขาก็มีอิทธิพลกับชีวิตฉันเหมือนกันนั่นแหละ... ฉันหมายถึง ฉันควรอยู่รับใช้เขา ฉันเข้าไปมีส่วนร่วมตอนยังเด็กเกินไป และที่ฉันมาอยู่ตรงนี้ได้ก็เพราะ –"

"ให้ตายสิเดรโก! นายคิดว่าสิ่งที่นายเจอมามันเทียบได้กับสิ่งที่ฉันต้องรับมือเหรอ ฉันต้องสู้กับเขาตอนฉันอายุสิบสี่! ถ้าไม่ใช่เพราะความบังเอิญที่ว่าไม้เรามีแกนแฝด เขาคงชนะไปแล้ว"

เดรโกพบว่าตัวเองกำลังถูกดึงด้วยอารมณ์ที่ต่างกันระหว่างความกลัวและความหงุดหงิด กลัวที่ว่าแฮร์รี่จะปะทุอารมณ์ใส่เขา หงุดหงิดที่หมอนั่นเอาแต่คิดว่าตัวเองเจอเรื่องแย่กว่าคนอื่น เดรโกเลือกที่จะไม่ตอบสนองด้วยอารมณ์ไหน เพียงแต่พูดสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในใจอันบอบช้ำ "แกนแฝดเหรอ..."

"ไว้ฉันจะบอกเรื่องนั้นทีหลัง แต่เชื่อเถอะว่าฉันอยากมีเรื่องดี ๆ ไว้พูดกับเขาบ้าง อะไรก็ได้ แต่ไม่มี ฉันอยากมีชีวิตเรียบง่ายธรรมดา แต่ไม่มี วันหนึ่งฉันอยากตื่นขึ้นมาแล้วมีพ่อแม่ อยากกังวลเรื่องทำยังไงให้สอบผ่านและหาแฟนสักคน แต่นั่นคงเป็นไปไม่ได้ และฉันไม่มีทางเลือก"

ความหงุดหงิดเริ่มจะขึ้นนำ แต่แล้วเดรโกสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงอันสั่นเครือของแฮร์รี่ ชายหนุ่มไม่ได้ดูเป็นกริฟฟินดอร์ที่ถือแต่ความคิดตัวเอง ตัดพ้อต่อว่าโชคชะตา แต่เขาดูบอบบางและหวาดกลัว กำแพงที่เขาปิดกั้นตนเองไว้ตั้งแต่ก้าวออกจากคุกใต้ดินกำลังทะลายลง

แฮร์รี่กลืนน้ำลาย "จนในที่สุดฉันก็ยอมรับชีวิตที่ไม่ได้เป็นของฉัน แต่ฉันไม่ได้ยอมรับว่าจะเสียมันให้เขา ฉันอาจดูซื่อบื้อนะ แต่ฉันเชื่อว่านายจะไม่ส่งฉันกลับไปที่นั่น"

"ฉัน..."

ก่อนเดรโกจะเอ่ยอะไร แฮร์รี่ได้ฉวยเอามีดออกมาจากสายคาด เดรโกร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ พร้อมเอาแขนขึ้นมาป้องหน้า คราวนี้แน่ใจแล้วว่าแฮร์รี่เสียสติไปแล้วจริง ๆ และกำลังจะทำร้ายเขา เดรโกมองลอดออกมาจากใต้แขน จึงเห็นว่าแฮร์รี่กำลังยื่นด้ามจับมีดมาให้

"รับไปสิ" แฮร์รี่บอกเรียบ ๆ

เดรโกเอามือลงอย่างประหลาดใจ "อะไรนะ"

แฮร์รี่เอื้อมจับมือขวาเดรโกมา แล้วยัดเยียดมีดลงไป นิ้วเดรโกกำรอบด้ามโดยอัตโนมัติ เมื่อนั้นเองแฮร์รี่ได้ดึงมือขึ้นมาให้ปลายมีดจรดอยู่ที่ลำคอตนเอง

"ทำสิ เอาเลย"

"แฮร์รี่ –" เขาพยายามจะเอามือลง แต่แฮร์รี่ผลักมันขึ้นเหมือนเดิม "แฮร์รี่ นายทำบ้าอะไร"

"พิสูจน์ให้รู้" แฮร์รี่เหล่มองปลายมีด "ไม่มีการล้อเล่น"

"พิสูจน์บ้าบออะไรอีก" เดรโกแทบร้อง พยายามเอามีดลงอีกหน

แฮร์รี่ผลักแขนเดรโกขึ้นใหม่ แล้วส่ายหน้า "ทำเถอะน่า นายเคยแทงฉันแล้วด้วยมีดนี่ ทำอีกทีซี คราวนี้ทำให้ถูก"

เดรโกปรายตามองตามความยาวแขน ผ่านใบมีด ไปจนถึงลำคอแฮร์รี่ ปรากฏเป็นภาพซ้อนทับขึ้นมาในทันใด มันคือภาพใบมีดของโวลเดอมอร์กำลังจ่อที่คอเขา ภาพเขาชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่แฮร์รี่ ภาพแฮร์รี่ตัวสั่นระริกต่อหน้า ท้าให้ทำสิ่งที่ไม่สามารถพูดออกมาได้

เสียงร้องติดอยู่ในลำคอเดรโก มันละม้ายคล้ายกับเสียงตกใจปนสะอื้น เขาก้าวถอยออกมาไม่ให้ที่แฮร์รี่จะหยุดไว้เสียก่อน เอามีดลงและเสียบกลับคืนไว้ในฝักอย่างดี เขาเจียนทำหล่น ด้วยตัวสั่นเทาเอามาก ๆ ครั้นมองขึ้นแฮร์รี่ก็มองตอบมา ขุดค้นเข้ามาในดวงตา

"แล้ว..." แฮร์รี่เปรย ปล่อยคำพูดลอยคว้างกลางอากาศ

"แล้วอะไร" เดรโกตอบเสียงสั่น

"ฉันบอกนายแล้วว่าฉันขอตายด้วยมือตนเอง ดีกว่าให้โวลเดอมอร์เป็นคนทำ"

ดวงเนตรเดรโกเบิกโพลงเมื่อนึกได้ถึงประโยคต่อมา หรือไม่ก็ให้นายเป็นคนฆ่าฉัน "แฮร์รี่... ฉันไม่... คือมัน... ไม่ได้..."

"ฉันเชื่อใจนาย ว่าจะนายจะไม่ฆ่าฉัน และเชื่อว่านายจะไม่ส่งฉันหลับคืน"

เสียงครวญครางเล็ดลอดออกมาจากเดรโก

แฮร์รี่ก้าวเข้าใกล้อีกหนึ่งก้าว "คำถามมีอยู่ว่า... นายเชื่อใจตัวเองหรือเปล่า"

เดรโกพยายามเปิดปากพูด หากทำไม่ได้ขนาดนั้น ริมฝีปากเม้มเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา ที่ทำได้ก็เพียงแค่พยักหน้า

"นายจะสู้จนกว่าจะกลับถึงบ้านหรือเปล่า"

เดรโกพยักหน้าอีกครั้ง

ในที่สุดใบหน้าแฮร์รี่ก็ผ่อนคลายเป็นร้อยยิ้มโล่งใจ ตามด้วยเสียงถอนหายใจ ทันใดเขาก็ทำให้เดรโกตกอกตกใจแบบไม่คาดคิด แฮร์รี่ก้าวไปใกล้ เอาแขนคล้องไหล่เดรโกดังหนึ่งจะปกป้องไว้ ตามองตา หน้าผากจรดกัน ใบหน้าเขาเปี่ยมไมตรีทว่าแฝงความจริงจัง

"งั้นเราจะกลับบ้านด้วยกัน"

เดรโกจ้องมองแฮร์รี่ ไม่ถนัดใจกับความใกล้ชิดดังนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าหากแฮร์รี่ปล่อยมือ เขาจะล้มลง แฮร์รี่ไม่ได้ทะลายกำแพงที่กั้นระหว่างทั้งสอง เขาเพียงแต่ก้าวผ่านเข้ามาต่างหาก และความคิดซึ่งเดรโกซุกซ่อนตลอดวันกำลังเผยออกมาให้อีกฝ่ายเห็นจนหมดสิ้น

"แฮร์รี่... ในภาพนั้น... กับคนที่รู้ว่าใคร... เมอร์ลิน มันแย่มาก... เขาบอกว่าถ้าฉันส่งนายคืน... ถ้าฉันส่งเราคืน เขาจะไว้ชีวิตฉัน... แต่ถ้าไม่ เขาจะ... เขาจะ –"

"ฉันรู้ เดรโก โวลเดอมอร์ก็เป็นแบบนั้นแหละ เขาเล่นกับใจคน งั้นฉันจะให้ข้อเสนอของฉัน ถ้านายไม่ปล่อยให้เขาได้ตัวฉัน ฉันก็จะไม่ปล่อยให้เขาได้ตัวนาย ยุติธรรมดีไหม"

เดรโกยืนนิ่ง แฮร์รี่คงเริ่มวิตก เพราะคิ้วเขาขมวดเข้าหากันอย่างรวดเร็ว

"เดรโก..."

