Eclipse (แปล) | Harry Potter...

By Mainn_

44.9K 483 137

"นายตายแน่พอตเตอร์... คราวนี้ฉันจะเอาคืนให้สาสม" เดรโกปฏิญาณไว้แล้วว่าจะคิดบัญชีกับแฮร์รี่เหตุที่... More

บทที่ 1 ผู้ล่าและผู้ถูกล่า
บทที่ 2 บทเรียนแห่งอำนาจ
บทที่ 3 ชาขม
บทที่ 4 ภาระหน้าที่
บทที่ 5 ไม่มีอะไรจะเสีย
บทที่ 6 การสนทนาพาหวั่นใจ
บทที่ 7 ชั่วโมงมืดมน
บทที่ 8 สะพานติดไฟ เส้นด้ายกวัดแกว่ง
บทที่ 9 บทสลับฉาก
บทที่ 10 การไล่ล่า
บทที่ 11 ความจริงในสิ่งลวง
บทที่ 12 เทือกภูเขาเนาโตรกธาร
บทที่ 13 เปิดใจ
บทที่ 14 จุดผกผัน

บทที่ 15 กระบวนวิธีและการเสียสละ

322 10 6
By Mainn_

บทที่ 15 กระบวนวิธีและการเสียสละ

แฮร์รี่ยังคงยืนอยู่ในลำธารตื้น ลึกเท่าข้อเท้า กำข้อมือเดรโกไว้ทั้งสองข้าง ตาจ้องมองใบหน้าเดรโกซึ่งเปื้อนดินและคราบเลือด พยายามประมวลผลสิ่งที่เพิ่งได้ยินไป ไม่จริงน่า! เรื่องสำคัญแบบนี้เดรโกไม่บอกเขาได้ยังไง ต้องเป็นเรื่องล้อเล่นแน่ หรือไม่นี่ก็คงเป็นภาพหลอน

แต่เขายังจับข้อมือเดรโกได้อยู่เลย แสดงว่าไม่ใช่ภาพหลอน และดูจากความกลัวในดวงตาและใบหน้าที่ขึ้งเคียดของเดรโก ก็รู้ได้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

ฉันจะตายหรือ คำถามของเขาก้องอยู่ในใจ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเอ่ยออกเสียงไปหรือไม่

เดรโกจ้องมองตาเขา เสมือนว่ากำลังใคร่ครวญกับตัวเองอยู่ สุดท้ายศีรษะเดรโกก็ซบลงกับไหล่เขา ของเหลวอุ่น ๆ ซึมเข้ามาในเสื้อ แฮร์รี่ก็รู้ว่าเป็นเลือดของเดรโก เสียงของอีกฝ่ายดังอู้อี้อยู่ข้างหูเขา

"ไม่รู้เหมือนกัน แฮร์รี่ ไม่รู้เลย"

เสียงพูดของเดรโกแหวกแทรกขึ้นมาในภวังค์ดุจแก้วแตก โลกทั้งใบเสมือนหมุนคว้างอยู่รอบกาย ไม่น่าเชื่อเลย... แฮร์รี่รู้สึกว่าลำคอบีบเคล้น หัวใจเต้นระส่ำเป็นตีกลองอยู่ในอก ขณะที่เริ่มเข้าใจเรื่องราวขึ้นมาแล้ว

สามวัน... ฉะ ฉันเหลือเวลาแค่สามวันหรือ ไม่ เป็นไปไม่ได้... โวลเดอมอร์จะทำอะไรฉันได้ที่นี่ เราหนีออกมาแล้ว ฉันปลอดภัย... หากเป็นเรื่องสำคัญขนาดนี้ เดรโกคงบอกฉันแล้ว... ฉันไม่เชื่อหรอก... เมอร์ลิน... สามวัน...

แฮร์รี่ปล่อยข้อมือเดรโก ซวนเซถอยหลังไปสองก้าว เหมือนเห็นความสิ้นหวังบนใบหน้าของเดรโก ซึ่งตอนนี้เปื้อนคราบน้ำตา รวมทั้งดินและเลือดประสมปนเปกัน แฮร์รี่หันหน้าไปอีกทางแล้วเดินจากไป โลกประหนึ่งกำลังแกว่งไกวอยู่ใต้เท้า ในแต่ละก้าวที่ย่างออกจากลำธารสู่ผืนดินแห้ง

"เขาได้เลือดฉันแล้ว" แฮร์รี่พึมพำกับตนเอง พยายามประมวลผลข้อมูลที่ได้มา "เลือดฉัน เขาจะเอาไปใส่ในน้ำยา เขาได้เลือดฉันแล้ว สามวัน ฉันกำลังจะตายในอีกสามวัน..."

โลกพร่าเลือนไปชั่วครู่หนึ่ง ขณะที่เข่าเขาทรุดลงกับพื้น

"แฮร์รี่!" เดรโกเดินฝ่าลำธารมา เกิดเสียงน้ำกระเซ็น ตามมาด้วยเสียงตุบๆ เมื่อเท้าถึงพื้นดิน

"ฉะ... ฉันกำลังจะตาย" เขาเอ่ยอีกครั้ง แต่กลับไม่รู้สึกเหมือนว่าถ้อยคำเหล่านั้นออกมาจากปากเขาเอง จู่ ๆ ก็รู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมา ความรู้สึกคลื่นเหียนตีตื้นขึ้นคอจนต้องโน้มตัวไปข้างหน้า ครั้นจะล้มก็เอามือสองข้างยันพื้นไว้เพื่อประคองตัวเอง ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ กระนั้นก็เหมือนรู้สึกจะล้มไปด้านข้างเพราะพื้นกำลังโยกเยกไปมา

เดรโกเอามือมาจับไหล่เขาไว้ไม่ให้โอนเอน หรือล้มลงไป มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่ยึดเหนี่ยวกันไว้อยู่

"แฮร์รี่! ได้ยินฉันไหม แฮร์รี่ พูดกับฉันสิ!"

"ฉัน..." เขาส่ายหน้า ได้ยินเดรโกแต่ไม่สามารถบังคับตัวเองให้ตอบกลับไปได้ การได้รู้ความจริงนั้นแทบจะเหมือนถูกรถชน ยังโงนเงนไม่ได้สติ

"แฮร์รี่ นั่งก่อน มองฉันสิ"

คำสั่งนั้นไม่ได้เข้าสู่สมองเขา แต่คงมีผลต่อร่างกาย เดรโกช่วยพยุงเขาให้นั่ง เพื่อจะได้หันมามองหน้าเดรโกได้เต็มที่ ยามสบตากัน ความมึนชาที่ห่อหุ้มรอบกายก็คลายลง เขาสังเกตเห็นว่า มือเดรโกที่จับไหล่เขานั้นแน่นเพียงไร ถึงจะแน่นแต่มือก็ยังสั่นไหว เดรโกหวั่นเกรง แต่ตอนนี้แฮร์รี่กลัวจับหัวใจ

"ฉะ... ฉันไม่อยากตาย" ไม่มีสิ่งใดอยู่ในความคิดเขาเว้นแต่สัญชาตญาณการรักตัวกลัวตายของมนุษย์ ความรู้สึกต่าง ๆ จับกันเป็นก้อนจุกอยู่ที่ลำคอ ความกดดันอันร้อนรุ่มก่อตัวขึ้นที่นัยน์ตา ทว่ากลับไม่มีน้ำตาสักหยด เขาพูดพลางสะอื้น "ฉันไม่อยากตาย"

นิ้วเดรโกเหมือนจะบีบแรงขึ้น "นายจะไม่ตายแฮร์รี่!"

"แต่นะ... นายบอกว่า... โวลเดอมอร์ได้เลือดฉันแล้ว... ระ... เราหยุด... เขา... ไม่ได้..."

"เดี๋ยวเราก็คิดหาทางได้ แฮร์รี่!" เดรโกเขย่าตัวเขา " หรือไม่สเนปกับดัมเบิลดอร์ก็จะช่วยเราได้! เพราะอย่างนั้นฉันถึงได้ส่งบิดดี้ไปก่อนเราไง! มันจะได้ไปบอกข่าวให้ศาสตราจารย์รู้ เพื่อจะได้หาทางช่วยเราได้ทัน!"

แม้แฮร์รี่ตัวจะยังสั่น จากแรงมือของเดรโก และจากสภาวะอารมณ์ของเขาเอง แต่กระนั้นก็ยังกระตุกหัวเราะออกมา " มิน่าล่ะนายถึงได้รีบนัก ทำไมนายไม่บอกฉันก่อนหน้านี้" เขายกมือมาทาบหน้า เอาสอดนิ้วเข้าไปในแว่นตาเพื่อขยี้ตา

แฮร์รี่รู้สึกได้ว่าตัวเดรโกเคร่งเกร็ง ก่อนอีกฝ่ายจะปล่อยมือจากไหล่แฮร์รี่ "ฉัน... อธิบายไม่ถูก ฉันไม่มีสิทธิ์ปิดเรื่องนี้เป็นความลับกับนาย ฉัน... ฉันควรจะบอกนายให้เร็วกว่านี้"

แฮร์รี่มองผ่านนิ้วมือก็เห็นเดรโกนั่งงอหลัง เอามือกุมหน้าผาก ประหนึ่งว่ากำลังแบกรับน้ำหนักของโลกใบนี้อยู่ เดรโกกล้าดีอย่างไรถึงทำตัวเช่นคนท้อ ในเมื่อเป็นชีวิตแฮร์รี่เองแท้ ๆ ที่กำลังหดหายไปทุกวินาที! อารมณ์ที่หมุนคว้างของแฮร์รี่กำลังเปลี่ยนไปเมื่อความโกรธเคลื่อนตัวเข้ามา ใจหนึ่งก็รู้ว่าเดรโกกำลังสับสนและเสียใจ แต่อีกใจหนึ่งก็โกรธที่เห็นเดรโกอ่อนแอเช่นนี้ ทั้งยังกล้าปิดบังเรื่องสำคัญกับเขา ก็เหมือนคนอื่น ๆ ที่เอาแต่ปิดบังเขาอยู่หลายครั้งหลายครา เพราะเหตุนั้นจึงมีคนได้รับบาดเจ็บ... และล้มตาย และบัดนี้แฮร์รี่ก็จะเป็นรายต่อไป ทันใดนั้นความเดือดดาลพวยพุ่งขึ้นมาในอก

"ก็ใช่น่ะสิ นายควรบอกให้เร็วกว่านี้!" เขาม้วนมือเป็นกำปั้นทั้งสองข้าง ไม่ได้ตั้งใจจะชกอีกฝ่าย เพียงแต่ไม่มีสิ่งใดให้เขายึดเหนี่ยวไว้ แต่เขาก็รู้สึกดีที่เห็นเดรโกผงะถอยไปเหมือนคนตกใจกลัว

เดรโกมองกำปั้นแฮร์รี่อย่างประหม่าชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะชั่งใจสบตาอีกฝ่าย "ฉันพยายามบอกนายแล้ว... จริง ๆ นะ แต่นายบอกไม่อยากรู้ ฉันก็เลยไม่มีโอกาสพูด อีกอย่างฉันก็ไม่อยากรู้ว่านายรู้แล้วจะเป็นยังไง ใช่... ฉันควรบอกนายให้เร็วกว่านี้" เขาพูดซ้ำด้วยเสียงที่แผ่วลง แล้วเบือนหน้าจากไป

"เป็นเบื้ออะไรถึงไม่บอกเล่า!" แฮร์รี่ขึ้นเสียงตะคอก "จะสนใจทำไมว่าฉันบอกให้พูดอะไร ไม่พูดอะไร นายก็น่าจะรู้ว่าฉันคงไม่ตั้งใจห้ามนายพูดเรื่องสำคัญแบบนั้น! อย่ามาบอกว่าอธิบายไม่ถูก! สมองสลิธีรินหนา ๆ ของนายคิดบ้าอะไรอยู่!"

เดรโกพยายามสบตาแฮร์รี่อีกครั้ง แต่ไม่กล้า "ฉัน... ฉันคิดว่ายังมีเวลาเหลืออยู่ คิดว่าเราจะกลับถึงฮอกวอตส์ทัน และสเนปจะหาทางช่วยได้ เขาเก่งเรื่องนี้ ฉัน... คิดว่าถ้าไม่บอกนาย นายก็จะไม่กลัว"

"คิดได้ดีนี่" เขาพูดผ่านไรฟันอย่างขุ่นเคือง ใจหนึ่งก็รู้สึกผิดที่เดรโกก็ต้องสะดุ้งถอยไป อีกใจหนึ่งก็ไม่สนว่าใครจะเป็นอะไร

"ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้แฮร์รี่" เขาเอามือต่อยหน้าตนเอง เลือดกำเดายังไหลลงมาตามปาก ยิ่งเขาชกตัวเองแบบนั้น ยิ่งไม่ได้ช่วยให้มันดีขึ้น "มีแผนในใจแต่ก็ช่วยไม่ได้"

เสียงเขาฟังดูเหมือนจะร้องไห้ แต่แฮร์รี่มองไม่เห็นหน้าอีกฝ่าย มาถึงจุดนี้เขาก็ไม่สนใจอะไรแล้ว แฮร์รี่กำลังอารมณ์ไม่ดี ทั้งโกรธ กลัว ทั้งคลุ้มคลั่งระคนกัน จนไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร จึงปล่อยให้เดรโกพูดต่อไป

"ฉันวางแผนไว้ว่าจะใช้กุญแจนำทางเพื่อกลับฮอกวอตส์ แต่บิดดี้กับหาไม่เจอ ฉันวางแผนไว้ว่าจะพานายออกไปก่อนที่โวลเดอมอร์จะมาเอาเลือดนาย แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงลงมาเร็วเหลือเกิน เราควรจะเดินให้ไวจะได้ไปถึงฮอกวอตส์เร็ว ๆ แต่ก็มีเหตุให้ต้องหยุดอยู่เรื่อย ๆ" ไหล่เขาสั่นสะท้าน "ฉันตั้งใจจะบอกนายตอนเราหนีออกมา แต่ตอนนั้นร่างกายนายยังอ่อนแอเกินไป ตอนที่เราหนีจากผู้เสพความตาย ฉันก็ไม่อยากจะทำให้นายกังวลมากขึ้นไปอีก เพราะฉันก็ไม่อยากคิดถึงมันเหมือนกัน ฉันไม่อยากคิดว่าเขาจะทำอะไร... กับแม่ฉัน... ฉันจึงไม่พูดออกไป เพราะกลัวว่ามันจะเป็นจริง แล้ว... สิ่งต่าง ๆ ก็เหมือนจะดีขึ้น และฉันไม่... ไม่อยากทำลายมัน"

เขาเอากำปั้นทุบที่ต้นขา "ฉันทำทุกอย่างพังหมด ทั้งหมดเป็นเพราะฉันเอง ฉันรอนานเกินไป และเราอาจกลับไปไม่ทันเวลา" เขาชกตัวเอง" ถึงจะกลับไปได้ พวกเขาก็อาจช่วยอะไรไม่ได้ พ่อฉันจะตาย นายก็กำลังจะตาย และจอมมารก็จะมาเอาตัวฉัน! ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง!"

