Eclipse (แปล) | Harry Potter...

By Mainn_

44.9K 483 137

"นายตายแน่พอตเตอร์... คราวนี้ฉันจะเอาคืนให้สาสม" เดรโกปฏิญาณไว้แล้วว่าจะคิดบัญชีกับแฮร์รี่เหตุที่... More

บทที่ 1 ผู้ล่าและผู้ถูกล่า
บทที่ 2 บทเรียนแห่งอำนาจ
บทที่ 4 ภาระหน้าที่
บทที่ 5 ไม่มีอะไรจะเสีย
บทที่ 6 การสนทนาพาหวั่นใจ
บทที่ 7 ชั่วโมงมืดมน
บทที่ 8 สะพานติดไฟ เส้นด้ายกวัดแกว่ง
บทที่ 9 บทสลับฉาก
บทที่ 10 การไล่ล่า
บทที่ 11 ความจริงในสิ่งลวง
บทที่ 12 เทือกภูเขาเนาโตรกธาร
บทที่ 13 เปิดใจ
บทที่ 14 จุดผกผัน
บทที่ 15 กระบวนวิธีและการเสียสละ

บทที่ 3 ชาขม

8.3K 36 3
By Mainn_

บทที่ 3 ชาขม

เดรโกเฝ้าดูร่างสงบนิ่งของแฮร์รี่ พอตเตอร์ กำลังนอนขดตัวอยู่ติดกับกำแพงห้องขัง ตัวสั่นเทิ้ม อากาศภายในคุกหนาวเย็น ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเดรโกจะชอบมัน เขาถกเท้าขึ้นมานั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้ก่อนจะกระชับผ้าห่มให้แน่นขึ้น มันเป็นค่ำคืนอันยาวนาน และยังไม่จบสิ้นลง

น้ำชาถูกทิ้งไว้หลายชั่วโมงจนเย็นชืด ไม่มีการแตะต้องและยังตั้งอยู่ข้างเท้าเขาที่เดิม แม่เขาบอกห้ามเสมอว่าไม่ให้ใส่น้ำตาล (การทำให้ชาหวานขึ้นถือว่าไม่เหมาะสม) และแม้ว่ามันจะมีกลิ่นหอมเพียงใด เดรโกก็ยังไม่ชอบรสชาติขมขื่นของมันอยู่ดี อีกอย่าง เดรโกก็อยากให้มันเป็นเครื่องดื่มร้อน ๆ เพื่อที่จะทำให้เขาอุ่นขึ้นมากกว่า – นั่นเป็นความคิดน่าขันที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขา

ชั่วครู่หนึ่ง (ถ้าจะให้ถูกคือในภาวะที่จิตใจไขว้เขวชั่วคราว) เขาเกือบจะหลุดปากขอโทษบิดดี้ไปก่อนที่มันจะออกไปจากคุกใต้ดิน เขา เดรโก มัลฟอย ขอโทษเอลฟ์ประจำบ้านเนี่ยนะ? ประหลาดพิกล! แต่ที่แย่ไปกว่านั้น พอตเตอร์เป็นคนปั่นหัวเขาจนเกิดเรื่องทั้งหมด โดยการหันหลังให้แล้วกลับไปนอนขดอยู่บนพื้นหน้าตาเฉย

ไม่เคยมีใครหันหลังให้มัลฟอย แต่กลับมีพอตเตอร์ เขาทำไปโดยไม่ยินดียินร้ายอะไร ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดในโลกจะกวนใจเขาได้ เดรโกคิดจะหันไม้กายสิทธิ์ไปทางคนถูกขัง แต่เพื่ออะไรล่ะ ทรมานเขาเหรอ? ด้วยเหตุผลบางประการความคิดนั้นคงไม่เข้าที ควบคุมเขา? เห็นได้ชัดว่าคงจะไม่ได้ผล ไม่ เขาต้องการที่จะเอาชนะพอตเตอร์ด้วยเกมของเขาเอง

ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตามแต่ พอตเตอร์ขึ้นมาเป็นคนนำอยู่เสมอ ไม่ใช่แค่ควิดดิช ยังมีถ้วยประจำบ้าน การประลองเวทไตรภาคี ความสนใจจากสื่อ ชื่อเสียง และ โชคชะตา... แค่นั้นก็พอแล้วที่จะทำให้เดรโกรู้สึกรำคาญใจ แล้วตอนนี้เด็กหนุ่มที่กำลังนอนหลับอยู่บนพื้นคุกเย็น ๆ นั่น ก็ยังมาชนะเกมเชาวน์ปัญญากับเขาอีก

เดรโกขบขากรรไกรแน่น ไม่ นี่เพิ่งจะรอบแรก ยังมีอีกหลายครั้งที่เขาจะมีโอกาสพลิกเกม เขาแค่ต้องไม่ปล่อยให้พอตเตอร์เข้ามามีอิทธิพลต่อเขา และแน่นอนว่าเขาไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น แต่ความเป็นจริงเขากำลังทำมันอยู่ และเขาเองก็รู้ดี

เดรโกย้ายเก้าอี้ แล้วหันหน้าไปอีกทางเพื่อจะได้มองไม่เห็นพอตเตอร์กับห้องขัง

พอตเตอร์ไม่รู้เลยว่าคำพูดเกี่ยวกับ 'การสร้างความจงรักภักดี' ของเขามีผลอย่างไรกับเดรโก ในฐานะที่เป็นมัลฟอย เขาใช้เวลาทั้งชีวิตพยายามที่จะสร้างความเคารพ เกียรติยศ และที่สำคัญที่สุด อำนาจ ความจงรักภักดีเป็นเพียงแค่ผลที่ตามมาจากคุณสมบัติเหล่านั้นเท่านั้น ไม่ใช่ลักษณะที่จะเกิดขึ้นมาได้เอง พ่อของเขาภักดีต่อเจ้าแห่งศาสตร์มืด ตัวเขาเองภักดีต่อพ่อ นั่นคือเราจะมอบความจงรักภักดีให้แก่ผู้ที่มีอำนาจสูงสุด

อำนาจ คือความหมายที่แท้จริงของเรื่องทั้งหมด คือเป้าหมายสุดท้าย แน่ล่ะว่ามันจะอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายเช่นกัน ตอนเขายังเด็กสิ่งนั้นยังเป็นเป้าหมายที่ไกลเกินไป ดั้งนั้นการได้มาซึ่งความเคารพจึงกลายมาเป็นเป้าหมายของเขาแทน เขาเสาะหามันจากเพื่อน ศาสตราจารย์ และส่วนใหญ่จากพ่อของเขา แครบกับกอยล์นี่ก็ง่ายพอ แค่ใช้อุบายนิดหน่อย พวกทึ่มนั่นก็บูชาเขาอย่างกับเป็นเมอร์ลินคนที่สองแล้ว กับศาสตราจารย์ยากขึ้นมาหน่อย เขามักจะได้คะแนนสูงที่สุดในชั้น โดยเฉพาะวิชาปรุงยา แต่มีผู้สนับสนุนพวกเลือดสีโคลนอย่างดัมเบิลดอร์อยู่เป็นก้าง ชื่อมัลฟอยที่เคยได้รับความเคารพจากผองเพื่อนก็ถูกลืม เดรโกยังเคยทำตัวเองขายหน้าครั้งใหญ่ เมื่อเขาต้องตกที่นั่งลำบากกับศาสตราจารย์หลายท่าน และทุก ๆ ครั้งก็มีพอตเตอร์เข้ามามีส่วนร่วม ทั้งตอนที่ถูกกักบริเวณในป่าต้องห้าม ตอนสู้กับฮิปโปกริฟฟ์ และตอนที่โดนสาปให้เป็นตัวเฟอร์เรต – ทั้งหมดนี้ต่างก็เกี่ยวข้องกับพอตเตอร์ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

เมื่อไหร่ก็ตามที่พอตเตอร์ทำเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น เป็นธรรมดาที่พ่อเขาจะบอกให้รู้ว่าเขาไม่พึงพอใจเพียงใด มันไม่ง่ายเลย ไม่ว่าสำหรับใครก็ตาม ที่จะได้รับความเคารพจากลูเซียส มัลฟอย และภารกิจก็จะยิ่งยากขึ้นเมื่อปรากฏว่าเขาเป็นพ่อของตน เดรโกไม่เคยดีพอ ไม่เคยไปได้เร็วพอ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่านี้แล้ว เขาสาบานได้เลยว่ายิ่งเขาพยายามมากเท่าไหร่ เขายิ่งกลายมาเป็นความคาดหวังของพ่อมากขึ้นเท่านั้น ในฐานะที่เป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลมัลฟอย เขามีกิตติศัพท์ที่จะต้องรักษา มีโชคชะตาที่จะต้องทำให้บรรลุผล เพียงสิ่งยิ่งใหญ่เท่านั้นที่จะต้องประจักษ์ในนาม เดรโก มัลฟอย