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากบอกความจริงทั้งหมดกับแฮร์รี่ ที่จริงเขาแค่ทนไม่ได้ที่จะทำแบบนั้นมากกว่า เขาจะบอกแฮร์รี่ไปได้อย่างไรว่าเขาอาจจะหยุดโวลเดอมอร์ไม่ให้มาเอาตัวเขาไปไม่ได้ โอกาสที่จะหาตัวแก้คำสาปได้ทันเวลายังมีอยู่หรือเปล่า แต่ในทางกลับกัน ถ้าเขาส่งแฮร์รี่ให้โวลเดอมอร์ ก็จะไม่มีโอกาสที่แฮร์รี่จะรอดคืนมา เมื่อนึกถึงมีดนั้นแล้ว เดรโกรู้ว่าเขาทำร้ายแฮร์รี่อีกไม่ได้และก็ยังยอมแพ้ไม่ได้ แฮร์รี่พูดเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว ถ้าการส่งตัวแฮร์รี่มันแย่กว่าการฆ่าเขา... ไม่มีทางที่เขาจะทำได้ลง แต่นั่นไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าโวลเดอมอร์ได้แฮร์รี่ไปแล้ว

"เดรโก เขาทำอะไรเราที่นี่ไม่ได้หรอก"

เดรโกสะดุ้ง ด้วยรู้ว่ามันผิดเพียงไร ทว่าแฮร์รี่ยังไม่ยอมหยุด

"เขาอาจทำให้นายกลัวได้ แต่เขาทำร้ายนายไม่ได้ เขาเลิกตามหาเราในป่าเพราะคิดว่านายจะยอมทำตาม นายเข้มแข็งพอที่จะหนีออกมาตั้งแต่แรก นายแข็งแกร่งพอที่จะต้านทานเขาแล้ว"

"ฉันออกมา" เขากระซิบ "เพราะฉันกลัว"

"ฉันก็กลัว"

เดรโกเลิกคิ้วข้างเดียว

แฮร์รี่ยิ้ม "ฉันคงโง่มากถ้าไม่กลัวอะไรเลย"

เดรโกระบายยิ้มอ่อน ๆ "นายดูไม่กลัวอะไรตอนเล่นน้ำเป็นลิงเป็นค่างในแม่น้ำนั่น"

แฮร์รี่หัวร่อต่อกระซิก "ไหน ๆ ก็มาติดอยู่ที่นี่แล้ว ฉันเลยคิดว่าจะใช้เวลาให้คุ้มค่าไปเลย ฉันจะเอานายลงน้ำให้ได้คอยดู"

รอยยิ้มแย้มกว้างขึ้น "ไม่มีทางหรอก พอตเตอร์"

"เดี๋ยวจะได้รู้กัน" แฮร์รี่ยิ้มแฉ่งอย่างท้าทาย จนเดรโกอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มตาม

และเดรโกก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าท่ามกลางความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นทั้งหมด เขาไม่ได้รู้สึกอึกอัดเลยที่ได้อยู่ใกล้แฮร์รี่ ตรงกันข้าม เหมือนมีบางสิ่งทำให้เขาสบายใจเวลามีแฮร์รี่อยู่ บางสิ่งในตัวอีกฝ่ายที่ทำให้เดรโกเชื่อว่าเขาสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้เพื่อให้แฮร์รี่ได้พึ่งพิง บางสิ่งที่เดรโกไม่อยากปล่อยให้หลุดมือ

รอยยิ้มเดรโกนิ่มนวลลง "ตกลง"

แฮร์รี่ผละออกมาเล็กน้อยแล้วมองอีกคนอย่างสงสัย "อะไร"

"ตกลงว่า ฉันจะไม่ปล่อยให้เขาได้ตัวนาย" เขาไหวไหล่ "อีกอย่าง คำสัญญาจะไปมีประโยชน์อะไรถ้ามันไม่มีผลเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป"

ตาแฮร์รี่เป็นประกาย ทว่าเขายังครองใบหน้าสงบนิ่ง "แน่ใจนะว่าทำไหว ฉันไม่รู้ว่าโวลเดอมอร์จะทำอะไรต่อไป สถานการณ์อาจจะเปลี่ยนอีกก็ได้"

เดรโกสูดหายใจยาวช้า ๆ "ถ้ายังงั้นฉันคงต้องเตรียมตัวให้พร้อม อีกอย่างนายต่อกรกับคนที่คุณก็รู้ว่าใครมาตั้งหลายปี ฉันก็ต้องรับมือได้บ้างละ ใช่ไหม ฉันปล่อยให้นายมาโชว์เก่งเหนือฉันอีกไม่ได้หรอก"

แฮร์รี่ฉีกยิ้มร่า "ฝันเอาเถอะเดรโก" เขาล่าถอย ปล่อยแขนออกจากไหล่เดรโกในที่สุด "ฤดูแข่งขันควิดดิชจะเริ่มในอีกสามสัปดาห์ และฉันก็ตั้งใจไว้ว่าจะชดเชยที่ไม่ลงแข่งฤดูกาลที่แล้ว"

ไหล่เดรโกตรงที่มือแฮร์รี่ผละออกไปกลับรู้สึกเย็นพิกลเมื่อไม่มีมือนั้นอยู่แล้ว เดรโกพบว่าตนคะนึงหาสัมผัสนั้น กระนั้น คำท้าควิดดิชยังอวลอยู่ในอากาศ เดรโกเอามือกอดอก "เดี๋ยวได้รู้กัน พอตเตอร์" เขาเน้นย้ำนามสกุล

"ฟังดูเหมือนท้านี่" เขาออกปากอย่างตั้งใจ พลางเลียนแบบท่าทางเดรโก

"ก็ไม่ผิด"

"และถ้าอยากแข่งให้รู้แพ้รู้ชนะ เราก็ต้องไปให้ถึงทันเวลา" เขาหันหน้าไปตามกระแสน้ำ "มาเร็ว รีบไปตอนยังสว่างอยู่ ฉันว่าฟ้าก็เริ่มครึ้มแล้วด้วย"

เดรโกคลายแขนที่กอดอกออกแล้วแหงนมอง แฮร์รี่พูดถูก เมฆบนฟ้าเริ่มสีเข้มขึ้นเรื่อย ๆ นี่เพิ่งน่าจะช่วงบ่ายแก่ ๆ เอง "เยี่ยม" เขาพึมพำ "จะได้เปียกโชกกันก็คราวนี้"

"อาจจะ" แฮร์รี่พูดขณะออกเดินอีกครั้ง "หรืออาจไม่"

เดรโกเดินเคียงข้าง "ไหนบอกฉันซิว่าเราจะหาที่หลบได้ที่ไหนในป่าอย่างนี้"

แฮร์รี่แย้มยิ้มอีกครั้ง "เฮอร์ไมโอนี่สอนคาถากันน้ำให้ฉัน เอาไว้ใช้กับแว่นตาตอนแข่งควิดดิชตากฝน มาคิดดูแล้วเธอสอนฉันสิ่งที่มีประโยชน์ทั้งนั้นเลย ฉันว่าคาถานี้น่าจะใช้กับอย่างอื่นได้ เช่นผ้าคลุมเป็นต้น"

เดรโกเริ่มยิ้มออกเมื่อคิดว่ามีที่หลบฝนฉบับพกพาอยู่ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้ "เดี๋ยวก่อนนะ! นายรู้จักคาถากันน้ำ แต่ไม่คิดจะบอกฉันก่อนลงไปลุยน้ำวันนั้น ปล่อยให้เท้าฉันเปียกและเย็นโดยเปล่าประโยชน์!"

แฮร์รี่ได้แต่ยิ้มเหนียมอายตอบ "อุ๊ย"

*****************

65%

ยามตะวันย่ำคล้อยสู่สนธยา พาพร้อมพายุฝนลงเม็ดมาเป็นห่าใหญ่ แฮร์รี่พบพื้นที่แห้งบนเนินดินใต้กอไม้ก่อนที่ฝนจะตกหนักเกินทาน ร่ายคาถาอยู่สองสามที สุดท้ายก็เสกผ้าคลุมล่องหนเป็นที่หลบกันน้ำได้สำเร็จ มองจากมุมบน ที่หลบฝนเร้นกายผู้อาศัยทั้งสองได้อย่างมิดชิด ส่วนภายในถูกค้ำไว้ด้วยกิ่งไม้ ผ้าคลุมดูคล้ายเต๊นท์พักแรมที่กางโดยเด็กไม่ประสา ตรงกลางแฮร์รี่และเดรโกนั่งเอาหลังชนกัน สดับฟังเสียงฝนเทลงมากระทบต้นไม้ใบหญ้ารอบ ๆ

แฮร์รี่รู้สึกแปลกที่ได้แนบชิดสนิทเนื้อกับเดรโก ทว่าสัมผัสนั้นกลับทำให้สบายใจ ท่ามกลางความโดดเดี่ยวของทั้งคู่อันปลีกแยกจากโลกภายนอก แผ่นหลังอุ่นของเดรโกหนุนอยู่เบื้องหลัง ย้ำเตือนว่าเขาไม่ได้ตัวตนคนเดียวและมีคนที่เขาพึ่งพิงได้ แม้คนนั้นจะเป็นเดรโกก็ตาม กระนั้นมันก็ฟังไม่ได้ดูแย่อีกต่อไปแล้ว ด้วยตอนนี้แฮร์รี่ได้รู้จักเพื่อนร่วมทางคนนี้เพิ่มมากขึ้น

แฮร์รี่นั่งฟังเดรโกพูดเรื่องแม่ของเขา ใส่ใจในทุกถ้อยคำ สัมผัสถึงน้ำเสียงอันเปี่ยมด้วยความเสียใจ เขาขอให้เดรโกเล่าเรื่องนาร์ซิสซาให้ฟัง และมันออกจะแปลกที่ได้ยินเดรโกเล่าอย่างนี้ เขาพูดถึงแม่ด้วยวิธีที่ต่างออกไปจากตอนที่พูดถึงพ่อโดยสิ้นเชิง

"แม่ไม่ใช่คนชอบเด็กอะไรนัก ถ้าพ่อไม่ได้ระบุเรื่องทายาทในสัญญาก่อนสมรส แม่คงจะทำหมันตัวเองด้วยน้ำยาคุมกำเนินตั้งแต่ก่อนแต่งแล้ว แม่แทบไม่ได้เจอฉันจนฉันอายุได้หกหรือเจ็ดขวบนี่แหละ ตอนนั้นแม่นมเลี้ยงฉันให้โตพอที่แม่จะเลี้ยงเองได้" เดรโกหยุดไป แฮร์รี่รู้สึกได้พร้อมทั้งได้ยินว่าอีกฝ่ายสูดหายใจเฮือกใหญ่

"แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้วนี่นะ ฉันมีของเล่นเยอะจนนับไม่ถ้วนเลยละ ฉันใช้เวลาโดยมากกับเพื่อนเมื่อไรก็ตามที่พ่อกับแม่มีแขก ซึ่งดูเหมือนจะมีทุกวัน โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อน ฉันไม่ได้รับอนุญาตให้ร่วมโต๊ะอาหารด้วยกระทั่งฉันอายุได้สิบสอง ฉันจึงใช้เวลาเกือบทั้งหมดกับ วินเซนต์, เกรกอรี่, เบลส, มาร์คัส, ธีโอดอร์... แม้กระทั่งกับมิลลิเซนต์และแพนซี่ถ้าจำเป็น"

ได้ยินแล้วแฮร์รี่ก็หัวร่อคิกคัก

"เป็นอะไร" เดรโกถามห้วน ๆ

"เปล่า ฉันแค่ไม่ชินที่ได้ยินชื่อแรกพวกเขา มันเหมือนกับว่าพวกเขาดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมา" แฮร์รี่ตรองดูแล้วรีบแก้ "ถ้านายเข้าใจความหมายน่ะนะ"

เดรโกหัวเราะตอบ หลังที่ติดกับแฮร์รี่ก็สั่นไปด้วย "เหมือน 'รอน' กับ 'เฮอร์ไมโอนี่' ยังงี้ใช่ไหม"

"ทำนองนั้นแหละ" แฮร์รี่ตอบพลางยิ้มกับตนเอง "แล้ว แม่ของนาย..."

"อ้อจริงสิ" เดรโกพูดเฉื่อยชา "แม่อยากให้ฉันมีหน้ามีตา แต่ไม่ได้ออกคำสั่งเหมือนอย่างพ่อ ตราบใดที่ฉันทำให้ท่านดูดีในสังคมและไม่ไปรบกวนมากนัก แม่ก็ไม่สนหรอกว่าฉันจะทำอะไร ฉันอยากให้แม่สนใจฉันเหมือนกันนะ แต่ท่านไม่ได้ใส่ใจอะไรกับควิดดิช และฉันก็อยากเอาใจพ่อมากกว่า ฉันมั่นใจว่าลึก ๆ แล้วแม่ภูมิใจในตัวฉัน แม่รักฉัน ท่านไม่อยากให้ฉันเข้าเดิร์มสแตรงก์ แต่ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะอยากให้ฉันทำตามธรรมเนียมครอบครัวมากกว่า – เข้าเรียนที่ฮอกวอตส์และอยู่บ้านสลิธีริน – พอ ๆ กับอยากให้ฉันอยู่ใกล้บ้าน แม่บอกอยู่บ่อยครั้งว่าฉันจะเป็นหน้าเป็นตาของครอบครัว อยากให้ฉันได้ดี ทุกครั้งที่พ่อตะคอกใส่ฉัน แม่จะยืนอยู่ข้าง ๆ คอยปรามพ่อไม่ให้เลยเถิดเกินไป"

แฮร์รี่เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง "แล้วพ่อนายเคย 'เลยเถิด' มากแค่ไหนเหรอ เขาเคย..."

"ถ้านายจะถามว่าพ่อเคยตีฉันไหมละก็ เลิกคิดไปได้เลย การลงโทษทางกายเสื่อมเกียรติและศักดิ์ศรี – และอย่ามาค่อนแคะเรื่องเอลฟ์ประจำบ้านอีก ขอร้อง ไม่ว่านายจะคิดว่าผู้เสพความตายทำได้หรือไม่ก็ตาม พ่อฉันเป็นคนไว้ตัวและควบคุมตัวเองได้ มีเกียรติ เขาต้องการความเคารพ เขาอยากให้ฉันเรียนรู้ที่จะเป็นเหมือนเขา เขาจึงโกรธเมื่อฉันล้ำเส้น แต่พ่อให้ฉันทุกอย่าง ทุกอย่างจริง ๆ แน่ละฉันอยากได้มากกว่านั้น ซึ่งอาจเป็นความผิดมหันต์ และพ่อทำถูกแล้วที่ห้ามปรามฉัน... ไม่ใช่ว่าฉันเต็มใจฟัง... หรืออยากฟัง รุนแรงที่สุดที่พ่อเคยทำคือขังฉันไว้ในคุกใต้ดินครั้งนั้น – และมันก็สมควรแล้ว ฉะนั้นนายอย่ามาพูดกรอกหูฉันแบบนั้นอีก"

แฮร์รี่กลั้นขำเอาไว้ นึกตลกที่ว่าขนาดไม่ได้อยู่ด้วยกันนานอะไรนัก แต่เดรโกก็รู้แล้วว่าจะยุแหย่แฮร์รี่ได้อย่างไร "ฉันยังไม่ทันตั้งตัวเลย"

แผ่นหลังเดรโกกระตุกเล็กน้อยจากการหัวเราะ "แน่สิ พอตเตอร์"

แฮร์รี่ยิ้มกริ่มกับตัวเอง เขาบอกได้ด้วยว่าอีกฝ่ายจะเรียกเขาว่า "แฮร์รี่" เมื่อไร หรือ "พอตเตอร์" เมื่อไร ช่างน่าขำจริง ๆ

"ถึงตานายตอบแล้ว" เดรโกว่าต่อ "คราวนี้ฉันเป็นคนถามบ้าง"

"ว่ามาเลย" แฮร์รี่บอกเรียบ ๆ

"เล่าเรื่องครอบครับนายซิ"

ทันใดนั้นแฮร์รี่จึงรู้สึกตึงเครียดขึ้นมา "นายรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวฉัน"

"ไม่ใช่ แฮร์รี่" เดรโกพูด ออกหงุดหงิดหน่อย ๆ "ฉันหมายถึงพวกมักเกิ้ลที่นายอยู่ด้วยโน่น นายได้เตะก้นพวกนั้น หรือกำราบด้วยปลายไม้นายรึเปล่า" เขากระตุกหัวเราะ "หรือพวกเขาประจบสอพลอนายปานจะกลืนกิน"

"เออสิ ประจบสอพลอฉัน" แฮร์รี่พูดอย่างขมขื่น "เหมือนอย่างที่โวลเดอมอร์ประจบนายไง"

ได้ยินดังนั้นหลังเดรโกก็ไหวสั่นและแข็งทื่อไป "หือ"

"พวกเขาเกลียดเวทมนตร์ยิ่งกว่าอะไร มันถือเป็นคำหยาบคาย พวกเขาเกลียดพ่อแม่ฉัน ฉันว่าป้าคงอิจฉาแม่ ที่มีเวทมนตร์ แต่ป้าเพ็ตทูเนียไม่มี ป้าคิดไปเองว่าตากับยายชอบแม่มากกว่า เธอเลยไม่สบอารมณ์เท่าไร"

เดรโกคำรามต่ำ

แฮร์รี่หันหน้าเล็กน้อยมองผ่านไหล่ไป "อะไร"

"ถึงทีนายถามแล้วฉันจะบอก อย่ามาทำเบี่ยงประเด็น เราตกลงกันแล้ว"

"ก็ได้ ตามใจเหอะ"

"ดี เออนี่ ถึงพวกนั้นจะเกลียดพ่อแม่นายแต่นายก็เป็นพ่อมดนี่... เขาแทบจะทำอะไรนายไม่ได้ด้วยซ้ำ จริงไหม คือว่า ทั้งนายและพวกเขาต่างก็รู้ว่าวันนึงทำนายอาจทำประโยชน์แก่พวกเขา หรือทำร้ายก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่า –"

"หึ น่าเสียดายนะ" แฮร์รี่ขัดขึ้น "ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันเป็นพ่อมดกระทั่งมีจดหมายฮอกวอตส์ส่งมา พวกเขาไม่เคยบอก ไม่เคยอยากให้รู้ พวกเขาเกลียดฉัน ถึงแม้ตอนนั้นฉันจะไม่รู้ว่าทำไม พวกเขาทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อกีดกันฉันจากโลกเวทมนตร์ คงคิดว่าจะรีดเวทมนตร์ออกจากตัวฉันได้ถ้าทำให้ฉันเป็นทุกข์ได้มากพอ พวกเขาจึงทำแบบนั้นกับฉันมาโดยตลอด"

"เดี๋ยวนะ... นาย... ไม่รู้เลยเหรอ"

"ไม่เลย"

"แต่นายดังจะตาย!"

