Eclipse (แปล) | Harry Potter...

By Mainn_

44.9K 483 137

"นายตายแน่พอตเตอร์... คราวนี้ฉันจะเอาคืนให้สาสม" เดรโกปฏิญาณไว้แล้วว่าจะคิดบัญชีกับแฮร์รี่เหตุที่... More

บทที่ 1 ผู้ล่าและผู้ถูกล่า
บทที่ 2 บทเรียนแห่งอำนาจ
บทที่ 3 ชาขม
บทที่ 4 ภาระหน้าที่
บทที่ 6 การสนทนาพาหวั่นใจ
บทที่ 7 ชั่วโมงมืดมน
บทที่ 8 สะพานติดไฟ เส้นด้ายกวัดแกว่ง
บทที่ 9 บทสลับฉาก
บทที่ 10 การไล่ล่า
บทที่ 11 ความจริงในสิ่งลวง
บทที่ 12 เทือกภูเขาเนาโตรกธาร
บทที่ 13 เปิดใจ
บทที่ 14 จุดผกผัน
บทที่ 15 กระบวนวิธีและการเสียสละ

บทที่ 5 ไม่มีอะไรจะเสีย

4.3K 44 13
By Mainn_




บทที่ 5 ไม่มีอะไรจะเสีย








เดรโกใช้เวลาในค่ำคืนอันแสนยาวนานและยากลำบากปลุกปล้ำกับความคิด คำถาม และมโนภาพที่กำลังพรั่งพรูเข้ามาในจิตใจอย่างไม่มีหยุดหย่อน เขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะหาเหตุผลของมัน แต่กลับล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า มีอะไรบางอย่างที่แปลกไปในตัวพอตเตอร์ บางอย่างที่ดื้อดึง แรงกล้า และเดือดดาลอย่างที่สุด ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็สุดแท้แต่ มันได้ทำให้เดรโกติดอยู่ในบ่วงพันธนาการที่ตนสร้างขึ้นมาเองเสียแล้ว

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาพร่ำบอกกับตัวเองว่าเขาไม่ต้องการสิ่งใดนอกเหนือไปจากการได้เห็นพอตเตอร์ไร้ทางสู้ ถูกกักขัง ทุกข์ทรมาน ได้รับการลงโทษอย่างสาสมในแบบที่เดรโกรู้สึกว่าอีกฝ่ายสมควรได้รับ ถ้าเขาได้เห็นพอตเตอร์ล้มลงต่อหน้า มันคงจะเป็นทุกสิ่งที่เขาต้องการ ได้เห็นว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์แท้จริงแล้วนั้นน่าสมเพชเพียงใด สมควรได้รับการเหยียดหยามเพียงใด เมื่อไม่มีคนอื่นมาคอยยกย่องจะอ่อนแอเพียงใด เว้นเสียแต่ว่าเขาอาจคิดผิดไป พอตเตอร์มีความเข็งแกร่งในตัวของเขาเอง และมีความดื้อรั้นที่เดรโกไม่อาจต่อกรได้

แฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นที่พำนักพิงประจำของความคิดอันแรงกล้าของเดรโกมานานหลายปี กระทั่งตอนนี้เขายังนึกไม่ออกเลยว่าทำไมพอตเตอร์ถึงมีอิทธิพลต่อการกระทำและแรงจูงใจของเขาขนาดนี้ จนมันกลายมาเป็นชีวิตประจำวันของเขาโดยปริยาย ตั้งแต่ตื่นนอน แปรงฟัน ไปเรียน และตามรังควานพอตเตอร์ กระนั้นด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่กำลังทิ้งน้ำหนักลงบนตัวเขา เขายังตำหนิตนเองที่ไม่เข้าใจถึงปัญหานี้ มันคือการถูกครอบงำโดยสมบูรณ์ และการครอบงำนั้นแหละจะเข้ามาเป็นพันธะผูกติดกับเขาจนถอนตัวไม่ขึ้นในที่สุด เขารู้ดี เขาแค่ไม่อยากยอมรับมัน แต่เขารู้มาโดยตลอด

เพียงวิธีเดียวที่เขาจะขจัดความคิดเหล่านี้ออกไปได้คือการเข้าไปคุยกับพอตเตอร์ ถามเขาให้รู้เรื่อง หน้าที่ผู้ดูแลของเขาตอนนี้นั้นสำคัญรองลงมาจากภารกิจใหม่ของเขาแล้ว เขาอยากรู้ว่าทำไมแผลเป็นบนแขนของอีกฝ่ายถึงได้เป็นประเด็นที่อ่อนไหวนัก เขาอยากรู้ว่าทำไมพอตเตอร์ถึงไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเวลาเอ่ยถึงจอมมาร และเหนือสิ่งอื่นใดทั้งปวงเขาอยากรู้ว่าทำไมเขาถึงคิดว่าอีกฝ่ายมีแรงดึงดูด

ตอนนี้เขามองไปยังแรงดึงดูดของเขาจากข้างนอก เดรโกยังไม่ได้ให้ความสำคัญในการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นแม้กระทั่งครอบครัวของตนเอง แต่กับพอตเตอร์เขาได้ก้าวข้ามช่องว่างนั้นมาแล้ว แม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ตอนนี้เขาถือคติใหม่แล้ว เขาอยากได้มากขึ้นอีก กระหายมากขี้นอีก

เขาแทบไม่อยากยอมรับกับตนเองว่าเขาได้พูดคุยกับพอตเตอร์ แต่นั่นคือสิ่งที่มันเกิดขึ้น เป็นการคุยกันแบบดี ๆ และมันทำให้เขากระวนกระวายใจอยู่ไม่น้อย เหมือนกับเด็กที่เพิ่งเจอโถใส่ลูกกวาดที่ซ่อนอยู่หลังตู้กับข้าว กลัวว่าจะโดนจับได้ แต่ก็หักห้ามใจกับรสชาติหอมหวานที่ยั่วยวนอยู่ในนั้นไม่ได้ คำพูดเหล่านั้นเล่นวกวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัวของเขา และช่องท้องเขาโลดเต้นไปมาอย่างรวนเรเมื่อนึกถึงแต่ละถ้อยคำ

ตอนแฮร์รี่ท้าเขาให้เอ่ยชื่อจอมมาร มันทำให้เขากลัวอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เมื่อยิ่งคิดถึงมัน ยิ่งทำให้ทำเขาหายใจติดขัด เขารู้สึกเหมือนมีหนามแหลมแปลก ๆ ทิ่มเข้ามาบนศีรษะเมื่อพอตเตอร์เอ่ยขอบคุณเขา และเหมือนมีแรงกระตุกประหลาดเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาบังเอิญไปสบสายตาแรงกล้าคู่นั้นเข้า สายตาที่เจาะลึกเข้ามาในสมองเขา แทรกซึมเข้ามาในทุกอณูของเขาแม้กระทั่งเขาเองยังไม่อยากจะยอมรับ ตอนที่เขาจับข้อมือของแฮร์รี่และตอนที่เขาประคองอีกฝ่ายไว้ไม่ให้ล้ม กายสัมผัสนั้นรู้สึกแปลกไปสำหรับเดรโก เหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านเข้ามา

เดรโกรีบสลัดความคิดเกี่ยวกับสัมผัสนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งกับครอบครัวเขา การสัมผัสทางกายยังมีขอบเขตของมัน ความใกล้ชิดไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา แต่ใครจะคิดล่ะว่าการสัมผัสเพียงชั่วครู่กับคนที่เขาปฏิญาณแล้วว่าเป็นศัตรู จะสามารถสร้างรอยร้าวบนกำแพงที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตนเองจากความรู้สึก การสัมผัส และอารมณ์ของมนุษย์ได้ สิ่งเหล่านั้นไม่เคยอยู่ในวิถีของมัลฟอย ไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับมัน

ทุกสรรพสิ่งบนโลกล้วนแล้วแต่เป็นไปตามทางของมัน เดรโกรู้เรื่องนั้นดี เขาเรียนรู้บทเรียนของเขาอย่างถี่ถ้วนและเขาทำตามคำของพ่อ แม้กระนั้นรถสาลี่คันสันทัดของเขาก็ยังมุ่งหน้าไปยังหลุมลึกเดียรดาษบนถนน แล้วใครจะไปคิดว่าพอตเตอร์เป็นคนขุดหลุมพวกนั้น สิ่งเล็ก ๆ ที่หลาย ๆ คนอาจมองข้ามกำลังทำให้โลกของเขาหมุนกลับด้าน หรือถ้าเอากลับมาคิดดูอีกทีโลกของเขาอาจจะยังเหมือนเดิม แต่เขาเองต่างหากที่กำลังเปลี่ยนไป

เขาพบว่าตนกำลังตกลงสู้ห้วงแห่งความจริงอย่างไม่สามารถหนีพ้นได้ พวกเขาไม่ได้ต่างกันมาก เขากับแฮร์รี่ แต่แล้วความคิดนั้นกลับไร้สาระจนน่าขัน กลางคืนกับกลางวัน สลิธีรินกับกริฟฟินดอร์ แน่ล่ะว่ามันมีความแตกต่างอยู่แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบเสียมากกว่า แต่ตอนนี้ความเหมือนกันได้ขึ้นมาเป็นสุดสนใจของเขาแล้ว ความอยากรู้ของเขาไม่สามารถที่จะหายไปเองได้นอกเสียจากเขาจะได้รู้ และถ้าหากเขาไม่อยากพลาดโอกาสล่ะก็ เขาต้องใช้ชั้นเชิงที่แยบยลขึ้นมาสักหน่อย

บทเรียนอันมีค่ากำลังปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขาแล้ว เหยื่อกำลังล่อปลาให้มาติดเบ็ด และเขารู้ว่าถ้าตนพลาดบทเรียนนี้ไปคงเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย เขาใช้เวลาในค่ำคืนนี้ตีความหมายของบทเรียน เพื่อที่จะได้ขึ้นมาอยู่เหนือกว่า

อย่างไรเสียขณะที่เขาเฝ้าดูแฮร์รี่ในคืนนี้ เขาได้พบเพียงบทสรุปเดียวที่ว่าแฮร์รี่ยังนอนไม่หลับ

เมื่อคืนแฮร์รี่นอนนิ่งสนิท ไม่มีการไหวติง ไม่มีการพลิกตัว เขาทำเพียงขดกายติดกับกำแพง มันคงจะเป็นการกระทำที่ปกติวิสัยหากคืนนี้ไม่ได้เกิดเรื่อง แต่จนแล้วจนรอดในช่วงเวลาหนึ่งแฮร์รี่ก็พาตนเองเข้าสู่ห้วงนิทราจนได้ คงเพราะด้วยการไม่ได้พักผ่อนอย่างพอควร ทว่าไม่ช้าชายหนุ่มพลิกตัวกระสับกระส่ายบนพื้นคุก เดี๋ยวพึมพำ เดี๋ยวกระชากเสียงร้องออกมาเป็นครั้งคราวเนื่องด้วยฝันร้ายที่บังเกิดขึ้น ในถ้อยคำที่ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์ เดรโกเหมือนได้ยินชื่อคน และเขาเริ่มบันทึกชื่อที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมาไว้ในใจอย่างพิถีพิถัน ชื่อเหล่านั้นเป็นเสมือนหน้าต่างบานหนึ่งที่แฮร์รี่เปิดสู่จิตใต้สำนึกของตนโดยไม่รู้ตัว

เริ่มแรกแฮร์รี่ร้องหาแม่ของเขา โถ เด็กน้อยผู้น่าสงสาร เสียแม่ของเขาไปเดรโกคาดว่าจะมีหยาดน้ำตาปรากฏออกมาควบคู่ไปกับเสียงโอดครวญเหล่านั้น หรือบางสิ่งที่น่าสมเพชและน่าขบขันเข้ามาบำเรอใจตน แต่ไม่ได้เตรียมใจไว้ให้กับความกราดเกรี้ยวที่อีกคนแสดงออกมาแทน แม้จะปราศจากข้อพิสูจน์ที่ถ่องแท้ แต่เดรโกค่อนข้างมั่นใจว่าแฮร์รี่กำลังฝันถึงจอมมาร ตัวการที่ทำให้พ่อแม่ของเขาถึงแก่ความตาย น้ำตา เดรโกหมายจะได้หัวเราะเยาะให้กับน้ำตา แต่สิ่งนี้ทำให้เขากลัว ณ จุดหนึ่ง แฮรี่ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ฝ่ามือเขากุมอยู่ที่หน้าผาก ซึ่งนั่นทำให้เดรโกสะดุ้งโหยง

หลังจากนั้นไม่นาน เดรโกได้ยินชื่อของรอนกับเฮอร์ไมโอนี่ เป็นห่วงเลือดสีโคลนกับวีเซิลสินะ ก็ไม่แปลก นั่นเป็นสิ่งที่เขาพึงทำอยู่แล้ว เพราะหากจอมมารประเดิมแผนการทำลายล้างฮอกวอสต์เมื่อไหร่ล่ะก็ คนที่จะได้ตายก่อนใครอื่นก็คือพวกเขานั่นแหละ เดรโกควรจะชอบใจกับเรื่องที่ว่านั้น หากแต่มันทำให้ใบหน้าเขาเหน็บชาและทรวงอกเบาโหวงแปลก ๆ โวลเดอมอร์เข่นฆ่าอย่างหลงระเริงและไม่แม้จะฉุกคิด และถึงแม้เดรโกจะบอกตนเองหลายต่อหลายครั้งว่าเขาต้องการให้พวกเลือดสีโคลนหมดไปจากโรงเรียนเพียงใด แต่การสูญเสียฮอกวอตส์และความตายที่จะเกิดแก่เหล่านักเรียนทั้งหลายยังคงดูโหดร้ายเกินจะยอมรับได้ แม้กระทั่งกับตัวเขาเอง ฮอกวอตส์เป็นโรงเรียนของเขาเหมือนกัน

แฮร์รี่กระแทกมือลงบนพื้นขณะอยู่ในห้วงความฝัน เขาตะเบ็งเสียง "อย่า! ไม่ใช่พวกเขา... ฉัน เอาฉันไป... ไม่ได้... มันยิ่งแย่ลง... ไม่! ฉันผิดเอง... ความผิดของฉันทั้งหมด..."