จู่ ๆ เดรโกก็ทุบตีตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า เอากำปั้นทุ่มลงหน้าขาอย่างเกรี้ยวกราด "ฉันทำลงไปได้ยังไง! ฉันผิดเอง! ช่างโง่เหลือเกิน! เป็นเพราะฉันคนเดียว!"

เห็นภาพตรงหน้าแล้วแฮร์รี่ต้องลุกขึ้นมาห้ามปราม เขายังโกรธเดรโกอยู่ แต่ถ้าให้มองเพื่อนร่วมทางทำร้ายตัวเองแบบนี้ เขาก็คงทำใจไม่ได้ "เดรโกหยุดนะ! ทำร้ายตัวเองไปก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาหรอก!" พยายามอยู่สองสามครั้ง ในที่สุดก็จับมือเดรโกไว้ได้ ห้ามไม่ให้เขาทุบตีตนเอง

"ไม่มีอะไรช่วยให้ดีขึ้นมาได้หรอก!" เดรโกร้องตะโกน ขณะพยายามดิ้นให้หลุดจากมือแฮร์รี่ด้วยจิตใจอันเลื่อนลอย "ยังไม่เข้าใจอีกหรือ"

ได้ยินเดรโกตะโกนเช่นนี้ แฮร์รี่ก็คืนสติกลับคืนมาได้บ้าง เขาฝืนสูดหายใจเข้าลึก พยายามคิดหาวิธี เดรโกเหมือนจะคลุ้มคลั่งเสียสติไปแล้วตอนนี้ พวกเขาสองคนต้องมีคนใดคนหนึ่งที่ควบคุมสติและคิดหาทางออก ยังเหลือเวลาอยู่ อาจจะกลับไปทันก็ได้

"แต่เราก็ยังมีโอกาสกลับไปทันเวลานี่ ใช่ไหม นายเพิ่งบอกฉันเมื่อตะกี้นี้เอง เรารีบกลับไปฮอกวอตส์ และให้สเนปช่วยปรุงยาแก้ แค่นี้ก็ไม่เป็นไรแล้ว!"

แฮร์รี่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังชักแม่น้ำทั้งห้า แต่ก็ด้วยหวังว่าเดรโกจะมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง กำลังใจและความเชื่อมั่นที่ว่าแฮร์รี่จะไม่ตาย ตอนนี้เขาอยากเห็นสิ่งนั้นจากคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเขาเอง ทว่าเมื่อเดรโกไม่ตอบกลับในทันที แฮร์รี่ก็รู้สึกเย็นเยียบที่ช่องท้อง "เดรโก..."

"ฉัน... คือว่าฉัน... ฉันไม่รู้ว่าต้องไปอีกไกลแค่ไหน แฮร์รี่ เราต้องเดินทางหลายร้อยไมล์เป็นเส้นตรง แต่เราไม่ได้เดินเป็นเส้นตรง เพราะมีภูเขา ป่า และลำธาร แล้วเราก็หยุดพักอยู่ตลอด ฉะ... ฉันไม่รู้ว่าต้องไปอีกไกลเท่าไร"

"เราจะทำให้ได้" แฮร์รี่บอก พยายามทำน้ำเสียงมั่นใจ แต่ก็ล้มเหลว "เราแค่ต้องรีบออกเดิน เดินไปเรื่อย ๆ อาจจะวิ่งด้วย สเนปจะหาทางปรุงยาแก้คำสาปได้ เท่านี้ก็จบเรื่องแล้ว"

อีกครั้งที่เดรโกไม่ตอบ หัวใจแฮร์รี่กระตุก "เขาจะทำได้...ใช่ไหม"

ครั้นเดรโกสบตากับเขาอีกครั้ง แฮร์รี่ก็เห็นความสิ้นหวังที่มืดมัวที่สุดเท่าที่แฮร์รี่เคยเห็นมา

"ไม่มียาถอนคำสาป แฮร์รี่"

"อะไรนะ"

เดรโกกลืนน้ำลายลงคอ "ไม่มียาแก้ ไม่มีทางถอนคำสาป ฉันอ่านดูหมดแล้ว ในตำราต้นฉบับน้ำยาวิญญาณุปราคา พ่อให้ฉันทำความเข้าใจเพราะฉันจะได้เป็นผู้ช่วยคนที่คุณก็รู้ว่าใครปรุงยานี้ ฉันท่องจำส่วนนั้นในตำราได้จนขึ้นใจ ไม่มีวิธีแก้คำสาปเขียนไว้เลย ถ้าเราไปถึงฮอกวอตส์ทันเวลา ก็ได้แต่หวังว่าบิดดี้จะนำข่าวไปบอกดัมเบิลดอร์แล้ว และหวังว่าสเนปจะกำลังหาวิธีแก้คำสาปที่เป็นไปได้ ระหว่างที่เรากำลังเดินทางกลับไป"

แฮร์รี่จำได้ว่าเขาเคยเรียนเกี่ยวกับแผ่นดินไหวที่โรงเรียนเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก และรู้มาว่าอาฟเตอร์ช็อกมักจะรุนแรงกว่าแผ่นดินไหวครั้งแรก ข้อมูลนี้ยิ่งทำให้อารมณ์ที่ขุ่นหมองอยู่แล้ว กลับยิ่งเลวร้ายขึ้นไปอีก โลกรอบกายแปรเปลี่ยนเป็นด้านชา รู้สึกได้เพียงแต่เสียงหายใจที่บีบแน่นและถี่รัวในอก ทุกสิ่งอย่างดูพร่าเลือนไปประหนึ่งมีหมอกหนา เขาแทบไม่ได้ยินเสียงตัวเอง ราวกับดังมาแต่ไกล "สเนปจะรู้เรื่องน้ำยานี้ไหม เขารู้มากพอที่จะหาวิธีถอนคำสาปหรือเปล่า"

"สเนปรู้จักน้ำยาทุกตัว" เดรโกพยายามฝืนยิ้ม แต่ล้มเหลวไม่เป็นท่า

แฮร์รี่ตอบเป็นเสียงกระซิบแห้ง ๆ "ทำไมฉันอยากเชื่อในเหลือเกิน แต่ก็ยังไม่ปักใจ"

"ฉันให้สัญญากับนายไว้ว่าฉันจะพานายกลับบ้าน สัญญาจากใจจริง และฉันไม่เคยจริงจังเท่านี้มาก่อน อยากให้นายรู้จังพอตเตอร์ ว่าต่อให้ฉันต้องเอาวิญญาณไปแลกกับยมทูต ฉันก็จะพานายกลับบ้านอย่างปลอดภัยให้ได้ ฉันจะต้องมั่นใจว่านายมีชีวิตอยู่รอดไปจนถึงวันที่ฉันแข่งควิดดิชชนะนาย"

ผ่านความมึนชาของร่างกาย แฮร์รี่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายพยายามจะพูดให้ตลก "พูดแบบนั้นจะปลอบใจฉันหรือยังไงกันแน่"

"ไม่รู้สิ... แล้วได้ผลไหมล่ะ"

แฮร์รี่อ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่กลับไม่มีคำใดหลุดลอดออกมา เขาคิดอะไรไม่ออกตอนนี้จึงไม่รู้ว่าจะตอบออกไปอย่างไร เพราะหากปล่อยให้ตนเองคิดหรือรู้สึกอะไร เขาก็อาจพังทลายลงตรงนั้น เขาคิดไม่ได้ รู้สึกไม่ได้... แต่ทำได้

"เราต้องเดินต่อแล้ว" เขาตะกายลุกขึ้นยืน "รีบเดินต่อเร็ว!"

ว่าแล้วเขาก็สาวก้าวยาวไปทางป่าที่เดรโกเพิ่งวิ่งผ่านมาเมื่อครู่นี้ ใจเขาเต้นระส่ำระสายเสียงดังจนได้ยินในโสตประสาท ลมหายใจรัวแรงขณะดันกายไปข้างหน้า เขาได้ยินเสียงฝีเท้าเดรโกย่ำหญ้าตามมาข้างหลัง

"โอ๊ย! รอเดี๋ยวแฮร์รี่ ฉันมาแล้ว!"

เดรโกวิ่งตามเขาจนทัน แล้วเดินท่อกแท่กอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะหยุดลง "แฮร์รี่"

"อะไร"

"เรามาถูกทางหรือเปล่า"

ดวงตาแฮร์รี่เบิกกว้าง กระวีกระวาดหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา "บอกทาง!" เขารอให้ไม้กายสิทธิ์หยุดหมุนแล้วก็ต้องกรนเสียงต่ำพลางชี้มือไปทางซ้าย "ทางนั้น"

เดรโกไม่แม้แต่เอ่ยปากทักท้วง เพียงแต่พยักหน้ารับแล้วเอ่ยเบา ๆ "นำทางสิ"

ขณะที่แฮร์รี่เดินผ่านสุมทุมพุ่มไม้ให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้โดยไม่ถึงกับต้องวิ่ง ห้วงใจของเขาก็หมุนวนไปด้วยความคิดและอารมณ์ต่าง ๆ คิดไปทางไหนก็จนด้วยเกล้า แต่ความคิดไม่สำคัญอีกแล้ว เพราะตอนนี้เขาต้องการเพียงอย่างเดียวคือกลับบ้าน

*********

แฮร์รี่ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว ภูมิประเทศรอบกายเหมือนจะเลือนรางไป ขณะที่เขาบุกป่าฝ่าดง ข้ามลำธารเล็กๆ ผ่านเนินเขาเตี้ย ขึ้นภูเขาสูง ฝ่าลำธารที่พาดขวางทาง เด็กชายทั้งสองกำลังขึ้นเขาเล็ก ๆ ได้ครึ่งทาง เดรโกก็ร้องเรียกมาจากด้านหลัง

"แฮร์รี่! หยุดสักเดี๋ยวหนึ่งก่อนซี!"

แฮร์รี่หยุดเดินแล้วหันมาเห็นเดรโกตะเกียกตะกายขึ้นมาตามหลังเขา พยายามตามให้ทัน อีกฝ่ายหายใจหอบ เขาเองก็เช่นกัน ทว่าแฮร์รี่มีอะดรีนาลีนหลั่งไหลในร่างกายมากเสียจนไม่ทันสังเกต เขาส่ายหน้า "หยุดไม่ได้... ไม่มีเวลา"

ในที่สุดเดรโกก็ตามเขาทัน "แฮร์รี่ ถ้าไม่หยุดอย่างน้อยก็กินน้ำก่อนเถอะ เดี๋ยวก็หมดแรงเสียก่อนจะกลับไปถึง! มีเหตุผลบ้างจะได้ไหม!" เขาหยิบขวดแก้วออกมาจากกระเป๋าตรงสะเอว แล้วใช้ไม้กายสิทธิ์แตะฝาขวด

"ฉันไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น ท้องฉันรู้สึกพะอืดพะอม"

เดรโกยื่นขวดแก้วใส่มือเขา "ดื่มซะสิ"

แฮร์รี่ไม่อยากเสียเวลาถกเถียงไม่จบสิ้น จึงรับขวดแก้วมาแต่โดยดีแล้วดื่มน้ำลงไปรวดเดียว เขายื่นขวดแก้วคืนเดรโก ซึ่งรับมาแล้วเสกน้ำเติมเข้าไปเพื่อดื่มเอง เขาหายใจเข้าปอดแล้วช้อนตามองค้อนแฮร์รี่ "ดื่มน้ำแล้วทีนี้ก็ต้องกินอะไรสักหน่อย"

"ไม่ต้องเลย สิ่งสุดท้ายที่ฉันต้องการก็คือให้นายทำตัวเป็นแม่ไก่แบบนี้"

เดรโกเอาขวดออกจากปากแล้วกลืนน้ำลงไป "นั่นแหละคือสิ่งที่นายต้องการตอนนี้เลย" เขาใช้หลังมือเช็ดหยดน้ำที่ไหลลงตามคาง "นี่กี่โมงกี่ยามแล้ว"

"ไม่รู้ รู้แค่ว่าเรากำลังเสียเวลาอยู่ มัวแต่พูดจ้อไม่เดินต่อเสียที"

"แฮร์รี่ นี่คงจะบ่ายกว่า ๆ แล้ว! เราเดินมาได้อย่างน้อยสามชั่วโมงแล้วมั้ง! ถ้าการกึ่งวิ่งนั้นเรียกว่า 'เดิน' น่ะ ฉันจะตามนายไม่ทันอยู่แล้ว! ถึงจะไม่ใช่สามชั่วโมง เราก็คงเดินมาได้ไกลมากแล้ว ถ้านายจะเดินเร็วอย่างนั้น!"