เขาใกล้จะทำสำเร็จแล้ว

พ่อของเขาพึงพอใจมากกับผลคะแนนของเดรโกตอนจบปีหนึ่ง พึงพอใจจนกระทั่งเขารู้เรื่องคะแนนของยัยเลือดสีโคลนเกรนเจอร์ เดรโกได้แต่มองอย่างละอายขณะที่พ่อของเขาปลดเอาใบประกาศที่ใส่ในกรอบไว้อย่างดีลงมาจากหิ้งบนเตาผิงแล้วเผามันจนกลายเป็นเถ้าถ่านด้วยปลายไม้กายสิทธิ์ ถูกเลือดสีโคลนเอาชนะ ช่างน่าขายหน้า น่าอัปยศสิ้นดี มันไม่ใช่จุดยืนของผู้เป็นมัลฟอย

ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าการตกจากไม้กวาดในการแข่งควิดดิชครั้งแรกของเขา

"เอ่าล่ะเดรโก นี่เป็นไม้กวาดที่ดีที่สุดเท่าที่เงินซื้อได้ ฉันจะต้องให้ลูกชายได้ขี่ไม้กวาดที่ดีที่สุดเท่านั้น และฉันหวังว่าเขาจะใช้มันให้ดีที่สุดเช่นกัน"

เห็นได้ชัดว่าผลที่ออกมาไม่ได้เป็นไปตามที่พ่อเขาคาดไว้เลยแม้แต่น้อย เขาเสียสมาธิไปกับพอตเตอร์ศัตรูตัวฉกาจของเขามากเกินไป จนไม่ทันสังเกตเห็นลูกสนิชที่บินร่อนอยู่แค่เหนือไหล่เขาเท่านั้น แต่ไม่ใช่แค่นั้น พอตเตอร์ยังเอาชนะเขาได้ด้วยแขนที่หักของเขา ทุกคนต่างก็กรูกันไปประจบพ่อฮีโร่ตัวน้อย ในขณะที่ มาร์คัส ฟลินต์ ลากตัวเดรโกออกมาต่อว่าถึงขนาดที่ทำให้โทรลล์ล้มหงายได้ทีเดียว ทั้ง ๆ ที่ยังประสบกับความอับอายที่เกิดขึ้น จดหมายที่พ่อเขาส่งมาให้เลวร้ายยิ่งกว่า นกฮูกของเขาบินมาในเช้าวันต่อมาพร้อมกับจดหมายฉบับหนึ่งซึ่งเขียนข้างในไว้ว่า "ฉันผิดหวัง"

เดรโกจึงหันมาตั้งใจใหม่ในปีต่อมา ในรอบนี้เขาจะไม่ยอมให้พอตเตอร์ทำให้เขาเสียสมาธิได้อีก ต้องจับตาดูที่ลูกสนิช และเขาจะคว้าชัยชนะมาได้อย่างแน่นอน แค่คิดก็รู้สึกถึงชัยชนะแล้ว

ในปีต่อมา อยู่ดี ๆ พอตเตอร์ก็เข้ามาในสนามด้วยไม้กวาดไฟร์โบลต์ เดรโกนึกไปถึงอีกสองสามนาทีสุดท้ายที่จะถึงในหัวของเขา เขาล้ำหน้าพอตเตอร์อยู่มาก เกือบจะถึงลูกสนิชอยู่แล้ว ไม่มีอะไรมาขวางระหว่างเขากับชัยชนะที่อยู่ข้างหน้า... จนกระทั่งพอตเตอร์บินตัดหน้าเขาไป เร็วมากกว่าที่เดรโกคิดว่าจะเป็นไปได้ มือของเขาอยู่ห่างจากลูกสนิชอีกแค่ไม่กี่นิ้ว แต่ซีกเกอร์บ้านกริฟฟินดอร์สลัดเขาออกจากทางและคว้าลูกกลม ๆ เล็ก ๆ นั่นได้ และถ้วยควิชดิชก็ตกเป็นของกริฟฟินดอร์ตามเดิม

นี่มันบ้าที่สุด เหตุผลเดียวที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าพอตเตอร์ได้ไม้กวาดที่ดีกว่า ฉะนั้น ที่เดรโกต้องทำก็คือขอให้พ่อซื้อไม่กวาดไฟร์โบลต์ให้ใช่ไหม

เขาคิดผิดเต็ม ๆ แววตาของพ่อราวกับเป็นคมดาบที่สามารถฉีกเดรโกจนขาดได้เช่นเดียวกับกับคำพูดของเขา

"เดรโก แกไม่ได้พิสูจน์ว่าตนเองทำได้จากไม้กวาดอันที่แล้ว แล้วตอนนี้อยากจะหาข้ออ้างให้กับความสามารถของตัวเองโดยการกล่าวโทษไม้กวาดที่ฉันซื้อให้ปีที่แล้วอย่างนั้นเหรอ"

"เปล่านะพ่อ! ผมแค่..."

"เงียบซะ อย่าคิดหาข้อแก้ตัว แกเอาชนะพอตเตอร์ไม่ได้ทั้ง ๆ ที่มีไม้กวาดที่ดีกว่า และก็ไม่มีเหตุที่ฉันจะซื้ออันใหม่ให้อีกแล้ว แกจะต้องสร้างมันขึ้นมา"

ท้ายที่สุดมันก็วนกลับมาที่เดิม ใช่รึเปล่า?

แต่ครั้งนี้ครั้งเขาสร้างมันขึ้นมาได้แล้ว คืนนี้เดรโกควรจะดื่มด่ำสำราญไปกับชัยชนะที่เขาสร้างมันขึ้นมาได้ คนที่มอบมันให้แก่เขากำลังถูกขังไว้อย่างปลอดภัยภายใต้คุกมัลฟอย และเดรโกเป็นคนจับเขามา พ่อเขา... พ่อของเขาได้ภูมิใจในตัวเขาจริง ๆ แล้ว เขาบอกว่าอย่างนั้น และพรุ่งนี้จอมมารก็จะมามอบเกียรติยศให้แก่มัลฟอย และทั้งหมดเป็นผลมาจากเดรโก แต่แล้วทำไมเดรโกไม่สามารถมองเข้ามาในตาตนเองได้ในตอนนั้น

ทั้งหมดเกิดมาจากสาเหตุเดียวกัน คือความอาลัยของเขา ต่อเด็กชายที่กำลังนอนอยู่ในกรงนั้น ห่างจากเขาไม่ถึงสิบสองฟุต ตัดขาดจากโลกภายนอก

เสียงนิ่มนวลของลูเซียส มัลฟอย "พ่อภูมิใจในตัวลูก เดรโก" ถูกกลบด้วยถ้อยคำถากถางของพอตเตอร์ไปจนสิ้น "ช่างเป็นสิ่งที่คนมีสกุลเขาทำกันจริง ๆ" ทำไมคำพูดของพอตเตอร์ถึงดังก้องชัดเจนในใจเขามากกว่าคำพูดที่ต้องการมานานจากปากของพ่อเขากันล่ะ พับผ่าสิ ถ้าจอมมารไม่ได้ประสงค์ให้จับตัวหมอนั่นมาเป็น ๆ เขาคงจะลงมือสังหารเจ้าหัวแผลเป็นนั่นไปแล้ว

เดรโกคงจะกรีดมีดอาบยาพิษนั้นไปที่ลำคอเรียวเล็กของพอตเตอร์ไม่ใช่แค่แทงเบา ๆ ตรงไหล่ที่เจ็บเหมือนผึ่งต่อย เขาคงจะได้ยืนอยู่ตรงนั้นและหัวเราะด้วยความภูมิใจขณะมองเลือดของพอตเตอร์ไหลออกมาจนหมดตัว อาบโชกบนเสื้อของเขา เจิ่งนองไปบนพื้น เขาคงได้เพลิดเพลินไปกับมัน คงจดจำความแดงเข้มของสีเลือดได้เป็นอย่างดี มังคงจะเป็นการล้างแค้นที่สาสม ได้สูดกลิ่นพลังชีวิตของพอตเตอร์ไหลรินออกมาผ่านนิ้วมือของเขาดั่งเม็ดทราย เขาคงจะได้เช็ดใบมีดนั้นบนแขนเสื้อของพอตเตอร์ ทิ้งรอยเลือดสุดท้ายเอาไว้เพื่อเป็นพยานแห่งชัยชนะของเขา และเฝ้าดูกระแสสุดท้ายของชีวิตไหลออกมาจากตัวพอตเตอร์ เขาคงจะได้จ้องไปในดวงตาตื่นกลัวคู่นั้นด้วยชัยชนะและ...