คิ้วของเดรโกขมวดเข้าเป็นปม เขาชะโงกตัวไปข้างหน้าบนเก้าอี้ พลางใช้ข้อศอกยันกับเข่า แฮร์รี่ยังคงส่งเสียงครวญคราง และเมื่อชายหนุ่มพลิกตัวอีกครั้ง เดรโกสังเกตเห็นเสื้อของอีกฝ่ายเปียกชื้นด้วยไอน้ำที่ควบแน่นบนพื้นหิน เห็นได้ชัดว่าที่นอนไม่ได้สะดวกสบายนัก แต่ดูเหมือนว่าความฝันนั้นจะเลวร้ายยิ่งกว่า ถึงแม้ว่าเดรโกจะทำได้เพียงแค่เดาภาพที่ฉายอยู่ในหัวของแฮร์รี่ แต่เขาก็รู้สึกว่าตนเริ่มที่จะผูกบทสรุปของมันได้แล้ว

"ไม่ยอมให้เขา... ใช้ฉัน... ทำร้ายพวกเขา... ไม่ให้ใช้ฉัน... ยอมตายดีกว่า"

เดรโกไม่รู้ตัวเลยว่าขากรรไกรของตนกำลังอ้าออกน้อย ๆ และลมหายใจเริ่มไม่คงที่เพราะมัวแต่ใจจดใจจ่ออยู่กับภาพเบื้องหน้า

"ไม่ใช่พวกเขา... เขาหรือฉัน... คนเดียว... ขึ้นอยู่กับฉัน... อย่าฆ่า... ไม่ต้องการแบบนี้... ฉันผิดเอง ซิเรียส!"

แฮร์รี่สะดุ้งตื่นด้วยอาการเซถลาอย่างแรง ยังคงหายใจกระหืดกระหอบ เมื่อพบว่าตนเองอยู่ที่ไหน เขากระแทกมือทั้งสองข้างลงพื้นพร้อมทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ แล้วขูดเล็บกับแผ่นหินประหนึ่งว่ามันเป็นอุ้งเท้าและตนเป็นแมวตัวใหญ่ที่กำลังฉีกพรมกำมะหยี่ผืนงามให้ขาดเป็นชิ้น ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ดันตนเองลุกขึ้นนั่ง ชายหนุ่มยังก้มหน้าอยู่อย่างนั้น แต่เดรโกยังแลเห็นกล้ามเนื้อขากรรไกรของอีกฝ่ายขมึงตึงขึ้นมา

แฮร์รี่ทำทีเหมือนไม่ไยดีสภาพรอบกาย พลางลากตนเองกลับไปจุดเดิมริมกำแพง เขายื่นมือไปหยิบม้วนผ้าและล้วงเอาแว่นตาออกมา ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันดูแย่ลงกว่าเดิมมาก ขณะที่เขากำลังจะสวมมันเข้าไปกลับต้องพบว่าแว่นตาตนเสียหายเพียงใด เลยทำได้เพียงแต่หายใจฮึดฮัดด้วยความขุ่นเคืองใจก่อนจะบรรจงดัดโครงแว่นให้พอสวมอยู่บนใบหน้าได้

ระหว่างนั้นเขาไม่ได้อินังขังขอบชายหนุ่มในอีกฟากของลูกกรงที่กำลังมองเขาอยู่อย่างใส่ใจ

เดรโกจะไม่เป็นคนปริปากพูดก่อนแน่ เขาขอปฏิเสธ มันคงจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อศักดิ์ศรีของเขาเป็นอย่างมาก หากจะปล่อยให้ตนเองหยิบยื่นความอยากรู้อยากเห็นเช่นนั้น นั่นเท่ากับเป็นการยอมรับดัง ๆ ว่าเขาต้องการจะคุยกับพอตเตอร์จริง ๆ

แฮร์รี่โยกขาพับแว่นตาไปมา ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดแหลมสูงของขดลวดสีกัน

เดรโกขบริมฝีปากล่าง ทวยคำถามกำลังกัดกินเขา เขาต้องการความสนใจและยิ่งพบว่าตนหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อพอตเตอร์ทำท่าทางเมินเฉยใส่เขา

แฮร์รี่ยกมือขึ้นเกาจมูกจากนั้นกลับมาโยกขาแว่นตาอีกครั้ง เขาขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิดและยังคงไม่สนใจมัลฟอยดังเดิม

เดรโกกระสับกระส่าย

แฮร์รี่พินิจดูแว่นตาผ่านม่านแสงจาง ๆ จากคบไฟภายในคุก แล้วส่ายหน้า เขาดึงชายเสื้อออกมาเช็ดเลนส์ของมันอย่างไร้ประโยชน์ เพราะถึงเช็ดยังไงรอยขูดก็ไม่มีทางหายไปได้ และอีกอย่างเสื้อของเขาก็ไม่ได้สะอาดไปกว่าแว่นตานั่นนักหรอก เช็ดเสร็จเขาจึงยื่นมันออกมาดูข้างหน้า ซึ่งก็ยังคงแย่ไม่ต่างอะไรไปจากเมื่อก่อนสักนิด เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างจำยอมก่อนจะสวมมันไว้บนใบหน้าตน แล้วเอนตัวทิ้งน้ำหนักลงบนกำแพงจนแว่นตาปรัก ๆ ของเขาหล่นลงมาที่หน้าตัก

"พอตเตอร์ เอาแว่นตาบ้า ๆ นั่นมาให้ฉันซะ!" เดรโกไม่รู้ตัวว่าตนเองพูดออกไปจนกระทั่งคำสุดท้ายหลุดออกมาจากปาก

แฮร์รี่กำลังประคองแว่นตาให้อยู่บนหน้าตนเองอีกครั้ง ก่อนจะได้ยินเสียงของเดรโกจึงได้หยุดชะงักไป เขาลดมือขวาลงเพื่อที่ตนจะได้มองเห็นเดรโกโดยไม่ต้องบ่ายหน้าไปหาอีกฝ่าย และยังคงพยุงแว่นตาให้อยู่บนหน้าด้วยมืออีกข้าง "อะไรนะ?"

"นายกำลังทำให้ฉันครั่งด้วยการเล่นกับแว่นตานั่น" เดรโกปรารภอย่างสุดจะทน "ส่งมาให้ฉันซ่อมให้มันเสร็จ ๆ ไปซะ"

แฮร์รี่ลดมือซ้ายที่กำลังจับแว่นตาอยู่ลงวางไว้บนตัก "อ้อ ทีนี้จะเล่นเป็นพ่อคุณคนดี เข้ามาช่วยซ่อมทุกอย่างแล้วเหรอ? นายจะเป็นทั้ง 'ตำรวจดี – ตำรวจเลว'*ไม่ได้ในเมื่อนายเป็นได้แค่ตำรวจคนเดียว มัลฟอย"

"อะไรคือ 'ตำรวจดี – ตำรวจเลว'" เดรโกดูงุนงงอย่างออกหน้า

"ช่างเถอะ เรื่องของมักเกิ้ลน่ะ"

เดรโกกลอกตา "ว่าแล้วเชียว"

แฮร์รี่โน้มตัวไปข้างหน้าอย่างท้าทาย "นายหมายความว่าไงไม่ทราบ"

เดรโกขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ครู่หนึ่ง อย่ายียวนเขาถ้าอยากจะถามเขา เดรโกเตือนตัวเอง "ลืมมันเถอะ แล้วนี่นายจะให้ฉันซ่อมให้ไหมแว่นตาน่ะ"

"ฉันซ่อมเองได้" แฮร์รี่ค้านอย่างหัวแข็ง

"นายเลิกทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ไหม แว่นตานายพัง และฉันอาสาจะซ่อมให้"

แฮร์รี่คว้าเอาแว่นตาบนตักแล้วสวมมันไว้บนหน้าอย่างลวก ๆ "มันยังใช้ได้" เขาดึงดันเสียงแหลม

แว่นตานั้นหล่นลงบนตักเขาอีกครั้ง

ใบหน้าของเดรโกยกขึ้นจากการหลุดขำออกมา

แฮร์รี่พยายามทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะจากเดรโกยิ่งทำให้เขาหน้าเง้าหน้างอเข้าไปใหญ่ แต่ขณะที่แฮร์รี่เหล่มองแว่นตาบนหน้าตักตนเองแล้วเหลือบมองเดรโกที่กำลังหัวเราะอย่างออกนอกหน้า ริมฝีปากบึ้งตึงของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มกระดากอาย เขาพบว่าตนเองกระหยิ่มหัวเราะอย่างแห้ง ๆ ยังไงก็ต้องยอมรับว่ามันน่าขันทีเดียว

เมื่อเดรโกหยุดหัวเราะแล้วจึงออกปากถามในที่สุด "ตกลงนายจะส่งแว่นตามาให้ฉันไหม"

แฮร์รี่สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วปล่อยให้ไหล่ตนตกลง "ฉันมีอะไรจะต้องเสียอีกล่ะ"

เดรโกเลิกคิ้วขณะยืนขึ้นแล้วใช้ความคิด ก็จริงนั่นแหละ เขามีอะไรต้องเสียอีกล่ะ? เขาทั่งคู่มีอะไรจะต้องเสียอีก? เขาสาวก้าวเดินไปยังห้องขังแล้วหยุดคิด ก่อนกลับไปลากเอาเก้าอี้ติดมือมาด้วยเพื่อจะนำมานั่งข้าง ๆ กับราวเหล็ก

แฮร์รี่สังเกตอีกฝ่ายอย่างใคร่รู้ แต่แล้วก็ยอมยื่นแว่นตาของตนผ่านราวกั้นไปให้

เดรโกประเมินความเสียหายขณะนั่งลงบนเก้าอี้ "นายปู้ยี่ปู้ยำมันใช่ย่อยนะเนี่ย"

"ฉันไม่คิดว่าส่วนใหญ่ฉันเป็นคนทำหรอกนะ" แฮร์รี่ว่าอย่างฉุน ๆ

เดรโกพยักหน้าพลางใช้มือพลิกดูแว่นตาก่อนจะประกาศอย่างเถรตรง "นายทำบางส่วน" เขาล้วงไม้กายสิทธิ์ออกมาแล้วชี้ใส่แว่นตาก่อนกระซิบเบา ๆ "รีแพโร"

เกิดเสียงแก๊กเบา ๆ ก่อนแว่นตาจะกลับคืนสู่สภาพเดิมบนฝ่ามือของเดรโก เขาคลี่ยิ้มด้วยความพึงพอใจในผลงานของตนเอง จากนั้นยื่นมันผ่านช่องลูกกรงกลับไปให้แฮร์รี่

แฮร์รี่สวมแว่นกลับเข้าที่แล้วขอบคุณเดรโกด้วยการผงกศีรษะน้อย ๆ ถึงจะไม่มากแต่มันก็เป็นการแสดงความขอบคุณ "นายหมายความว่าไงที่ว่าฉันทำบางส่วน" แฮร์รี่เอ่ยถาม พยายามทำน้ำเสียงเป็นทองไม่รู้ร้อน เพื่อที่จะอำพรางความอยากรู้อยากเห็นและความสับสนของตนไว้

เดรโกเงยหน้าขึ้นมอง "นี่นายไม่รู้ตัวเลยเหรอ? นายพลิกตัวไปมาทั้งคือตอนนายหลับ แล้วอาจจะเผลอกลิ้งทับมันเข้า นายฝันถึงอะไร?"

หากแฮร์รี่กำลังเริ่มคลายกังวล ตอนนี้เขาไม่แล้ว แผ่นหลังระเรื่อยขึ้นมาถึงหัวไหล่พลันด้านชาและสีหน้าของเขาทื่อเป็นหิน "ห๊ะ?" เขาส่งเสียงแผ่ว แน่ล่ะ แฮร์รี่รู้ว่าตนเองมักละเมอพูดตอนหลับ ทั้งดัดลีย์และรอนยืนยันกับเขาเองจากปาก แต่ถึงอย่างนั้น แฮร์รี่เผลอพูดอะไรออกไปต่อหน้ามัลฟอยกัน? เขายอมให้ดัดลีย์อัดเทปเขาตอนนอนเสียดีกว่าจะให้มัลฟอยได้ยินสิ่งที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของเขาแม้แต่อย่างเดียว แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะหักห้ามตนเองเท่าไหร่ เขาก็ต้องหลับอยู่วันยังค่ำ และเผยความคิดของเขาออกมาให้มัลฟอยได้ยินโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับสัตว์ที่ติดอยู่ในตู้โชว์คอยนำผลประโยชน์มาให้แก่ผู้ที่จับมา ตอนนี้เขารู้แล้วว่างูที่อยู่ในสวนสัตว์ตัวนั้นรู้สึกยังไง

"นายละเมอพูด" เดรโกว่าต่อ เตือนตัวเองว่าต้องค่อยเป็นค่อยไปหากต้องการได้รับคำตอบ "และยังแกว่งแขนอย่างแรงด้วยล่ะขอบอก"

"ก็พื้นคุกนี่ใช่ว่าจะเป็นเตียงนุ่ม ๆ ให้นอนหลับฝันดีนี่ ใช่ไหม"

"นายอยากได้ตุ๊กตาหมีสักตัวไหมล่ะพอตเตอร์" เขาเองก็ปฏิเสธไม่ได้

"หุบปากไปเลย มัลฟอย!"