"ดีนะที่คนทั้งโลกลืมบอกฉันเรื่องนั้น มันน่าตกใจอยู่ไม่น้อยดูจากสิ่งที่ครอบครัวเดอร์สลีย์ปฏิบัติกับฉัน"

แฮร์รี่ปล่อยให้คำพูดลอยคว้างกลางอากาศครู่หนึ่ง รู้สึกได้ว่าแผ่นหลังเดรโกผละออกไปเล็กน้อย ๆ แฮร์รี่หันไปดูอีกครั้ง จึงเห็นอีกฝ่ายค้อมหลังกอดเข่าอยู่

"พวกนั้นทำอะไรกับนายบ้าง" คำถามเดรโกแทบไม่ได้ยินกลางเสียงฝน

แฮร์รี่ตรึกตรองว่าเขาอยากพูดออกไปมากเพียงไร "เอาเป็นว่าฉันรู้สึกเห็นใจพวกเอลฟ์ประจำบ้านจากใจเลย"

"รายละเอียดด้วย พอตเตอร์ เราตกลงแล้วไง"

แฮร์รี่ถอนหายใจแล้วค่อย ๆ เอนหลัง แสวงหาสิ่งปลอบประโลมและความอบอุ่นจากเดรโก "ก็ได้ ขี้ยุ พวกเขาทำกับฉันราวกับเป็นคนรับใช้ บอกให้ฉันสำนึกบุญคุณที่มีที่ให้ซุกหัวนอน ฉันต้องทำกับข้าววางไว้บนโต๊ะให้เสร็จก่อนจะนั่งร่วมโต๊ะได้ และกว่าฉันจะทำอะไรเสร็จ ลูกพี่ลูกน้องจอมตะกละของฉันก็กินทุกอย่างเกลี้ยงหมดแล้ว" เขาสูดหายใจเข้า

"พวกเขาบอกว่าพ่อแม่ฉันตายให้อุบัติเหตุรถยนต์ บอกอีกว่าเพราะงั้นฉันถึงได้แผลเป็นมา แฮกริดเป็นคนบอกความจริงฉันตอนฉันอายุครบสิบเอ็ด เอาจดหมายจากฮอกวอตส์มาให้ด้วยตัวเองเพราะว่าลุงกับป้าเก็บไปทิ้งหมด เขาคือคนแรกที่ทำกับฉันเหมือนมนุษย์มนา... ซึ่งนั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงอยากบีบคอนายทุกครั้งที่นายว่าเขา"

เขารู้สึกได้ว่าเดรโกพยักหน้า "พูดต่อสิ"

"ฉันยังพูดไม่พออีกเหรอ"

"ยัง"

แฮร์รี่ทอดมองเข้าไปในความสลัวโพล้เพล้ผ่านผืนผ้าคลุมโปร่งใส เหม่อมองเงาไม้โอนไหวยามเม็ดฝนกระทบกลีบใบและสายลมโบกพัดกิ่งก้านสาขา ฝนฟ้าคะนองเตือนให้นึกถึงค่ำคืนนั้นครั้งแรกพบแฮกริด ค่ำคืนแรกที่รู้สึกว่าพรุ่งนี้ยังมีหวัง เมื่อครั้งที่รู้สึกเหมือนยังมีชีวิตใหม่... ห่างไกลจากที่เป็นอยู่นี้ ณ ที่กรงกั้นทว่าเป็นอันที่ปลอดภัย ตอนที่โลกเริ่มเปลี่ยนเป็นใบที่งดงาม เปี่ยมด้วยคำมั่นสัญญา ตอนที่ก่อนจะรู้ว่าเขาออกมาจากกรงเดิมนั้นเพียงเพื่อจะเข้าไปในกรงกั้นใหม่... ซึ่งมีแต่สัตว์ร้ายตัวใหญ่กว่าแมงมุมในห้องใต้บันไดของเขา

มันเป็นเหมือนเรื่องส่วนตัวเกินกว่าจะบอกกับใคร โดยเฉพาะกับเดรโกที่ทั้งสัปดาห์ไม่เคยจะญาติดีกับเขาเลย และคงจะนับว่าเป็นเพื่อนเป็นพ้องไม่ได้ แม้กระนั้นในขณะเดียวกัน เขาก็อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะแสดงท่าทีอย่างไร เวลานี้คงเหมาะที่จะบอกเขา แฮร์รี่สลัดความฝืนใจจะแพร่งพรายความลับสุดยอดของตนเองออกไป แล้วยืดไหล่ปรายตามองพายุฝนข้างนอก

"ฉันบอกได้ว่าการอยู่ในกรงขังไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับฉัน"

เดรโกยืดหลังตรง "พวกมักเกิ้ลมีคุกใต้ดินด้วยเรอะ!" เขาถามอย่างไม่อยากเชื่อ

แฮร์รี่เกือบหลุดหัวเราะ "เปล่า ไม่ใช่คุกใต้ดิน แต่ว่าเป็นห้องใต้บันไดแคบ ๆ ที่ใช้เป็นห้องนอนฉันมาเกือบสิบปี เมื่อไรที่พวกเขาไม่อยากยุ่งกับฉัน ก็จะขังฉันไว้ในนั้น บางครั้งก็เป็นชั่วโมง ๆ ซึ่งก็ไม่แย่นักหรอก เพราะอย่างน้อยตอนฉันอยู่ในนั้น ฉันก็ไม่ต้องยุ่งกับพวกเขาเหมือนกัน"

นั่นละ ความลับสุดยอดของเขา ตอนนี้ให้ถูกเปิดเผยออกมาให้เดรโกได้หัวเราะเยาะเย้ย หากแต่ว่าเดรโกไม่ได้พูดอะไร

"เดรโก..."

"พวกนั้นขังนายไว้ในห้องใต้บันไดเหรอ"

"ตอนฉันไม่ได้ทำงานบ้าน"

"แต่นั่นมันที่ของเอลฟ์ประจำบ้านนะ!"

"คราวนี้รู้หรือยังว่าทำไมฉันถึงเห็นใจพวกมัน อีกอย่างพ่อนายก็ขังนายไว้ในคุกใต้ดินนี่"

เดรโกผละหลังออกไปจากแฮร์รี่โดยพลัน คว้าไหล่อีกฝ่ายหมุนให้หันมา "พ่อทำโทษฉันครั้งเดียว แฮร์รี่" ตาสองคู่จ้องมองกันในแสดงตะวันคล้อย ใบหน้าเดรโกทอความขุ่นเคืองและเคร่งขรึม ทว่าน้ำเสียงกลับสั่นพร่า เขามองตาแฮร์รี่อีกชั่วครู่ จากนั้นหันหนี "ฉันเกลียดมักเกิ้ล" เขาครางต่ำ

"ทำไมนายถึงจงเกลียดจงชังพวกเขานัก" แฮร์รี่ซัก "ฉันได้ยินนายเอาแต่ต่อว่า 'มักเกิ้ลไม่ดีอย่างโน้น' กับ'เลือดสีโคลนโสโครกอย่างนี้' ทำไมกัน"

เดรโกเหลือบตาขึ้นมอง ไม่ได้เงยหน้า "มักเกิ้ลพวกนั้นทำกับนายเหมือนเศษดิน นายยังปกป้องพวกมันอีกเหรอ"

แฮร์รี่นิ่วหน้า "ไม่ใช่พวกเขา แต่เป็นมักเกิ้ลโดยทั่วไป คนเราไม่ได้เป็นแบบนั้นเหมือนกันทั้งหมดหรอกนะ"

เดรโกชำเลืองมองมือเขา "ไม่อยากพูดเรื่องนี้แล้ว"

"แย่หน่อยนะ ฉันอยากรู้"

"ก็ได้" เดรโกเอ่ยช้า ๆ "แต่สิ่งที่ฉันจะพูดคือสิ่งที่มันเป็นจริง ๆ ไม่ต้องพยายามมาเปลี่ยนใจฉัน ห้ามเถียง แล้วฉันจะเล่าให้ฟัง"

แฮร์รี่พยักหน้ายินยอม

"เอาละนะ" เดรโกเปรยเรียบ ๆ แม้น้ำเสียงไม่ได้ฟังดูสนใจเรื่องที่จะพูด แต่ก็ยอมเอ่ยออกไปตรง ๆ

"มักเกิ้ลและพ่อมดเป็นเชื้อสายที่แตกต่างกันซึ่งไม่ควรนำมารวมกัน พวกนั้นพยายามกวาดล้างเผ่าพันธุ์เรามาร่วมหลายศตวรรษ และเพราะพวกมันนั่นแหละพวกเราจึงต้องหลบซ่อนตัวเอง จะทำอะไรก็ต้องระวังด้วยกลัวว่าพวกมักเกิ้ลจะเห็น พวกเลือดสีโคลนและเลือดผสมยิ่งมีแต่จะเพิ่มความเสี่ยงในการเปิดเผยพวกเรา ในขณะเดียวกันก็ยังแปดเปื้อนสายพันธุ์ของเราอีก และฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องกังกลเรื่องการถูกเปิดเผยด้วย เห็นชัดอยู่แล้วว่าเราเหนือกว่า แล้วทำไมต้องเขย่งเท้าระวังตัวราวกับว่าพวกเราไปผู้บุกรุกโลกของพวกเขาอย่างนั้นแหละ"

"ฉันเกลียดการที่ต้องให้ที่อยู่พวกที่ไม่ใช่พ่อมดโดยแท้จริง พวกเลือดผสมเองไม่ถือว่าแย่เท่าไร เพราะอย่างน้อยก็อยู่ในตระกูลพ่อมดอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเชื้อสายผสม ไม่พ่อก็แม่คนใดคนหนึ่งเป็นมักเกิ้ล... แล้วทำไมแม่มดหรือพ่อมดต้องอยากแต่งงานกับมักเกิ้ลด้วย ฉันไม่เข้าใจเลย และพวกเลือดสีโคลนก็อีก พวกนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราคือใคร มาฮอกวอตส์โดยที่ไม่รู้ว่ากำลังอยู่ที่ไหน พกข้าวของมักเกิ้ลติดตัวมาด้วย โรงเรียนเวทมนตร์ไม่ควรมีที่ให้พวกนั้นด้วยซ้ำ!"