เดรโกชำเลืองมองที่นิ้วมือและฝ่ามือที่แผ่ออกมาบนหน้าตักของตน มันกำลังสั่น และเมื่อกลับมาหวนคิด เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะทำมันได้เลยสักนิด ภาระกิจได้เสร็จสิ้นไปแล้ว เพราะหน้าที่นั้นเพียงแค่เล็กน้อยในขณะที่รางวัลที่ได้รับนั้นยิ่งใหญ่ แต่ถ้าเกิดว่าภารกิจคือต้องสังหารล่ะ เขาไม่เคยเก็บเอาเรื่องนั้นมาคิดถึงความเป็นไปได้เลย ไม่สักนิด จนกระทั่งพอตเตอร์แสดงความจริงจังออกมาทางสีหน้า ทั้งใจกล้าและท้าทาย

"ฉันไม่คิดว่านายเข้มแข็งพอที่จะฆ่าฉันด้วยตัวเอง"

เขาจะทำได้ไหม? เขากล้าที่จะกรีดใบมีดนั่นบนคอของพอตเตอร์รึเปล่า หากเขาถูกสั่งให้ทำ เขาสามารถที่จะวางยาพิษพอตเตอร์จริง ๆ ที่ไม่ใช่แค่การทำให้เขาสลบหรือไม่ เขากล้าที่จะเล็งไม้กายสิทธิ์ตรงเข้าในดวงตาสีเขียว และสะกด "อะวาดา เคดาฟรา" ออกมาได้จริง ๆ ไหม

เดรโกก้มศีรษะลงไปหามืออันสั่นเทาของเขาพร้อมใช้นิ้วทาบลงบนใบหน้า เหนือสิ่งอื่นใด เขาอยากจะตอบคำถามเหล่านั้นได้ด้วยเสียงก้องดังว่า "ใช่" แต่เขาเห็นบางอย่างลุกโชติช่วงในสายตาคู่นั้น บางอย่างที่มีชีวิต บางอย่างที่มีความเป็นมนุษย์ เราต้องไม่คิดว่าศัตรูของตนคือคนอื่น นอกจากอยากให้เขาไปสู่จุดจบ เขาจะสามารถฆ่าพอตเตอร์ได้รึเปล่า เขาไม่มีทางรู้เลย ไม่มีทางรู้

***************************

แฮร์รี่พยายามข่มตานอนให้หลับแม้ร่างกายจะไม่เอื้ออำนวย แต่ทุก ๆ ครั้งที่เขาใกล้จะหลับ ความคิดก็แล่นเข้ามาให้หัวจนไม่สามารถหลับลงได้ มันคงจะง่ายขึ้นกว่านี้หากจะปล่อยให้โลกรอบกายมลายหายไป แต่มันกลับสายไปแล้วที่จะทำแบบนั้น เพราะความจริงที่เป็นอยู่คอยย้ำเตือนโดยไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ การที่รู้ว่าตนเองอยู่ในสถานการณ์แบบไหนมันสะเทือนใจเกินกว่าจะขยับตัว เขาไม่อยากจะคิดถึงมัน แต่ในใจเขามีเรื่องราวมากมายเหลือเกิน ซึ่งก็เหมือนกับสิ่งอื่น ๆ มันอยู่ไกลเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้ บางทีอาจเป็นเพราะคนที่จับเขามา ความคิดที่กวนใจแฮร์รี่มากที่สุดตอนนี้ไปรวมอยู่ที่คนผมบลอนด์ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของลูกกรง ด้วยการที่ได้รู้ว่าเขาจะได้เผชิญหน้ากับพ่อมดที่มีพลังอำนาจชั่วร้ายที่สุด – อีกครั้ง – มันไม่ใช่เวลาที่จะไปกังวลกับเรื่องขณะถูกลักพาตัวในโรงเรียนเลย

แต่นั่นคือสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเฟอร์เรตนั่น ป่านนี้เขาคงจะนอนหลับสบายบนเตียงนุ่ม ๆ ในหอคอยกริฟฟินดอร์ไปแล้ว โดยที่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการบ้านวิชาปรุงยาของเขา เขาคงไม่ต้องมาทนหนาวบนพื้นคุกเย็น ๆ อย่างนี้ ไหล่เขาคงจะไม่สั่นร้าวด้วยความเจ็บปวดที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตรงที่มัลฟอยแทงลงมา และแน่นอนว่าเขาคงไม่ต้องขุดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาคิด

แฮร์รี่แทบจะไม่กล้าเปิดเสื้อคลุมออกเพื่อดูว่าแผลบนไหล่เลวร้ายแค่ไหน มั่นใจได้เลยว่ามันจะไม่ชวนมองอย่างแน่นอน และในทางกลับกันเขารู้ว่ามันจะดูแย่กว่ามาก แย่กว่ามาก ๆ

ถ้าเกิด – ในความต้องการที่จะล้างแค้นและความเกลียดชังศัตรูของมัลฟอย – เขาใช้มีดเชือดคอแฮร์รี่ขึ้นมาจริง ๆ ล่ะ มันเป็นไปได้อยู่แล้ว คนอย่างมัลฟอยไม่ต้องการพละกำลังอะไรมากมายเพื่อที่จะฆ่าคนหรอก มันเป็นส่วนหนึ่งในธรรมชาติของพวกเขา ผู้คนไม่ใช่มนุษย์ที่มีเลือดเนื้อสำหรับพวกเขา แต่เป็นอุปสรรคที่คอยขวางประตูสู่เป้าหมายของพวกเขาต่างหาก

แฮร์รี่พูดเป็นเชิงได้ว่าที่มัลฟอยฆ่าเขาไม่ได้เพราะเขารู้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้น และความจริงที่ว่านั้นก็ทำให้มัลฟอยขุ่นเคืองไม่รู้จบสิ้น ไม่ใช่ว่าหมอนั่นจะฆ่าเขาไม่ได้หากเขามีโอกาส แฮร์รี่ค่อนข้างมั่นใจว่ามัลฟอยคงไม่มีปัญหาอะไรที่จะแทงเขาเข้ามาที่ข้างหลังอยู่แล้ว ไม่สิ มัลฟอยแค่ไม่มีโอกาสที่จะพิสูจน์ว่าเขาฆ่าแฮร์รี่ได้ เพราะโวลเดอมอร์คงไม่ยอมให้คนอื่นทำแบบนั้น โวลเดอมอร์ต้องการการล้างแค้นครั้งสุดท้ายเหนือกว่าใคร และมัลฟอยก็ทำได้แค่นั่งดูเท่านั้น ในทางตรงกันข้าม มัลฟอยมีหน้าที่ต้องปกป้องแฮร์รี่เพื่อให้เขามีชีวิตรอดจนกว่าจะถึงมือโวลเดอมอร์ นั่นคงจะสวนกระแสความเย่อหยิ่งของมัลฟอยอยู่ไม่น้อย

แน่นอน ถ้าแฮร์รี่จะต้องหนี มันคงจะง่ายขึ้น 'ถ้า'เหรอ? ไม่ ต้องเป็น'เมื่อ' มันจะต้องมีทางออก เขาเป็นเด็กชายผู้รอดชีวิตเชียวนี่ เขาหนีจากโวลเดอมอร์มาได้หลายครั้งแล้ว และเขาจะต้องหนีจากเดรโก มัลฟอยได้เหมือนกัน บางทีหากเขาเล่นเล่ห์เพทุบายได้ดีพอ เขาอาจจะจัดการกับเจ้าสลิธีรินนั่นได้ ยั่วให้เขาโกรธจนเขาเปิดประตูให้ เอาไม้กายสิทธิ์คืนมา แล้วยังไงต่อ? เรื่องนั้นไว้ค่อยคิดทีหลังตอนเวลานั้นมาถึง ก่อนอื่นเขาจะต้องคอยกวนประสาทมัลฟอย และถ้าเขาสามารถหยั่งรู้ได้อยู่ลึก ๆ ก็ดูเหมือนว่าเขาได้เริ่มมันแล้ว

แฮร์รี่เกือบจะสงสัยว่าสีหน้าของมัลฟอยจะเป็นยังไงในขณะที่เขาหันหลังให้อยู่ ไม่ อันที่จริงเขาอยากรู้มากเลยทีเดียว อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะงัดลูกไม้อะไรมาใช้กับเขาอีก มัลฟอยไม่พูด ไม่ส่งเสียง ไม่มีอะไรที่จะเป็นเบาะแสให้แฮร์รี่ได้เลย ถึงอย่างนั้นแฮร์รี่ก็ไม่คิดจะยอมอ่อนข้อให้หรอก แม้จะมีความอยากรู้อยากเห็นอยู่ก็เถอะ แต่สำหรับคนที่ชอบต่อปากต่อคำจนถึงที่สุดแล้ว มันก็ค่อนข้างน่าแปลกใจที่มัลฟอยผู้ที่เอาแต่สบประมาทคนอื่นกลับกลายเป็นเงียบขรึม แม้กระทั่งตอนที่เขาอยากรู้ น้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แฮร์รี่แทงใจดำเขาอย่างนั้นเหรอ? มัลฟอยรู้ดีว่าเขาไม่มีทางฆ่าแฮร์รี่ด้วยตนเองได้ นั่นเข้าไปรบกวนความคิดของหมอสลิธีรินนั่นจริง ๆ เหรอ