"แรง!" เดรโกเอนหลังทำทีเป็นตกใจ

"นายคาดหวังอะไรล่ะ มัลฟอย" แฮร์รี่แยกเขี้ยวใส่ "ให้ฉันพล่ามความฝันให้นายฟังอย่างงั้นเหรอ? ไม่มีทางซะล่ะ ฉันทำมาพอแล้วในคาบเรียนของทรีลอว์นีย์และทั้งหมดที่เธอทำก็เพียงทำนายว่าฉันจะตายเร็วเท่าไหร่ แต่เราก็รู้คำตอบนั่นแล้วนี่นะ ใช่รึเปล่าล่ะ"

เดรโกสะดุ้งในใจ เขาพลาดแล้ว พลาดมาก ๆ เขาบรรจงเปล่งคำพูดต่อไปอย่างระมัดระวัง "จากการที่เห็นนายตะโกนชื่อคนทั้งคืน ฉันยอมรับก็ได้ว่าฉันอยากรู้ว่านายฝันถึงอะไร หรือถึงใคร"

"ชื่อคนเหรอ? ฉันไม่ยักจำได้" แฮร์รี่เอ่ยตอบอย่างหยั่งเชิง

เดรโกหรี่ตามองเรียวหน้าเรียบเฉยของแฮร์รี่ ยุอีกหน่อยน่า "บางอย่างเกี่ยวกับแม่ของนาย..."

"อย่าริอาจพูดถึงพ่อแม่ฉัน!" แฮร์รี่ตะคอกน้ำเสียงเป็นโล้เป็นพายจนเดรโกต้องกระทุ้งตะโพกลงเก้าอี้อย่างชะงักงัน

"โธ่ พอตเตอร์ ฉันไม่ได้จะจาบจ้วงเขา ฉันแค่พยายามจะเรียกความทรงจำของนายคืนมา ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันสั้นนิดเดียว"

"ความทรงจำฉันดีพอ ขอบใจ!"

"นายตะโกนหา ซิเรียส แบล็ก ใช่รึเปล่า? เขาไม่ได้...?"

"หุบปากซะ!" แฮร์รี่ตวาดเสียงร้อง เขาแยกเขี้ยวราวกับจิ้งจอกบาดเจ็บ และเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เขาโดนจับมา กำลังฉายแววความอ่อนแอ "อย่าพูดถึงเขา! นายไม่มีสิทธิ... นายพูดไม่ได้..." เสียงเขาแหบหาย

แฮร์รี่นั่งอยู่อย่างน้ำท่วมปาก พยายามขจัดความคิดนั้นออกไป พยายามลืม เขาทำอะไรไม่ได้ ทั้งกับมัลฟอยและกับซิเรียส ในเวลานี้ทั้งคู่ต่างอยู่ไกลเกินเอื้อมมือเขานัก แม้ว่าเขาจะยินดีไม่น้อยที่จะสลับที่กับพวกเขาหากทำได้ มันก็เหมือน ๆ กับทุก ๆ อย่างในชีวิตเขา เขาทำได้เพียงแข็งขืนยืนหยัดและรับมือกับมันด้วยตัวเขาเอง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เที่ยงแท้ นั่นคือเขาจะไม่มีวันยอมล้มลงต่อหน้ามัลฟอย นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำ เขาหยัดสู้มาถึงขนาดนี้แล้ว เขาจะไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด ไม่มีทาง ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหน เขากำหนดลมหายใจและทอดมองไปยังกำแพงไกลออกไป เฝ้าภาวนาในตนหายตัวไปและรอให้มัลฟอยถือโอกาสขณะที่เขามีภาวะจิตใจอ่อนไหวนี้เข้าจู่โจม

แม้กระนั้นเดรโกก็พบว่าตนเองพูดไม่ถูกเช่นกัน แต่ด้วยเหตุผลที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เขามักจะชอบกวนใจแฮร์รี่ ต้องการยั่วให้เขาโกรธ แต่นี่มันผิดแผกไป ครั้งนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำ และความพยายามที่จะไม่ทำให้อีกฝ่ายโกรธเป็นฟืนเป็นไฟก็คว้าน้ำเหลวอย่างไม่เป็นท่า

แน่นอนเดรโกรู้ว่าแบล็กตายแล้ว ถึงแม้มันจะไม่ใช่สิ่งที่ประกาศให้รู้ทั่วกันที่ว่าแบล็กเป็นญาติฝ่ายทางแม่ของเขา มาตรว่าเป็นบุคคลผู้ไม่พึงประสงค์ เขายังรู้อีกว่าแบล็กเคยเป็นสหายกับตระกูลพอตเตอร์ และบางแห่งในความทรงจำของเขายังบอกราง ๆ ว่าซิเรียสเป็นพ่อทูนหัวของแฮร์รี่ ใช่รึเปล่านะ? เขาใช่คนที่พอตเตอร์อาลัยหารึเปล่า? แต่แบล็กไม่ได้เป็นคนที่ทรยศตระกูลพอตเตอร์หรอกเหรอ? เดี๋ยวสิ พ่อเขาเคยอ้างถึงครั้งหนึ่งว่าแบล็กถูกใส่ความ ซึ่งนั่นก็สมเหตุสมผล เพราะเขาไม่ใช่ผู้ฝักใฝ่ฝ่ายโวลเดอมอร์ พอตเตอร์รู้เรื่องนี้รึเปล่านะ? นี่เป็นอีกการสูญเสียหนึ่งของครอบครัวของเด็กชายผู้รอดชีวิตรึเปล่า? แปลกจัง

ขบวนความคิดของเดรโกถูกขัดจังหวะด้วยการมาเยือนของข้าวเช้า

"อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ นายท่านมัลฟอย" บิดดี้โอภาปราศรัยอย่างร่าเริง "นี่อาหารเช้าของนายท่านมัลฟอย และสารจากนายหญิงมัลฟอยเจ้าค่ะ" เอลฟ์ประจำบ้านผายมือยังม้วนกระดาษบนถาดอาหาร "นายท่านมัลฟอยต้องการอะไรอีกหรือไม่เจ้าคะ"

เดรโกส่ายหน้าแล้วโบกมือเป็นเชิงว่าให้หล่อนไปได้ บิดดี้โค้งหัวแล้วออกจากคุกไป เดรโกชายตามองพอตเตอร์ก่อนจะเอื้อมมือหยิบเอาจดหมาย

"เดรโก ถึงแม่จะต้องอ้างว่าไม่ทราบที่อยู่ของเธอ แต่ทางกระทรวงยังเล็งเห็นความไม่ชอบมาพากล และคาดว่าพวกเขาจะเข้าตรวจค้นคฤหาสน์วันพรุ่งนี้ พ่อของเธอจะมาคืนนี้ เธอจะต้องนำตัวนักโทษไปยังฐานปราการของจอมมารฝั่งทางเหนือ และต้องรับหน้าที่ดูแลนักโทษต่อที่นั่น จงให้รายการสิ่งที่จำเป็นต้องใช้กับบิดดี้ แม่จะมอบหมายให้เธอไปดูแลเรื่องนั้น เธอทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจไม่น้อย"

ไม่มีความอบอุ่น เป็นแค่ธุระ ก็ไม่แปลกอะไรเพราะนั่นเป็นวิถีของแม่เขา การที่เธอแสดงถึงความภูมิใจในตัวเดรโกเป็นเพียงคำชมเชยพอเป็นพิธีเท่านั้น เขาอาจจะไม่ได้เจอเธอก่อนจะออกไปกับพอตเตอร์ด้วยซ้ำ เดรโกสลัดความคิดทิ้งก่อนจะเหลือบมองของในมือ

คำสั่งให้เคลื่อนย้ายจากคฤหาสน์ก็ไม่แปลกอะไรเช่นกัน เดรโกรู้ว่ามันจะต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว ด้วยการที่พ่อของเขาไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์และเดรโกกับแฮร์รี่คือสองคนที่หายตัวไป แน่นอนว่าคฤหาสน์มัลฟอยจะต้องได้รับการตรวจค้น และเมื่อเป็นเช่นนั้น พอตเตอร์จะต้องถูกเคลื่อนย้าย กระนั้นก็ยังหมายมั่นไม่ได้ว่าเขาจะได้รับหน้าที่เฝ้าดูพอตเตอร์ต่อครั้นไปถึง แต่เขายังยินดีกับเหตุการณ์นี้ไม่น้อยทีเดียว เพราะนั่นหมายความว่าเขาจะได้รับการยอมรับในหมู่สาวกของจอมมาร และยิ่งสำคัญไปกว่านั้น เขาจะได้ถือโอกาสอันดีนี้คุยกับพอตเตอร์

เขาม้วนแผ่นกระดาษเก็บไว้แล้ววางไว้บนพื้น ชั่วเสี้ยววินาทีต่อมามันมอดไหม้ในเปลวเพลิง

แฮร์รี่ขึงตามองเขาด้วยความสงสัย

"ไม่มีหลักฐาน" เดรโกพยายามจะอธิบาย

พอตเตอร์ทำเพียงสนองไขด้วยการทำเสียงฮึดฮัดออกจมูก

"เอาล่ะ" เดรโกพึมพำกับตนเองขณะเอื้อมมือไปจัดแจงแบ่งอาหารเป็นสองจาน

"นายรู้ได้ยังไง" แฮร์รี่ถามเบาๆ

เดรโกเงยหน้าขึ้นมอง "รู้อะไร?"

"เรื่อง... ซิเรียส" น้ำเสียงเขาอ่อนแรงและคำสุดท้ายเกือบเหือดหายไป "มันไม่ใช่เรื่องที่ใคร ๆ จะรู้"

"ก็" เดรโกวางจานลง "ครอบครัวฉันมักรู้เรื่องวงใน อย่างที่นายรู้ อีกอย่างถึงแม้ว่าเขาจะถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศ เขาก็ยังเป็นญาติห่าง ๆ ของแม่ฉัน"

"ญาติห่าง ๆ" แฮร์รี่พ่นลมอย่างเคือง ๆ "พวกเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องลำดับต้น ๆ ไม่ได้ห่างสักนิด ถึงฉันจะคิดว่าเขาควรจะได้อยู่ในครอบครัวที่ดีกว่าก็เถอะ เมื่อคิดว่าเขามีความเกี่ยวพันธ์กับนาย"

"กับฉันเหรอ?"

"อย่าโง่ไปหน่อยเลย ถ้าเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของแม่นาย นั่นก็แสดงว่าเขาเป็นญาติกับนายด้วย ไม่รู้เหรอ"

"คงงั้นมั้ง ฉันไม่เคยเก็บเอามาคิด"

"แน่นอนนายไม่เคยเก็บเอามาคิด" แฮร์รี่กล่าวอย่างเย็นชา

"เขาเป็นผู้ทรยศทางสายเลือด นั่นจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร" เดรโกไม่ชอบเลยที่ตนคลางแคลงว่าการสนทนานี้จะนำพาไปสู่จุดไหน มีความเป็นไปได้ในหลาย ๆ ด้าน และไม่มีด้านใดที่น่าเริงใจเลยสักนิด

"ฉันน่าจะรู้ดีว่าจะได้รับความคิดแบบนั้นจากนาย" แฮร์รี่กอดอก "สำหรับคนอย่างนาย ครอบครัวก็เป็นแค่สิ่งที่นายจะทอดทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้เมื่อเห็นว่ามันเป็นปัญหา หรือสร้างมลทินให้แก่ภาพพจน์งี่เง่าของนาย"

แน่ล่ะ ความคิดที่ว่านั้นแฮร์รี่คุ้นเคยดี จากการที่เขาถูกบอกมาทั้งชีวิตว่าเขาไม่ใช่สิ่งใดนอกเหนือไปจากเสี้ยนหนามก่อความรำคาญ เป็นภาระของลุงกับป้า เขามันไร้ค่าและควรถูกผลักไสไปตั้งแต่วันที่เขาถูกเอามาวางไว้ที่หน้าประตูบ้านแล้ว ควรหายไปจากโลกและถูกทอดทิ้ง แต่ตอนนี้แฮร์รี่สามารถลืมความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่เมื่อนึกได้ว่าครอบครัวไม่ได้ห่วงใยเขาเลยได้แล้ว เขาโตมากับมัน หากแต่ มัลฟอยเปล่า

เดรโกนั่งแข็งเป็นหินอยู่ตรงนั้น แต่รู้สึกขวัญหนีอยู่ภายใน "มันไม่ใช่อย่างนั้น"

"ไม่ มัลฟอย มันเป็นอย่างนั้นแหละ ถ้านายไม่ได้ถูกล้างสมองอย่างที่ฉันคิดไว้ นายจะเข้าใจดี"

"เขาเป็นคนทรยศ" เขาทวนอย่างละล้าละลัง แต่ภายในใจแล้ว เขารู้ว่าแฮร์รี่พูดถูกทุกถ้อยคำ เกียรติของวงศ์ตระกูลเป็นสิ่งที่ผู้ใช้นามสกุลนั้นต้องแบกรับ มันเป็นอย่างนั้นมาโดยตลอด แต่แล้วเมื่อแฮร์รี่พูดมันออกมา มันพลิกมิติใหม่ในจิตใจของเดรโกไปโดยสิ้นเชิง

"เขามีความคิดเป็นของตนเอง มัลฟอย ปัญหาส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเป็นการที่เขาเห็นแก่ผู้อื่น ที่ทำให้เขากลายเป็นตัวปัญหา เป็นจุดด่างพร้อย และจากนั้นครอบครัวของเขาเองก็เลยเห็นสมควรที่จะลบชื่อเขาออกไปจากแผนผังเครือญาติ คนอย่างนายทำกันแบบนั้น ใช่รึเปล่ามัลฟอย พวกเขาทอดทิ้งญาติพี่น้องเมื่อเห็นว่าเขาต่างออกไป"

เดรโกรู้สึกได้ว่าลำคอของตนแห้งผาก เขาเอนหลังกลับช้า ๆ พลางครุ่นคิด แน่นอนบุคคลที่นำความอัปยศมาสู่ตระกูลย่อมถูกผลักไส เพราะคนเหล่านั้นไม่ได้มีค่าพอต่อผลประโยชน์ของนามสกุล เดรโกพยายามไล่ความคิดทิ้ง แต่มันกลับพวยพุ่งขึ้นมาในอก เขาพยายามวางเฉยต่อสิ่งต่าง ๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้จนสมองเขาไม่สามารถลืมอะไรได้อีกแล้ว

เวลาแห่งการทดสอบของเขากำลังคืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ เขารู้สึกได้ หากเขาลังเล หากเขาทำพลาด หากเขาล้มเหลว เขาจะถูกสลัดทิ้งไหม? จะหมดค่าต่อวงศ์ตระกูลรึเปล่า? ไม่... พ่อเขาคงไม่ทำอย่างนั้น... ใช่ไหม? อีกอย่าง เขาเป็นมัลฟอยตัวจริงนี่ เขาจะไม่มีทางลังเล ไม่มีทางทำพลาดเด็ดขาด

เขาตะเพิดความคิดนั้นออกไปอย่างใจเด็ดก่อนจะตอบไป "นายไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการรักษาเกียรติของสายเลือด พอตเตอร์ คนบางคนไม่ได้ปฏิบัติตัวให้สมกับนามสกุลที่เขามี ไม่ได้มีชีวิตยึดตามชื่อ แต่ฉันมี ครอบครัวฉันมี การรักษาสกุลเป็นหน้าที่"

แฮร์รี่หรี่ตามองเดรโกและส่งรอยยิ้มชั่วร้ายบาง ๆ ไปให้ "ภูมิใจที่ได้เป็นมัลฟอยงั้นเหรอ?"