"ฉันไม่ได้เดินเร็วขนาดนั้นสักหน่อย"

เดรโกได้แต่มองถมึงทึงเป็นคำตอบ

"ทำไมไม่พูดล่ะ" แฮร์รี่ถามเรียบ ๆ

หน้านิ่วของเดรโกกลายเป็นคิ้วขมวดอย่างไม่พอใจ "แค่บอกให้หยุดพักกินน้ำนายยังขนาดนี้ ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าบอกให้เดินช้าลงจะขนาดไหน"

น้ำเสียงที่เดรโกใช้ชวนให้แฮร์รี่รู้สึกตัวลีบลง เขาถอนหายใจเหนื่อยหน่ายซึ่งฟังดูเหมือนเสียงกรนในลำคอเสียมากกว่า เขาทิ้งหลังหนัก ๆ พิงต้นไม้แล้วทรุดลงนั่งกับพื้น ตอนนั้นเองถึงได้รู้ว่า ขาของเขาอ่อนล้าและสั่นเทาเพียงไรจากการใช้พลังงานจนเกินควร ศีรษะหมุนติ้ว ๆ สูญเสียจุดศูนย์ถ่วง "ฉันแค่ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรแล้ว" เขาพึมพำอย่างเหม่อลอย "แค่รู้ว่าต้องเดินต่อไป"

เดรโกก้มหน้าลงอย่างเศร้าสร้อย แล้วค่อย ๆ นั่งลงกับพื้น ปากก็ร้องโอดโอยเพราะความปวดเมื่อย "แล้วนี่ตั้งใจจะเดินทั้งคืนเลยหรือ"

"ใช่ ถ้าจำเป็น"

เดรโกโคลงศีรษะ "นายต้องหยุดพักบ้าง"

"จะพักถ้าถึงฮอกวอตส์แล้ว"

ได้ยินดังนั้น เดรโกต้องถอนหายใจอย่างอิดหนาระอาใจ "อย่างน้อยก็หาอะไรใส่ท้องบ้าง ยังเหลือช็อกโกแลตบิสกิตอยู่สองสามชิ้น เอาไปกินสักชิ้นสิ" เขาหยิบบิสกิตไปวางบนหัวเข่าแฮร์รี่อย่างเบามือ

แฮร์รี่หยิบบิสกิตขึ้นมาอย่างละล้าละลัง ประหนึ่งกลัวว่าน้ำร้อนจะลวกมือ แล้วกัดคำเล็ก ๆ เพียงเท่านั้นก็รู้ว่าท้องของเขาต้องการอาหารเพียงไร เพราะเสียงร้องโครกครากจากกระเพาะดังออกมาให้ได้ยิน

"เห็นไหม" เดรโกชี้นิ้วไปที่ท้องแฮร์รี่ "ท้องนายยังเห็นด้วยกับฉันเลย"

คำพูดชวนหัวเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะให้เกราะเล็ก ๆ ที่แฮร์รี่สร้างขึ้นมาตลอดทั้งวันเริ่มพังลง เขาทอดถอนใจราวจะร้องไห้ก็ไม่ปาน "ฉันจะกินลงได้ยังไงในเวลาแบบนี้"

เดรโกอึ้งไปเมื่อได้ยินเสียงเขา "แฮร์รี่"

"ดูฉันสิ ติดอยู่กลางป่ากลางเขา เหลือเวลาใช้ชีวิตอีกแค่สามวัน ยังมานั่งกินบิสกิตเจ้ากรรมนี่อยู่ได้!"

เดรโกขยับตัวอย่างกระอักกระอ่วนใจ "งั้น... กินแซนด์วิชแทนไหมล่ะ กินก็ดีนะ จะได้มีแรงเดิน"

"นั่นไม่ใช่ประเด็นแล้ว!"

"แฮร์รี่" เดรโกเอ่ยอย่างไม่มั่นใจ "ถ้าอย่างนั้น... นาย เออ... แล้วประเด็นคืออะไร"

แฮร์รี่จ้องมองสีหน้าเจ็บปวดของเดรโก จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนเขื่อนแตก ทุกอย่างเสมือนต้องการจะประเดประดังออกมาในคราวเดียว "มันเกิดขึ้นอีกแล้ว! โวลเดอมอร์พยายามจะฆ่าฉันอีกแล้ว! และครั้งนี้ฉันสู้ไม่ได้ หยุดมันไม่ได้! แล้วฉันต้องทำยังไง ให้นั่งเฉย ๆ ปล่อยให้เวลาหมดไปอย่างนั้นเหรอ! ฉันทนไม่ได้หรอก!" เขาต่อยกำปั้นกับต้นไม้ข้างหลัง และรู้สึกได้ว่าเปลือกไม้ขูดผิวจนถลอก

ร่างกายเขาสะท้านสั่นไหว "จะให้นั่งเฉยอยู่ได้ยังไง ในเมื่อทุกนาทีที่ผ่านไป... หมายถึงโอกาสที่เขาจะชนะฉันมากขึ้นเรื่อย ๆ! ฉันหยุดไม่ได้! ฉันต้องไปต่อ สู้ต่อ ทำทุกวิถีทาง! ฉันต้องทําอะไรสักอย่าง!"

"นายทำทุกอย่างที่ทำได้แล้วแฮร์รี่! แต่นายจะกระวีกระวาดเดินลิ่วไปอย่างกระต่ายตื่นตูม โดยไม่กินหรือดื่มอะไรเลยไม่ได้! ทำแบบนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับฆ่าตัวตาย!"

แฮร์รี่หยุดฝีเท้าชะงักงัน อาการอยากโต้กลับพวยพุ่งขึ้นมา ดวงตาจดจ้องเข้าไปในดวงตาเดรโก เขาหายใจระส่ำประหนึ่งกำลังวิ่งอยู่ เสียงเขาแผ่วบางขณะพูด "ฆ่าตัวตายก็ยังดีกว่าให้โวลเดอมอร์ฆ่า"

เดรโกผงะ "อย่าพูดแบบนั้นสิแฮร์รี่"

"ทำไมล่ะ!" แฮร์รี่พูดโพล่งอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ "ทำไมจะพูดแบบนั้นไม่ได้"

เขาตะกายลุกขึ้นยืนและออกสาวฝีเท้าอย่างตาเหลือกตาพอง "ฉันจะไม่ปล่อยให้เขาได้ตัวฉันหรอกเดรโก! เขาได้จากฉันไปมากเกินพอแล้ว! แต่ไม่มีทางที่เขาจะได้ตัวฉัน อยากได้ก็ต้องข้ามศพฉันไปก่อน"

"ฉันไม่เคยบอกให้ทำอะไรแบบนั้น"

"ไม่ทำแบบนั้นแล้วจะให้ทำแบบไหน! ถ้าเก่งนักละก็บอกมาสิว่าต้องทำยังไง"

"แฮร์รี่ ฟังนะ นายกำลังจะเสียสติไปแล้ว!"

"สายไปแล้วละ! ฮ่า! มันสายเกินไปมาโดยตลอด"

"เรายังเหลืออีกสามวัน" เดรโกบอก น้ำเสียงเขาเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ระคนเคล้ากับความพยายามที่จะให้เหตุผล "ในสามวันนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้!"

"อย่างเช่น?" แฮร์รี่พูดลอดไรฟันเสียงต่ำ

เดรโกเริ่มเอานิ้วบิดแขนเสื้อขณะพูด พยายามกดข่มความประหม่าเอาไว้ แต่ถึงเดรโกประหม่าแฮร์รี่ก็ไม่ยักสนใจ "ก็..." เดรโกเปรย "เราอาจกลับถึงบ้านได้ทัน และสเนปอาจหาทางแก้รอไว้แล้ว"

"ก็นั่นกรณีที่ 'อาจ' กลับบ้านทันไงเดรโก นายก็พูดแล้วนี่ว่าไม่มีวิธีถอนคำสาป สเนปหาทาง ไม่ ได้ หรอก!"

"สเนปเป็นครูปรุงยาที่เก่งที่สุดในอังกฤษ! ถ้าจะมีใครสักคน -"

"สเนปเกลียดฉันไม่ต่างจากที่เขาเกลียดพ่อฉัน ถึงเขาจะช่วยได้ก็คงทำเป็นช่วยไม่ได้นั่นแหละ!" แฮร์รี่หลับตาปี๋ มือกำหมัดแน่น รู้สึกได้ถึงอารมณ์อันร้อนผ่าวที่พรั่งพรูขึ้นมา ทว่าเขาฝืนกลั้นให้มันอยู่ใต้การควบคุม คนที่เป็นไปได้มากที่สุดว่าจะช่วยเขาได้ กลับไม่สนใจด้วยซ้ำว่าแฮร์รี่จะอยู่หรือตาย สเนปคงสบายใจเฉิบ ฉันนี่กลับต้องกระวนกระวาย ตัวคนเดียวอีกแล้วสิเรา ก็ตัวคนเดียวมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วนี่ ความคิดภายในใจถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเดรโก

"อาจมีอะไรที่หยุดคนที่คุณก็รู้ว่าใครได้ เขาอาจจะ -"

แฮร์รี่รู้สึกได้ว่าเขากระตุกอยู่ภายใน ยกเท้าขึ้นแล้วเหยียบย่ำดอกไม้เล็ก ๆ บนพื้นลงอย่างแรงเสียงดังตุบ "ฉันนี่ไงคือคนเดียวที่หยุดโวลเดอมอร์ได้ ได้ยินผู้คนบอกมายังงั้นนี่ รู้อะไรไหม นายอยากรู้อะไรไหม ฉันควรจะกลับไปสู้กับเขา ไม่ต้องมาหนีหัวซุกหัวซุนแบบนี้! ฮ่า! ไม่แน่ว่าฉันอาจหยุดเขาได้! เอาแบบนั้นแหละ! เราจะลอบกลับเข้าไปในปราการของเขา! เอาหมอนปิดหน้าให้ขาดใจตาย! หรือไม่ก็ท้าเขาแข่งงัดข้อ! ชนะสองในสามก็ถือว่าเป็นฝ่ายชนะ! แหม น่าจะเข้าท่าดีไม่น้อย! เพราะจะเอาชนะเขาได้คงไม่ใช่เรื่องยาก!"

"นั่นมันงี่เง่ามากจนฉันไม่คิดว่าจะออกมาจากปากกริฟฟินดอร์!" เดรโกขึ้นเสียงบ้าง เขาก็ไม่ได้อยากจะอ่อนข้อเหมือนกัน "นึกภาพไม่ออกเลยว่านายจะไปทำอะไรโง่ ๆ แบบนั้นได้! ไม่เอาน่าแฮร์รี่! มีเหตุผลหน่อย!"

แฮร์รี่หยุดกึก "นายอยากเอาแบบ 'มีเหตุผล' เหรอ ก็ได้" แฮร์รี่เอื้อมมือมาที่คออย่างไม่ลังเล ดึงสายสร้อยเครื่องเวศมกำบังออกมาจากเสื้อ "งั้นก็ปล่อยให้เขาเอาตัวฉันไปเลยสิ" เขากระซิบห้วน ๆ "เอาเครื่องเวศมกำบังนี้แล้วก็หนีไปซะ ฉันจะได้สู้กับเขา ฉันอาจจะชนะก็ได้ ถ้าฉันฆ่าเขาก่อน เขาก็ฆ่าฉันไม่ได้แล้ว" แฮร์รี่เริ่มก้าวเท้าอีกครั้ง

ดวงตาเดรโกเบิกกว้าง "เดี๋ยว ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย! ฉะ -"

"ทำไมล่ะ" น้ำเสียงแฮร์รี่ช่างสงบนิ่งเหลือเกิน "ฉันอาจฆ่าเขาได้ อาจชนะ ฉันเคยชนะมาแล้ว"

"แฮร์รี่ฟังฉันนะ -"

"ไม่! นายนั่นแหละฟัง! ถ้าไม่ใช่เขาก็ต้องเป็นฉัน อย่างนั้นใช่ไหม เป็นฉันมาโดยตลอด ฉันแทบจะไม่ได้หยุดพักหายใจด้วยซ้ำ บางทีถ้าฉันตาย ฉันคงจะมีโอกาสได้พักสักที หึ มันควรจะเกิดขึ้นตั้งนานแล้ว บ้าจริง สิบห้าปีที่ผ่านก็แค่เวลาที่ยืมมา ทำไมไม่ให้มันจบๆ ไปซะ เอาเลยซี่! ตูมมาที่หนึ่ง! ให้มันสนั่นไปเลย!"

"นายพูดเหลวไหลแล้ว!"

แฮร์รี่เว้นช่วงแล้วหันไปมองเดรโกเขม็ง "ไม่เดรโก ฉันยังสติครบถ้วนดี ทุกสิ่งรอบตัวฉันต่างหากที่กำลังบ้าคลั่ง ก็ไม่แปลกอะไรหรอก ฉันควรจะชินได้แล้ว ใช่หรือเปล่า ต้องไปเฉียดใกล้กับความตายทุก ๆ ปีไม่ซ้ำแบบกัน นี่ก็แค่การผจญภัยสุดระทึกอีกครั้งหนึ่งในชีวิตฉัน"

"หยุดก่อนจะได้ไหม แล้ว -"

"นายไม่เข้าใจเหรอ ฉันเกือบตายทุก ๆ ปีตั้งแต่อายุสิบเอ็ด เดรโก แล้วมันก็กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง! ปีแรกก็โวลเดอมอร์ ปีสองก็ดวลดาบกับบาซิลิสก์ ปีสามก็ผู้คุมวิญญาณ จะมีอะไรที่เหมือนกับการถูกดูดวิญญาณออกจากร่างไปกว่านี้อีก"

"แฮร์รี่ -"

"อ้อ นี่ยิ่งดีกว่าอีก... ปีสี่ฉันประลองกับโวลเดอมอร์ ประลองจริง ๆ! เขาใช้อะวาดา เคดาฟรา! เหตุผลเดียวที่ฉันไม่ตายก็เพราะไม้ของเราเป็นไม้คู่กัน! แต่ฉันต้องทนดูเขาฆ่าเซดริก อ้อใช่ มันยอดเยี่ยมมากเลย ปีห้า... ที่กระทรวง... ก็เป็นเขาและผู้เสพความตาย..."