แฮร์รี่ขบริมฝีปากล่าง มันอาจจะไม่ถูกเสียทั้งหมด บางทีคำพูดที่ไม่ทันคาดคิดของเขาอาจใกล้เคียงกับความจริงมากเกินไปหน่อยหรือเปล่า? มัลฟอยเป็นคนขี้ขลาดมาโดยตลอด เขาหลบอยู่หลังเพื่อนตัวโตของเขา วิ่งหนีก่อนใครอื่นเมื่อรู้ว่ามีอันตราย ใช้ชื่อของพ่อมาเป็นเกราะป้องกัน ต้องเป็นอย่างนี้แน่ เขาก็แค่เป็นคนขี้ขลาด และแฮร์รี่ก็เรียกเขาว่าอย่างนั้น ใช่ เห็นได้ชัดอยู่แล้ว... ไม่ ไม่ใช่เลย แฮร์รี่ขบฟันแน่นเข้าไปอีก

ตอนที่เขาเรียกมัลฟอยว่าเขาเป็นคนขี้ขลาดครั้งแรก คือตอนที่เขาบอกว่ามัลฟอยเอาแต่เกาะอยู่ใต้เสื้อคลุมพ่อตนเอง มันเป็นการโต้ตอบโดยที่ไม่ทันตั้งตัวและค่อนข้างแรงทีเดียว เขารู้สึกถึงลำคอปิดลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงตอนที่มัลฟอยกล่าวหาพ่อแม่ของเขา ถ้าไม่มีกรงเหล็กกั้นอยู่ตรงนั้น เขาจะบีบคอมัลฟอยให้หักด้วยมือของเขาเอง อีกแค่สองนิ้วเขาก็จะได้ตัวอีกฝ่ายแล้ว เสียแต่ว่าเขาถูกขังอยู่ในนี้และเขาไม่สามารถที่จะทำอะไรเพื่อปกป้องพ่อแม่เขาได้นอกจากถลึงตาใส่เจ้าบ้านั่นที่ไปว่าพ่อแม่เขาก่อน หากสายตาสามารถฆ่าได้...

น่าเสียดายที่มันทำไม่ได้ น่าตลกนะที่มัลฟอยเสนอหน้ามาแค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่สายตาทำได้ก็ได้ ดวงตาสีเทาคู่นั้น ที่คอยหรี่ลงยามดูถูกเหยียดหยาม คอยเบิกกว้างเมื่อมีภัย มันเป็นครั้งแรกที่ตาของมัลฟอยดูมีความรู้สึกในสายตาของแฮร์รี่ และประกายที่เขาเห็นในนั้นคือความกลัว ซึ่งมันก็สาสมกับเขาแล้ว ความกลัวคือสิ่งที่ฉายออกมาในดวงตาคู่นั้น แต่ทว่ายังมีอย่างอื่นด้วยเช่นกัน

แฮร์รี่คลายริมฝีปากล่างออกมาจากฟันที่กัดอยู่ แล้วเปลี่ยนมาเป็นดูดกระพุ้งแก้มเข้าไประหว่างฟัน เขากัดลงไปอย่างแรง ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาสกัดจิตใจเขาจากความรู้สึกหนึ่งที่กำลังใกล้เข้ามา ใช่แล้ว มีความกลัวอยู่ในนั้น แต่ก็ยังมีบางอย่างที่คล้ายกับความรู้สำนึก ความรู้สำนึกเหรอ? จะมีอะไรที่เขาสำนึกได้กัน สำนึกว่าแฮร์รี่ทุกข์ใจเพียงใดอย่างนั้นเหรอ นั่นคงจะต้องใช้ความเข้าใจถึงอารมณ์มนุษย์เป็นอย่างมาก ซึ่งหมอนั่นไม่มีมนุษยธรรมอยู่ในสายเลือดมากพอที่จะสำนึกถึงความรู้สึกที่อ่อนไหวง่ายดังเช่นความรักได้ แม้ว่ามันจะกระแทกเข้ามาตรงหน้าเขาก็ตามที

เขาปล่อยกระพุ้งแก้มออกจากฟัน แล้วสิ่งนั้นมาจากไหนกันนะ?

เขาไม่มีเวลาไปคิดเกี่ยวกับมันมาก เพราะขบวนความคิดของเขาจะถูกขัดจังหวะด้วยเสียงไอ หลังจากหลายชั่วโมงที่เก็บตัวเงียบ เขาก็ตัดสินใจปล่อยให้ความอยากรู้เอาชนะตนเอง เขานั่งนิ่ง ๆ เป็นเวลานานมากจนกระทั่งรู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อจะขาดออกจากกันขณะที่เขาขยับหันหลังไปติดกำแพงแล้วใช้สายตาจับจ้องไปที่มัลฟอย ภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏแก่สายตาเขาดูน่าตกใจอยู่ไม่น้อย

มัลฟอยขดตัวห่ออยู่ใต้ผ้าห่มนวมปักลายน่ารักคลุมโปงมาถึงศีรษะ แต่ยังเผยให้เห็นทรงผมเปรียบแปร้ของเขาที่ยุ่งเหยิงออกมา และที่น่าขันไปกว่านั้นไหล่ของเขากำลังสั่นเทิ้ม แม้จะเพียงแผ่วเบาแต่ก็มองออกว่าสั่น แฮร์รี่อ้าปากออกมาด้วยความประหลาดใจ นี่เป็นโอกาสอันดีเกินกว่าจะพลาด ศึกครานี้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

"เป็นอะไรไปล่ะ มัลฟอย นายทำตุ๊กตาหมีหายเหรอ"

คนผมบลอนด์เงยศีรษะขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าของมัลฟอยที่แสดงถึงอะไรบางอย่างที่แปลกออกไป มันคือความรู้สึก เป็นไปตามแผน เจ้างูน้อยนั่นยังมีอะไรบางอย่างที่คล้ายคลึงกับอารมณ์ของมนุษย์ แฮร์รี่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นอารมณ์แบบไหน แต่มันดูจริงใจ...ใกล้เคียง

"นายว่าอะไรนะ พอตเตอร์" เสียงของเขาต่ำทุ้มและแหบแห้ง

"โอ้ ขอโทษที ฉันรบกวนเวลาส่วนตัวของนายรึเปล่า ฉันจะปล่อยให้นายอยู่คนเดียวแล้วกันนะ... โอ๊ะ เดี๋ยวสิ ฉันทำไม่ได้นี่นา แย่จังเลยนะมัลฟอย"

"นายมีปัญหาอะไร" น้ำเสียงเนิบ ๆ ตอบกลับ

"ขอฉันคิดเดี๋ยวนะ" แฮร์รี่หยุดครู่หนึ่ง "อ้อใช่ ฉันจำได้แล้ว ฉันถูกจับมาขังอยู่ในคุกกับนาย เฝ้ารอความตายจากน้ำมือของพ่อมดมืดสติเฟื่อง นั่นแหละคือปัญหา" แฮร์รี่พ่อลมหายใจออกมาทางจมูก ซึ่งนั่นส่งผลให้รู้สึกเจ็บที่หัวไหล่ และทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อย "เกือบลืมไปว่ายังมีแผลที่โดนแทงตรงนี้ด้วย"

มัลฟอยลังเลอยู่ชั่วเสี้ยวหนึ่ง ไม่นานนักแต่ก็เพียงพอที่แฮร์รี่จะสังเกตเห็น ก่อนจะโต้กลับมาในที่สุด "ก็สมควรกับนายแล้ว"

แฮร์รี่จ้องมองมัลฟอยพลางอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ เด็กหนุ่มสลิธีรินหลบตาเขา ก่อนจะแสร้งทำเป็นยืดคอสูงเหมือนนกยูงรำแพน "สมควรกับฉันแล้ว? สมควร? นายเอาอะไรมาตัดสิน"

"นายใช้เวลาทั้งชีวิตแกว่งเท้าหาเสี้ยนกับเรื่องที่ใหญ่เกินตัว" มัลฟอยเหยียดหยัน "นายเดินวางมาดไปทั่วอย่างกับนายเป็นเจ้าของโรงเรียน และศาสตราจารย์ทุกคนก็ประจบสอพลอนายโดยการมอบสิทธิพิเศษให้ โดยเฉพาะคนรักเลือดสีโคลนดัมเบิลดอร์ นายเลือกที่จะสู้กับพ่อมดมืดที่มีพลังอำนาจมากที่สุดแห่งยุค และตลอดกาล" เดรโกหันมามองแฮร์รี่ ค่อย ๆ ใช้สายตาจับจ้องไปที่เหนือคิ้วของเขา "นายเข้ามายุ่งกับครอบครัวของฉัน ซึ่งนั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย พอตเตอร์"