"และเรื่องของเรื่องก็คือ ถึงจะสอนเลือดสีโคลนให้รู้วัฒนธรรมพื้นฐานของพ่อมดได้ พ่อมดแม่มดที่ไม่ใช่สายเลือดบริสุทธิ์ก็ไม่สามารถมีพลังเทียบเท่าเลือดบริสุทธิ์ได้หรอก มันเป็นไปไม่ได้ เกรนเจอร์อาจเป็นหนอนหนังสือ แต่ไม่ได้หมายความว่ายายนั่นต้องมีพลังจริง ๆ... ยิ่งมีการผสมเชื้อสายมากเท่าไร สายพันธุ์เราก็จะยิ่งอ่อนแอลงมากเท่านั้น ขืนเรายังแต่งงานต่างเชื้อสาย ให้พวกนั้นเข้ามารุกรานเราอย่างนี้ อีกไม่นานเราก็จะไม่เหลืออะไรเลย แล้วทุกคนก็จะเกิดเป็นสควิบ"

"เพราะอย่างนั้นฉันถึงเกลียด เป็นเหตุผลหลัก ๆ เลยละ" เดรโกเงยมอง "มีอะไรจะเถียงฉันไหมทีนี้"

แฮร์รี่ใช้ความคิดชั่วครู่ เขารับปากแล้วว่าจะไม่เถียง แต่ไม่ได้รับปากว่าจะไม่บอกความจริงนี่นะ "โวลเดอมอร์เป็นเลือดผสม"

แม้ในความมืดสลัว เขาก็สามารถมองเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดของเดรโกได้อย่างชัดเจน "นายพูดเล่นใช่ไหม"

"เขามีแม่เป็นแม่มด พ่อเป็นมักเกิ้ล แม่เขาตายหลังคลอด พอพ่อรู้ว่าคนแม่เป็นแม่มดและมีลูกเป็นพ่อมด เลยส่งลูกน้อยแบเบาะ ทอม ริดเดิ้ล ไปบ้านเด็กกำพร้า ฉันว่าเขาคงสั่งสมความคั่งแค้นตั้งแต่นั้นมา ส่งผลให้เกิดการสู้รบกัน เพราะความอาฆาตแค้นส่วนตัวล้วน ๆ"

เดรโกหลับตาลง และแฮร์รี่ทำได้เพียงมองปากกระตุกของอีกฝ่ายเหมือนเจ็บใจ เขาไม่รู้ว่าเดรโกกำลังคิดอะไรอยู่ และไม่แน่ใจว่าอยากรู้หรือเปล่า

"ชอบสีอะไร" จู่ ๆ เดรโกก็ถามขึ้น

"ห้ะ"

"ถึงตาฉันถามแล้ว" เดรโกลืมตา สีหน้าอ่านไม่ออก "นายชอบสีอะไร"

แฮร์รี่มองคนตรงหน้าพักหนึ่ง พวกเขายังคุยเรื่องสัพเพเหระได้ไม่เท่าไรเอง ถ้าตอนนี้เดรโกยังคิดเรื่องถามไม่ออก แฮร์รี่ยอมให้ก่อนก็ได้ "แดง" เขาตอบง่าย ๆ

เดรโกหัวร่อเบา ๆ "กริฟฟินดอร์" เขาโน้มหน้าเข้าไปใกล้ ราวกับพยายามจะใช้สายตาประเมิณแฮร์รี่ผ่านแสงตะวันที่เจียนไม่เหลืออยู่แล้ว "นายเหมาะกับสีเขียวมากกว่า"

แฮร์รี่กระตุกหัวเราะออกมาสั้น ๆ "เหอะ นายจะบอกว่าฉันเป็นสลิธีรินได้งั้นสินะ"

"ไม่มีทางซะหรอก" เดรโกฉีกยิ้มร่า "แต่พูดจริงนะ สีแดงไม่เข้ากับนาย"

แฮร์รี่ยักไหล่ "เอาเถอะ แล้วนายล่ะสีอะไร"

"น้ำเงิน"

"ง่ายงั้นเลย"

"ง่ายงั้นแหละ"

แฮร์รี่หัวเราะอีกครั้ง และคราวนี้มีเดรโกประสมโรงด้วย

"แล้วชอบกินอะไร" เดรโกถามง่าย ๆ

แฮร์รี่ใช้เวลานึกชั่วครู่ "รู้ไหม ถึงจะมีคนเอามาให้ตอนปีสามเสียก่ายกองจนนายอาจคิดว่าฉันเบื่อแล้วก็ได้ แต่ฉันยังชอบช็อกโกแลตนะ"

"แบบ นม หรือ ดำ"

"ช็อกโกแลตนมสิ ช็อกโกแลตดำน่ะรสขมเกิน"

เดรโกทำสีหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจัง "อืม ส่วนตัวฉันชอบช็อกโกแลตดำมากว่า"

แฮร์รี่ยิ้มพริมพรายแล้วโน้มหน้าเอาแก้มอิงมือ "ก็นายมันคนขมขื่น"

"ที่นายพูดก็มีเหตุผล ฉันโตมาในแวดล้อมที่มีความกดดันสูงแถมยังไม่ค่อยมีเซ็กซ์อีก ต้องบอกว่าฉันมีสิทธิ์จะขมขื่น"

แฮร์รี่กระดกหน้าขึ้น โล่งใจที่ความมืดปกปิดสีเรื่อที่น่าจะวาดลายอยู่ทั่วแก้มไว้ "ฉันไม่ได้ถามเรื่องชีวิตเซ็กซ์ของนาย มัลฟอย"

"ไม่เป็นไรหรอก เพราะมันไม่มีอยู่แล้ว"

"ฉันมีคำถามอื่นจะถามนายละ"

"ไม่คิดงั้นนะ" เดรโกพูดพร้อมเอามือกอดอก "ถึงทีฉันถามแล้ว ฉันเพิ่งตอบนายไปว่าฉันชอบช็อกโกแลตแบบไหน"

"ก็ใช่ แต่ว่าฉันไม่ได้ถามสักหน่อย... นายแค่คิดไปเองว่าฉันถามก็เลยตอบมาเอง ฉะนั้นยังเป็นตาฉันอยู่"

ไม่รอช้าเดรโกถลึงตาเข้าให้ "ฉันเกลียดนาย"

"รู้แล้วเหอะ" แฮร์รี่หัวเราะคิกคัก "ซึ่งโยงมาถึงคำถามที่ฉันจะถามพอดี ตอนเข้าเรียนปีหนึ่งใหม่ ๆ ทำไมนายถึงพยายามจะเป็นเพื่อนกับฉัน"

สีหน้าเดรโกเจื่อนไป "ทำไมจู่ ๆ ก็ถามขึ้นมา"

น้ำเสียงทุ้มต่ำปนขรึมเครียดของเดรโกชวนให้แฮร์รี่เลิกคิ้วข้างหนึ่ง "มันไม่ใช่ 'จู่ ๆ' หรอก ฉันสงสัยเรื่องนี้มาสักพักแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันคิดว่านายอยากแสดงว่าตัวเองอยู่เหนือกว่า อยากควบคุมทุกอย่าง หรือไม่ก็ พ่อนายเป็นคนสั่งให้ทำ"

เดรโกแน่นิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นก็ถอนใจใหญ่แล้วบ่ายหน้าหนี หันหลังให้แฮร์รี่

"พ่อไม่ได้สั่งให้ฉันทำอะไรทั้งนั้นแหละ เขาบอกฉันว่าไม่ควรจะทำตัวให้ 'มีความชอบน้อย' กับนาย แต่ฉันว่าพ่อคงคิดว่าฉันจะหนีหน้านาย พ่อน่ะไม่รู้อะไร"

แฮร์รี่เอามือเกาท้ายทอยอย่างงง ๆ "แน่ละ นายทำตัว 'มีความชอบน้อย' กับฉัน ที่จริงนายดูประสงค์ร้ายอยู่ตลอดเวลาด้วยซ้ำไป"

"นั่นแหละที่เป็นปัญหา" เดรโกเรียบ ๆ "รู้ไหมว่าไม่เคยมีใครปฏิเสธฉันเลย ฉันคิดว่าถ้าฉันทำให้นายมาเป็นเพื่อนได้ นายก็จะมาอยู่ฝ่ายฉัน ตอนนั้นมันดูเข้าที่เข้าทางไปหมด"

"อะไรเข้าที่เข้าทาง และนายยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าทำไมถึงอยากได้ฉันไปอยู่ 'ฝ่ายนาย' ตั้งแต่แรก"

เดรโกพึมพำอะไรบางอย่างซึ่งแฮร์รี่ไม่ค่อยได้ยินในเสียงฝน

"อะไรนะ"

"ฉันอิจฉาไง ได้ยินหรือยัง"

"อิจฉา... อะไร"

น้ำเสียงเดรโกแผ่วเบา ทว่าไม่ได้สั่นไหว "นายนั่นแหละ นายเป็นคนดัง ใคร ๆ ก็บอกว่านายเก่ง ทุกคนพูดถึงนาย ตั้งแต่จำความได้ฉันก็รู้จักนายแล้ว สาบานได้เลยว่าพ่อพูดถึงนายมากกว่าฉันเสียอีก บางทีอาจมากกว่าพูดกับฉันด้วย นายมีสิ่งที่ฉันอยากได้ แต่นายไม่รู้ด้วยซ้ำ ความสนใจจากพ่อไง"

แฮร์รี่ทอดสายตาเลื่อนลอยไปยังเงาพายุฝนสีหม่นหมอกด้านนอก "ฉันไม่เคยต้องการทั้งหมดนั้น ไม่เลย"

เดรโกหายใจแรง "ตอนนี้ฉันรู้แล้วละ แต่ไม่สำคัญหรอกเพราะยังไงนายก็มีมันอยู่ดี แต่ฉันไม่ ความจริงที่ฉันอยากเป็นเพื่อนกับนายก็เพราะว่านายโด่งดังและมีทุกอย่างที่ฉันอยากได้ บางทีถ้าฉันได้เป็นเพื่อนกับนาย ฉันอาจได้สิ่งที่ฉันต้องการก็ได้ นั่นแหละความคิดของเด็กสิบเอ็ดขวบ และฉันคิดว่านายก็คงเหมือนกับทุกคน คงชื่นชอบฉันมากพอที่จะรับข้อเสนอนั้น นายดัง และฉันรวย เรามาจากสายเลือดเก่าแก่เหมือนกัน... ฉันคิดว่ามันน่าจะง่าย"