เขาหยุดที่หน้าต้นโอ๊กใหญ่ กำมือเป็นเสมือนค้อน ชกเข้าที่ต้นไม้ตรงหน้า "ทุกครั้ง...อาจป้องกันได้ทั้งหมด แต่ก็มีแต่คนโกหกฉันทุกครั้งไป!" เขาต่อยต้นไม้อีกครั้งแล้วคำรามอย่างเกรี้ยวโกรธเพราะต้นไม้ไม่สะทกสะท้านอะไร "มีแต่คนบอกว่าอยากจะปกป้องฉัน แต่ก็ลงเอยด้วยการเกือบจะทำให้ฉันตาย! แหม ครั้งนี้ฉันอาจจะตายจริง ๆ ก็ได้"

แฮร์รี่หันหลังกลับแล้วเริ่มออกเดินอีกครั้ง ทว่าเมื่อเดินไปใกล้เพื่อนร่วมทางที่นั่งอยู่ ก็ถูกดึงเสื้อให้หันมา "นั่งลง!"

คำสั่งกร้าวของเดรโกทำเอาแฮร์รี่หยุดชะงัก ราวกับมีคนมาสับสวิตช์ปิด เขาทรุดกายนั่งลงอย่างเก้อ ๆ "เอ่อ..."

เดรโกมองเขาอย่างกวดขัน "เราจะไม่ปล่อยให้เขาได้ตัวนาย และนายก็ห้ามปล่อยให้ตัวเองตาย... นี่รวมถึงที่นายถอดเครื่องเวศมกำบังออกด้วย ใส่กลับเข้าไปเดี๋ยวนี้!"

แฮร์รี่ทำตามอย่างรี ๆ ขวาง ๆ รีบใส่วัตถุประหลาดกลับเข้าไปในเสื้อ

เดรโกพยักหน้าอย่างพึงพอใจ "ค่อยดีขึ้นหน่อย" ใบหน้าของเขาสงบ ดูมีสติ ทว่าท่าทางเขากลับคุดคู้ ดูเล็กกระจ้อยราวคนขี้กลัว

แฮร์รี่ก็รู้ทันใดว่าสีหน้าของเดรโก เป็นเพียงหน้ากากที่อีกฝ่ายสวมใส่ไว้เท่านั้น ท่าทางเขาต่างหากที่บ่งบอกถึงความจริง ตอนนั้นเองที่อารมณ์ของแฮร์รี่เปลี่ยนไป จากความคลุ้มคลั่งเป็นความหวาดกลัว รู้สึกมวนอยู่ในท้อง "แต่... ก็ไม่ดีขึ้นไม่ใช่หรือ"

เดรโกเรรวนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลับคืนมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว "เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง"

แฮร์รี่ส่ายหน้า พยายามหาเหตุผลกับการปลอบใจของเดรโก สุดท้ายสังหรณ์ที่ร้ายที่สุดก็กลั่นกรองออกมาเป็นคำพูด "เดรโก... ถ้าเรากลับไปไม่ทันล่ะ"

"ทันสิ"

"แล้วถ้าไม่ทันล่ะ!" มือสองข้างของแฮร์รี่กำหญ้าแน่นแล้วถอนรากถอนโคนมันออกมา "เรามีแผนไหม เราทำอะไรได้บ้างหรือเปล่า"

เขามองเดรโกพลางหวังอย่างสุดหัวใจว่าอีกฝ่ายจะมีคำตอบ คำตอบอะไรก็ได้

เดรโกเบือนหน้าจากไป ฟันกัดปากล่างนั่งคิด "ฉันเคย... คิดว่าฉันมีแผน... แต่ก็คงใช้ไม่ได้ ฉันเก็บรวบรวมมา... สมุนไพรพวกนั้น... แต่ไม่สำคัญแล้ว มันไม่ได้ผลหรอก นายพูดถูก เราควรรีบไป ที่ฮอกวอตส์สเนปจะมีทุกอย่างที่เราต้องการ ฉันรู้ว่าเราจะไปถึงที่นั่น"

เขายืนขึ้นอย่างเสียการทรงตัวเล็กน้อย แฮร์รี่คิดว่าคงเพราะเหนื่อย เขาทำมือเป็นสัญญาณบอกให้แฮร์รี่ยืนขึ้น ก่อนเอ่ย "นายก่อน" พร้อมผายมือ

แฮร์รี่ซึ่งรู้สึกเหนื่อยล้ากว่าแต่ก่อนก็ยืนขึ้น รีบตรวจสอบทิศทางด้วยไม้กายสิทธิ์ แล้วเริ่มออกเดินอีกครั้ง เดินไปได้สองสามก้าว ก็ได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังมาจากข้างหลัง

"โอ๊ย!"

แฮร์รี่หันขวับกลับไปก็เห็นเดรโกนั่งตัวงอ มือจับข้อเท้าอยู่ เขาพรั่งพรูคำสบถออกมาขณะส่ายหน้า

"เกิดอะไรขึ้น"

"เปล่า!" เสียงห้วน ๆ ตอบกลับมา "แค่เดินลำบากก็เท่านั้น"

แฮร์รี่ขมวดคิ้วและเดินเข้าไปหาเดรโกผู้ซึ่งไม่เงยหน้ามองเขา "ไปโดนอะไรมา"

"ฉันโง่เองแหละ" เขาลองเอามือบีบ ๆ ดูก็ต้องสะดุ้งหดถอย

"เดรโก..." แฮร์รี่เอ่ยพยายามทำเสียงให้เข้ม

เดรโกฮึดฮัดในลำคอ ชำเลืองหางตามองแฮร์รี่ แล้วเบนสายตาหนีอีกครั้ง "คงเป็นเมื่อเช้าตอนฉันวิ่ง... เผอิญไปสะดุดหลุมเข้า ก็เลยข้อเท้าแพลง"

แฮร์รี่ขมวดคิ้ว "แต่นายก็เดินมาทั้งบ่ายเนี่ยนะ"

ในที่สุดเดรโกก็ค้อนตามองแฮร์รี่ "สังเกตได้ดีนี่! ทั้งบ่ายนั้นก็เจ็บเหมือนกันนั่นแหละ!"

"แล้ว... ทำไมมาเป็นเอาตอนนี้"

เดรโกเหลือบสายตาลงมาที่ข้อเท้าอีกครั้ง "คงเคล็ดตอนนั่งน่ะ" เขายืดตัวตรงและค่อย ๆ ลองทิ้งน้ำหนักลงที่ขาข้างนั้น "ไม่เป็นไรหรอก ออกเดินอีกครั้งก็คงจะคลายตัว เราควรเดินต่อ แต่คราวนี้อาจจะไม่ต้องไปเร็วนัก"

แฮร์รี่พยักหน้าอย่างไม่สู้เต็มใจ แต่ก็หันกลับแล้วออกเดินอีกครั้ง ไม่ทันไรก็มีเสียงร้องโอดครวญดังมาจากด้านหลัง ตามมาด้วยเสียงทรุดลงกับพื้น พอแฮร์รี่หันไปมองก็เห็นเดรโกนอนงอก่องอขิงอยู่กับพื้น สองมือกุมข้อเท้า ตาหลับปี๋ปากสบถเสียงดัง

แฮร์รี่เร่งปรี่ไปหาเขาทันที "ไหนนายบอกว่าไม่เป็นไร"

"ก็ฉันโกหกยังไง!" เดรโกตวาด

"ไหนฉันดูซิ" แฮร์รี่แสดงความประสงค์ขณะเอื้อมมือไปที่รองเท้าอีกฝ่าย แต่เดรโกกระเถิบหนี

"อย่าจับ อ๊าก เจ็บๆๆๆ!" เขากัดฟันแน่นพลางส่ายหน้าไปมา สูดหายใจเข้าอย่างยากลำบาก "ฉันว่ากล้ามเนื้อฉีกแล้ว"

แฮร์รี่หน้ามุ่ย "นายต้องล้อเล่นแน่"

"ฉันดูเหมือนล้อเล่นอยู่หรือไง!"

ยังไม่ทันที่เดรโกจะร้องประท้วง แฮร์รี่ก็เอื้อมมือมาจับข้อเท้าเขาเสียแล้ว เดรโกพยายามสะบัดออกจากการเกาะกุม "นายทำบ้าอะไรนั่นน่ะ"

"ก็ช่วยนายนี่ไงไม่เห็นหรือ!" แฮร์รี่กระแทกเสียงใส่เขา "แต่ฉันไม่แน่ใจ... ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไงนี่สิ"

"บอกว่าอย่าจับไง! มันเจ็บ!"

แฮร์รี่ได้แต่ละล้าละลังอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะตัดสินใจขบฟันแน่น และจ้องมองเดรโกตาเขม็ง "แย่หน่อยนะ"

แม้เดรโกจะคัดค้าน แต่เขาก็บรรจงคลายเชือกรองเท้าเดรโก แล้วถอดรองเท้าออก ทว่าขณะที่ทำอยู่นั้นมือก็ไปโดนข้อเท้าอีกฝ่าย ครั้นรู้สึกได้เช่นนั้นก็ดึงมือกลับอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ คงจะไม่บวมขนาดนั้นหรอกมั้ง... ใช่ไหม ในที่สุดแฮร์รี่ก็ถอดถุงเท้าออก แต่ก็แทบหวังว่าไม่น่าถอดออกเลย เพราะข้อเท้าเดรโกดูเหมือนจะบวมเป่งขยายใหญ่เป็นสองเท่า เป็นสีม่วงอมเขียวเห็นแล้วชวนเวียนหัว

"โอยตาเถร" แฮร์รี่อุทานกับตนเอง

"ใครเหรอ" เสียงเดรโกเอ่ยถาม

แฮร์รี่เพียงส่ายหน้า ตายังมองที่ข้อเท้า "ไม่สำคัญหรอก" เขาบอกอย่างเลื่อนลอย "ตาเถรก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้วตอนนี้"

"ดูเป็นไงบ้าง" เดรโกลุกขึ้นนั่งอย่างกระเสือกกระสนเล็กน้อย เมื่อเห็นข้อเท้าตัวเองตาก็เบิกกว้าง ร่างทรุดลงไปอีกครั้ง "ฉันรู้สึกเหมือนจะไม่สบาย"

"อย่าเชียว" แฮร์รี่พูดพลางค่อย ๆ ใช้มือคลำตามส่วนที่บวมมากที่สุด เพื่อตรวจดูว่ามีความเสียหายอะไรหรือเปล่า เขาอาจไม่ใช่หมอหรือพ่อมดแพทย์สนาม แต่ก็ดูออกว่าข้อเท้าเดรโกอาการหนักเอาการเลย "รู้จักคาถาอะไรที่ใช้รักษาข้อเท้า อาการเคล็ด หรืออะไรพวกนี้ไหม"

เดรโกครางออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ "ไม่มีคาถาที่จำเพาะเจาะจง ตอนฉันพูดนายไม่ได้ฟังหรือไง พวกแผลฟกช้ำ แผลถลอก หรืออาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ให้ใช้วิธีปฐมพยาบาล อ้อ ฉันรู้จักคาถาดี ๆ คาถาหนึ่งตอนอยู่ปีสอง ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้... มีนายอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้คงได้ใช้บ่อยทีเดียว"

"นี่รู้ไหม พูดค่อนแคะคนอื่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอกนะ" แฮร์รี่เอ่ยเรียบ ๆ "โดยเฉพาะตอนที่ฉันพยายามช่วยนายอยู่"

เดรโกดันตัวเองขึ้นด้วยข้อศอก จะได้ถลึงตาใส่แฮร์รี่ได้ถนัด "งั้นก็ขอโทษแล้วกัน! ขาเจ็บอยู่ขนาดนี้ใครจะไปมีอารมณ์พูดอ่อนพูดหวาน!"

แฮร์รี่ถลึงตากลับพร้อมโน้มตัวไปข้างหน้า "การที่มีชีวิตอยู่ได้อีกแค่สามวันก็ไม่ทำให้ฉันใจดีนักหรอก เผื่อนายอาจลืมไปแล้ว!"

เดรโกอ้าปากหมายจะตอกกลับให้หนัก ๆ แต่ก็หุบปากลงอย่างรวดเร็ว เขาหายใจถี่และสั่นเครือ ขณะจ้องมองแฮร์รี่ด้วยสายตาขุ่นมัว ราวกับกำลังแง่งอน "ก็ได้ ๆ เราต่างอารมณ์ไม่ดี และมีเหตุผลที่ฟังขึ้นด้วยกันทั้งคู่ แต่ก็อย่างที่บอก ว่าฉันไม่รู้คาถาที่เฉพาะเจาะจง รู้จักแค่คาถารักษาธรรมดาและการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเท่านั้น ก็ฉันไม่ใช่พ่อมดแพทย์สนาม"

เดรโกหยุดไปครู่หนึ่งแล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป ดูเหมือนกำลังเขินอาย "จริง ๆ แล้ว... ฉันว่า... นายอาจใช้วิธีรักษาที่ทำเมื่อสองสามวันก่อนโน้น เออ... ที่นายใช้รักษามือฉันน่ะ"

ได้ยินดังนั้นแฮร์รี่ก็อึ้งไป เขาลืมคิดเรื่องนั้นไปเสียสนิท มินานความคิดก็ล่องลอยไกลออกไปยังเต็นท์ริมน้ำของพวกเขา เสมือนว่ามันไกลแสนไกลกับทีที่พวกเขาอยู่ตรงนี้ เสียจนยากจะเข้าใจ แม้แต่ความรู้สึกเรื่อไออุ่นของเวทมนตร์ตรงกลางระหว่างมือของพวกเขา ก็ยังรู้สึกเสมือนเป็นภาพลวงตามากกว่าภาพทรงจำ เขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าทำลงไปได้อย่างไร เพียงรู้สึกว่าตอนนั้นคือเวลาที่เหมาะและถูกต้อง ตอนนี้ไม่มีทางเลยที่จะทำได้อย่างเดิมอีกครั้ง ทว่าเดรโกกำลังมองเขาสีหน้าปลงตก ตาฉายแววอ้อนวอน

"ฉะ... ฉันไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า" แฮร์รี่เอ่ยอย่างไม่มั่นใจ

"นายต้องทำได้สิ" เดรโกกล่าวน้ำเสียงเหมือนพยายามโน้มน้าวตัวเองเช่นเดียวกับแฮร์รี่ "นายเคยทำแล้วครั้งหนึ่งโดยไม่ต้องพยายามด้วยซ้ำ จำไม่ได้หรือ แหม แฮร์รี่ พอตเตอร์จะเสกมนตร์ไร้ไม้ คงง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย"

คำขานชื่อเสียงเรียงนามเต็มยศ เป็นเสมือนมือที่ตบฉาดลงบนใบหน้า ยิ่งอยู่ในบริบทเช่นนี้ ยิ่งทำให้แฮร์รี่โมโหโทโสยิ่งขึ้น เขาผละกายออกจากเดรโก แก้มร้อนผะผ่าวจนถึงกกหูด้วยไฟโทสะ "หุบปากนายเดี๋ยวนี้เลย! ฉันไม่รู้ว่าคนไปเอาเรื่องที่ฉันมีความสามารถพิเศษมากมายมาจากไหน เพราะความจริงแล้วฉันไม่มี! ผู้คนอยากให้ฉันแสดงปาฏิหาริย์ เพราะฉันคือแฮร์รี่ พอตเตอร์ผู้กอบกู้โลก ชื่อของฉันไม่ได้มอบเอกสิทธิ์อะไรแก่ฉันแม้แต่น้อย เว้นแต่จะเป็นชื่อแรก ๆ ในรายการของโวลเดอมอร์! เผื่อนายสงสัยละก็ เขาชื่อทอม! ฉันอาจจะรักษามือให้นาย แต่นายรักษาฉันทั้งตัว ทำไมไม่ทำเองเสียล่ะ!"