แฮร์รี่กลืนน้ำลาย เขาจะเริ่มต่อกรกับคำกล่าวหาพวกนั้นจากตรงไหนก่อนนะ? เขาถอนหายใจ งั้นก็เริ่มจากบนสุดแล้วค่อยไล่ลงมาเรื่อย ๆ "มัลฟอยฉันอายุได้แค่ขวบเดียวตอนที่ฉันมีส่วนเกี่ยวพันกับโวลเดอมอร์" มัลฟอยผงะเมื่อได้ยินชื่อนั้น แต่แฮร์รี่ไม่สนใจแล้วพูดต่อ "ครั้งล่าสุดที่ฉันตรวจดูหนังสือประวัติศาสตร์ เขาโผล่เข้าในบ้านฉัน ฆ่าพ่อแม่ของฉัน และจากนั้นเขาก็พยายามจะฆ่าฉัน ฉันยังเด็กเกินจะจำความได้ แต่นายบอกว่าฉันเป็นคนเลือกที่จะต่อสู้อย่างนั้นเหรอ น่าตลกสิ้นดี มัลฟอย มันเป็นไปไม่ได้ แต่น่าตลก"

"ไม่ใช่อย่างนั้น เจ้าเซ่อ ฉันหมายถึงตอนที่อยู่โรงเรียน นายไปแส่หาเรื่องจอมมารเอง ปีที่แล้วก็แย่พอตัว เข้าไปเดินเล่นในกระทรวงอย่างกับตัวเองเป็นวีระบุรุษ แต่นายเป็นคนเริ่มต้นเรื่องทั้งหมดตั้งแต่แรกนี่นะ พ่อฉันเล่าให้ฟังหมดแล้ว นายแค่อยากจะเป็นกริฟฟินดอร์ผู้กล้าหาญ คอยปกป้องศิลานั่น เข้าไปยุ่งกับห้องแห่งความลับ โรงเรียนจะไม่มีต้องมีพวกเลือดสีโคลนโสโครกนั่นอยู่แล้ว แต่นายกลับเข้ามาขวาง"

แฮร์รี่ดันตัวเองลุกขึ้นยืน พยายามข่มสีหน้าไม่ให้แสดงถึงความเจ็บปวดใด ๆ ถึงแม้ไหล่ของเขารู้สึกปวดร้าวลามลงมาถึงแขนและทรวงอก เขาเดินอย่างช้า ๆ และระมัดระวังมุ่งตรงไปยังราวกั้นห้องขัง "อย่าว่าคนอื่นแบบนั้นมัลฟอย พวกเขาเป็นแม่มดและพ่อมดที่ดีที่ถูกสัตว์ประหลาดนั่นทำร้าย ทั้งดีกว่าและน่าเคารพกว่าบางคนที่ฉันไม่อยากเอ่ยถึง" แฮร์รี่จ้องเข้าไปในตามัลฟอยอย่างมีความหมาย

มัลฟอยพูดอย่างดูถูก "ดีกว่าอะไรล่ะ เด็กฮัฟเฟิลพัฟกับเด็กครีฟวีย์กะหร่องนั่นน่ะเหรอ และเจ้าสัตว์นั่นคงจะทำความดีความชอบให้แก่โรงเรียนน่าดูหากว่ามันฆ่ายัยเกรนเจอร์ได้"

ความเดือดดาลปะทุขึ้นมาในอกของแฮร์รี่ เขาเอื้อมมือไปจับราวเหล็กแน่นราวกับจะดัดมันให้โค้งงอออกได้ด้วยมือของเขาเอง แล้วออกไปบีบคอคนที่อยู่อีกฝาก ใจเย็นไว้ แฮร์รี่ นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ อย่าตกเป็นเหยื่อ ต้องเป็นคนคุมเกม เขาเลื่อนมือลงมา ขบขากรรไกรแน่นแล้วเปล่งเสียงราบเรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ "นายแค่อิจฉาเธอ"

"นายกำลังพูดเรื่องอะไร พอตเตอร์"

เขาตั้งคำถาม นั่นหมายความว่าเขากำลังตั้งรับ "เหตุผลที่นายอยากจะเขี่ยเฮอร์ไมโอนี่ออกไปให้พ้นทาง นั่นเป็นเพราะเธอเอาชนะนายได้ในทุก ๆ ด้าน แม้กระทั่งการปรุงยา"

"หึ นายประเมินค่าเพื่อนเลือดสีโคลนของนายสูงเกินไปแล้ว"

แฮร์รี่ส่ายหน้า จากความโกรธกลายเป็นความแน่วแน่ แล้วจากนั้นก็เริ่มเปิดเกม "อ้อ ฉันประเมินเธอสูงแน่นอน ไม่ใช่แค่เพราะเธอฉลาดกว่านายหรอกนะ นายอิจฉาเธอ ไม่อย่างนั้น นายก็อิจฉาที่เธอได้เป็นเพื่อนกับฉัน ใช่รึเปล่าล่ะ มัลฟอย นายแค่ต้องการจะเข้าหาฉัน เป็นอย่างไหนล่ะ? อิจฉาคะแนนของเธอ..." แฮร์รี่หยุดแล้วเลิกคิ้วขึ้น รุกฆาตได้ "...หรืออิจฉาที่เธอได้เป็นเพื่อนกับฉัน"

ใบหน้าของมัลฟอยบูดเบี้ยวเหมือนกับว่าได้กินเนยแข็งรสชาติแย่เข้าไป เขากระอึกกระอักเล็กน้อยก่อนจะตะคอกใส่ "ฉันไม่มีความปรารถนาที่จะลดตัวไปเปรียบเทียบกับพวกเลือดสีโคลน และฉันก็ไม่ได้อิจฉาด้วยว่าใครจะเป็นเพื่อนกับนาย" คำสุดท้ายถูกเปล่งออกมาอย่างชัดเจน

แฮร์รี่หรี่ตาลงจ้องมองมัลฟอยผ่านเลนส์แว่นตา พร้อมระบายรอยยิ้มอย่างมีชัย ง่ายดีแท้"ฉันไม่ค่อยเชื่อหรอกนะ เฮอร์ไมโอนี่กับรอนเป็นแม่มดและพ่อมดที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยรู้จักมา พวกเขายอมตายเพื่อฉัน และฉันก็ยอมตายเพื่อพวกเขา นั่นคือความภักดี มัลฟอย และนั่นก็มากพอแล้วที่ใคร ๆ จะอิจฉา"

"แครบกับกอยล์ –"

"– จะกระดิกหางรัว ๆ เมื่อมีคนป้อนอาหารสุนัขให้ อ้อใช่ มันเป็นอะไรที่วิเศษจริง ๆ"

เดรโกไม่ทันรู้ตัวเลยว่าเขาเขยิบเข้ามาอยู่ใกล้ระยะห่างแค่มือพอตเตอร์เอื้อมไม่ถึง

"แครบกับกอยล์จะทำทุกอย่างที่ฉันสั่งให้ทำ"

"สุนัขก็ทำแบบเดียวกัน พวกเขาเดินตามนายต้อย ๆ เหมือนสุนัขรับใช้ตัวโต ถึงแม้ว่าจะไม่แสนรู้ แต่นายก็ยังใช้เขา ถ้าไม่มีคนที่ตัวใหญ่และแข็งแรงกว่าให้หลบอยู่ข้างหลัง นายก็ไม่เหลืออะไร"

เดรโกรู้สึกได้ถึงความหงุดหงิดกำลังพวยพุ่งขึ้นเป็นความโกรธขณะที่เขาจ้องนักโทษผู้แสนจะอวดดีของเขา พอตเตอร์เป็นนักโทษของเขา อยู่ใต้การควบคุมของเขา และหมอนั่นกล้าดียังไงมาดูถูกดูแคลนเขา เดรโกรู้สึกได้ถึงมือที่เริ่มสั่น เขาม้วนมันขึ้นเป็นกำปั้น และหวังว่าพอตเตอร์คงไม่เห็น "เมื่อไม่มีเพื่อนมาคอยช่วยอยู่ตรงนี้ นายก็ไม่เหลือใครนอกจากตัวเองเหมือนกันแหละ พอตเตอร์" เขาขู่

เด็กหนุ่มผมดำเอียงศีรษะอย่างครุ่นคิด แววตาประกายความมั่นใจเด่นชัด แม้จะมีแว่นตาพัง ๆ ขั้นอยู่อย่างไม่มั่นคงบนจมูก "ถ้านายมั่นใจในตัวเองขนาดนั้น มัลฟอย ทำไมนายไม่คืนไม้กายสิทธิ์ฉันมา ปล่อยฉันออกไป แล้วมาสู้กับฉันตัวต่อตัวเลยล่ะ"