"ฉันไม่ได้มาจาก 'สายเลือดเก่าแก่' แม่ฉันเป็นมักเกิ้ลบอร์น"

"ไม่สำคัญหรอก นามสกุลนายก็เก่าพอ ๆ กับนามสกุลฉัน และยิ่งมีชื่อเสียงนายเสริมเข้าไปอีก" เขาหัวเราะแห้ง ๆ "นายนึกไม่ออกหรอกว่ามันรู้สึกยังไง ที่ถูกแฮร์รี่ พอตเตอร์ปฏิเสธ ถูกวีสลีย์เอาชนะ และถูกพ่อตัวเองดูหมิ่นเพราะฉันทำไม่ได้แม้กระทั่งเอาตัวเองผ่านเรื่องทะเลาะวิวาทเล็ก ๆ น้อย"

"ก็ไม่เห็นว่าตอนนั้นนายจะทำอะไรมากมายเพื่อแก้ปัญหานั้นเลยนี่"

เดรโกทำเสียงละม้ายคล้ายกับเสียงคำรามปนหัวเราะห้วน ๆ "มัลฟอยโจษจันเรื่องความอาฆาตพยาบาท"

"ฉันดีใจนะที่นายผ่านมันมาได้" แฮร์รี่พูดเสียงอ่อน

"จะว่าไงดีล่ะ นายโน้มน้าวใจคนเก่ง" เดรโกเว้นช่วง "ตาฉันบ้าง ทำไมวันนี้นายถึงเดินหนีฉัน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าต้องอยู่ใกล้ ๆ ฉันถึงจะปลอดภัย"

แฮร์รี่เผลอยิ้มก่อนจะรู้สึกตัว "ไม่เอาน่า เดรโก นายฉลาดพอจะคิดออกได้ด้วยตัวเอง"

"อยากฟังจากปากนาย"

"ฉันอยากแน่ใจว่านายจะตามมาไหม อยากรู้ว่าฉันจะเชื่อใจนายได้หรือเปล่าเมื่อต้องเลือกทางเลือกง่าย ๆ เช่นว่านายจะปล่อยให้ฉันเดินออกไปจนไกลเกินไปไหม"

"ทำไมถึงเลี่ยง"

แฮร์รี่บุ้ยปากครุ่นคิด นี่เป็นคำถามจริงจัง ไม่ใช่ครั้งแรกด้วย เดรโกรู้ดีว่าเขาทำอะไร แต่ว่าแฮร์รี่เองกลับไม่แน่ใจว่าเขาทำไปเพราะอะไร มันไม่ใช่เรื่องที่เขาควรลองเสี่ยง ไม่ใช่แม้แต่เรื่องที่เขาอยากเสี่ยง แต่เขาจำเป็นต้องลองดู เขาชะเง้อตามองความมืดมิด งอเข่าขึ้นมาแนบหน้าอก แล้วเอามือกอดเข่าไว้ขณะใช้ความคิดไตร่ตรอง

"เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วมันจะไม่ง่ายเลยน่ะสิ" แฮร์รี่เปล่งคำพูดช้า ๆ พยายามค้นหาคำอธิบายแม้จะกำลังเอ่ยออกไปก็ตาม เขาเอามือขวาบีบมือซ้ายสนิทแน่น พลางกอดเข่ากระชับเข้าหาตังเอง "จะเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อเราเดินทางได้ร่วมสัปดาห์ หรือสอง หรือในเวลานานเท่าไรก็ไม่รู้ที่เราจะกลับไปถึงฮอกวอตส์ได้ ถ้านายเกิดเครียดตอนนี้ จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผ่านไปอีกเป็นวัน เป็นอาทิตย์ โดยที่นายไม่มีอาหารร้อน ๆ เตียงนอนอุ่น ๆ หรือน้ำให้ใช้ และยิ่งจะแย่ไปกว่านั้นถ้าโวลเดอมอร์ไม่เลิกยุ่งกับนาย ซึ่งฉันบอกได้เลยว่าเขาไม่เลิกแน่ ชีวิตฉันต้องพึ่งนายแล้วตอนนี้ และฉันก็รู้ดีจนรู้สึกอักอ่วนใจทุกครั้งที่คิดถึงมัน ฉันอยากรู้ว่านายจะรักษาคำพูดไหม ฉันอยากจะแค่เชื่อนายไปซะ แต่ฉันอยากจะรู้ให้แน่แก่ใจจริง ๆ ดีกว่าทนรอแล้วมารู้ความจริงทีหลังเมื่อผ่านไปเป็นอาทิตย์แล้ว"

หยุดเงียบไปพักใหญ่ก่อนที่เสียงเดรโกจะดังขึ้นเบื้องใต้สายฝน ดังใกล้กับแฮร์รี่มากกว่าตอนแรก "ถ้าเกิดนายคิดผิดล่ะ"

แฮร์รี่อ้าปากหมายจะพูด ทว่าลำตัวรู้สึกสั่นไหวน้อย ๆ และกลัวว่าเสียงจะพลอยสั่นไปด้วย จึงสูดหายใจเข้าลึก แล้วครองลมหายใจให้สม่ำเสมอ "ฉันเชื่อใจนาย ฉันแค่อยากแน่ใจว่าความเชื่อใจของฉันนั้นไม่ได้ให้ไปผิดคน"

"แล้วได้ความว่าไง"

"ฉันยังเชื่อใจนาย"

เขาไม่ได้หมายความเป็นอย่างอื่นลึกซึ้ง แค่คำพูดธรรมดา แต่พอได้ยินเสียงตัวเองตอนพูดออกไปแล้ว กลับรู้สึกพิกล ราวกับว่ามันกังวานแว่วสะท้านเข้าไปข้างใน เขาตัวสั่นเทิ้ม เริ่มบีบมือผสานแน่นยิ่งกว่าเดิม พลางกอดเข่ากระชับขึ้นเพื่อปัดป้องความเย็นประหลาดที่ซ่านสู่กาย ครั้นแล้วก็หยุดลง ดวงตาเบิกกว้างในม่านมืด เขาเอามือออกจากกัน แล้วไล่ปลายนิ้วมือขวาเรื่อยไปตามรอยแผลเป็นเด่นนูนบนหลังมือซ้าย ถ้อยคำที่เขียนลงไปวันแล้ววันเล่าตอนถูกกักบริเวณเมื่อปีกลาย คำที่เดรโกเรียกว่า "ศาสตร์มืด" แฮร์รี่ตัวสั่นไหวอีกครั้ง

ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ใช่ความจริง คิด ๆ ดูแล้ว เขาเชื่อใจเดรโกแล้วจริง ๆ แม้ไม่มีแผลเป็นที่หลังมือช่วยยืนยัน ถึงอย่างไรเขาก็รู้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว เขาเชื่อคำสัญญานั้นที่ว่าจะช่วยกันกลับบ้านอย่างปลอดภัย เชื่อการเสียสละที่อีกฝ่ายแสดงให้เห็น อันที่จริงคือเขาเชื่อเดรโกด้วยชีวิต จากประสบการณ์แล้วนี่อาจไม่ใช่ความคิดที่ดีเลิศที่สุดในการไว้ใจคน ทว่าเขาได้ไว้ใจไปแล้ว และมันรู้สึกว่าใช่

และเขาเชื่อว่าเดรโกจะพาเขากลับบ้านได้

แฮร์รี่เอามือออกจากกันเพื่อกระเถิบท่านั่ง ดังนั้นแล้วจึงทำให้เขาขยับเข้าใกล้เดรโกอีก อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว และตอนที่พวกเขานั่งเอาหลังชนกันมันรู้สึกดี ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะไปแตะเนื้อต้องตัวอีกฝ่ายอีกแต่อย่างใด

"ตาฉันแล้ว" แฮร์รี่พูดเบา ๆ ชำเลืองมองไปด้านข้างที่เดรโกนั่งอยู่ แม้ตอนนี้นั้นจะมืดเกินมองเห็น แต่เขารู้สึกว่าเดรโกพยักหน้าเห็นชอบ "นายกลัวความตายไหม"

เหมือนเดรโกหันมามองเขา "มาไม้ไหนล่ะคราวนี้"

แฮร์รี่ไหวไหล่ในความมืด "แค่ถามตรง ๆ ฉันคลุกคลีอยู่กับความตายมานาน แต่ไม่เคยพูดถึงมันเลย ฉันเลยอยากถาม นายกลัวไหม"

ทิ้งช่วงให้เสียงลมและเสียงฝนอยู่ครู่ใหญ่ แฮร์รี่คิดว่าเขาคงได้ยินเสียงฟ้าร้องลั่น แต่เขาคงแค่คิดไปเอง

เดรโกทำเสียงอ่อน ๆ ก่อนพูดออกไป "อือ กลัวสิ" หยุดไปอีกครั้ง ไม่นานนัก "นายล่ะ"

แฮร์รี่พยักหน้า เหมือนทำให้ตัวเองมากกว่า "แน่ละ แต่... ฉันว่ามีอย่างอื่นที่ฉันกลัวมากกว่า"

"อาทิเช่น..."