เดรโกเหลือบตาขึ้นมองหน้าแฮร์รี่ ริมฝีปากเม้มเข้าด้วยกันอย่างหมกมุ่นครุ่นคิด แววตาไร้ความรู้สึก เสมือนหนึ่งว่าตัวเขาเล็กลงเรื่อย ๆ เขานั่งอยู่อย่างนั้นพักหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าดึงไม้กายสิทธิ์ออกมา เขาเล็งไม้กายสิทธิ์อย่างเก้ ๆ กัง ๆ ยังตรงกลางแผล แล้วร่ายคาถารักษาสองสามคาถา รอยช้ำจางลงเล็กน้อย แต่อาการบวมยังคงเดิม เดรโกร่ายคาถาซ้ำ ทว่าดูจะไม่เป็นผล

แฮร์รี่กระวนกระวายอยู่ไม่สุข เพราะความรู้สึกผิดที่เผลอพลั้งพูดโพล่งออกไป "ทำไมไม่ลองเวทมนตร์ไร้ไม้ที่ทำตอนนั้นล่ะ" เขาถามอีกครั้ง คราวนี้พยายามใช้น้ำเสียงมีเหตุผล

ชั่วขณะหนึ่งเดรโกยังไม่ยอมสนใจแฮร์รี่ ขณะพยายามรักษาข้อเท้าตนเอง แต่เพราะว่าทำอย่างไรก็ไม่เป็นผล จนแล้วจนรอดจึงได้เงยหน้าขึ้น เป็นตอนนั้นเองที่แฮร์รี่สังเกตเห็นว่า อาการบาดเจ็บมีผลอย่างไรกับเดรโก ผิวพรรณอีกฝ่ายที่ขาวซีดอยู่แล้ว กลับซีดเซียวยิ่งกว่าเก่า มีเม็ดเหงื่อผุดเป็นประกายอยู่ตามหน้าผาก ซึ่งแฮร์รี่ไม่คิดว่ามาจากความเหนื่อยจากการเดินทางเมื่อครู่ ไม้กายสิทธิ์ในมือเดรโกสั่นเทา

แฮร์รี่กัดลิ้นตัวเองขณะความรู้สึกผิดกำลังมวนอยู่ในท้อง เขาไม่น่าใจไม้ไส้ระกำกับอีกฝ่ายเลย "นายเป็นไรไหม"

เดรโกไม่สนใจคำถาม "นายรู้อะไรเกี่ยวกับเวทมนตร์ไร้ไม้บ้าง พอตเตอร์" เสียงเขาเรียบบาง "หรือไม่รู้"

แฮร์รี่รู้สึกอายเหลือเกินที่จะยอมรับ แต่ก็ทำได้เพียงส่ายหน้า

เดรโกพยักหน้าน้อย ๆ เชิงรับรู้แล้วพูดต่อ "ต้องใช้พลังงานอย่างมาก มักประกอบกับความรู้สึกที่รุนแรง เช่น ตกใจ โกรธ โมโห กลัว... หรืออะไรทำนองนี้ ทุกครั้งที่เกิดขึ้น จะไม่ได้มาจากเจตนา และส่วนใหญ่มักทำให้แก้วแตก ตอนนี้ฉันเหนื่อยและอารมณ์ไม่ดีอีกด้วย ฉันคงทำไม่ได้ ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ตาม... ฉันก็เลยขอให้นายทำไง"

"ฉะ... ฉัน..." แฮร์รี่จ้องมองเดรโก ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไป ความเจ็บปวดได้ยินชัดเจนในน้ำเสียงอีกฝ่าย ความตึงเครียดเห็นได้จากไหล่ที่เคร่งตึง "ฉันจะลองดู"

เดรโกพยักหน้าเบา ๆ จนแทบมองไม่เห็น "ฉันก็ขอแค่นั้นแหละ นายเชื่อไหม ฉันก็อยากกลับบ้านไม่ต่างจากนาย แต่นี่มีแต่จะรั้งเราไว้... เว้นแต่... ฉันไม่มีค่าพอให้รอ"

แฮร์รี่ปากค้างอย่างอึ้ง ๆ และเริ่มโมโห "นี่นาย... นั่น... อย่าพูดแบบนั้นนะ"

เดรโกเบือนหน้าหนีทันที สีหน้ากระดากอายระคนร้อนรนใจ ประสมกับความขุ่นเคืองเล็กน้อย "ขอโทษ" เขาพึมพำ "ไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้น"

แฮร์รี่ถอนใจใหญ่อย่างไม่สบายใจ ปรับท่านั่งให้จับข้อเท้าเดรโกได้ง่ายขึ้น ทว่าไม่ได้ยื่นมือออกไป เขายังนั่งอยู่อย่างนั้น เฝ้าพิศดูใบหน้าเดรโก

คิ้วเดรโกขมวดเข้าด้วยกันด้วยความฉงนฉงาย "อะไร"

แฮร์รี่ส่ายหน้ากับตนเอง ใช่ เขาอยาก - ปรารถนา - จะกลับบ้านไม่ว่าจะอย่างไร แต่เขาไม่มีทางคิดทิ้งเดรโกไว้ที่นี่แน่ ไม่ใช่ว่าความคิดนั้นจะไม่เกิดขึ้นในใจ ทว่ามันหากเกิดขึ้น แฮร์รี่ก็จะคัดค้านอย่างเต็มที่

แน่นอนทีเดียวว่าเดรโกเป็นต้นเหตุที่นำพาเขามาสู่เรื่องราวยุ่งเหยิงนี้ ทว่าพวกเขาก็จะออกไปจากเรื่องยุ่งเหยิงนี้ด้วยกัน... ใช่ไหม นอกจากนี้หากเขาทิ้งเดรโกไว้ โวลเดอมอร์ก็จะจับตัวเขาไป แฮร์รี่ไม่มีทางทำเรื่องเช่นนั้นกับใครได้แน่ ๆ โดยเฉพาะเดรโก คำตอบเดียวก็คือพวกเขาทั้งสองคนต้องออกไปด้วยกัน เพราะทางเลือกอื่นนั้นช่างแสนเจ็บปวดเหลือทน หากจะให้ใคร่ครวญตอนนี้ก็หนักหนาเกินไป แฮร์รี่กะพริบตาสองสามทีเพื่อขจัดความคิดฟุ้งซ่านในหัว แล้วหันความสนใจไปที่ข้อเท้าเดรโก "ไม่มีอะไรสำคัญหรอก" เขาเอ่ยตอบในทันที

เดรโกไม่ได้พูดอะไร

แฮร์รี่เอามือไปวางเหนือข้อเท้าอย่างเก้อ ๆ เขิน ๆ ฝ่ามืออังอยู่บริเวณที่เป็นแผล ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าเขาคาดหวังให้มีอะไรเกิดขึ้นโดยไม่ได้พยายามอะไรเลย เขาสูดหายใจช้า ๆ พลางจินตนาการในหัวว่า มีแสงไฟประหลาดเริ่มเรืองประกายใต้ฝ่ามือ หมายใจให้เป็นเช่นนั้น แต่ก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เขาพยายามจดจำความรู้สึกของเวทมนตร์ที่แผ่ซ่านใต้มือ แสงเรืองอ่อน ๆ นั้น แต่จำไม่ค่อยได้เท่าไร เขาพยายามตั้งใจอีกครั้ง แต่ก็ว่างเปล่า

ตอนนี้เขาเริ่มกระวนกระวายแล้ว เขาต้องทำให้ได้ เพราะพวกเขาต้องกลับบ้าน ทว่าด้วยเหตุใดไม่ทราบ เขาไม่สามารถเชื่อมสิ่งที่เขาทำในคืนริมน้ำวันนั้น กับสิ่งที่เขาพยายามทำอยู่ตอนนี้ได้เลย มือของเขาก็ยังเป็นมือธรรมดา ไม่มีเวทมนตร์ประหลาดเกิดขึ้นแต่อย่างไร และเขาไม่ใช่ผู้บำบัด แม้จะจำได้อยู่เลา ๆ ว่าทำอะไรลงไปบ้าง แต่ก็จำไม่ได้เลยว่าทำลงไปอย่างไร เขาลองครั้งสุดท้ายอย่างสิ้นหวัง พยายามส่งพลังออกมาจากมือ

"โอ๊ย!" เดรโกสะบัดข้อเท้าออก "นั่นอะไรน่ะ"

แฮร์รี่พลิกฝ่ามือขึ้นมาดูราวกับเห็นเป็นครั้งแรก "ก็ไม่รู้เหมือนกัน" ตอนแรกรู้สึกเก้อ ๆ เขิน ๆ ตอนนี้เขารู้สึกซื่อบื้อด้วยเช่นกัน เขาเงยขึ้นมองเดรโก แต่ก็ไม่อยากเห็นว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าเช่นไร

เดรโกไม่ได้มีท่าทีโกรธเคือง แต่ก็ไม่ได้ดูพึงพอใจเช่นกัน เดรโกโน้มตัวเอามือซบหน้า "ไม่ใช่ความผิดนาย"

"แล้วความผิดใครกันล่ะ" แฮร์รี่พูดโพล่ง "ฉันเคยทำมาก่อน นายก็เคยทำแล้ว ฉันต้องทำได้อีกสิ! ฉันคงใช้พลังไม่พอหรืออะไรสักอย่าง ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ได้ผล!"

เดรโกเงยหน้าขึ้นมองมือที่กำหลวม ๆ ของเขา "นายทำไม่ได้เพราะเพ่งสมาธิไม่ถูกจุด"

"เพ่งแล้ว!" แฮร์รี่ค้าน "ฉันเพ่งสมาธิกับการรักษานาย! ต้องทำ เพราะเราจะต้องกลับบ้าน ถ้าทำไม่ได้ฉันจะตายและนายอาจถูกจับได้ ฉันปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้หรอก"

รอยยิ้มเศร้าสร้อยแย้มออกตรงมุมปากเดรโก "ก็บอกแล้วไง"

แฮร์รี่อ้าปากจะเถียงอีกครั้ง แต่ก็เข้าใจความหมายของเดรโกเสียก่อน "โอ้"

"ไม่ใช่ความผิดนาย แฮร์รี่"

แฮร์รี่ส่ายหน้าพัลวัน "แต่ฉันแก้ได้นะ! ขอเวลาเดี๋ยว ฉันจะลองดูใหม่" เขาถูมือสองข้างเข้าด้วยกัน นึกภาพว่ามีประกายเวทมนตร์เกิดขึ้นตรงกลาง ถึงแม้เขาจะรู้ว่าไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น มีเพียงแต่เหงื่อและความกังวลใจ เขาเอื้อมมือไปที่ข้อเท้าเดรโกอีกครั้ง ทว่าเดรโกจับมือเขาไว้ก่อน

"มันไม่ได้ผลหรอกแฮร์รี่"

"ต้องได้ผลสิ" บ้าที่สุด! เดรโกคงไม่คิดจะให้ฉันล้มเลิกตอนนี้หรอกใช่ไหม เขาพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมของเดรโก แต่อีกฝ่ายยิ่งกำแน่นขึ้น "เดรโก นายต้องให้ฉันลองอีกครั้งก่อน"

"ไม่ได้ผลหรอก"

"นายบอกแล้ว และฉันก็ไม่เชื่อนาย"

"นายนี่ดื้อซะจริง" น้ำเสียงแฝงความขบขัน

"เป็นนิสัยชาวสิงห์ละ" แฮร์รี่ดึงดัน

"ไม่หรอก นั่นน่ะพฤษภมากกว่า" เดรโกพูดพลางทำเป็นครุ่นคิด "ได้ยินว่านายไม่ชอบพยากรณ์ศาสตร์ไม่ใช่เหรอ"

"อะไรก็ช่างเถอะ"

เดรโกส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้ ราวกับคนกำลังจะเป็นไข้ "รู้ไหมว่ามันไม่ได้ผลหรอกแฮร์รี่ เรื่องบางเรื่องก็ควรยอมรับซะนะ" เขาดูเหมือนจะพูดกับตนเองมากกว่าพูดกับแฮร์รี่

"แล้วจะให้ฉันทำยังไง ยอมแพ้เหรอ" เดรโกยังไม่ทันพูด แฮร์รี่ก็ลุกพรวดขึ้น "ขอมือหน่อย"

"หือ ทำไม"

"อย่าเพิ่งเถียง! ส่งมือมา" แฮร์รี่ยื่นมือออกไปเดรโกก็คว้าไว้ทันที แฮร์รี่ดึงเขาลุกขึ้นยืน เดรโกร้องตกใจเล็กน้อยขณะยืนโซเซไปมา ก่อนแฮร์รี่จะเอาแขนข้างหนึ่งกอดคอเขาไว้

เดรโกมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ "นายต้องล้อกันเล่นแน่ ๆ"

"ไม่ได้ล้อแล่น ฉันจะแบกนายกลับไปจนถึงก็ได้ถ้าต้องทำ"

"นายมันบ้าไปแล้วพอตเตอร์!"