เดรโกชันคางขึ้น "แน่นอนที่สุด นามสกุลฉันเป็นมรดกที่น่าภาคภูมิ มันมีความหมายในตัวของมัน"

"แล้วคำว่ามัลฟอยนี่หมายความว่าอะไรล่ะ" เขามองอย่างมุ่งร้าย

"ธรรมเนียมพ่อมดอันสูงค่า เลือดบริสุทธิ์ เกียรติยศ..."

"ธรรมเนียมเหรอ" แฮร์รี่พูดแทรกพร้อมแสยะยิ้ม "จะมีธรรมเนียมครอบครัวไปทำไมกัน หากว่าครอบครัวไม่สำคัญอะไรแล้ว"

เดรโกไม่อยากได้ยินคำ ๆ นั้น ไม่เลยสักนิด เขายอกกลับ "สำคัญสิ!แต่มันไม่ได้หมายความว่าเราจำไม่เป็นต้องทำตัวให้สมกับสกุลแล้วสักหน่อย"

"อา เข้าใจล่ะ" แฮร์รี่พยักหน้าช้า ๆ ประหนึ่งว่ากำลังไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน "งั้นก็แสดงว่าซิเรียสไม่ได้ทำตัวให้สมกับสกุลด้วยมาตรฐานของนายสินะ เขาเลยไม่มีประโยชน์ สำหรับใครที่ไม่ใช่สลิธีรินผู้ถืออย่างเลือดบริสุทธิ์โอหัง ชิงชังมักเกิ้ล สรรเสริญโวลเดอมอร์ คนนั้นก็จะไม่มีค่าอะไรเลยใช่ไหม?"

"นายมันก็แค่กริฟฟินดอร์ดี ๆ นี่เอง พอตเตอร์ ทำตัวโอบอ้อมอารี ปกป้องทุกคน"

"อ้อ งั้นฉันคิดว่าการเป็นสลิธีรินก็คือการไม่เห็นแก่ใครเลยนอกจากตนเองสินะ"

"อะไรทำนองนั้น" เดรโกตอบแห้ง ๆ "และนายก็คือกริฟฟินดอร์ ฉันไม่ได้คาดหวังให้นายเข้าใจความหมายของการปกป้องนามสกุลของตนเองหรอก"

แฮร์รี่ตัวแข็งทื่อ เรื่องชวนหัวก็คือเขาเข้าใจ เขาไม่ชอบวิถีครอบครัวอย่างมัลฟอย และเขาจะไม่ยอมมีส่วนร่วมกับอะไรอย่างนั้น แต่เขาเข้าใจสิ่งที่มัลฟอยพูดออกมาทั้งหมด เขาก็มีความภาคภูมิใจในนามสกุลของตนเองเหมือนกัน เขาปกป้องมัน... และเขาก็ยังรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ว่าสกุลพอตเตอร์ใช่จะประเสริฐศรีอะไร เมื่อนึกย้อนกลับไปในสิ่งที่เขารู้เพียงน้อยนิดเกี่ยวครอบครัวของตนเอง เขายังจดจำความรู้สึกตอนที่เข้าไปในความทรงจำของสเนปได้ดี พอนึกถึงสิ่งที่พ่อของเขาและซิเรียสทำลงไป เขาแทบจะละอายกับการกระทำของพวกเขา จนคิดว่าที่สเนปจงเกลียดจงชังชื่อพอตเตอร์นั้นเป็นเพราะการกระทำของพ่อเขา การกระทำที่เหมือนกับสลิธีริน เขากระพริบตาแล้วกลืนน้ำลายลงคอ "เกือบจะไม่ใช่" เขากระซิบ

"นายพูดอะไรของนาย พอตเตอร์"

"กริฟฟินดอร์ ฉันเกือบจะไม่ใช่กริฟฟินดอร์" เขาคอตกราวกับกระดากใจกับตนเอง

เดรโกอ้าปากค้างด้วยความตกใจ แล้วจากนั้นโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อสังเกตดูแฮร์รี่ใกล้ ๆ "นายเอาอะไรมาพูดว่านายจะไม่ได้อยู่บ้านของตนเอง หมวกคัดสรรจะคัดคนเข้าบ้านโดยยึดตามสิ่งเขามีหรือไม่มีอยู่ในหัว"

"ฉันเกือบถูกคัดให้ไปอยู่บ้านอื่น และฉันได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับบ้านหลังนั้น ฉันเลยไม่อยากจะเข้าไม่ยุ่งกับมัน"

"พอตเตอร์ อย่าบอกนะว่านายกำลังจะบอกสิ่งที่นายกำลังจะบอกกับฉัน"

แฮร์รี่พยักหน้า น้ำเสียงของเขาฟังดูห่างไกลราวกับกำลังดึงเอาถ้อยคำมาจากส่วนลึกของความทรงจำ ซึ่งเขากำลังทำอยู่ "เธอจะยิ่งใหญ่มากนะ รู้หรือเปล่า มันอยู่ในหัวเธอแล้วทั้งนั้น แล้วบ้านสลิธีรินก็จะพาเธอไปสู่ความยิ่งใหญ่ด้วย" เขาปรารภ "หมวกคัดสรรบอกกับฉันอย่างนั้น"

"แล้วนายไปอยู่กริฟฟินดอร์ได้ยังไง?"

"ฉันบอกมันว่าไม่เอาสลิธีริน"

"ทำไม?" น้ำเสียงเดรโกเต็มไปด้วยความสงสัยและความไม่อยากเชื่อระคนกัน

"สองเหตุผล ฉันว่านะ" แฮร์รี่ถอนใจใหญ่แล้วกอดเข่าตนเอง พลางทอดสายตามองพื้น "ข้อแรก ฉันได้ยินมาว่าไม่มีพ่อชั่วร้ายคนไหนไม่ได้อยู่บ้านสลิธีริน และข้อสอง" เขาเงยหน้าขึ้นจ้องตากับเดรโก "นายถูกคัดไปอยู่บ้านนั้นก่อนแล้ว"

เดรโกสบตาแฮร์รี่กลับไปอย่างประหลาดใจ ไม่มีเหตุผลที่พอตเตอร์จะโกหก เขาดูละอายกับทัศนคติของตนที่มีต่อการเป็นสลิธีรินจริง ๆ ความจริงที่ว่าเดรโกเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้แฮร์รี่บอกปัดบ้านสลิธีรินยิ่งทำให้ความคิดนั้นเป็นที่น่าขุ่นเคืองใจ และในเวลาเดียวกัน ความคิดที่ว่าพวกเขาจะได้อยู่บ้านเดียวกัน มันช่าง... ช่าง...

หมวกคัดสรรไม่ได้โกหก มันรู้ มันรู้สิ่งที่อยู่ในหัวของทุกคน สิ่งที่พวกเขาไม่แม้แต่จะรู้เกี่ยวกับตนเอง และด้วยเหตุผลบางประการ มันคิดว่าแฮร์รี่เหมาะที่จะอยู่สลิธีริน... กับเดรโก มันไม่ใช่ความคิดที่น่ายินดีนัก แต่มันช่วยตอบคำถามที่แย้งอยู่ในใจของเดโก เขาและพอตเตอร์ไม่ได้ต่างกันเสียทั้งหมด ไม่เชิงว่าต่าง ตอนนี้เขาได้คำตอบนั้นมาแล้ว แต่เขายังไม่แน่แก่ใจเลยว่าเขาชอบมันหรือไม่ อย่างไรก็ตาม นัยประหวัดเช่นนั้นไม่อาจปฏิเสธได้

เดรโกปรายตามองแฮร์รี่ พยายามมองหาบางสิ่งในตัวเด็กชายที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน หรืออย่างน้อย เขาไม่ยอมเปิดโอกาสให้ตนเองได้เห็น พอตเตอร์มีความเท่าเทียมกัน เขาจะไม่มีทางยอมรับออกมาดัง ๆ แน่ล่ะ แต่เขารู้ดี แถมสิ่งนั้นยังยัดเยียดไพ่ใบหนึ่งให้เขา ซึ่งเขาพบว่าตนเองเล่นมันบ่อยครั้งเหลือเกินในช่วงสองสามวันมานี้ นั่นคือความเคารพ

ในสมองส่วนหนึ่งของเดรโก อีกนัยหนึ่งของคำพูดแฮร์รี่กำลังเริ่มก้องกังวานอย่างอาหลักอาเหลื่อ เขาเป็นคนทำให้แฮร์รี่เดียดฉันท์สลิธีรินก่อนที่อีกฝ่ายจะได้รับการคัดเลือกเสียอีก... และนั่นกวนใจเขา เขาไม่ใช่คนยโสขนาดนั้นสักหน่อย ใช่ไหม? "นายแทบจะไม่รู้จักฉัน และนายก็ตัดสินใจจะเกลียดฉันแล้ว นั่นไม่ใช่การตัดสินใจที่เร็วไปหน่อยเหรอ?"

แฮร์รี่มุ่ยปาก "ครั้งแรกที่ฉันเจอนาย นายเอาแต่พูดจาเหยียดหยามแฮกริด และพล่ามว่าพวกที่ไม่ใช่สายเลือดบริสุทธิ์ไม่ควรมีชีวิตอยู่อย่างโน้น ไม่ควรให้มาเรียนอย่างนี้ นายคุยโวว่าตนเองจะได้เป็นผู้เล่นในทีมควิดดิช แล้วตบท้ายด้วยการถามนามสกุลฉันราวกับว่ามันเป็นตัวตัดสินทุกอย่างที่ควรจะรู้เกี่ยวกับฉัน"

"นั่น... นั่นที่ร้านมาดามมัลกิ้นนี่ นาย... จำได้ด้วยเหรอ"

"เห็นไหมว่าความจำฉันไม่ได้สั้นอย่างที่นายคิด"

"ไม่หรอก" เดรโกผงกศีรษะช้า ๆ "เพราะฉันก็จำได้เหมือนกัน"

ความเงียบที่ตามมานั้นคือการยอมรับถึงสิ่งที่พวกเขาต่างรู้ดีที่ไม่ได้เอ่ยออกไป ต่างคนต่างแต่งตั้งให้อีกฝ่ายเป็นศัตรูคู่ปรับมานับตั้งแต่ต้น ไม่มีใครยียวนกวนประสาทเดรโกได้อย่างแฮร์รี่ ไม่มีใครทำให้เลือดแฮร์รี่เดือดพล่านได้อย่างเดรโก พวกเขาเป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่แรกเริ่ม เป็นเงาสะท้อนของกันและกัน เหมือนขมิ้นกับปูน

อนึ่งเดรโกตระหนักว่าหากเขาขาดสิ่งนั้นไป เขาคงจะคิดถึงมันแย่ เฉกเช่นว่าบางส่วนในชีวิตเขาจะอันตรธานหายไปกันมันด้วย ด้วยการที่ตนชิงดีชิงเด่นกับพอตเตอร์มานานหนักหนา เขาพลันรู้สึกว่าตนหายใจติดขัดเมื่อสำเหนียกได้ว่าเขากำลังจะเสียคู่แข่งของตนไปจริง ๆ แฮร์รี่กำลังจะตายด้วยน้ำมือของจอมมารในไม่ช้า เดรโกย้ำเตือนตนเองว่ามันคือชัยชนะของเขา เขาควรจะสำราญไปกับมัน ทว่าตอนนี้เขาไม่แน่ใจแล้ว

นี่มันบ้าที่สุด เขาได้ชัยชนะนั้นมาแล้ว มันคือสิ่งที่เขาต้องการมาโดยตลอด ตั้งแต่วันที่เขายื่นมือไปให้พอตเตอร์ แต่กลับถูกดูแคลนอย่างไม่ไยดี

ดูแคลน ใช่แล้ว บางทีพอตเตอร์อาจจะมีความเป็นสลิธีรินอยู่มากว่าที่เขาต้องการจะยอมรับก็ได้ ณ เวลานั้น แฮร์รี่ได้ดุลตาชั่งแห่งการเป็นปฏิปักษ์ของพวกเขาไว้เหลือนับอนันต์ แต่บัดนี้คันชั่งที่เสถียรกลเกมแห่งอำนาจของพวกเขานั้นเอนเอียงเสียแล้ว และเมื่อหวนรำลึกถึงครั้งก่อน เดรโกเข้าใจแจ้งว่าพวกเขานั้นสมดุลกันเพียงใด พวกเขาช่างเป็นคู่ปรปักษ์ที่ควรค่าแก่กันเสียนี่กระไร

แต่แท้จริงแล้วเดรโกไม่ได้เป็นคนคุมการประลองครั้งนี้ เขาไม่ได้ชนะ แต่มันคือชัยชนะของโวลเดอมอร์ต่างหาก ขณะที่เดรโกยังคงกระเสือกกระสนกับการแข่งขันอันไม่ประสีประสาตนเอง แฮร์รี่เป็นเหมือนคิงที่สะเพร่าถูกกินเสียก่อนจะได้รุกฆาต ในระหว่างที่โวลเดอมอร์นั้นถือหมากที่มีพลังมากมาย และเดรโกเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่งที่ใช้ต้อนแฮร์รี่ให้จนมุมเท่านั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น มันรู้สึกผิดแผกที่ต้องเห็นมันจบแบบนี้ มีบางอย่างขาดหายไป... มันรู้สึกโหวงเหวงชอบกล

เดรโกทอดถอนใจ พลางเบนสายตาลงมองถาดอาหารเช้า แล้วเอ่ยปากถามอย่างใจไม่อยู่กับตัว "ชาไหม?"