ความรุ่มร้อนเริ่มเพิ่มสูงขึ้นที่หลังใบหูของเดรโก ณ เวลานี้ ไม่มีสิ่งใดที่เขาต้องการไปมากกว่าการได้ดวลกับคนในห้องขังอีกแล้ว เพื่อที่จะทำให้พอตเตอร์รู้ว่าเขาไม่ควรจะพูดแบบนั้น นอกเสียจากว่า มันคือกลอุบายของเขา พอตเตอร์พยายามจะยั่วให้เขาโกรธจนเขาปล่อยอีกฝ่ายออกมา พยายามให้หนักกว่านี้พอตเตอร์ นั่นมันยังไม่ได้ผล

เดรโกข่มตัวเองให้ผ่อนลมหายใจอย่างช้า ๆ และมั่นคง "ดูเหมือนว่านายจะชอบใช่ไหม พอตเตอร์"

แฮร์รี่พ่นลมหายใจออกมาทางจมูก "ที่จริงฉันอยากจะเข้าห้องน้ำ ฉันต้องไปที่ไหนล่ะ"

ริมฝีปากเดรโกยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน เขายกมือชี้ไปยังหลุมที่พื้นตรงมุมห้องขัง "ตามสบายเลยนะพอตเตอร์ ฉันมั่นใจว่ามันคงไม่ต่างอะไรมากจากบ้านของวีสลีย์นักหรอก" เขายื่นคางออกมา ดูว่ารอบนี้เขาจะชนะรึเปล่า

พอตเตอร์ก้าวไปยังมุมห้องด้วยขาข้างเดียว แต่การวางท่ายังเหมือนเดิม "ไม่มีอะไรในครอบครัวนายจะดีได้ถึงครึ่งของครอบครัววีสลีย์ และตอนนี้จะว่าอะไรไหมถ้าฉันจะต้องการความเป็นส่วนตัว"

เป็นอีกครั้งที่พอตเตอร์หันหลังให้เดรโก ปล่อยให้เขาอ้าปากค้าง เจ้าคนเหลือเชื่อนั่นทำแบบนี้อีกแล้ว พอตเตอร์ทำให้เขาไขว้เขวได้ตลอดแบบนี้ได้ยังไงกัน

เดรโกหันหน้าหนีจากห้องขัง ยังคงสับสนและหงุดหงิด เขาไม่ต้องการจะเห็นพอตเตอร์ทำธุระจึงกลับไปนั่งหลังงอพิงเก้าอี้อย่างอารมณ์เสีย ดีแล้วที่พ่อไม่ได้มาเห็นเขาตอนนี้ เพราะเป็นมัลฟอยต้องห้ามทำหลังงอ

เขาเตะพื้นเล่นอย่างเหม่อลอย พยายามไม่สนใจเสียงน้ำราดลงในหลุมบนพื้น นี่คงใกล้จะเช้าแล้ว เพราะเขาได้ยินเสียงท้องเขาร้องโครกครากถามหาอาหารเช้า แต่ก็น่าแปลก เขาไม่เห็นรู้สึกหิวเลย เดรโกแอบเห็นพอตเตอร์ออกมาจากมุมห้องขังและกลับไปที่ที่เขานอนเมื่อคืนแล้ว

เดรโกทอดสายมองตรงไปยังกำแพงที่อยู่ตรงหน้า พยายามอย่างที่สุดที่จะปล่อยใจให้ว่างเปล่า เขาไม่คิดว่าเรื่องมันจะยุ่งเหยิงมาถึงขั้นนี้ได้ คงเหลืออีกสามอาทิตย์สำหรับหน้าที่ผู้ดูแลของเขาก่อนที่จะส่งตัวพอตเตอร์ไปให้โวลเดอมอร์ ถ้าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมามันแย่ได้ขนาดนี้ แล้วเขาจะรับมือกับอีกหลายชั่วโมงที่เหลือได้ยังไง เขาไม่คิดเลยสักนิดว่าการได้มาค้างคืนกับพอตเตอร์เป็นเรื่องสนุก และในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่เคยคิดว่าคนที่อยู่อีกฝากของลูกกรงจะมีผลกระทบต่อเขามากขนาดนี้

ความคิดของเขาถูกขัดจังหวะด้วยเสียงท้องร้องที่ดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก่อนที่เขาจะบอกให้มันเงียบ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา และบิดดี้ปรากฏก็ตัวตรงหน้าเขาพร้อมถือถาดที่มีน้ำฟักทอง ขนมปังปิ้ง เบคอน ผลไม้ และกาน้ำชาร้อนกรุ่นวางอยู่

"นายท่านมัลฟอยเจ้าคะ บิดดี้ถูกส่งมาโดยนายหญิงมัลฟอย นายหญิงบอกบิดดี้ว่าให้มาเตือนนายท่านให้ทานอาหารเช้าด้วยเจ้าค่ะ"

เดรโกขมวดคิ้ว "ฉันไม่หิว"

"นายหญิงกำชับมาแบบนี้เจ้าค่ะ" เอลฟ์ประจำบ้านลังเล "นายท่านมัลฟอยอาวุโสก็ต้องการให้บิดดี้บอกนายท่านว่านักโทษก็ต้องทานด้วยเจ้าค่ะ"

เดรโกสังเกตเห็นว่ามีถ้วยสองใบอยู่จริง ๆ อยู่ถัดจากเหยือกน้ำฟักทอง และมีจานเปล่าอีกหนึ่งใบ เขากลอกตาแล้วพยักหน้าให้ จริงอยู่ว่ามัลฟอยต้องมีมารยาทอยู่เสมอ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องทานอาหารร่วมกับพอตเตอร์นี่ บางทีบิดดี้อาจจะถูกสั่งให้จัดเตรียมอาหารไว้สำหรับพอตเตอร์กับตัวเขาเอง และไม่ได้ตระหนักว่ามันไม่เหมาะสมที่จะให้นักโทษทานอาหารเช่นเดียวกับผู้จับกุม เดรโกถอนหายใจ เขาไม่มีกำลังมากพอที่กล่าวโทษเอลฟ์ประจำบ้านที่เพิกเฉยตอนนี้

"นายท่านมัลฟอยต้องการอะไรจากบิดดี้อีกหรือเปล่าเจ้าคะ"

เขาส่ายศีรษะ "ไม่ ไปได้แล้ว"

"เจ้าค่ะนายท่านมัลฟอย" หล่อนก้มลงไปหยิบเอาถาดที่วางทิ้งไว้เมื่อคืน ซึ่งมีกาน้ำชาที่ยังเต็มวางอยู่

ในขณะที่หล่อนกำลังยืนขึ้นเพื่อที่จะหายตัวไปยังห้องครัว เดรโกจับตามองเธอขณะที่นั่งงอตัวอยู่บนเก้าอี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เดรโกใช้สายตามองเอลฟ์ประจำบ้านในระดับเดียวกัน ด้วยการสวมปลอกหมอนเก่า ๆ ซอมซ่อดูสิ้นเนื้อประดาตัว ก็เป็นการสมควรที่ผู้เป็นมัลฟอยจะต้องลดสายตาลงมามอง แต่ตอนนี้เขามองในระดับสายตา และไม่มีทางปฏิเสธได้ว่าเขาไม่ได้มอง เนื่องจากถูกทำร้ายทางอารมณ์ นี่เป็นแค่อีกสิ่งหนึ่งที่กระทบกระเทือนสมองเขาในทิศที่ไม่เคยโดนมาก่อน เขาไม่ได้ตั้งใจพูดมันออกไปจริง ๆ มันต้องเป็นสิ่งที่หลุดออกมาจากก้นบึ้งของความคิดที่กำลังหมุนเคว้งของเขาเป็นแน่ และบางทีนี่อาจเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มัลฟอยมองเข้าไปในตาเอลฟ์ประจำบ้านจริง ๆ แล้วพูดว่า "ขอบคุณ"

หูของบิดดี้ตั้งชันขึ้นด้วยความปลื้มปิติ และบนขอบตาที่กำลังเบิกกว้างมีน้ำรื้นออกมา หล่อนเริ่มผงกศีรษะด้วยความตื่นเต้น แล้วส่งเสียงแหลมดัง "โอ้ นายท่านมัลฟอย!ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งเจ้าค่ะ! หากนายท่านต้องการอะไรจากบิดดี้อีก เรียกได้เลยเจ้าค่ะ!" หล่อนเกือบจะทำถาดตกเพราะโค้งศีรษะลงต่ำ แล้วหายตัวไปทั้งอย่างนั้น