"นายสังเกตก็ดี!"

"มันไม่ได้ผลหรอกน่า"

"ฉันได้ยินเสียงสะท้อนอยู่หรือเปล่านะ ก็ฉันบอกแล้วว่าไม่เชื่อนาย นายชอบคิดเองเออเองตั้งแต่เมื่อไรกัน ยังไม่ลองก็จะยอมแพ้ซะแล้ว"

แฮร์รี่รู้สึกได้ว่าเดรโกตัวเกร็ง "แน่ใจนะว่ามีทางเลือกนี้ทางเลือกเดียวแล้ว"

แฮร์รี่เอียงคออย่างใช้ความคิด "อืม จะให้ฉันสะกดนิ่งนายแล้วใช้คาถาลอยตัวพานายกลับฮอกวอตส์ พอถึงแล้วค่อยคืนสภาพนายก็ได้"

หน้าเดรโกถมึงทึง "ฝันไปเถอะ"

"ถ้าไม่อยากทำแบบนั้น ก็ทิ้งน้ำหนักมาที่ตัวฉัน แล้วเดินไปพร้อมกัน"

เดรโกดูเหมือนจะใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง "รู้หรือเปล่า นี่ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงก็ได้ แต่ฉันรู้สึกเหมือนเกิดเดจาวู เว้นแต่ว่าครั้งนี้... "

"อื้อ ฉันรู้ว่านายจะพูดอะไร" แฮร์รี่ตอบ ใช้เวลาเสี้ยววินาทีหวนนึกถึงห้วงความทรงจำอันคลุมเครือตอนที่เขาหนีออกมา แล้วถอนหายใจแผ่วเบา "มา ไปกันเถอะ"

***

ล่วงมาหนึ่งชั่วโมง แฮร์รี่ก็เหนื่อยหอบหายใจไม่ออก เหงื่อท่วมโซมกาย รู้สึกราวถูกสาปคาถาขาปุยนุ่นก็ไม่ปาน หันไปดูเดรโกแล้ว ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ดูยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ซ้ำร้าย สองหนุ่มยังไม่ถึงยอดเขาลูกเดิมที่เขาพวกเขาหยุดพักกันด้วยซ้ำ

"พอตเตอร์ เราจะไปยังงี้ต่อไปไม่ได้นะ" เดรโกหอบลมออกมาอยู่ข้างเขา

"ไม่หยุด...ตอนนี้หรอก"

"พอตเตอร์ – แฮร์รี่ นี่ไม่ได้ผลหรอกน่า"

"ไว้ค่อยมาบอก...ตอนหัวสมองสลิธีรินของนาย...คิดอะไรดี ๆ ออกก่อนก็แล้วกัน!"

แฮร์รี่มองตรงไม่ว่อกแว่ก พยายามก้าวเท้าข้างหนึ่งไปไว้หน้าเท้าอีกข้าง พลางลากเดรโกไปด้วย เดรโกกึ่งก้าวเท้ากึ่งกระโดดอย่างงุ่มง่าม ทำให้บั้นเอวปวดยอกอยู่เนือง ๆ และมีหลายครั้งที่แฮร์รี่ตั้งใจจะเสกคาถาไร้น้ำหนักกับเดรโก แต่ก็ไม่สู้อยากให้ถกเถียงกันอีก จินนี่ วีสลีย์เคยบอกเขาครั้งหนึ่งว่า หากเสกคาถาลดน้ำหนักกับผู้หญิง จะมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงสูงมาก และไม่รู้ว่าทำไมแฮร์รี่ถึงคิดว่าหากเสกคาถานั้นกับเดรโก ก็อาจเกิดผลแบบเดียวกัน ถึงแม้เดรโกจะบอกอยู่ตลอดว่าวิธีของเขาไม่ได้ผล แต่ว่าคาถาเงียบเสียงก็ฟังดูเข้าท่าไม่น้อย

"แฮร์รี่ นายจะทำอย่างนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน"

"ถ้าจำเป็น...ก็ทำต่อไปเรื่อย ๆ"

"แฮร์รี่"

"อะไร!"

"หยุด"

ดูท่าว่าเพียงการแนะให้หยุดแค่นี้ก็ทำให้แฮร์รี่มีกำลังตะเบ็ง "ไม่!" ดัง ๆ แล้ว

"แฮร์รี่" เดรโกกระทืบเท้ายึดพื้นไว้ ตอนทำเช่นนั้นก็สะดุ้งเจ็บอยู่หน่อย ๆ แล้วก็ฉุดแฮร์รี่ให้หยุด "นายต้องหยุดแล้วฟังเหตุผลก่อน"

แฮร์รี่หันไปมองเดรโกซึ่งใบหน้าซีดเผือดไร้เลือดฝาดไปแล้ว ดูเหมือนว่าขาดอากาศหายใจ หน้าอกขยับถี่ ใบหน้าดูอิดโรยเต็มที แม้แต่ตอนที่เขามองแฮร์รี่อยู่ สายตากลับดูเลื่อนลอยราวมองไกลออกไป หากแฮร์รี่ไม่เห็นเขาอยู่ตรงนี้คงตะโกนเรียกไปแล้ว

"เหตุผล เหตุผลเหรอ ให้ทิ้งนายไว้นั่นน่ะเหรอเหตุผล คิดอะไรที่ดีกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง"

เดรโกบุ้ยปาก "จะลองดู" เขาค่อย ๆ หย่อนกายลงกับพื้นพร้อมเสียงโอดโอย ก่อนเลิกถุงเท้าออกอย่างระมัดระวัง "แฮร์รี่ วิ่งไปอย่างนี้ไม่ช่วยให้เรากลับไปทันหรอกนะ ต่อให้ไปเร็วก็ตาม ฉัน... ฉันว่าเราต้องมองหาตัวเลือกอื่นแล้วละ"

แฮร์รี่มีท่าทีลังเล ยังไม่สะดวกใจกับการที่ต้องเสียเวลาไปอีกแม้แต่วินาทีเดียว ทว่าเมื่อเขาเห็นข้อเท้าเดรโกที่อาการแย่ลงกว่าเดิมแล้ว จึงตกลงใจว่าพวกเขาคงต้องหยุดพักเสียก่อน อย่างไรเสียเขาก็เหนื่อยล้าเหมือนกัน คิดได้ดังนั้นก็นั่งลงข้าง ๆ เดรโก

"ตัวเลือก... อย่างเช่น?" แฮร์รี่ถามอย่างไม่สบายใจ "มีอะไรต้องทำอีกที่เรายังคิดไม่ออก"

"คือฉันกำลังคิดว่า... ป่านนี้แล้ว เราคงต้องอยู่ใกล้ฮอกวอตส์มากกว่าปราการของคนที่คุณก็รู้ว่าใคร บางที ถ้าลองเปิดเผยที่อยู่ของเราคนใดคนหนึ่ง ดัมเบิลดอร์อาจหาคนคนนั้นเจอก่อนคนที่คุณก็รู้ใคร มันไม่แน่นอนก็จริง แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีโอกาสเลย แล้วก็ให้คนนั้นพาดัมเบิลดอร์มาหาอีกคน"

แฮร์รี่หรี่ตามองเดรโก และด้วยเหตุใดไม่ทราบ เขามีความรู้สึกว่าเดรโกไม่ได้แนะให้แฮร์รี่เป็นคนออกไปเสี่ยง "ทำไมต้องเป็นตัวเลือกที่ต้องทำ 'คนเดียว' ตลอดเลย ฉันไม่มีทางเห็นด้วยหรอกนะ "

เดรโกเริ่มบีบมือตัวเองพลางพูด "ฉัน... คืออย่างนี้นะแฮร์รี่ ฉันไปเร็วไม่ได้ ฉะนั้นฉันจะเป็นคนทำเอง ถ้าดัมเบิลดอร์เจอฉัน ฉันจะพาเขามาหานาย แต่ถ้าคนที่รู้ว่าใครได้ตัวฉันก่อน... อย่างน้อยฉันก็จะได้ไม่รั้งนายไว้อีกต่อไป"

ตอนนี้เอง ดวงตาเดรโกเริ่มสั่นระริก ออกเรื่อสีแดง และเหมือนจะมีน้ำรื้นออกมา เขารีบเบือนหน้าหนี ทำทีเป็นกระแอมกระไอ

แฮร์รี่ไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนี้ เดรโกเสี่ยงพาพวกเขาหนีออกมาแล้ว แต่นี่... นี่ก็เหมือนกับหนูคลานอยู่ต่อหน้างู เฝ้าภาวนาให้มีอะไรมาช่วยก่อนจะถูกงูฉก "นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ นั่นไม่ใช่ทางเลือกอย่างแน่นอน! ถ้าเกิดว่าโวลเดอมอร์จับนายได้ล่ะ... นายบาดเจ็บอยู่นะ ต่อสู้ป้องกันตัวก็ยังไม่ได้ด้วยซ้ำ ฉันไม่ยอมให้นายทำแบบนั้นหรอก!"

เดรโกหันขวับมา ดวงตาแห้งผากเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด "คิดหน่อยสิพอตเตอร์! ถ้านายไปถึงฮอกวอตส์ไม่ทัน นายก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น!" เขาหลับตาแน่นอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อลืมตาขึ้น ก็เหมือนเขาจะได้สติกลับมา "แฮร์รี่ ฉันคิดเรื่องนี้มาตลอดทั้งเช้า และยิ่งมั่นใจมากขึ้นไปอีกตอนที่ข้อเท้าฉันเจ็บ ฉันคิดหาทางเลือกอื่นไม่ได้แล้ว หรือนายคิดได้?"

แฮร์รี่ไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน เขาพยายามกลืนออกแข็ง ๆ ที่ติดอยู่ในลำคอ "เจ้างั่งสลิธีรินชอบเอาตัวรอดที่ฉันรู้จักหายไปไหนแล้ว"

เดรโกยักไหล่ เหมือนฝืน ๆ อยู่บ้าง "ฉันทิ้งไว้ที่คุกใต้ดินของคนที่คุณก็รู้ว่าใคร" เขาเอียงคอ "อย่าบอกนะว่านายคิดถึงหมอนั่นซะแล้ว"

"ถ้าเขาอยู่ที่นี่ คงไม่คิดออกไปเสี่ยงตายแบบนี้หรอก!"

แม้ว่าเดรโกจะดูเหนื่อยล้า ทว่าท่าทีของเขากลับมีบางอย่างที่ดูขึงขังขึ้นมา "ฉันพานายเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ และฉันสัญญาว่าจะพานายออกไป อย่าทำให้ฉันผิดคำสัญญาสิ"

ได้ยินดังนั้นแฮร์รี่ก็ตกตะลึง เขารู้ว่าเดรโกกำลังพูดเรื่องจริง แต่เขาไม่รู้ว่าคำสัญญานั้นจริงจังแค่ไหน "สะ...สัญญาเหรอ"

มุมปากเดรโกเขม่น "คืนที่เราหนีออกมา... นายหลับหรือไม่ได้สติ ก็ไม่รู้เหมือนกัน คืนนั้นอากาศหนาว ตัวนายก็เย็นเฉียบ ฉันคิดว่านายอยู่ในภาวะช็อก แต่ว่าฉัน...ฉันพยายามทำให้ตัวนายอุ่นขึ้น ตอนที่ทำอยู่ ฉันก็ให้สัญญากับนาย ว่าจะพานายกลับฮอกวอตส์อย่างปลอดภัย ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร ฉันพูดแบบนั้น พูดจากใจจริง"

แฮร์รี่ไม่รู้ว่าจะต้องตอบอย่างไร เริ่มสั่นมือตัวเอง เพื่อสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป "ไม่... เดรโก นายอย่าพูดมั่ว ไม่เอาแบบนี้สิ คนมากมายเหลือเกินต้องตายเพราะฉัน และฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นกับนาย"

"แฮร์รี่ นายไม่ได้บังคับฉัน" เสียงเดรโกสงบนิ่งอย่างผิดปกติ "ฉันเป็นคนเลือกเอง"

สุ้มเสียงเดรโกมีบางสิ่งที่แสดงถึงความปุบปับฉับไว แฮร์รี่จึงตวัดหน้ามอง "นายตั้งใจจะทำตอนนี้เหรอ" เมื่อเห็นว่าเดรโกไม่ตอบทันที ความโกรธของแฮร์รี่ก็ปะทุขึ้นมา "ใช่หรือเปล่า"

จังหวะนั้นเอง แฮร์รี่รุดมาอยู่หน้าเดรโกทันที คว้าคอเสื้อเขาไว้ เพื่อจะหยุดเขา หรือต่อยเขา แฮร์รี่โน้มตัวเข้าไป ทำท่าขู่ขวัญที่สุดเท่าที่ทำได้ หมายจะให้เดรโกหงายหลังไป "นายห้ามทำ! ฉันไม่ยอมหรอก! ดัมเบิลดอร์บอกว่าซิเรียสเป็นคนเลือกที่จะไปที่กระทรวงเอง และเขาก็ตายที่นั่น แต่เขาคงไม่ต้องจากไปแบบนั้นถ้าไม่ใช่เพราะฉัน! และฉันจะไม่ยอมให้นายทำแบบเดียวกัน! เข้าใจไหม ฉันไม่อยากให้ใครต้องมาตายเพราะฉันอีก!"