"ฉันบอกนายแล้ว" แฮร์รี่สนองตอบอย่างแผ่วเบา "ฉันไม่ชอบ –"

"– ชาที่ไม่ใส่น้ำตาล" เดรโกจบประโยคให้เขา "นายบอกฉันแล้ว แค่ถามเป็นมารยาท"

"ทำไมนายไม่ดื่มซะเองล่ะ"

เดรโกระบายยิ้มน้อย ๆ ขณะสบตากับแฮร์รี่ "เพราะฉันก็ไม่ชอบชาที่ไม่ใส่น้ำตาลเหมือนกันน่ะสิ"

แฮร์รี่มองตอบเดรโกด้วยความกังขาอยู่ไม่น้อย แต่ในที่สุดก็กระหยิ่มยิ้มย่องให้อีกฝ่ายปนขบขัน "นายบอกบิดดี้ให้เอาน้ำตาลมาให้ได้นะ รู้หรือเปล่า"

"ทำไมฉันคิดไม่ถึงล่ะนั่น" เดรโกค่อนแคะ

แฮร์รี่ยืดตัวขึ้น "มัวแต่ต่อปากต่อคำกับฉันอยู่มั้ง"

"ถ้าไม่ทำแบบนั้น จะให้ทำอะไรล่ะ" เดรโกส่งยิ้มเจ้าเล่ห์

"ก็..." แฮร์รี่ปรารมภ์ในความคิด

"ไม่ต้องตอบ" เดรโกรินน้ำฟักทองใส่แก้ว "มาร์มาเลดหรือเบอร์รี่"

"มาร์มาเลด" แฮร์รี่กล่าวง่าย ๆ

"ลองเลิกต่อล้อต่อเถียงกันหน่อยเอาไหม" ความอยากรู้เร้นอยู่ในน้ำเสียงของเขา

แฮร์รี่ไขว้แขนกอดอก พลางเอนกายไปข้างหลังเล็กน้อย "ไหงงั้นล่ะ"

เดรโกรู้สึกมีความหวังอย่างไม่สามารถอธิบายได้ บางทีพอตเตอร์อาจจะยอมลดราวาศอกลงแล้ว ความคิดที่ว่านั้นช่างน่าพิสมัยอยู่ไม่น้อย "เริ่มเชื่อใจฉันแล้วหรือไง พอตเตอร์" เขาถาม

"ไม่ และฉันก็ไม่ชอบนายด้วย"

ถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในสีหน้าท่าทางของแฮร์รี่มากนัก แต่สิ่งที่แฝงอยู่ในถ้อยคำเหล่านั้นทำให้ช่องท้องของเดรโกบิดเป็นเกลียว "พอตเตอร์ ฉันคิดว่าฉันทำตัวดีกับนายที่สุดเท่าที่ทำได้แล้วนะในสถานการณ์แบบนี้"

"งั้นนายก็คงคิดผิด นายจะส่งฉันไปตายในมือของโวลเดอมอร์ และนายคงคิดว่าฉันลืมไปแล้วล่ะมั้ง แต่รู้เอาไว้ซะด้วยนะ ทุกครั้งที่ฉันมองหน้านายผ่านลูกกรงนี่ ฉันยังจำได้เสมอว่านายเป็นคนจับฉันมา"

"โธ่เอ๊ย พอตเตอร์! ฉันแค่ทำหน้าที่ของฉัน!" เดรโกโผงผางออกไปโดยไม่ได้คำนึงถึงความหมายที่อยู่ในคำพูดเหล่านั้น "ใช่ว่าฉันจะมีทางเลือกมากนัก!มันเป็นงานของจอมมาร ไม่ใช่ความรับผิดชอบของฉัน ฉันจะไม่ได้ฆ่าใครที่นี่ทั้งนั้น!"

น้ำเสียงแข็งกร้าวของแฮร์รี่ช่างต่างเหลือเกินกับคำสบถของเดรโกเมื่อครู่ "นายคิดว่ามันไม่ใช่ความรับผิดชอบของนายจริง ๆ เหรอ? โตได้แล้ว และเลิกเข้าข้างตัวเองซะมัลฟอย ฉันเป็นเหมือนลูกไก่ในกำมือนายแล้ว จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด นั่นเป็นสิ่งที่นายเก็บไว้ในความรู้สำนึกของนายมาทั้งชีวิต ถ้าหากว่านายพอจะมีสำนึกอยู่บ้างน่ะนะ ซึ่งฉันไม่คิดอย่างนั้น"

เดรโกก้มมองมือของตนเองแล้วรีบหันหนี เขากำหมัดและขบกรามแน่น

"นายพะวงแต่กับเกียรติของตระกูล" แฮร์รี่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "นายเก่งเรื่องนั้นอยู่แล้วนี่ แต่ฉันมีปัญหาใหญ่กว่ามาก เพราะถ้าฉันตายด้วยน้ำมือโวลเดอมอร์เมื่อไหร่ ทุกคนที่ฉันห่วงใยก็จะตามมาเป็นรายต่อไป คนที่ยังไม่ถูกฆ่านั่นแหละ ฉันสึกรู้ว่าฉันรับผิดชอบต่อความตายมามากพอแล้ว แต่ครั้งนี้นายเป็นคนเริ่มมัน นายเป็นต้นเหตุ ตั้งแต่นาทีที่นายแทงมาที่ไหล่ฉัน นายรับเอาหน้าที่รับผิดชอบต่อความตายที่ไม่ใช่แค่ของฉัน แต่ของพวกเขาด้วยเช่นกัน ฉันหวังว่านายจะภูมิใจกับตนเองนะ"

แฮร์รี่เงียบไปแล้วทอดสายตามองพื้น แต่ไม่ได้จมดิ่งในภวังค์

เดรโกกัดลิ้นตนเอง เขาไม่ได้ฆ่าใครทั้งนั้น ไม่ใช่เขา แน่ล่ะว่าสักวันหนึ่งครั้นได้เป็นผู้เสพความตายแล้ว เขาอาจจะได้พรากชีวิตพวกมักเกิ้ลและเลือดสีโคลนไปบ้าง แต่เขาก็ไม่เคยเอามาคิดเป็นล่ำเป็นสัน มันเป็นสิ่งที่อยู่ในอนาคตอันไกล และใช่ว่าจะเป็นจริง แต่นี่มันคือเลือดในกำมือของเขา... มือของเขาเอง ใบมีด ที่จวกแทง วางยา คร่าชีวิต มันอยู่ที่นี่ มันคือตอนนี้

แฮร์รี่ทำลายความเงียบขึ้นในที่สุด "แต่นายก็พูดถูกอยู่อย่างหนึ่ง การอดอาหารไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น" น้ำเสียงของเขาแสนจะธรรมดา แต่เดรโกยังคงรู้สึกถึงความเดือดดาลและความเข่นเขี้ยวซ่อนอยู่ในนั้น

เมื่อเรื่องราวดูเหมือนจะเริ่มบรรเทาเบาบาง... เดรโกหลับตาลง เขาไม่อาจทนมองแฮร์รี่ได้ในตอนนั้น เขาอาจจะช่วยอีกฝ่ายให้พ้นจากความตายได้เมื่อโวลเดอมอร์ใช้ประโยชน์จากเขาแล้ว แต่เดรโกเป็นคนจับตัวเขามาตั้งแต่แรก เขาไม่อยากจะยอมรับมันแต่เขาไม่มีทางเลือก พอตเตอร์พูดถูก เขากำลังจะตายด้วยน้ำมือโวลเดอมอร์ และเดรโกคือคนที่ถือเส้นเชือกแห่งความตายนั้น

แต่พับผ่าเถอะ เขากำลังคิดอะไรอยู่? มันเป็นแค่หน้าที่! เขา เดรโก มัลฟอย เพียงแต่ทำหน้าที่ของเขา พอตเตอร์มาว่าเขาได้ยังไงกัน? เมื่อใหร่ที่เรื่องนี้จบลง ความกังขาก็จะหายไป ชะตาที่ผูกติดกับธรรมเนียมของเขาจะกลับมาแจ่มแจ้งอีกครั้ง และเขาจะสามารถเดิมตามเส้นทางนั้นด้วยสำนึกที่กระจ่างชัด ใช่ เขามีสำนึก แต่มันเป็นสำนึกของมัลฟอย เขายังคงเป็นมัลฟอย มัลฟอยที่องอาจภาคภูมิ

หากแต่ว่า มันไม่ใช่มัลฟอยที่อยู่ในตัวเขา เมื่อได้ยินตนเองเอ่ยไปว่า "ฉันขอโทษ"

"ไม่ นายเปล่า" คำตอบของแฮร์รี่ไม่ได้ฉายแววแข็งกร้าวหรือเคืองขุ่น เป็นเพียงถ้อยแถลงถึงความเป็นจริง แต่กระนั้น มันยิ่งทำให้แย่ลง

"ฉันพูดอย่างนั้นไม่ใช่หรือไง"

"ไม่เคยได้ยินสำนวนที่ว่า 'ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ' เหรอมัลฟอย? นายไม่ได้รู้สึกขอโทษ และฉันไม่คิดว่านายจะขอโทษใครเป็นด้วย"

"นายยังต้องการอะไรอีกพอตเตอร์" เดรโกแสดงอาการกระฟัดกระเฟียด

"เห็น ๆ อยู่ นายทำไม่ได้ และไม่มีวันทำได้เพราะหัวของนายมันสำคัญกว่าของใครอื่น"

เดรโกกลืนน้ำลายลงคออันแห้งผากของเขาและพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะแสยะรอยยิ้มเย้ยหยัน "อ้อ แล้วฉันควรเห็นหัวของนายสำคัญกว่าของฉันงั้นสิ?"

"ไม่ใช่แค่ของฉัน เจ้าบื้อ แต่เป็นของทุก ๆ คน! เมื่อฮอกวอตส์ถูกทำลาย และจะเป็นอย่างนั้นถ้าโวอเดอมอร์ได้ใบเบิกทาง คิดบ้างไหมว่าเพื่อนนายจะถูกเอาชีวิตไปสักกี่คน? หรือนายไม่เคยมีเพื่อนจริง ๆ เลยสักคน? พวกเขาเป็นคนที่นายหลอกใช้ในแบบของมัลฟอยอย่างนั้นหรือ? พวกเขาไม่ได้มีความหมายอะไรกับนายเลยใช่ไหม มัลฟอย?"