เดรโกวางเท้าลงแนบกับพื้นหินแล้วเหยียดหลังขึ้นตรงบนเก้าอี้เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนเพิ่งทำลงไปและสิ่งที่บิดดี้พูดออกมา มันเป็นอะไรที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน พ่อของเขาคงจะไม่เห็นด้วยอย่ากมาก เป็นมัลฟอยต้องไม่ขอบคุณเอลฟ์ประจำบ้าน เพราะมันจะนำความยโสมาสู่สิ่งมีชีวิตนั้น และมันจะหลงระเริงคิดว่าตนสมควรได้รับคำขอบคุณ

บิดดี้ไม่เคยบอกให้บอกให้เขา "เรียก" หากเขาต้องการอะไร แน่นอนเขาต้องเรียกอยู่แล้วถ้าเขาต้องการ ไม่ว่ามันจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และมันก็ต้องมาตามคำสั่งโดยไม่ต้องมีการขอบคุณเป็นค่าตอบแทน มันเป็นหน้าที่ของเอลฟ์ประจำบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นนี่มันดูต่างออกไป มันไม่ใช่การรับใช้โดยการขู่เข็ญหรือบีบบังคับ บิดดี้รับใช้เขาอย่างเต็มใจ มันผิดไปจากที่ควรอย่างมาก แต่เขากลับรู้สึก... ดี บางทีพอตเตอร์ต้องทำอะไรกับเขาแน่

แฮร์รี่มองไปที่มัลฟอย เขาต้องเสียสติไม่แล้วแน่ ๆ เพราะเมื่อตะกี้เขาได้ยินเหมือนกับมัลฟอยเพิ่งจะขอบคุณเอลฟ์ประจำบ้าน นั่นแหละ เขาเสียสติไปแล้ว

มัลฟอยคงรู้ว่าแฮร์รี่มองอยู่ จึงเปลี่ยนสีหน้าเป็นเชิงดูถูกดังเดิม "มองอะไรของนาย พอตเตอร์"

"ฉันมีความคิดว่า แวบหนึ่ง ดูเหมือนนายจะมีความเป็นมนุษย์ แต่ไม่ต้องคิดมากหรอก เพราะฉันกลับมาคิดได้ว่าฉันคงเสียสติไป" แฮร์รี่เอนหลังพิงกำแพงแล้วหลับตาลง เตรียมพร้อมรับมือกับคำพูดที่อีกฝ่ายจะโต้กลับมา

"นายจะไปรู้อะไร พอตเตอร์"

แฮร์รี่ดันหลังออกมาจากกำแพงแล้วหันไปที่มัลฟอย สิ่งที่มัลฟอยพูดออกมาไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ อีกคนยังคงทำหน้านิ่วใส่แฮร์รี่อย่างดูหมิ่น แต่น้ำเสียงของเขาไม่ได้แฝงไปด้วยความแข็งกร้าวเหมือนอย่างเคย มันฟังดูเหมือน... ความสับสน

"มัลฟอยจะต้องมีมารยาทเสมอ" เดรโกว่าต่อ "ฉันแค่ยึดตามหลักของชื่อฉัน"

"นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันสนใจจะพูดถึง ฉันรู้ดีว่าพ่อของนาย 'มีมารยาท' กับด๊อบบี้ขนาดไหน ฉันไม่เคยเห็นใครปฏิบัติต่อสิ่งมีชีวิตได้น่ารังเกียจขนาดนี้มาก่อน" ความคิดของแฮร์รี่ว่าต่อให้จบประโยคในใจ ถ้าไม่นับสิ่งที่ครอบครัวเดอร์สลีย์ปฏิบัติกับฉัน

"พ่อฉันจะเคารพและให้เกียรติต่อผู้ที่มีศักดิ์สูงเท่ากันเท่านั้น" มัลฟอยขึ้นเสียง แม้น้ำเสียงจะเริ่มสั่นเครือ

"ผู้ที่มีศักดิ์สูงเท่ากันจึงมีอำนาจที่จะทำร้ายสิ่งมีชีวิตไร้ทางสู้ ปล่อยให้พวกเขาอดหาร เพื่อที่จะทำให้ตนรู้สึกเป็นใหญ่อย่างนั้นเหรอ พ่อนายคงป่วยไปแล้ว"

"พ่อฉันเป็นคนยิ่งใหญ่!" มัลฟอยแผดเสียงเหมือนช้างโดนยิง "เขาเป็นคนทะนงตนและทรงเกียรติ และเป็นผู้ค้ำจุนธรรมเนียมที่ทะนงและทรงเกียรติของครอบครัว"

"ธรรมเนียมของอะไรนะ ความอำมหิตน่ะเหรอ"

ลมร้อนในใจมัลฟอยค่อย ๆ ถูกปล่อยออกมา "ฉันไม่คิดว่านายจะเข้าใจหรอก"

แฮร์รี่พยักหน้า "ไม่เป็นไร เพราะฉันก็ไม่คิดว่าฉันอยากจะเข้าใจ" จะมีอะไรต้องให้เข้าใจอีกล่ะ ลูเซียส มัลฟอย ผู้มีจิตใจชั่วร้ายต้นแบบ และ เดรโก มัลฟอย ผู้มีจิตใจชั่วร้ายระหว่างการฝึกฝน ธรรมเนียมของมัลฟอยก็คือความเป็นสลิธีริน ความเจ้าเล่ห์และความอยากได้มาซึ่งอำนาจ ไม่มีสิ่งใดสูงค่าเกินไป ไม่แม้กระทั่งชีวิตคน

แล้วทำไมมัลฟอยถึงขอบคุณบิดดี้ล่ะ

มันอาจจะเป็นอีกเกมหนึ่ง มัลฟอยพยายามจะเข้ารบในสงครามจิตใจกับเขา อาจเป็นการปฏิยุทธ์ แต่เกมนี้ดูต่างออกไป แฮร์รี่ชักเริ่มอยากรู้แล้วว่ามันจะเป็นยังไง

มัลฟอยแกว่งเท้าไปกับพื้น และเอนไปพิงเก้าอี้อีกครั้งพลางมองถาดอาหารเช้าตรงหน้า แฮร์รี่มองเขาอยู่เงียบ ๆ รอดูว่าเด็กหนุ่มบ้านสลิธีรินจะทำอะไรต่อไป

"เอาน้ำชาไหม"

"อะไรนะ" แฮร์รี่พบว่าตนกำลังถามอีกฝ่าย ไม่สามารถห้ามเสียงไม่ให้ฟังดูประหลาดใจได้

"นายหูหนวกรึไง ฉันถามว่าเอาน้ำชาไหม ฉันจะต้องแบ่งอาหารให้นาย จำไม่ได้เหรอ ฉันไม่ได้ลำบากอะไรอยู่แล้ว แต่นายจะหมดประโยชน์กับคนที่คุณก็รู้ว่าใคร ถ้านายอดอาหารตาย"

มัลฟอยไม่ได้เอ่ยชื่อโวลเดอมอร์ ถ้าเอามาคิดดูดี ๆ พ่อของเขาก็ไม่เช่นกัน แฮร์รี่คิดได้ในสมองส่วนลึกของเขา ดีล่ะ เขาจะเก็บเอาข้อมูลนี้ไว้ใช้ให้เกิดประโยชน์ในภายหลัง "ชาเหรอ?"

"อย่าให้ฉันพูดอีกรอบ พอตเตอร์ ไม่งั้นนายจะได้อาบแทนดื่ม"

"ใส่น้ำตาลรึเปล่า"

"ใส่น้ำตาลเหรอ ไร้สาระ มันไม่เหมาะสมที่จะใส่น้ำตาลลงในชา" นั่นเป็นสิ่งที่แม่เขาบอกมา และเดรโกก็จำได้ดี

แฮร์รี่พยักหน้า "งั้นไม่ล่ะ ขอบใจ มันมักจะขมถ้าไม่ใส่น้ำตาล"

เดรโกเงยหน้าขึ้นมาจากถาดอาหารเช้าเล็กน้อยก่อนชำเลืองมองพอตเตอร์ด้วยหางตา เขากำลังเล่นเกมอะไรอีกนะ พอตเตอร์จะพูดแบบนั้นไม่ได้! มันเหมือนกับ...เหมือนกับ... เขาจะไม่มีทางชอบดื่มชาแบบเดียวกันกับนักโทษเด็ดขาด ไม่มีทาง เขาคือมัลฟอย

เดรโกก้มศีรษะลงเช่นเดิมพร้อมส่ายไปมาเหมือนพยายามจะไล่ความเหมือนกันนั้นออกไปจากหู ปราศจากคำพูดใด เขาหยิบขนมปังสองแผ่นไปวางไว้บนจานที่อยู่ถัดจากเบคอนหลายชิ้นและน้ำฟักทองเต็มแก้ว พอตเตอร์มองดูทุกการกระทำของเขา ปล่อยเขาทำไป "แอปเปิ้ลหรือส้ม?"