"การพ่ายแพ้โวลเดอมอร์ การปล่อยให้เขาชนะ การดูเพื่อนต้องตายจากไป แต่ฉันว่า... สิ่งที่ฉันกลัวมากที่สุดคือการอยู่คนเดียว"

"จริงหรือ" เดรโกพูดด้วยเสียงเปี่ยมด้วยความไม่อยากเชื่อ

แฮร์รี่เค้นหัวเราะห้วน ๆ "ตลอดมาฉันมีชีวิตที่ไม่ได้ยึดติดกับใคร สมัยเด็กฉันต้องพึ่งพาตัวเองตลอด เพราะฉันไม่มีเพื่อนเลย ถึงมีดัดลีย์ก็ไล่ตะเพิดไปหมด และพอฉันมาที่ฮอกวอตส์ ก็มีคนที่คอยห่วงใยฉัน มันต่างกันมาก จนฉันต้องใช้เวลาสักพักเพื่อปรับตัว แต่ฉันชอบนะ และฉันไม่คิดว่าฉันอยากจะกลับไปอยู่คนเดียวอีกแล้ว ที่แห่งนี้.... ช่างห่างไกลจากทุกสิ่ง ไกลจากทุกคน มันดูสวยงาม... แต่ว่ามันอ้างว้างอย่าบอกใคร"

อากาศยามราตรีเริ่มเย็นขึ้นเรื่อย ๆ แฮร์รี่ต้องถกเท้าเข้ามาแล้วเอามือกอดเข่า พยายามหยุดยั้งอาการสั่นเทาของร่างกาย ด้วยสายฝนและความมืดเวิ้งว้างรอบกายชวนให้รู้สึกเดียวดายจับใจ แต่มันน่าอายถ้าจะบอกเรื่องนั้นกับเดรโก

แฮร์รี่หลับตาลงแล้ววาดภาพในหัวว่าเขากลับไปถึงห้องนั่งเล่นรวมกริฟฟินดอร์อย่างไม่มีใครคาดคิด รอนกับเฮอร์โอนี่อยู่ห่างออกไปตั้งไกล แต่เขายังเห็นใบหน้าพวกเขาชัดเจน ใบหน้านั้นตกใจที่เห็นแฮร์รี่กลับมาหลังจากหายตัวไปหลายอาทิตย์ รอนคงจะทำหน้าเร่อร่าอ้าปากค้างอย่างประหลาดใจ เขาคงจะกระพริบตาสองสามทีเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ฝันไป แฮ... แฮร์รี่ นะ... นายกลับมาแล้ว! เฮอร์ไมโอนี่คงจะไม่รอช้า เอาผมเป็นพุ่มหนาเบียดเข้าที่หน้าแฮร์รี่ขณะแม่สาวโผเข้ามากอด แฮร์รี่! นายไม่ตาย! โถ ฉันรู้ว่านายจะรอด! นายเก่งอยู่แล้ว ฉันรู้ว่านายจะหนีออกมาได้ ฉันรู้อยู่แล้ว! นายทำได้ไง! รอน หุบปากได้แล้ว เดี๋ยวแมลงวันก็บินเข้าไปหรอก แฮร์รี่ นั่งก่อน นายต้องเหนื่อยมากแน่ ๆ เอาละ เล่าให้ฉันฟังทั้งหมด!

แฮร์รี่กระพริบตาแล้วรู้สึกถึงของเหลวอุ่น ๆ รื้นออกมาที่หางตา เขารู้สึกขอบคุณในใจที่ตอนนี้มืดเกินกว่าที่เดรโกจะมองเห็นหน้าเขา

"เป็นอะไรหรือเปล่า แฮร์รี่"

ตาแฮร์รี่เบิกโพลง หันไปหาต้นเสียง ทว่ามันกลับมืดเกินกว่าจะเห็นว่าเดรโกหันไปทางไหน ซึ่งแน่ว่าเดรโกคงมองไม่เห็นความเคร่งเครียดที่ปรากฏชัดบนหน้าเขา ใช่หรือเปล่า แฮร์รี่กลืนน้ำลายผ่านลำคออันแห้งผาก

"ไม่เป็นไร"

เดรโกทำเสียงออกมาเชิงไม่เชื่อ แฮร์รี่รอให้อีกฝ่ายพูด เพราะเขาอยากได้ยินเสียง แม้จะเป็นเสียงเดรโกก็ตาม เพื่อเขาจะได้อุ่นใจว่ามีคนอยู่ข้าง ๆ เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เสียแต่ว่าเดรโกไม่ได้เอ่ยอะไร

แฮร์รี่ทำคอตก กำลังจะหันหนี ก่อนจะได้ยินเสียงกรอบแกรบใกล้ ๆ ครั้นแล้วรู้สึกว่ามีอะไรนุ่ม ๆ วางลงที่ไหล่เบา ๆ

คือเดรโกที่เขยิบเข้าไปหาแล้วใช้ผ้าคลุมตัวเองห่มแฮร์รี่ไว้ แฮร์รี่นั่งแข็งเป็นหินเมื่อเดรโกนั่งลงข้าง ๆ ปรับผ้าคลุมให้เข้าที่ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแฮร์รี่มีผ้าห่มไว้มากพอให้ตัวอุ่น เสร็จแล้วก็นั่งลงข้าง ๆ ไหล่ประชิดไหล่ ทั้งคู่เอนเข้าหากันน้อย ๆ

แฮร์รี่ไม่กล้าขยับตัว ด้วยตะลึงกับความกล้าของเดรโก ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบ – ความจริงมันออกจะรู้สึกดี – แต่เขาต้องทำตัวอย่างไร ตอนที่นั่งหลังชนกันนั้นรู้สึกต่างออกไป เหมือนมีระยะห่างอยู่ แต่นี่มันรู้สึก... ใกล้ชิด

"ห่มผ้าไว้นะ แฮร์รี่" เดรโกบอกเสียงนุ่ม ดังใกล้กับหูแฮร์รี่จนน่าตกใจ "อากาศเริ่มเย็นแล้วรู้ไหม"

เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำให้ตัวเองขยับได้อย่างไร รู้แค่ว่าเขาพยักหน้าแล้วเอาผ้าส่วนที่เหลื่อมออกมาจากเดรโกมาคลุมตัวและขาไว้ ชั่วครู่ใหญ่แฮร์รี่แถบจะไม่กล้าหายใจเลย เขาดึงความสนใจทั้งหมดมาจดจ่อกับการพยายามไม่หายใจ ด้วยกลัวว่าเขาอาจทำให้เดรโกห่างออกไป มันเป็นความรู้สึกสบายที่เขาไม่นึกฝัน แต่ถึงอย่างไรมันก็คือความรู้สึกสบาย

"ฉันไม่ได้จะทำร้ายนายสักหน่อย แฮร์รี่ แค่จะช่วยให้คลายหนาว"

"โอ้... ใช่... โทษที" แฮร์รี่พึมพำออกมาพลางพยายามจะผ่อนคลาย แม้กระนั้นเขาก็แทบไม่ได้ขยับเขยื้อนเลย ขณะความอุ่นเริ่มกระจายซ่านภายใต้ผืนผ้าคลุม เขาเพิ่งรู้ตอนนั้นเองว่าอากาศข้างนอกหนาวเพียงไร

"อีกอย่าง" เดรโกพูดต่อทันทีราวกับว่าไม่ได้หยุดไป "ฉันก็ไม่ชอบอยู่คนเดียวเหมือนกัน"

ตอนนั้นเองที่แฮร์รี่ละความสนใจจากร่างกายตนเอง จึงได้รู้ว่าเดรโกก็นั่งแน่นิ่งไม่ต่างอะไรไปจากเขา เมื่ออาการประหม่าเริ่มคลายลงบ้างแล้ว จึงปล่อยให้ตัวเองหัวเราะออกมาพร้อมเอาไหล่ดันเดรโกเบา ๆ "ไม่ห่วงหรอกเดรโก ฉันไม่บอกใครหรอก ไม่อยากทำให้นายเสียชื่อเสียง"

เดรโกยืดตัวตรงแล้วเอาดันไหล่แฮร์รี่คืน "ชื่อเสียงเหรอ นายพูดเรื่องอะไรพอตเตอร์"

"ก็คุณชายบึกบึนผู้ไม่ต้องการใคร กล้าหาญและพึ่งตัวเองได้แม้ในยามที่ต้องเผชิญกับ... อ้อ เดี๋ยวก่อนสิ ถอนคำพูดละ เกือบลืมเรื่องในป่าต้องห้ามตอนปีหนึ่งไปเลย นายร้องกรี๊ดยังกับผู้หญิงแน่ะ"

แฮร์รี่รีบหลบอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่พ้นโดนเดรโกเอาไหล่ผลักเข้าให้ เขาหัวเราะร่าแล้วผลักอีกฝ่ายคืน และแล้วก็ยินเสียงเดรโกหัวเราะตามมา

"แหม อย่างน้อยฉันก็ไม่ซื่อบื้อพอจะอยู่ต่อหรอก ไม่ใช่กริฟฟินดอร์งี่เง่า... เอ่อ... กล้าหาญอะไรนั่น"

"อืม... ตามแต่ใจนายแล้วกัน" แฮร์รี่เออออขณะกลับขึ้นมานั่งดี ๆ ดันไหล่เดรโกอีกที ครั้งนี้เขาไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย เขาถอนหายใจแล้วก็หาวหวอด ๆ "ฉันว่าเราควรนอนได้แล้วนะ"

"น่าจะเป็นความคิดที่ดี" คำตอบเรียบง่ายตอบมา "พรุ่งนี้เช้าต้องเดินทางอีกไกล"

"ใช่" แฮร์รี่เอ่ยแผ่วเบา ทว่าไม่ยอมขยับไปไหน

เดรโกก็เช่นกัน

อีกนานสองนานที่เดียวที่ทั้งสองนั่งนิ่ง สดับฟังเสียงโปรยปรายสายฝนเทกระหน่ำ เสียงต้นไม้หวีดหวิวโคลงเคลงยามลมพัด และเสียงกระหึ่มไกล ๆ ซึ่งคราวนี้แฮร์รี่แน่ใจแล้วว่าเป็นเสียงฟ้าร้อง แม้จะอยู่กลางป่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยู่ที่ไหน ซ้ำยังอยู่ท่ามกลางพายุฝนฟ้าคะนอง สิ่งที่บดบังทั้งคู่ไว้มีเพียงความมืดและผ้าคลุมล่องหนเท่านั้น แต่แฮร์รี่กลับรู้สึกปลอดภัย เขารู้สึกอุ่น แห้ง และไม่ได้ตัวคนเดียวอย่างแน่นอน และใช่แล้ว เขาเชื่อใจเดรโก ผลที่สุดแล้วมันได้รู้สึกผิดแปลกไปอย่างไรเลย