เดรโกเหมือนจะตัวเล็กจ้อยลงในมือแฮร์รี่ เสียงแผ่วแต่มั่นคงเปล่งออกมา "แล้วถ้าคนที่คุณก็รู้ว่าใคร -- ถ้าโวลเดมอร์ชนะ... จะต้องมีอีกสักที่คนต้องตาย เริ่มจากนายคนแรก และฉันก็คงเป็นรายต่อไป"

แฮร์รี่ตกใจกับคำตอบของเดรโก เขาคลายมือออก ให้เดรโกนั่งดี ๆ เดรโกพยักหน้ารับรู้ ครั้นนึกไปถึงบทสนทนาที่เคยมี เขาก็ตัวสั่น "ฉันเคยไปพบโวลเดอมอร์เป็นการส่วนตัว... ได้เห็นว่าเขาเป็นยังไง ถ้าเผื่อนายยังไม่รู้ นั่นแหละคือเหตุผลที่ฉันหนีออกมา! เขาฆ่าได้หมดไม่ว่าจะเป็นพรรคพวกหรือศัตรู ถ้าคนพวกนั้นไม่ได้ดั่งใจเขา มันไม่ใช่แค่เลือดบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์แล้ว ฉันเคยคิดว่าถ้าฉันอยู่ข้างเขาตอนเขาชนะ... ฉันจะได้ทุกอย่าง ฉันจะอยู่สุขสบาย มีอำนาจ มีเงินทอง มีชื่อเสียง... และไม่สนว่าใครจะเป็นอะไร เพราะคนอื่นไม่มีผลต่อฉัน แต่ตอนนี้ฉันอยู่คนละฝั่งแล้ว ต่อให้ฉันไม่อยากสนใจ ฉันก็ทำไม่ได้อีกแล้ว!"

"เดรโก-"

"ฟังนะ ฉันอาจจะไม่ชอบดัมเบิลดอร์ หรือคนของเขา และฉันก็ไม่ยังยอมรับพวกเลือด--มักเกิ้ลบอร์นตอนนี้ไม่ได้ แต่ว่า..." เขาเว้นช่วงหายใจ "... ถ้าคนพวกนั้นเป็นเหมือนนาย ก็แสดงว่าพวกเขาดีกว่าโวล-โวลเดอมอร์เป็นไหน ๆ"

เดรโกสบตาแฮร์รี่ ประหนึ่งปรารถนาจะให้แฮร์รี่สัมผัสได้ถึงความจริงใจของเขาด้วยเพียงอำนาจจิต "ชีวิตฉันเสียไปตั้งแต่ตอนที่ขังนายไว้ในกรงแล้ว ชีวิตที่ยังมีอยู่ตอนนี้...ก็แค่ส่วนเกิน เวลาของนายอาจกำลังจะหมดไป แต่ฉันมีชีวิตในเวลาส่วนเกิน แฮร์รี่ ถ้าฉันต้องตาย ฉันก็อยากตายอย่างมีประโยชน์บ้าง ต่อให้ไม่สำเร็จก็ตาม"

"ไม่..."

เดรโกระบายยิ้มเศร้าสร้อย ฉับพลันแฮร์รี่ก็นึกได้ว่าเขาเห็นสีหน้าแบบนั้นกี่ครั้งแล้วในบ่ายวันนี้ "ฉันไม่อยากให้สิ่งที่ฝ่าฟันมาต้องสูญเปล่า ฉันอยากให้นายเข้าใจ"

แฮร์รี่สัมผัสได้ถึงคำว่า "ลาก่อน" ในถ้อยคำของเดรโก เขาส่ายหน้าไปมา แม้แต่เสียงที่เปล่งออกมาก็แหบพร่า "ไม่ ไม่ใช่ตอนนี้"

"รอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก แฮร์รี่ นายเองก็รู้"

"ไม่! เราจะคิดหาทางอื่น! ทางที่มีเหตุผลมากกว่านี้"

"สิ่งที่มีเหตุผลตอนนี้คือนายต้องลุกขึ้น กลับหลังหัน แล้วรีบเดินไปซะ วิ่งได้ยิ่งดี"

"ไม่มีทาง!"

"อ๋อ หรือนายจะนั่งอยู่นี่ไปอีกสามวัน รอให้เวลาหมดไป"

"ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยว่าเราจะทำแบบนั้น! แต่ต้องมีทางอื่น แน่ใจนะว่านายหายตัวไม่ได้จริง ๆ"

เดรโกหัวเราะออกมาเบา ๆ แม้ท่าทีจะยังตึงเครียดอยู่ก็ตาม "เราไม่ได้คุยกันเรื่องนี้แล้วเหรอแฮร์รี่ ตอนลองทำครั้งแรกก็อวัยวะฉีกขาด ฉันไม่ทำอีกหรอก ทำไม่ได้ ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น เอาจริง ๆ นะ มันทำให้ฉันกลัวมาก ๆ ไม่งั้นฉันก็คงทำไปแล้ว ฉันตั้งใจว่าจะไป...ฝึกที่ฮอกวอตส์"

แฮร์รี่ฝืนยิ้ม "นายไม่เห็นบอกเลยว่าอวัยวะส่วนไหนฉีกขาด"

"อย่าพยายามเปลี่ยนเรื่องสิ"

รอยยิ้มหายไปพลัน แฮร์รี่เอามือทุบพื้น "ฉันคิดอยู่!" เขามองผ่านไหล่ไป "ฉันคิดว่ามีลำธารที่ตีนเขา ถ้าเราลงไปที่นั่น นายก็จะได้เอาข้อเท้าแช่น้ำ น้ำน่าจะเย็นพอที่จะช่วยบรรเทาความเจ็บและอาการบวม และฉันว่าฉันเห็นทะเลสาบไกลออกไปอีกนิดหน่อยด้วย"

"นายจะหยุดพักเหรอ"

"ก็ใช่น่ะสิ" เขายืนขึ้นแล้วยื่นมือให้เดรโก "นายก็ด้วย"

เดรโกไม่ได้แย้งอะไรขณะเอื้อมไปจับมือแฮร์รี่ แต่เขาดูไม่ค่อยสบายใจกับสถานการณ์เท่าไรนัก

*********

นิ้วเท้าเดรโกค่อย ๆ รู้สึกชาในน้ำไหลเอื่อยใสเย็น แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เขาบังคับตัวเองให้เอาความรู้สึกออกมาจากตรรกะเหตุผล ครั้นแล้วความรู้สึกของเขาก็ด้านชาไม่ต่างไปจากนิ้วเท้า ลึก ๆ แล้ว เขารู้ว่าหากปล่อยให้ตัวเองรู้สึกอะไร มีหวังเขาคงเสียสติคลุ้มคลั่ง ยิ่งเห็นว่าสติแฮร์รี่เองก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่ากัน ฉะนั้นแตกตื่นไปก็รังแต่จะทำให้ทั้งสองคนลำบาก ดูเหมือนว่าหากคนหนึ่งเสียสติ อีกคนก็ต้องครองสติให้ดี และคราวนี้ก็เป็นตาเขาที่ต้องมีสติ

"แน่ใจนะว่าเราเสกไม้กวาดไม่ได้" แฮร์รี่ถามขึ้นมาอีก ขณะดึงต้นหญ้าที่โผล่ออกมาจากหินสองก้อน

"ขอบอกเป็นครั้งที่สามนะว่าไม่ได้ ต่อให้เสกมาได้ก็ใช้ขี่ไม่ได้" เดรโกถอนหายใจพลางเอาเท้าข้างที่ไม่เจ็บเตะน้ำ "ที่ไม้กวาดแพงก็ต้องมีเหตุผลที่แพง คาถาเหาะเหินเป็นความลับที่ซับซ้อนทางการค้าของคนผลิตไม้กวาด ถ้าเราเสกไม้กวาดใช้เองได้ ป่านนี้ทุกคนคงมีไม้กวาดไฟร์โบลต์ของตัวเองแล้ว"

"เออน่า ๆ" แฮร์รี่ตอบอย่างใจลอย เขาเก็บก้อนหินมาก้อนหนึ่งจากพื้นกรวดแล้วโยนไปในลำธาร "แล้วพรมวิเศษล่ะ"

"แฮร์รี่..."

"ก็ได้ รู้แล้ว" เขาเอนหลังลงกับพื้นแล้วเริ่มเอาเท้าซ้ายย่ำพื้นเป็นจังหวะ "อย่างน้อยที่สุด ฉันก็เสกไม้เท้าช่วยพยุงได้ ถึงจะไปได้ไม่เท่าเดินปกติ แต่ก็น่าจะพอช่วยได้บ้าง"

"ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังถ่วงเวลานายอยู่ดี นายเต็มใจเสี่ยงเหรอ"

แฮร์รี่ลุกพรวดขึ้นนั่ง "ก็ใช่น่ะสิเคราเมอร์ลิน! อย่างเดียวที่ฉันไม่อยากเสี่ยงคือปล่อยนายไปให้โวลเดอมอร์"

"แฮร์รี่ สุดท้ายแล้วเราก็ต้องตัดสินใจนะ"

"ฉันรู้น่า! และฉันก็อยากตัดสินใจให้เรารอดทั้งสองคน ไม่เข้าใจตรรกะของโลกหรือไง"

"นี่เริ่มจะซ้ำไปซ้ำมาแล้วนะ"

"ขอโทษที่ทำให้นายเบื่อแล้วกัน!" แฮร์รี่ตวาด "ให้ฉันร้องเล่นเต้นรำด้วยไหมล่ะ เผื่อจะสนุกขึ้น"

เดรโกถอนใจใหญ่แล้วดึงเท้าออกจากน้ำ รู้สึกดีขึ้นจริง ๆ แต่ก็ยังบวมอยู่ "ฉันหมายความว่า ถ้าเรายังพูดกันอย่างนี้ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า เราพูดเรื่องเดิมซ้ำสองครั้งแล้วนะ"

"ที่นายอยากออกไปเสี่ยงตายแบบนั้น นายมีเหตุผลอะไรหรือเปล่าล่ะ" แฮร์รี่ถามเสียงเข้ม

เดรโกทำเสียงต่ำในลำคอ แฮร์รี่ยิ่งมีแต่ทำให้เรื่องยุ่งยาก สุดท้ายยังไงก็ต้องตัดสินใจอยู่ดี อีกอย่าง หากเขาถูกโวลเดอมอร์จับตัวไปได้จริง ๆ เขาก็อาจยังมีอะไรที่ทำได้บ้าง อย่างเช่น สืบสายเลือดมัลฟอยต่อไปถ้าเป็นไปได้ แต่เขากังวลเรื่องสะพานสายนั้นเมื่อถึงเวลาต้องข้าม สำหรับตอนนี้เขาเต็มใจที่จะเสี่ยง เด็กหนุ่มถอนหายใจแรง "ฉันแค่พยายามทำตามเหตุผล! นี่ไม่ได้เกี่ยวกับเกียรติของกริฟฟินดอร์ แต่มันคือการตัดสินใจอย่างใช้เหตุผล ให้ตายสิแฮร์รี่ เราต้องเลือกสักทางนะ!"

ลมหายใจเขาถี่รัวจนแสบร้อนอยู่ในอก รู้สึกถึงความกลัวและความคับข้องใจที่พรั่งพรูขึ้นมา เขาตัดสินใจแล้ว และตอนนี้พวกเขาก็ต้องทำตาม ไม่มีทางเลือกอื่น

"ไหนไล่เรียงมาซิ" น้ำเสียงเย็นชาของแฮร์รี่นั้นเถรตรง

"อะไร"

"แค่... บอกมา ตัวเลือกเรามีอะไรบ้าง"

เดรโกส่ายหน้าระอิดระอา นี่มันไร้จุดหมาย ไร้จุดหมายเกินคำบรรยาย แต่ถ้ามันทำให้แฮร์รี่พอใจได้ เขาก็คงต้องยอมจำนนสินะ ถึงจะไร้จุดหมายก็ตามที

เดรโกถอนหายใจ เอากำปั้นเท้าแก้ม ขณะพูดก็ใช้มืออีกข้างทำท่าทำทาง "เราเดินต่อไป หวังให้ไปถึงฮอกวอตส์ทันเวลา แง่หนึ่งคือสเนปกับดัมเบิลเดอร์อาจช่วยเราได้ แต่อีกแง่หนึ่ง เราอาจไปช้าเกินไป ฉะนั้นถ้าฉันเปิดเผยที่อยู่ --"

"ซึ่งนั่นคือหมดคำถาม" แฮร์รี่ขัดขึ้นอย่างไม่เสียจังหวะ

เดรโกมุ่ยหน้าแล้วพูดต่อ "อาจทำให้ดัมเบิลเดอร์หรือคนที่คุณก็รู้ว่าใครมาเจอฉัน อย่าน้อย ๆ ก็จะทำให้นายเดินทางเร็วขึ้น"

"ลืมไปได้เลย เราจะไม่แยกกัน" แฮร์รี่ฮึดสู้ "พ่อหนุ่มฮีโร่"

เดรโกเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างนึกขำ "อ้อ ดีเลยสิ นั่นพิสูจน์ได้ว่าฉันใช้เวลาอยู่กับนายมานานแค่ไหน นายมันตัวแพร่เชื้อ"

แฮร์รี่เอาฝ่ามีตีหน้าผากตัวเอง แล้วค้างไว้อย่างนั้นครู่หนึ่ง เดรโกเหม่อมองหลังมือแฮร์รี่ที่ปิดหน้าอยู่ มีรอยตัวหนังสือจาง ๆ สลักที่ตรงนั้น ครั้นแฮร์รี่พูดขึ้นมาในที่สุด น้ำเสียงก็ฟังดูแหบแห้ง "ฉันจะพูดอีกแค่ครั้งเดียวนะ" เขาพูด น้ำเสียงขุ่นเคืองแฝงในแต่ละคำ "ฉันจะไม่ทิ้งนาย ฉันไม่สนว่าจะต้องเสี่ยง แต่ฉันไม่มีทางทิ้งนาย"

"ทำไมล่ะแฮร์รี่" เดรโกเอ่ยด้วยเสียงปกติ "ไม่ยักรู้ว่านายสนใจฉันด้วย"