"ฉันไม่หิว"

เดรโกถอนหายใจแล้วพูดซ้ำอีกครั้ง น้ำเสียงหนักแน่นกว่าเดิม "แอปเปิ้ลหรือส้ม"

หยุดครู่หนึ่ง "แอปเปิ้ล"

ท่ามกลางความเงียบ เดรโกถือแก้วกับจานไปที่ห้องขัง มีช่องแนวนอนใหญ่พอที่จะให้สอดจานเข้าไปได้ ในคืนที่เขาถูกขังอยู่ในคุก เขาเคยสงสัยว่าช่องนั้นมีไว้ทำอะไร ตอนนี้เขารู้แล้ว

พอตเตอร์กระเถิบออกห่างไปยังกำแพง นั่นทำให้เดรโกตบเท้ากับพื้นอย่างเหลืออด "การที่นายไม่กินข้าวไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาหรอกนะ" เหมือนกับเขากำลังอ่อยเด็กขี้งอนให้กินข้าว

คำตอบถูกเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงประชด "อ้อ มัลฟอย ฉันเพิ่งรู้ว่านายแคร์ด้วย"

มัลฟอยเกือบทำกับข้าวหล่น ในหัวเขาร้องแย้งกับคำพูดพอตเตอร์ นั่นไม่ได้มีอะไรที่ตรงกับความจริงเลยสักนิด หมอนั่นเป็นอริตลอดกาลของเขา ยังไม่รวมว่าเป็นศัตรูกับครอบครัวของเขาด้วย เขาเกลียดพอตเตอร์ด้วยความรู้สึกแรงกล้า เดรโกมองผ่านสันจมูก พยายามตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติ "ไม่จริงเลยสักนิด ฉันแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น เราจำเป็นจะต้องกินเพื่ออยู่"

พอตเตอร์เอียงตัวไปข้างหน้า จากนั้นคุกเข่าและลุกขึ้นยืนพลางประคองไหล่ซ้ายไว้เห็นได้ชัดเจน เขาทอดสายตามองพื้นขณะเดินมาที่ราวเหล็ก ทำเป็นไม่สนใจเดรโก เขาเอื้อมมือไปหยิบจานแล้วเงยหน้าขึ้นจ้องตากับเดรโก "ฉันยอมตายไปเองดีกว่าจะให้โวลเดอมอร์เอาตัวฉันไปทำเรื่องเลวร้าย หรือไม่อย่างนั้นก็ให้นายเป็นคนฆ่าฉันเอง"

เดรโกไม่สามารถละสายตาไปไหนได้ เบื้องหลังแว่นตาของพอตเตอร์คือนัยน์ตาสีเขียวเพลิง เปี่ยมไปด้วยถ้อยคำที่ไม่ได้พูดออกมา ความรู้สึกแรงกล้าห่อหุ้มอยู่รอบอกของเดรโกแล้วบีบรัดอย่างแรง ความโกรธ ความแค้น ความกลัว...

ในที่สุดพอตเตอร์ก็กลับไปที่ของตนพร้อมกับอาหารเช้า ทิ้งเดรโกให้ยืนอยู่นิ่ง ๆ พลางหายใจลึก ๆ ความผ่าวร้อนในอกได้ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกใหม่ ครั้งนี้ ความรุ่มร้อนที่คุกรุ่นอยู่ข้างในเปลี่ยนเป็นความรู้สึกหายใจไม่ออก ภายใต้จิตใจที่กำลังลุกเป็นไฟ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าความรู้สึกของการถูกทำให้เจ็บเป็นยังไง

พอตเตอร์ทำได้ยังไง เดรโกไม่สนว่าอีกคนจะคิดยังกับเขา กริฟฟินดอร์อ่อนแอ เดรโกเตือนตัวเองอีกครั้ง เขาไม่มีอาวุธและถูกกักขัง ไร้ทางสู้... หากแต่เขาเข้มแข็งมากกว่าเดรโก นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขากลัว สุดท้ายเขาก็พบว่าคู่ปรับของตนอยู่เหนือกว่า แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่น่าหดหู่เพียงใด ก็จะยังคงเป็นอย่างนั้น จนกว่าจะถึงวันที่เขาตาย อย่างน้อยก็ยังมีจบจุดให้เห็นและความรับผิดชอบไม่ได้ตกมาอยู่ที่เดรโก น่าแปลกที่ความคิดนั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นอย่างที่คาดไว้

พอตเตอร์นั่งอยู่เงียบ ๆ ที่เดิมของเขา โยนลูกแอปเปิ้ลไปมาจากมือข้างหนึ่งไปยังอีกข้างอย่างเลื่อนลอย

เดรโกขบกรามเข้า ดึงความชิงชังเข้ามาแทนที่ความกังวลใจ แต่เมื่อทำไม่ได้เขาจึงต้องยอมรับความกังวลใจนั้นต่อไป "นั่นอาหารนะ พอตเตอร์ ไม่ใช่ของเล่น"

โดยไม่มีการเสียจังหวะ พอตเตอร์กัดลูกแอปเปิ้ลคำโตแล้วเอากลับมาโยนเล่นอีกครั้ง เขาพูดอู้อี้เพราะมีแอปเปิ้ลอยู่เต็มปาก "เป็นทั้งคู่นั่นแหละ"

เดรโกรู้สึกได้ถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าวขึ้น ดูเหมือนว่าเขาจะแพ้อีกแล้ว หมอนั่นน่ารำคาญเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้ รอให้จอมมารมาถึงก่อนเถอะ แค่รอ พอตเตอร์ไม่มีทางต่อกรได้แน่นอน ใช่รึเปล่าล่ะ? ไม่ เขาอาจตาย และจากนั้นเขาคงคิดถึงหน้าคู่ปรับตลอดกาลกริฟฟินดอร์น่าสมเพชนั่นที่เขารักที่จะเกลียด

หลายชั่วโมงล่วงเลยไป เดรโกทำหน้าที่เฝ้าดูอย่างเงียบเชียบ พลางห้ามตัวเองไม่ให้เริ่มสงครามคำพูดขึ้นมาอีก และโชคดีที่พอตเตอร์ก็ดูเหมือนจะไม่อยากเริ่มมันเหมือนกัน ลูกแอปเปิ้ลนั้นลูกวางทิ้งไว้ เพียงรอยกัดเดียวของมันเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ไอร้อนหยุดพ่นออกมาจากพวยกาน้ำชามาพักหนึ่งแล้ว บิดดี้มาเก็บเอาถาดอาหารแล้วจากไป ในระหว่างนั้นพอตเตอร์ไม่ได้ขยับหรือพูดอะไรออกมา เช่นเดียวกับเดรโก

เดรโกรู้สึกว่าตนกำลังจะผล็อยหลับไปก่อนเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจะปลุกให้เขาตื่นขึ้น เขาดันตัวตั้งตรงขึ้นมาจากเก้าอี้ แล้วเห็นพอตเตอร์ขดตัวอยู่บนพื้น สีหน้าแสดงความปวดร้าวของเขาถูกบดบังด้วยมือที่กดอยู่บนหน้าผาก เดรโกตกใจกับท่าทางที่เปลี่ยนไปกะทันหันของพอตเตอร์จนไม่มีเวลาที่จะสรรหาคำพูดอื่นใด "เกิดอะไรขึ้น"

พอตเตอร์ใช้เวลาสักพักก่อนจะดึงมือออกมาจากใบหน้า เผยให้เห็นสีหน้าบูดเบี้ยวของเขา แล้วเขาเอ่ยคำหนึ่งออกมาแผ่วเบา "โวลเดอมอร์"

ประตูคุกเปิดออกมาเกิดเสียงดังโครม และเดรโกไม่จำเป็นต้องหันไปมองให้รู้ว่าใครเพิ่งมาถึง

โปรดติดตามตอนต่อไป...

- Date –

  September 19, 2016: Published 100%  

Continue Reading

You'll Also Like

115K 8.3K 41
«ឯងជាមនុស្សតែម្នាក់ដែលអាចធ្វើអោយយើងញញឹមហើយឯងក៏ជាមនុស្សតែម្នាក់ដែលលួចបេះដូងយើងដូចគ្នា!» Top kook bottom tae♡
106K 2.1K 33
"จีมินเป็นอะไรลูก" "จีมินเลือดออก!!" "โซเมทบ้าบออะไรกัน ฉันไม่เป็นกับนายด้วยหรอก ฉันเกลียดนาย เกลียดๆๆๆๆๆได้ยินมั้ย"
17.2K 207 29
ในวันที่พัคจีมินสูญเสียคุณพ่อ.. ผู้หญิงคนนั้นพาจอนจองกุกเข้ามา แล้วบอกเขาว่า "เด็กคนนี้คือน้องของคุณ"
114K 1.3K 20
"ถึงเธอจะหนีฉันไปนรก ฉันก็จะตามตัวเธอกลับมา ปาร์ค จีมิน!!" jK "เธอจะหันมารักฉันบ้างมั้ย คิม ซอกจิน" RM