แฮร์รี่รำพึงกับตนเองว่าหากในอดีตเรื่องราวไม่ใช่แบบที่เป็น เขาคงเห็นว่าเดรโก... ไม่ได้แย่เสียทีเดียว ตอนนี้นั้นการมีเดรโกอยู่ด้วยแทบจะเป็นเรื่องทีน่ายินดี อย่างน้อยฝ่ายนั้นก็มีความน่าสนใจ และจริงใจอย่างน่าประหลาด เมื่อบรรยากาศระหว่างเขาทั้งสองเริ่มบรรเทาเบาบางลงอย่างนี้แล้ว เดรโกก็ไม่ได้เป็นคู่หูร่วมทางที่แย่เสมอไป เกือบเป็นเหมือนเพื่อนด้วยซ้ำ ขณะที่เมื่อปีที่แล้ว หรือแม้แต่สัปดาห์ที่แล้ว แฮร์รี่คงยอมติดอยู่ในห้องเพียงลำพังกับโวลเดอมอร์ดีกว่าจะเป็นเดรโก มัลฟอย

แฮร์รี่ถอนหายใจยาวเหยียดกับความคิดที่เลื่อนลอยไป โวลเดอมอร์ไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ แน่ และทางข้างหน้าของเดรโกจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างแน่นอน ฉะนั้นหากเดรโกเดินพลาด แฮร์รี่ให้สัญญากับตนเองในใจว่าจะอยู่ข้าง ๆ คอยช่วยเหลือเดรโก เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว มีศัตรูคนเดียวกันและมีจุดหมายปลายทางเหมือนกัน แฮร์รี่ยังต้องพึ่งเดรโกหากเขาอยากกลับบ้าน และถ้าเดรโกต้องการให้แฮร์รี่เป็นกำลังใจให้ เขาก็จะเป็นกำลังใจให้เดรโกอย่างเต็มที่ เดรโกได้ให้เขาทุกสิ่งที่มีแล้ว

บางทีแฮร์รี่อาจคิดไปเอง แต่เขารู้สึกเหมือนมีมวลอากาศเย็นขจรเข้ามาในผ้าคลุม แม้กระทั่งเข้ามาในผิวหนังของเขา ทำให้เนื้อตัวสั่นสะท้าน จึงดึงผ้าคลุมขึ้นห่มกระชับขึ้น

"เป็นอะไรไป" เสียงเดรโกแว่วมาในความมืด

"แค่กำลังคิดน่ะ ฉันชอบคิดเรื่อยเปื่อย"

"คิดถึงอะไรอยู่เหรอ"

แฮร์รี่อ้าปากจะพูด ทว่าหยุดชะงักไป ด้วยรู้ดีว่าเขาไม่สามารถบอกความคิดเหล่านั้นให้เดรโกรู้ได้ ชายหนุ่มทำได้เพียงก้มหน้าแล้วพูดว่า "บ้าน"

"ฮืมม"

ทันใดนั้นแฮร์รี่ก็รู้สึกว่ามีอะไรอุ่น ๆ ลื่น ๆ พาดอยู่ที่คอ เขาสะดุ้งตกใจ "อะไรน่ะ..." มีอย่างอื่นหนักกว่าเดิมกระทบที่หน้าอก ดึงกันอยู่กับสิ่งที่ห้อยอยู่ที่คอ จากนั้นรู้สึกว่ามีมือสัมผัสกับวัตถุที่หน้าอกนั้น ตบลงเบา ๆ สองสามที

"นายใส่ไว้ก่อนนะแฮร์รี่"

"นี่มัน..." แฮร์รี่เอามือขึ้นมาสัมผัสกับสิ่งนั้นที่ห้อยอยู่ที่หน้าอก แม้จะอยู่ในความมืด แต่เขาก็จำรูปทรงเข็มทิศมักเกิ้ลนี้ได้ เครื่องเวศมกำบัง "เดรโก ทำไม –"

"ฉันคิดว่า วิธีนี้ ถึงฉันอยากจะปอดแหกและวิ่งเตลิดไป ฉันก็ทำไม่ได้ เหมือนอย่างที่นายบอก... เรื่องในป่าต้องห้ามน่ะ" เดรโกหัวร่อกระซิกเบา ๆ "ยิ่งในป่ามืด ๆ อย่างนี้ ฉันไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย"

"เดรโก... นายแน่ใจนะ"

"ต้องถามด้วยเหรอ อีกอย่างของหน้าตาขี้เหร่อย่างนั้น มันไม่เข้ากับชุดฉัน"

แฮร์รี่ระบายยิ้มอันอ่อนไหว ระคนด้วยความรู้สึกอุ่น ๆ ข้างใน "ถ้างั้นก็ได้ ฉันจะใส่ไว้เพื่อนายแล้วกัน"

เขารู้สึกได้ว่าเดรโกพยักหน้า "ดีแล้ว" เดรโกหยุดไปชั่วครู่ "ฉันยังไม่ค่อยรู้สึกง่วงเท่าไรเลย นายล่ะ"

แฮร์รี่ส่ายหน้า "ฉันก็มะ –" เขาชะงักไปเพราะอ้าปากหาวนอน "ไม่ง่วง" เขาจบประโยค

"อ้องั้นเหรอ มานี่มา" เดรโกขยับตัวใต้ผ้าคลุม หันหลังให้แฮร์รี่อีกครั้งหนึ่ง "พิงฉันนี่ แล้วนอนพักซะ"

แฮร์รี่มองไปทางเดรโกก่อนจะหาวหวอดอีกหน เขาหันหลังแล้วพิงเดรโก "ขอบใจ ว่าแต่นายล่ะ"

"เดี๋ยวฉันก็หลับไปเองแหละ ไม่ต้องห่วงฉันหรอก" หยุดไป "ถ้าพ่อมดชั่วไม่มารังควานฉันในฝันอีกน่ะนะ"

"แล้ว..."

"แล้วก็ไม่ต้องห่วงเหมือนเดิม เพราะตราบใดที่ฉันยังมีแฮร์รี่ พอตเตอร์คนเก่งคอยหนุนหลังอยู่ ฉันก็มั่นใจว่าไม่มีอะไรทำอะไรฉันได้"

แฮร์รี่อดหัวเราะไม่ได้ขณะปรับตำแหน่งคลุมใหม่ให้สบายขึ้น "แน่ละ เพราะฉันมากับดวง เพราะยังงี้ความตายและเรื่องร้ายถึงตามราวีฉันทุกที่ที่ไป"

"แหม" เดรโกเอ่ยอย่างใช้ความคิด "ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก"

แฮร์รี่หัวเราะเบา ๆ อีกครั้ง แล้วหลับตาลง เอนหลังทิ้งน้ำหนักที่เดรโกอย่างสบายตัว รู้สึกถึงความอุ่นที่แผ่นหลังอีกฝ่าย และกายที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอนั้นทำให้อุ่นใจ เบื้องนอกนั้นพายุยังพัดโหมไม่สร่างซา ทว่าทำอะไรทั้งคู่ไม่ได้ มันเป็นความรู้สึกที่ดีที่สุดที่แฮร์รี่ได้สัมผัสนับตั้งแต่จากหอคอยกริฟฟินดอร์มา

เขาถอนหายใจ ทิ้งความทรงจำให้จมดิ่งสู่ห้วงลึก ปล่อยใจเลื่อนลอยไปบรรจบห้วงนิทรา "ฝันดีนะ เดรโก"

"ฝันดี แฮร์รี่" เดรโกเอ่ย และแฮร์รี่รู้ว่าเขากำลังยิ้มอยู่

**************

ครั้นจุดเปลี่ยนเวียนมาอีกคราหนึ่ง

เส้นทางถึงจุดหมายไขว้ขวากหนาม

กาลเวลาเหนี่ยวรั้งระวังปราม

ชี้ให้ตามทุกหนแห่งแหล่งที่ไป

จงวัดใจให้ดีที่จุดหัก

อย่าถามทักซักกันให้หวั่นไหว

อย่าริมีกังขาสาเหตุใด

จงทำไปด้วยใจมั่นกลั่นอุรา

กาลเวลาจะพาให้ได้รู้แจ้ง

อย่ายึดแย่งพยากรณ์ก่อนล่วงหน้า

ท้ายที่สุดจักทราบแน่แก่สายตา

ใช้เวลาชีวิตคิดจงดี

Continue Reading

You'll Also Like

90.5K 7K 42
"បងស្រឡាញ់អូនខ្លាំងណាស់តែបងមិនអាច អោយអោនអូនមកខូចអានាគតជាមួយមនុស្សជនពាលដូចជាបងបន្តទៀតទេថេយ៍"ជុងហ្គុក Jugkook x Taehyung Jugkook >Top Taehyung>bottom
30.4K 465 28
โบราณเขาบอกว่าถ้าแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก อยู่ๆกันไปก็จะรักกันเอง แต่คำนี้มันใช้ไม่ได้กับผมหรอก เพราะคนที่ผมจะแต่งงานด้วยคือคนที่น่ารังเกียจที่สุดสำห...
159 0 15
Tadano is fed up with his life as the no1 assassin who has mastered every skill. He decided to leave the world of assassins and live his life as he...
225K 14.8K 56
"មនុស្សស្អីចរឹករញ៉ែរញ៉ែនិយាយច្រើនឥតបានការពិតជាគួរអោយស្អប់ពិតមែន"ជុងហ្គុក "បងស្អប់ខ្ញុំអោយច្រើនៗទៅតិចថ្ងៃណាមួយស្អប់ៗជំពប់លើខ្ញុំអីខ្ញុំនិងប្ដឹងបងយកមកធ...