ภายในใจของเดรโกเกิดวาบเป็นมโนภาพของเพื่อนร่วมบ้านของตน แน่ล่ะพวกเขาเป็นสหายในโรงเรียนของเขา แต่ใช่เพื่อนจริง ๆ ไหม? เขาโตมาพร้อมกับแครบและกอยล์ และรู้จักกับเพื่อนร่วมบ้านของเขาสองสามคนตั้งแต่ครั้งยังเด็ก แต่เขาสนิทกับคนเหล่านั้นมากน้อยขนาดไหน? ถึงขั้นที่เรียกว่ารู้ใจได้หรือเปล่า? ความใกล้ชิดไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความทัดเทียมสำหรับคนรู้จัก แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้อยากให้พวกเขาตาย ความเป็นไปได้ที่ว่าพวกเขากำลังจะตกอยู่ในอันตรายไม่เคยผุดขึ้นมาในใจเขา แต่แล้วตอนนี้ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

แฮร์รี่ประเมินสีหน้าแสยงของเดรโกด้วยความพึงพอใจ "แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรหรอก นายมันตาขาวเกินกว่าจะเอาตัวเองไปเสี่ยงเพื่อพวกเขา แม้ว่านายจะเป็นห่วงพวกเขาอยู่ก็เถอะ และนายคงจะพอใจเป็นอย่างมากที่ได้เห็นฉันตาย ฉันว่ามันคงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของนายล่ะมั้ง นายไม่ได้พิสูจน์ตนเองว่านายขอโทษ ถึงแม้ว่านายจะรู้สึกอย่างนั้น นายก็ทำไม่ได้"

เดรโกลองจับจ้องเข้าไปในตาของแฮร์รี่อีกครั้ง สายตาคู่นั้นช่างยากแท้จะหยั่งถึง มันกำลังแคะไค้เขา ท้าทายเขา ไขความแก่เขาได้ทะลุปรุโปร่งเสียยิ่งกว่าหลายล้านถ้อยคำที่จะมาอธิบายว่าเขานั้นขลาดเขลาเพียงใด ทว่าครั้งนี้ มันกำลังค้นหาเขาด้วยเช่นกัน มันแสนยากที่จะเข้าใจ แต่เดรโกรู้จักใบหน้าของแฮร์รี่ดีเกือบจะเท่าของตน และเขามองออก คิ้วของพอตเตอร์ขอดมุ่นบาง ๆ และริมฝีปากของเขาถูกเม้มแน่นเกินที่มันควรจะเป็น ภายใต้ดวงหน้าอันแข็งขืนของอีกฝ่ายนั้น เดรโกยังมองเห็นว่าแฮร์รี่กำลังอ้อนวอนเขา หวังลึก ๆ ให้เดรโกรับว่าตนผิด ด้วยเหตุใดไม่อาจทราบ เดรโกต้องการที่จะพิสูจน์ว่าเขาขอโทษจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกลเกมจิตใจหรือไม่ เดรโกปรารถนาให้ตนทำได้... แต่ไม่

เขาละสายตา "นายพูดถูก ฉันไม่มีวันเป็นในสิ่งที่ฉันไม่ได้เป็นได้ พอตเตอร์ ฉะนั้นอย่าพยายามหลอกตัวเองเลย"

"ฉันไม่ได้หลอกใคร มัลฟอย ฉันรู้ว่านายทำไม่ได้" เขากล่าวเรียบ ๆ ครั้งนี้เดรโกไม่กล้าแม้แต่จะพิศดูนัยน์ตาแฮร์รี่เพื่อดูว่าอีกฝ่ายรู้สึกเช่นไร เดรโกไม่แน่ใจว่าตนสัมผัสได้ถึงความผิดหวังในน้ำเสียงนั้นหรือเปล่า

แฮร์รี่ว่าต่อ "แต่นายต่างหากอย่าหลอกตนเองโดยคิดว่ามันเป็นธรรมเนียมของมัลฟอยอันสูงเกียรติของนาย เส้นทางที่นายเลือกทำให้นายเป็นสิ่งที่นายกำลังเป็นอยู่" เขากลั้วหัวเราะอย่างขมขื่น "นายบอกว่ามันไม่ใช่ทางเลือกของนาย เหลวไหลสิ้นดี มัลฟอย นายตัดสินใจจะเป็นสิ่งที่นายเป็น ฉันเลือกที่จะไม่เป็นสลิธีริน แต่สำหรับนายแล้ว สลิธีรินเป็นสิ่งที่นายปรารถนามาโดยตลอด นั่นคือทางเลือกของนาย ฉันเลือกเส้นทางที่ฉันต้องการ ว่าจะอยู่หรือตาย ทางเลือกของนาย... ล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับตัวนายเอง"

เดรโกหลับตาลงต้านกับกระแสความรู้สึกที่ท่วมท้นขึ้นมา แน่นอนว่าเขาต้องการจะเป็นสลิธีริน บ้านที่สูงศักดิ์กว่าบ้านไหน ๆ สายเลือดบริสุทธิ์ ความมั่งคั่ง พลังอำนาจ ไม่มีที่ใดที่คู่ควรกับเขาไปมากกว่านี้อีกแล้ว ไม่มี ความคิดที่ว่าเขาจะได้ไปอยู่บ้านอื่นไม่เคยปรากฏขึ้นมาในหัว เช่นเดียวกับชะตาของเขาที่จะต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมของครอบครัวไม่เคยเกิดขึ้นเป็นคำถาม ไม่มีทางเลือกอื่นใดอุบัติขึ้นในใจ ความเป็นไปได้ที่ว่านั้นไม่เป็นที่น่ายินดี

เขาตะโกนเรียกโดยไม่ได้ลืมตา "บิดดี้"

เอลฟ์ประจำบ้านปรากฏตัวขึ้นพร้อมเสียงดีดนิ้ว "นายท่านมัลฟอย มีอะไรให้บิดดี้รับใช้หรือเจ้าคะ"

"บิดดี้ เอาน้ำตาลกับช้อนเสริมมาให้ฉันหน่อย"

"เจ้าค่ะนายท่านมัลฟอย"

ทั้งคู่รออยู่ด้วยความเงียบจนกระทั่งบิดดี้กลับมา "นายท่านมัลฟอยต้องการอะไรอีกหรือไม่เจ้าคะ"

เดรโกพิจารณาชั่วครู่ "มีอย่างหนึ่ง ไปเตรียมกระเป๋าให้ฉัน เอาผ้าคลุมกับเสื้อคลุมอย่างหนา และอย่างบางด้วยอีกสองสามชุด แล้วก็เครื่องใช้ส่วนตัวของฉัน ฉันจะเรียกให้จัดเตรียมสิ่งที่ฉันต้องการเพิ่มอีกทีหลัง แต่ต้องจัดการทั้งหมดให้เสร็จภายในคืนนี้"

บิดดี้โค้งหัวอย่างว่าง่าย "เจ้าค่ะนายท่านมัลฟอย"

"ไปได้ ขอบคุณ"

บิดดี้หายตัวไปโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้น

เดรโกถามโดยไม่ได้หันไปมองแฮร์รี่ "ช้อนเดียวหรือสอง"

แฮร์รี่ลังเล มัลฟอยกำลังบ่ายเบี่ยงประเด็นเมื่อครู่ ซึ่งหมายความได้อย่างเดียวว่าอีกฝ่ายกำลังตรึกคิดถึงสิ่งที่เขาพูด มันอาจจะดูเหมือนการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำที่จะฝากความหวังไว้กับคนอย่าง เดรโก มัลฟอย โดยการประโลมโลกผิดชอบชั่วดี แต่ ณ เวลานี้ มันเป็นเพียงยุทโธปกรณ์เดียวที่เขามี และมันก็มีประสิทธิภาพมากเสียด้วยเมื่อตัดสินจากสิ่งที่เห็น เดรโกขะมักเขม้นอยู่กับกระปุกน้ำตาล พยายามใส่ใจกับน้ำชา แต่อีกเบาะแสหนึ่งที่แฮร์รี่สังเกตได้จากท่าทางของชายหนุ่ม มันกู่ร้องว่าอีกฝ่ายกำลังต่อสู้กับตนเองในใจ ตอนนี้แฮร์รี่ทำได้เพียงสงสัยว่าฝ่ายใดจะชนะศึกครั้งนี้ ในระหว่างนั้น ชาก็เริ่มหอมกรุ่นขึ้นมาแล้ว "สอง"

เดรโกรินน้ำชาใส่ถ้วยของตนเองและของแฮร์รี่ แล้วตักน้ำตาลสองช้อนพูนลงในแต่ละถ้วย เขายกชาถ้วยหนึ่งพร้อมจานอาหารเช้าไปยังช่องของลูกกรงเหล็ก แล้วรอให้แฮร์รี่มารับไป

แฮร์รี่ผจงลุกขึ้นยืนก่อนจะเยื้องย่างอย่างช้า ๆ และระมัดระวังไปยังตรงที่มัลฟอยรอเขาอยู่ ขณะที่เขาเอื้อมมือไปหยิบจาน เขาได้สำรวจดูใบหน้าของเดรโกเพื่อหาวี่แวว เค้าเงื่อน และสัญญาณที่บ่งบอกว่าสิ่งที่เขาพูดไปนั้นแทรกซึมเข้าไปในใจของคนตรงหน้าหรือเปล่า... คำตอบคือใช่

แม้ว่ามันจะถูกบดบังด้วยหน้ากากที่ฝึกมาอย่างดี แต่มันก็ปรากฏให้เห็นอยู่ตรงนั้น คำถามก็คือ มันเพียงพอหรือไม่? ร่อยรองความมีมนุษยธรรมเพียงเล็กน้อยอาจจะจุดชนวนบางสิ่งที่สามารถเปลี่ยนชายหนุ่มได้ เขาสามารถบอกได้ว่ามัลฟอยกำลังค้นหาเขาด้วยสิ่งหนึ่งที่มีในใจ

ราวกับตอบคำถามที่ไม่ได้เอ่ยออกมา แฮร์รี่กล่าวเพียงว่า "ไม่ ฉันยังไม่ยอมแพ้"

ตัดสินจากอารมณ์ที่แสดงออกมาทางสีหน้าของเดรโก นั่นเป็นสิ่งที่เขากำลังสงสัย

"นายกำลังศึกษาฉันอยู่พักหลัง ๆ นี้... ฉันรู้ว่านายทำแบบนั้น... ถ้านายเรียนรู้อะไรจากฉันได้บ้าง นายคงจะรู้ว่าฉันไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ" แฮร์รี่หันหลังให้เหล็กกั้นแล้วค่อย ๆ เดินไปยังจุดเดิมของตนเอง ยังคงพูดต่อไป "โวลเดอมอร์ตรึงฉันไว้บนหินหลุมฟังศพ ฉันไม่ยอมแพ้ หางหนอนกรีดแขนฉันและเอาเลือดฉันไปคืนชีพให้โวลเดอมอร์ ฉันไม่ยอมแพ้"

เขาหยุดยืนริมกำแพง แต่ไม่ได้หันมา "โวลเดอมอร์สะกดคำสาปกรีดแทงใส่ฉันเป็นครั้งที่สองในชีวิต และแม้คำสาปกำลังพุ่งเข้าหาฉัน แต่ฉันไม่ยอมแพ้ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉะนั้น เมื่อจันทรุปราคาย่างเข้าสู่เสี้ยวสุดท้าย ไม่ว่าดวงจันทร์จะเอาชีวิตฉันไปหรือไม่ ฉันก็จะยังไม่ยอมแพ้"

เดรโกผู้ยืนนิ่งอยู่กับที่ในที่สุดก็ปล่อยมือที่จับกับราวเหล็กลง "ฉันไม่เคยคาดหวังให้นายยอมแพ้" เขาเอ่ย "เพราะถ้าเป็นงั้นฉันคงผิดหวังในตัวนาย"

แฮร์รี่หันกลับไปหาอีกคน เขาอ้าปากเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอกลับมาคิดใหม่ เขาไม่ได้ต้องการถามว่ามัลฟอยหมายถึงอะไร เพราะเข้าใจดีอยู่แล้ว เขาวาดรอยยิ้มบาง ๆ ออกมาตรงมุมริมฝีปาก และพยักหน้าให้เดรโก "ขอบคุณสำหรับน้ำชา" เขาจิบมัน "หวานพอดีด้วย"

เดรโกเลิกคิ้วให้กับบทสนทนาที่คาดไม่ถึง จู่ ๆ ก็เปลี่ยนจากเรื่องความเป็นความตายมาสู่เรื่องน้ำชาเสียนี่ แต่เขาก็ยังส่งยิ้มกลับไปให้ ชายหนุ่มเดินไปที่ถาดอาหารแล้วชูถ้วยน้ำชาขึ้น "แด่ชาใส่น้ำตาล"

/และแด่สลิธีรินและกริฟฟินดอร์ แด่การไม่ยอมแพ้ แด่ทางเลือกที่ดีและทางเลือกที่แย่ แด่ความเหมือนที่เรามีร่วมกัน แด่ทุก ๆ ความต่างที่เราสร้างขึ้นมา/

แฮร์รี่ชูถ้วยของตนเองขึ้นบ้าง "แด่ชาใส่น้ำตาล"

สองหนุ่มลดถ้วยของตนลงพร้อมกัน ขณะที่เดรโกลดของตนเองลงพลันสายตาเหลือบไปเห็นอีกฝ่าย แฮร์รี่ตอนนี้กำลังอิงหลังพิงกำแพง เขาวางจานข้าวไว้บนหัวเข่าและถ้วยชาไว้ข้างตัว แล้วเริ่มคุ้ยกินอย่างตะกละตะกลาม

"หิวขนาดนั้นเลยเหรอ"

แฮร์รี่พูดทั้งที่มีขนมปังเต็มปาก "ฉันยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เย็นวันที่นายลักพาตัวฉันมา ฉันกินช้างได้ทั้งตัวเลยล่ะ"

"โอ้ จริงสินะ" เดรโกว่าเงียบ ๆ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้แล้วเริ่มจัดการอาหารของตนเอง

สองสามนาทีล่วงไปโดยไม่มีเสียงใดเลยนอกจากเสียงช้อนกับจานกระทบกัน ก่อนแฮร์รี่จะทำลายความเงียบ "ทำไมนายถึงสั่งให้บิดดี้ไปจัดกระเป๋า จะไปไหนอย่างงั้นเหรอ"

"เราจะย้ายไปที่ฐานลับใหญ่ของจอมมาร" เดรโกบอกเรียบ ๆ "ยังไงเราก็รู้ว่าพวกเขาจะมาตามตัวนายที่นี่ และที่ฐานลับนั้นไม่มีอยู่ในแผนที่ พวกเขาจะหาเราไม่เจอที่นั่น"

แฮร์รี่เอนหลังพิงกำแพง "ฟังดูสมเหตุสมผล นั่นใช่ไหมที่จดหมายเขียนไว้"

เดรโกแสยะยิ้ม "สังเกตได้ดีนี่ พอตเตอร์ ใช่แล้วล่ะ"

"แม่นายส่งมาเหรอ"

"ใช่ แล้วไง?"

"ทั้ง ๆ ที่อยู่บ้านเดียวกันแท้ ๆ ทำไมเขาไม่เอาลงมาให้นายด้วยตนเอง คือ... เขาไม่ได้มาที่นี่เลยตั้งแต่นายมาถึง เขาไม่สนใจมาสอดส่องดูนายเลยเหรอ" คำถามนั้นแฝงไปด้วยความเวทนา มันคือสิ่งสุดท้ายที่เดรโกต้องการจากนักโทษของเขา แต่ขณะเดียวกันมันก็ส่งผลต่ออารมณ์ของเขาด้วยเช่นกัน

"เธอไม่ชมชอบสถานที่ที่ไม่น่าพิสมัยอย่างคุกนี่ มันสะดวกกว่าที่จะฝากข้อความมา"

"สะดวกกว่า" แฮร์รี่พึมพำเบา ๆ "ใช่ มันคงลำบากเกินไปที่จะลงมาดูหน้าคนในครอบครัวสินะ"

นั่นคือการสนทนาที่เดรโกไม่อยากเข้าไปแตะต้องอีกครั้ง "ชาเพิ่มไหม"

แฮร์รี่พยักหน้า นึกขำในใจที่เดรโกเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน แล้วยิ้มให้ "แน่นอน น้ำตาลสองช้อนด้วยจะดีมาก"

เดรโกยังไม่ขยับไปไหน เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับการมองใบหน้าของแฮร์รี่ เดรโกแทบจะไม่เคยได้เห็นรอยยิ้มที่ไม่ได้แปดเปื้อนด้วยการเหยียดหยัน หยิ่งผยอง และความยโสโอหังเลย เหมือนกับว่าผู้คนล้อมรอบกายเขารู้สึกว่าการยิ้มอย่างจริงใจนั้นเป็นสิ่งที่ลดเกียรติลดศักดิ์ศรีของพวกเขา รอยยิ้มจากใจที่เขาเคยเห็นไม่ได้ถูกส่งมาให้เขา ความจริงใจไม่ใช่สิ่งธรรมดาสามัญสำหรับคนในฐานะเช่นเขา และเขายังไม่เคยประสบพบเจอ แต่รอยยิ้มที่พอตเตอร์ส่งมาให้มันช่าง... บริสุทธิ์ ไม่ใช่รอยยิ้มถากถางหรือเย้ยหยัน เป็นเพียงรอยยิ้มธรรมดา... ที่เหมือนให้กับเพื่อน มันเป็นสิ่งที่สวยงาม และตอนนี้เดรโกรู้แล้วว่าเขาขาดอะไรไป

แฮร์รี่หุบยิ้มเล็กน้อย "มีอะไรเหรอ"

เสียงนุ่มเรียกเดรโกขึ้นมาจากภวังค์ "เอ่อ เปล่า ไม่มีอะไร ส่งถ้วยมาสิ" เขารับถ้วยชาจากแฮร์รี่ เติมชา ใส่น้ำตาล แล้วยื่นกลับไปให้อีกฝ่ายโดยไม่ได้พูดอะไร

แฮร์รี่มองเขาอย่างใคร่รู้พร้อมรับเอาถ้วยชาแล้วจิบมัน "ขอบใจ" เขาว่า ยังมองเดรโกไม่วางตา

เดรโกสนองไขด้วยการผงกศรีษะ แล้วลงมือรินน้ำชาใส่ถ้วยของตนเอง

แฮร์รี่จัดการกับชาถ้วยใหม่ของเขาเกือบหมดแล้ว พอดีกับที่เดรโกโพล่งพูดออกมา

"นายเคยมีแฟนไหม"

แฮร์รี่สำลักชาจิบสุดท้าย จนต้องพ่นออกมาแล้วโก่งคอไอแค่ก ๆ "อะไรนะ?"

"ฉันถามว่านายเคยมีแฟนไหม เห็นนายพากริฟฟินดอร์คนหนึ่งไปงานเต้นรำตอนปีสี่ แต่นายไม่ยักสนใจเธอสักเท่าไหร่"

"นายไปสรรหาเรื่องพูดมาจากไหนล่ะนั่น"

"แค่ถามไถ่สัพเพเหระ พอตเตอร์" เดรโกถอนใจใหญ่ด้วยความขัดใจ "มันเป็นสิ่งที่คนมีมารยาทเขาทำกันเมื่อไม่มีอะไรจะพูด หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ฉันพยายามจะญาติดีกับนายบ้าง ถ้ามันยากนัก อย่างกินน้ำชาโดยไม่ให้ไหลลงมาเลอะเสื้อนายล่ะก็ บอกให้ฉันรู้แล้วกัน"

แฮร์รี่เช็ดคางของตนเองไว ๆ ซึ่งชวนให้เดรโกหลุดหัวเราะ "ไม่" เขาพูดในที่สุด "ไม่ ฉันยังไม่เคยมีแฟนจริง ๆ"

"นั่นฟังดูตลกนะ สำหรับแฮร์รี่ พอตเตอร์คนดัง"

"ใช่" เขาว่า "โดยเฉพาะต้องผึ่งหูฟังคนอื่นถกกันเรื่องมีแฟนที่ฉันไม่เคยมีตลอดปีสี่ มันฟังดูน่าอายชะมัด"

"นายไม่ได้เดทกับเด็กบ้านเรเวนคลอคนนั้นหรอกเหรอ"

"อย่าพูดถึงเชียว"

เดรโกหัวร่อต่อกระซิก "แย่นาดนั้นเลยเหรอ ฮึ"

แฮร์รี่เงยขึ้นมองเดรโกด้วยหน้าแหย ๆ "เลวร้ายเลยล่ะ"

พวกเขาหัวเราะ ชั่วครู่หนึ่งสองหนุ่มลืมไปเลยว่ายังมีราวเหล็กกั้นระหว่างพวกเขาอยู่ แต่เป็นแฮร์รี่ที่ดึงสติตนเองคืนมาก่อน "นั่นไม่ใช่เรื่องที่นายอยากจะถามฉันหรอกใช่ไหม"

เดรโกหน้าตก "ใช่แล้ว มันไม่ใช่"

"งั้นเอาสิ ถามเลย ฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่ จำได้ไหม"

เดรโกขบริมฝีปากล่าง "ฉันอยากรู้ว่านายได้แผลเป็นบนแขนนั่นมาจากไหน ไม่ใช่รอยจากบาซิลิสก์ แต่อีกรอยหนึ่ง ที่นายไม่อยากให้ฉันดู"

"อ้อ" เขาเปรยเรียบ ๆ "เข้าใจล่ะ เล่ห์เหลี่ยมเยอะจริงนะ ที่นายต้องการก็แค่สนองความอยากรู้ของตัวเองใช่ไหมมัลฟอย ได้ ฉันเล่าเรื่องตลกให้นายฟังก็ได้"

เขาสูดหายใจเฮือกใหญ่ "ฉันได้มันมาในคืนที่โวลเดอมอร์คืนร่าง เขาใช้เวทมนตร์บางอย่างที่ต้องใช้เลือดของศัตรูในการทำให้ตนคืนชีพ ซึ่งศัตรูคนนั้นก็คือฉัน ตอนที่ฉันถูกตรึงบนหินหลุมฝังศพ หางหนอนกรีดแขนฉันเพื่อนำเลือดฉันไป"

"แผลเป็นนั่นย้ำเตือนความผิดพลาดของฉัน โวลเดอมอร์คืนร่างแต่ฉันทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ถูกขึงอยู่ตรงนั้น มันทำให้ฉันนึกถึงตอนที่เซดริกตาย และฉันห้ามมันไม่ได้ เหนือสิ่งอื่นใด มันเตือนให้ฉันนึกถึงความตายที่อาจจะเกิดขึ้นมาอีก เหมือนอย่างแผลเป็นนี่" เขาชี้ที่หน้าผาก "ที่ทำให้ฉันนึกถึงความตายในอดีต"

เดรโกจ้องมองเขา แสดงอาการตกใจอย่างจะแจ้ง เขาอ้าปากออกช้า ๆ คล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา

"นั่นใช่ไหมที่นายอยากรู้ อยากเข้ามาจุ้นเรื่องของฉัน? มันกวนใจนายขนาดนั้นเลยเหรอมัลฟอย"

ก็ใช่น่ะสิ มันกวนใจเขาอย่างที่สุด มันไม่ควรเป็นแบบนั้นแน่ล่ะ แต่มันเป็นไปแล้ว มันดูเหมือนจะเป็นการต่อสู้ที่ปติยัดไว้มาโดยตลอด เดรโกรู้ดีว่าศาสตร์มืดเป็นสิ่งที่น่าครั่นคร้าม แต่หาได้ยากนักที่จะมีคนถูกใช้ในกิจเช่นนั้น แล้วรอดมีชีวิตกลับคืนมา ถูกใช้... เฉกเช่นเบี้ยตัวหนึ่งในการชิงชัยอันหฤโหด กระนั้นแล้ว เดรโกยังเฉลียวใจว่าตนเป็นเบี้ยอีกตัวหนึ่งหรือไม่

เดรโกเบนสายตาหนี พลางดึงสติของตนกลับคืนมา แต่เมื่อนึกย้อนกลับไป เขาไม่สามารถควบคุมมันได้ หน้ากากที่พยายามจะสร้างขึ้นทลายลงอีกครั้ง เขากลืนน้ำลายลงคอ พยายามงมหาคำพูด สุดท้ายก็ได้แต่เอ่ยปากถามออกไป มันฟังมันดูโง่เง่าแม้กระทั่งกับหูของเขาเอง แต่เขาอยากได้ยินคำตอบนั้น จากปากผู้รอดชีวิตมาจากเหตุการณ์เหลือเชื่อมากมายเกินคณานับ เขาจะต้องรู้ว่าพอตเตอร์ยังเป็นคนอยู่หรือไม่จากสิ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้น

"มันเจ็บไหม"

แฮร์รี่ข่มสีหน้าเรียบเฉยขณะลอบมองปฏิกิริยาของเดรโก มีความหวั่นไหวบาง ๆ อยู่ในท่าทางและน้ำเสียงของอีกฝ่าย ความหยิ่งผยองในนั้นหายไปแล้ว จนแล้วจนรอดเขาก็เอาชนะได้ เขาแต้มรอยยิ้มเจ็บปวดน้อย ๆ บนใบหน้า "เจ็บสิ"

เดรโกพยักหน้าช้า ๆ "ฉันว่า..."

"ว่า?"

"เรากลับไปคุยสัพเพเหระอย่างเดิมได้รึยัง" เขาพยายามจะยิ้มบ้าง

"ได้สิ" แฮร์รี่ฉีกยิ้มร่า ประหนึ่งว่าหัวข้อสนทนาเมื่อครู่ไม่ได้เกิดขึ้น "งั้น... นายเคยมีแฟนรึเปล่า"

"พอตเตอร์!"

แฮร์รี่และเดรโกใช้เวลาอีกหลายชั่วยามสังสนทนากันอย่างถูกคอจนน่าประหลาดใจ ด้วยฝีก้าวที่เปลี่ยนไป ทั้งคู่ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกันอีกแล้ว อนึ่ง พวกเขาไม่ต้องการทำเช่นนั้น

สำหรับแฮร์รี่ ชีวิตภายในห้องขังก็ไม่น่าเจริญตาเจริญใจมากพออยู่แล้ว ซ้ำด้วยความคิดว้าวุ่น การประคารม และการพบปะกับพ่อมดชั่วร้ายสติฟั่นเฟือน ที่ถั่งโถมปนเปกันเข้ามา เขาจึงอ้าแขนรับเอาความเงียบ เพราะมันให้เวลาเขาหายใจหายคอได้บ้าง และมันยังหยิบยื่นโอกาสให้เขาได้เห็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน นั่นคือเดรโก มัลฟอย ที่ประพฤติเช่นมนุษย์ ใครเล่าจะไปคาดคิด? แต่เขาอยู่ตรงนั้น กำลังหัวเราะ พูดคุย ถามตอบนานาคำถามโดยไม่มีการเหน็บแนม เสียดสี หรือกลเกมใด ๆ ไม่ว่ามันจะเป็นอีกด้านหนึ่งของอีกฝ่ายที่แฮร์รี่ไม่รู้หรือไม่ก็ตาม แต่ถ้าใช่ เช่นนั้นมันก็เป็นด้านที่ดีทีเดียว เมื่อน้ำขึ้นแฮร์รี่จะต้องรีบตัก แม้ว่ามันจะเพียงสิ่งเสกสรรที่เขาปรุงแต่งขึ้น แต่เขาเกือบฝังใจเชื่อว่ามัลฟอยเป็นเสมือนอุโมงค์ให้เขาหนีออกไปได้ หากเขามีโอกาสได้หนี เขาก็ยินดีจะใช้อุโมงค์นั้น

ในส่วนของเดรโก เขาชื่นชอบการสนทนานั้น แต่ก็ยังเหนื่อยกับมันด้วยเช่นกัน การสู้รบตบมือยิ่งจะทำให้เขาอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเข้าไปอีก และเขาไม่ปรารถนาจะทำอย่างนั้น น้ำยาคลายง่วงจะช่วยให้ผู้ดื่มตื่นตัวและเตรียมพร้อม แต่มันห่างไกลกันนักกับการได้นอนหลับจริง ๆ และเขารู้สึกได้ถึงอาการล้าแผ่ลึกลงไปถึงไขกระดูก เขายังไม่ละทิ้งงานของเขาหรอก มันเป็นเกียรติของเขา หน้าที่ของเขา และตอนนี้เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไปแล้ว มันเหมือนกับความยินดี แม้ด้วยร่างกายที่ระโหยโรยแรง แต่การเสวนาของเขากับแฮร์รี่เป็นมากกว่าสิ่งล่อใจที่จะเติมแต่งให้ประสบการณ์นั้นคุ้มค่ายิ่งขึ้น

"งั้น มันเป็นอย่างนั้นใช่ไหม" เดรโกถาม เบิกตากว้างกว่าปกติ

"อื้อ" แฮร์รี่ว่าอย่างภูมิใจ "กวางตัวผู้"

"นายรู้ไหมว่าทำไมของนายถึงเป็นรูปร่างแบบนั้น" เดรโกเอี้ยวคอเชิงสงสัย

แฮร์รี่เม้มปากอย่างใช้ความคิด "ก็... ถ้าบอกใครตอนนี้คงไม่เป็นอะไรหรอก พ่อของฉันเป็นแอนนิเมจัส และร่างของเขาเป็นกวางตัวผู้ แต่ฉันไม่เคยรู้เลยจนกระทั่งฉันได้เรียนเสกคาถาผู้พิทักษ์"

ณ เวลานั้น สลักกุญแจคุกใต้ดินสะเดาะออก ส่งเสียงก้องกังวานไปทั่วบริเวณ ฉับพลันเดรโกกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน จากนั้นตามด้วยแฮร์รี่

ลูเซียส มัลฟอยผลีผลามเข้ามาในคุกด้วยชายเสื้อคลุมสะบัดว่อน "เรามีเวลาไม่มาก ฉันคาดว่าทางกระทรวงจะมาในไม่ช้า เดรโก เตรียมของพร้อมหรือยัง" เขากล่าวอย่างตาลีตาลานจนกลบเกลื่อนสมบัติผู้ดีในน้ำเสียงไปเสียสิ้น

"ครับพ่อ" เดรโกขานรับโดยอัตโนมัติ ยักกระสายกลับมาใช้ท่าทีที่ฝึกมาอย่างดีเช่นเดิม แล้วผายมือไปยังกระเป๋าเล็ก ๆ สองใบที่วางอยู่ถัดจากเก้าอี้

"ดีมาก บิดดี้!"

เอลฟ์ประจำบ้านปรากฏตัวขึ้นพร้อมเสียงดีดนิ้ว หลังจากได้เห็นกิริยาร่าเริงของหล่อนในการมาเยือนใต้คุกนี่สองสามครั้ง แฮร์รี่เกือบจะตกใจที่เห็นว่าหล่อนประหวั่นพรั่นพรึงเพียงใดเมื่ออยู่ต่อหน้าลูเซียส เกือบตกใจแต่ไม่ หากแต่ภาพเบื้องหน้ายิ่งทำให้เขาบันดาลโทสะ และมันยากเย็นอย่างยิ่งที่จะปิดปากเงียบ

"นายท่านมัลฟอยมีอะไรหรือเจ้าคะ" หล่อนเอ่ยเสียงแหลม

"จงนำของของเดรโกไปที่ปราการโดยเร็ว" ลูเซียสบัญชาประกาศิต

หล่อนรีบหยิบเอากระเป๋าแล้วหายตัวไปอย่างลุกลี้ลุกลน

"ทีนี้แก" เขาหันไปหาแฮร์รี่ "อย่าคิดเล่นตุกติก มิฉะนั้นฉันก็ยินดีจะมอบความทรมานให้แก และยิ่งจะมากกว่านั้นเมื่อถึงมือจอมมาร"

สายตาของแฮร์รี่ชะม้ายไปหาเดรโกโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะตะแคงศีรษะไปด้านข้าง พลางกลอกลูกตาแล้วเอ่ยอย่างคร้าน ๆ "ก็ช่างสิ"

เดรโกกัดลิ้นตัวเองเพื่อกลั้นไม่ให้หัวเราะ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาคงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปแล้วเมื่อเห็นพอตเตอร์หยามน้ำหน้าพ่อตนเช่นนั้น แต่ตอนนี้มันช่างชวนหัวเสียนี่ ก่อนจะเผลอหลุดหัวร่อต่อกระซิก เดรโกจึงสวมหน้ากากไว้อย่างเดิม และเก็บตัวเงียบ

ลูเชียสถลึงตาใส่แฮร์รี่โดยไม่ได้สบตากัน ขณะที่ออกปากสั่งเดรโก "ไขกุญแจ"

เดรโกนำกุญแจออกมาจากเสื้อคลุมและเดินไปไขประตู ขณะที่ประตูแง้มออก ลูเซียสบรรจงชี้ปลายไม้กายสิทธิ์ไปยังแฮร์รี่ "ออกมา เดี๋ยวนี้"

แฮร์รี่ยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วทำตามคำสั่ง แต่พอเขาเดินผ่านลูเซียส ชายอาวุโสกว่าก็จี้ไม้กายสิทธิ์ลงที่แขนของแฮร์รี่ ชายหนุ่มกระถดหนีพร้อมร้องด้วยความเจ็บราวกับถูกไฟฟ้าช็อต

เดรโกรู้สึกได้ถึงความอยากปกป้องเอ่อท้นขึ้นมา เขาเป็นคนรักษาแผลให้แฮร์รี่ และใช้เวลาเยียวยาความเจ็บปวด มันรู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องมาเห็นพ่อของตนเองสร้างความเจ็บปวดนั้นขึ้นมาอีก เมื่อนึกได้ดังนั้น เดรโกจึงสาวก้าวไปข้างหน้า "พ่อครับ" เขาแสร้งแสยะยิ้มออกมา "ได้โปรดให้ผมเป็นคนนำตัวนักโทษไปเอง"

แฮร์รี่ตวัดศีรษะไปหาคนพูดด้วยความประหลาดใจ พลันสายตาจับจ้องกับเดรโก แม้สีหน้าของเดรโกจะเปี่ยมไปด้วยความเย็นชา แต่เมื่อมองเข้าไปในตาแล้วก็เป็นอันเข้าใจ

"เดรโก" ลูเซียสยกริมฝีปากคล้ายจะพอใจ "ช่างน่ายินดีที่เห็นลูกปฏิบัติหน้าได้อย่างเคร่งครัด ได้ เธอนำนักโทษไปได้ แต่ฉันขอเตือนอะไรไว้อย่างหนึ่ง"

"อะไรหรือครับ"

"อย่ามองเข้าไปในตาของศัตรู" เขาคำรามทุ้มต่ำ "เพราะเจ้าอาจเผลอเข้าใจผิดคิดว่าเขามีความเป็นมนุษย์"

ลมหายใจของเดรโกสะดุดกึกอยู่ที่ลำคอ แต่ก็ดีแล้วที่เป็นอย่างนั้น เพราะไม่เช่นนั้นเขาอาจโพล่งแย้งออกไปว่าแฮร์รี่นั่นแหละที่มีความเป็นมนุษย์อยู่มากมาย สายตาพิฆาตของพ่อเขาขจัดความคิดนั้นออกไปโดยพลัน ไล่มันออกไปจากลิ้นเขา ทว่ามันยังไม่หายไปไหน เขาสับเปลี่ยนมาใช้สีหน้าที่ฝึกมา แล้วโค้งศีรษะน้อย ๆ อย่างเชื่อฟัง "ครับพ่อ" เขาชักไม้กายสิทธิ์ออกมาจากกระเป๋าแล้วชี้ไปที่แฮร์รี่

"ดีมากเดรโก นักโทษเป็นของเธอแล้ว" เขาล้วงเข้าไปในเสื้อคลุมแล้วนำผลึกปิรามิดโปร่งแสงขนาดพอดีมือออกมา "นี่คือกุญแจนำทาง เราหายตัวเข้าไปในคุกใต้ฐานลับโดยตรงไม่ได้ ฉะนั้นฉันจะหายตัวไปที่ทางเข้าโดยวิธีปกติ และจะไปพบเธอที่คุกทีหลัง หากต้องการอะไรให้บอกเอลฟ์ประจำบ้าน ฉันยกมันให้เธอ"

ลูเซียสทิ้งช่วงแล้วพิศดูสองหนุ่ม ก่อนจะปรายตามามองเดรโกอีกครั้ง "เธอจะอยู่ภายใต้การเฝ้าดูของจอมมารเมื่อไปถึงฐานลับ" น้ำเสียงเขาเย็นเยียบ "จงอย่าได้ลังเลในภารกิจครั้งนี้"

เดรโกโน้มศีรษะเบา ๆ "ครับพ่อ ผมจะไม่ทำพลาด"

ลูเซียสพยักหน้าครั้งหนึ่งแล้ววางกุญแจนำทางไว้บนพื้น ก่อนจะเสกให้มันใช้งานได้ด้วยไม้กายสิทธิ์ "เอาล่ะ ไปได้แล้ว"

ไม้กายสิทธิ์ของเดรโกยังคงจี้แน่นบนตัวแฮร์รี่ แต่เขารู้สึกได้ว่ามือไม้กำลังสั่นไหวเบา ๆ บนก้านไม้เนื้อเรียบ เขาพยายามไม่สบตาอีกฝ่ายขณะมุ่งหน้าไปยังปิรามิดบนพื้น "นิ่ง ๆ ไว้ พอตเตอร์" เขาบอก กลั่นน้ำเสียงให้มั่นคง "อย่าลน"

เดรโกนำคำสอนเข้ามาใส่ใจ ก่อนจะค่อย ๆ ย่อตัวลงแล้วใช้มือข้างที่ว่างเอื้อมไปยังกุญแจนำทาง ในขณะเดียวกัน เขาก็พยายามทำใจที่กำลังเต้นโครมครามอยู่ในอกให้เย็นลง พ่อกำลังดูเขาอยู่ เขาจำเป็นจะต้องใจเย็น ไม่วอกแวก และอยู่เหนืออาณัติของเขาเองและนักโทษ เขาต้องเป็นมัลฟอยอย่างที่พ่อเขาคาดหวังไว้ทุกกระเบียดนิ้ว ต้องไม่ประหม่า หรือลังเล อย่างที่เดรโกเผยมันออกมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า

ฝ่ายแฮร์รี่ก็กำลังทำตามผู้คุม เขาย่อกายแล้วยื่นมือไปยังกุญแจนำทาง ยังไม่ยอมมองไปที่เดรโก เขารู้สึกได้ถึงไม้กายสิทธิ์ที่แยงเข้ามา ไม่วายสัมผัสได้ถึงความเคร่งเครียดที่แผ่รังสีออกมาจากอีกคน ไม่น่าแปลก มัลฟอยเองก็คงไม่ได้กระตือรือร้นที่จะกล้ำกรายเข้าไปในที่สถิตของโวลเดอมอร์นักหรอก ใครจะอยากล่ะ? แต่ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เดรโกประหม่า เขารับรู้ได้ถึงสายตาเคร่งขรึมของลูเซียสจับจ้องมายังพวกเขาทั้งสอง ซึ่งสายตานั้นเพ่งมองยังเดรโกมากกว่าเขา

มือของเดรโกอยู่ห่างจากกุญแจนำทางไม่กี่นิ้ว จากนั้นเขานับช้า ๆ "สาม... สอง... หนึ่ง"

มือของทั้งคู่เอื้อมไปยังจุดหมายพร้อมกัน ในเวลาอันสั้น มือของเขาบรรจบกันก่อนจะแตะถึงผิวของกุญแจนำทาง ปลายนิ้วประสานกันเพียงแผ่วเบา ผิวสัมผัสอันไม่ได้คาดคิด สองมือผนึกกัน ส่งความรู้สึกประหลาดแล่นขึ้นมาตามลำแขนของเดโก แม้กระทั่งตอนที่สัมผัสกับกุญแจนำทางแล้ว จิตใจของเขาก็ยังคงจดจ่ออยู่กับความรู้สึกไพโรจน์ที่ไหลบ่าจากปลายนิ้วไล่มาถึงสันหลัง เขาทำได้เพียงห้ามตัวเองไม่ให้อ้าปากค้างด้วยความตกใจขณะที่เงยหน้าขึ้นจ้องนัยน์ตากับแฮร์รี่

ในเสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนที่กุญแจทางจะนำตัวเขาไป เขาเห็นดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจในลักษณะเดียวกันฉายอยู่บนใบหน้าของแฮรี่ นั่นทำให้เขาปักใจว่าแฮร์รี่ก็รู้สึกแบบเดียวกัน

เดรโกไม่มีเวลาพอที่จะชั่งใจว่าพ่อเขาเห็นท่าทางของเขาตอนสัมผัสกับแฮร์รี่หรือไม่ ความรู้สึกไม่น่าเชื่อจากกายสัมผัสนั้นถูกทาบทับด้วยแรงดึงจากกุญแจนำทางอย่างรวดเร็ว มีความรู้สึกเหมือนตะขอที่มองไม่เห็นเกี่ยวพวกเขาไปจากกลางกายและเท้าระเหินขึ้นจากพื้น กุญแจนำทางส่งตัวพวกเขาเข้าสู่ใจกลางมวลอากาศหมุนเคว้ง และตรงดิ่งไปยังถ้ำของอสรพิษ








----------------------------------------------

ตำรวจดีตำรวจเลว คือ การเจรจาใช้กันในวงการตำรวจในเวลาที่ต้องสอบปากคำคนร้ายโดยจะต้องมีคนรับหน้าที่ตำรวจเลว 1 คน และตำรวจดี 1 คน โดยเริ่มต้นด้วยการให้ตำรวจเลวข่มขู่หรือใช้กำลังกับคนร้าย หากคนร้ายไม่ยอมรับหรือไม่ยอมบอกข้อมูลก็ใช้แผนขั้นต่อไป คือเปลี่ยนตัวให้ตำรวจดีอีกคนเข้ามาแทนและแสดงท่าทีว่าเป็นห่วงคนร้าย แนะนำว่าควรสารภาพ หรืออาจจะเลี้ยงข้าวแล้วค่อย ๆ เกลี้ยกล่อมไปเรื่อย ๆ เพราะว่าเมื่อคนเราผ่านอะไรที่มันเลวร้ายมากๆมาแล้วมาเจอกับสิ่งที่ดีก็มักจะคว้าไว้เสมอ

====================

ทุกความคิดเห็นเป็นกำลังใจให้แปลต่อนะคะ น้อมรับทุกคำติชมค่ะ

Continue Reading