แฮร์รี่เอามือออกจากใบหน้า แล้วจ้องมองไปที่เดรโก "สนใจสิ" เขาพูดอย่างไม่ลังเล พอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองพูดอะไรไปก็เบิกตากว้าง รีบหันหน้าหนี "ฟังนะ" เขาพึมพำ "สองอาทิตย์อาจไม่พอที่จะเปลี่ยนทุกอย่างได้ แต่สองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ไม่ได้เป็นเหมือนปกติ เท่าที่ฉันรู้ นายคือเพื่อนฉัน เรามาไกลด้วยกันขนาดนี้ ฉันไม่มีทางทอดทิ้งนายได้หรอก เพราะฉะนั้นเลิกเล่นเป็นคนพลีชีพได้แล้ว เราจะต้องผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน"

เดรโกเอนตัวไปด้านหลังช้า ๆ ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร สุดท้ายก็ทำได้แต่พูดประชด เพราะนั่นเป็นวิธีเดียวที่เขารู้จัก "ฉันจะเลิกเล่นเป็นคนพลีชีพก็ต่อเมื่อนายทำแบบเดียวกัน บ้าชะมัด นายนี่มันตัวแพร่เชื้อจริง ๆ ด้วย"

ครู่หนึ่งเดรโกคิดว่าแฮร์รี่จะตอกกลับเขาแรง ๆ สักนัด ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ้ม เป็นยิ้มเหนื่อย ๆ มีความคร่ำเคร่งขึงตึงอยู่รอบดวงตา แต่เป็นยิ้มที่จริงใจ

เดรโกก็ยิ้มตอบอย่างเงอะงะ และในที่สุดก็ผ่อนคลายลงได้บ้าง อาจจะไม่ต้องต่อล้อต่อเถียงกับแฮร์รี่ก็ได้ แต่พวกเขาก็ยังต้องตัดสินใจ ตอนนี้เขาเหนื่อยล้า คิดอะไรเป็นวรรคเป็นเวรไม่ได้อีกต่อไป ถึงจุดนี้แล้วก็ไม่มีทางเลือกไหนเป็นทางเลือกที่ดีทั้งนั้น เดรโกเพียงแค่หวังว่าจะไม่ต้องรอต่อไปอีก "แฮร์รี่ ฉันรู้ว่านายอยากเลือกทางที่มีเกียรติ กอบกู้โลกอะไรแบบนั้น แต่เอาจริง ๆ นะ เราไม่มีเวลาแล้ว เราต้องทำอะไรสักอย่าง นอกเสียจากว่านายจะ --"

"ฉันกำลังคิดอยู่..." แฮร์รี่ขัดขึ้น น้ำเสียงฟังดูห่างเหิน ตามองผ่านหัวไหล่เดรโกไป "นายบอกว่านายมีความคิดที่จะ...ถอนคำสาป...หรือทำน้ำยา...หรืออะไรก็ช่างเถอะ นายมีความคิดยังไง"

เดรโกขมวดคิ้ว "มันก็แค่... ฉันไม่ได้มีความคิดจริง ๆ หรอก ฉันเริ่มเก็บสมุนไพรประกอบยาตัวจริง... เพราะไม่มีอะไรทำ... เลยหาอะไรทำไม่ให้ตัวเองคิดฟุ้งซ่าน ฉันรู้วิธีปรุงยานั้น แต่มันจะช่วยอะไรได้ สเนปรู้วิธีคิดค้นน้ำยาและทำยาแก้ แต่ฉันก็ได้แค่ทำตามสูตรวิธีมาตรฐาน คิดค้นน้ำยาตัวใหม่ขึ้นมาเองไม่ได้หรอก"

แฮร์รี่จ้องมองพื้นชั่วครู่ก่อนเงยหน้ามองเดรโกแปลก ๆ "น้ำยาที่โวลเดอมอร์ใช้ตัวนี้... ทำงานเหมือนยาพิษหรือเปล่า"

เดรโกเกือบจะตอบไปทันทีว่าไม่ แต่เขาหยุดตัวเองไว้แล้วครุ่นคิด แน่นอนว่ามันไม่ใช่ยาพิษแบบกายภาพ ที่จะส่งพิษเข้าไปทำร้ายร่างกายคน แต่ยาพิษพ่อมดไม่ได้เป็นแบบนั้น ยาพิษพ่อมดจะทำลายเวทมนตร์ของพ่อมด ใช้เพื่อฆ่าแบบช้า ๆ หรือฉับพลัน หรือใช้ลดทอนกำลังของเหยื่อ บางครั้งก็สามารถกำหนดให้ออกฤทธิ์ตามเวลาที่ต้องการได้ ซึ่งในอีกแง่หนึ่งก็คือ "ใช่ ฉันว่ามันก็ทำงานคล้ายยาพิษอยู่เหมือนกัน"

"ไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันมาคิดออกเอาป่านนี้" แฮร์รี่พูดกับตัวเอง สีหน้าปริศนาของเขายิ่งล้ำลึกกว่าเดิม "เดรโก... สูตรยาถอนพิษพื้นฐานคืออะไร ไม่ต้องคิดถึงน้ำยาตัวไหนเฉพาะเจาะจงนะ... แค่... การทำยาถอนพิษทั่วไป"

"ก็" เดรโกเปรยช้าๆ นัยน์ตาครุ่นคิด "สำหรับน้ำยาแบบง่าย ก็ต้องเริ่มที่ตัวยาพิษก่อน จากนั้นค่อยย้อนฤทธิ์ยา โดยการต้านสรรพคุณของพิษหรือสรรพคุณของเวทมนตร์ หรือใช้แรงตรงข้ามเพื่อสลายพิษ" นัยน์ตาเขากลับมาโฟกัสที่แฮร์รี่ "ทำไมเหรอ"

แฮร์รี่ไม่ตอบ ทว่าค่อยๆ ฉีกยิ้มยิงฟันขาวแฉ่ง

"นายดูเหมือนตัวเนียเซิลที่เพิ่งกินสนิดเจ็ตมาเลย นายจะบอกอะไรกันแน่แฮร์รี่"

แฮร์รี่ส่ายหน้าแต่ไม่ได้หยุดยิ้ม "น้ำยาวิญญาณุปราคาซับซ้อนแค่ไหน"

"ขั้นตอนก็ไม่ง่ายเท่าไร แต่ฉันเคยเห็นที่ยากกว่านี้มาแล้ว ส่วนประกอบค่อนข้างจะตรงไปตรงมาเหมือนกับน้ำยาสมัยเก่าส่วนใหญ่ แต่มีความผันผวนตรงที่ --"

"แล้วส่วนที่เป็นพิษล่ะ" น้ำเสียงแฮร์รี่เริ่มตื่นเต้นขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละคำ "คือฉันหมายถึง ส่วนประกอบที่เป็นตัวกำเนิดพิษ หรือเมื่อผสมกันแล้วเป็นพิษ อะไรทำนองนั้น คืออะไรเหรอ"

เดรโกเอามือเกาท้ายทอยใช้ความคิด หวนนึกถึงย่อหน้าที่อธิบายสูตรปรุงยา เพ่งความสนใจไปที่ขั้นตอนการปรุง "เออ... ก็น่าจะเป็น"

เดรโกนึกขึ้นได้ในทันทีราวกับถูกบลัดเจอร์กระแทกศีรษะอย่างจังและฉับพลัน ทำให้ปอดเหมือนจะขาดอากาศหายใจ เขาเอนไปข้างหลัง เอาพื้นยันพื้น พยายามหายใจให้เป็นปกติ มีความรู้สึกหวิว ๆ ในสมอง "โอ้เมอร์ลิน..."

"อะไร" แฮร์รี่ถามอย่างร้อนรน "นายคิดอะไรได้เหรอ"

เดรโกอ้าปากจะตอบ แต่ว่าไม่มีเสียงใดหลุดลอดออกมา เขายังคงตกใจกับความเป็นไปได้

ส่วนประกอบส่วนใหญ่ในน้ำยาตัวนี้นั้นเป็นเพียงตัวช่วยกระตุ้น เพื่อเร่งผลการถ่ายโอนเวทมนตร์ขณะเกิดจันทรุปราคา ไม่มีส่วนประกอบใดที่เป็นตัวก่อกำเนิดเวทมนตร์ซึ่งจะใช้ขับเคลื่อนคำสาปเลย อันที่จริงมีเพียงส่วนประกอบเดียวเท่านั้นที่ถือได้ว่าเป็นตัวยาพิษอย่างแท้จริง เรื่องง่าย ๆ แค่นี้เด็กปีสามก็น่าจะนึกออกโดยไม่ต้องบอกอะไรมากมาย มันเห็นชัดอยู่แล้ว เดรโกแค่ต้องย้อนฤทธิ์ยา

เขาเงยหน้ามองแฮร์รี่ พิศดูใบหน้าที่ครัดเคร่งแต่มีประกายแห่งหวัง มองเห็นว่าอีกฝ่ายโน้มตัวเข้ามา ประหนึ่งว่าเพียงแค่เจตจำนงและความตั้งใจอันแรงกล้าจะสามารถเร่งเอาคำตอบจากเดรโกได้ ดวงตาแฮร์รี่เบิกกว้าง พลันดูอ่อนเยาว์ไร้เดียงสาขึ้นมา

ขณะที่เดรโกกำลังปะติดปะต่อภาพอยู่ในใจนั้น เขาก็สำรวจมองใบหน้าแฮร์รี่อย่างถ้วนถี่ ก่อนเคยเป็นใบหน้าของคู่แข่งหรือแม้กระทั่งศัตรู แต่บัดนี้คือใบหน้าของเพื่อนอย่างไม่ต้องสงสัย เพื่อนที่ต่อสู้กับเหตุการณ์คอขาดบาดตายมาด้วยกันมา ใบหน้าของคนที่เขาไว้ใจ ใบหน้าของคนที่สนใจเขา (แฮร์รี่บอกอย่างนั้น) และเป็นใบหน้าที่จริงใจ

เดรโกชำเลืองมองหลังมือแฮร์รี่ ตรงที่มีรอยแผลเป็นจาง ๆ ใต้แขนเสื้อ ใช่แล้ว เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เกียรติของกริฟฟินดอร์ที่ทำให้แฮร์รี่ไม่ยอมทิ้งเดรโก แต่แฮร์รี่แคร์และใส่ใจเขาจริง ๆ

และเดรโกก็แคร์แฮร์รี่เหมือนกัน เขามั่นใจว่าเป็นอย่างนั้น ถ้าทฤษฎีของเขาถูกต้อง นี่แหละคือสิ่งที่จำเป็น แต่คำถามมีอยู่ว่า... เขาแคร์มากพอหรือเปล่า

เขาทอดสายตามองเขาในดวงตาฉงนของแฮร์รี่

เขาคิดว่าพอ

"ฉันคิดอะไรได้แล้ว"

*********

เวลาบ่ายแก่ ๆ แฮร์รี่เดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายอยู่ใกล้ ๆ เต็นท์ที่เพิ่งกางเสร็จ ตลอดหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา พวกเขาเดินช้า ๆ เลียบลำธาร พากันค้นหาส่วนประกอบสำหรับแผนการของเดรโก พร้อมมองหาที่เหมาะ ๆ ที่พวกเขาจะเตรียมการตามแผนครั้งนี้ เดรโกปฏิเสธอย่างเกรงใจไม่ให้แฮร์รี่มาช่วยเขาเดิน แต่เลือกใช้กิ่งไม้สูงเท่าสะเอวแทนไม้เท้าช่วยพยุง แฮร์รี่กัดลิ้นห้ามตัวเองไม่ให้พูดว่า พอถือไม้เท้าแล้วเดรโกดูเหมือนลูเซียส มัลฟอยมากแค่ไหน

สุดท้ายเขาก็เบนความสนใจไปสิ่งอื่น โดยขะมักเขม้นค้นหาส่วนประกอบจากรายการที่เดรโกให้มา รายการไม่ได้มีอะไรมากมาย ถึงแม้แฮร์รี่จะค่อนข้างมั่นใจว่าจะหาส่วนประกอบทั้งหมดได้ทันเวลา แต่จนตอนนี้พวกเขาก็หาเจอแค่อย่างเดียวเท่านั้น ก็คือ โกฐจุฬาลัมพา ซึ่งเป็นเหตุให้เดรโกบ่นกระปอดกระแปดในลำคอ "งูบ้านั่น" กว่าพวกเขาจะมาถึงริมทะเลสาบที่แฮร์รี่เห็นตอนอยู่บนเขา ข้อเท้าเดรโกก็ปวดมากจนไปต่อไม่ได้แล้ว

ขณะที่แฮร์รี่กางเต็นท์ เดรโกก็นอนแอ้งแม้งอยู่ใต้ต้นโอ๊ก พลางเขียนขยุกขยิกลงบนกระดาษที่แฮร์รี่เสกขึ้นมาให้ แฮร์รี่ลองถามอยู่หลายครั้งว่าอีกฝ่ายเขียนอะไร และก็โดนบอกปัดทุกครั้งไป จนแล้วจนรอดเขาก็ยอมจำนน คิดว่าเดรโกคงบอกเอง เมื่อเขาพร้อมจะบอก แต่ใครกันจะทนรอไหว ดังนั้นเมื่อกางเต็นท์จัดแจงบริเวณเรียบร้อยแล้ว แฮร์รี่จึงทำสิ่งที่ช่วยให้เขาเป็นบ้าไปเสียก่อน นั่นคือเดินวกไปวนมา

"นายจะทำให้ฉันสติแตกขืนยังเดินอยู่แบบนั้น" เสียงเดรโกดังผ่านอากาศมา

แฮร์รี่หันมองผ่านไหล่ไป ดูว่าเหมือนว่าเดรโกจะไม่ได้ชายตามองด้วยซ้ำ ยังคงเขียนอย่างตั้งใจ "แหม ฉันก็อยากไปเดินเล่นริมทะเลสาบหรอกนะ แต่คงไม่ใช่ความคิดที่ดี"

เดรโกเอียงศีรษะ ไม่ได้เงยหน้ามอง "อ้อเหรอ" เขาเขียนต่อ

แฮร์รี่เลิกเดินไปเดินมาแล้ว แต่หันมามองเดรโกแทน ชายหนุ่มดูท่าใจจดใจจ่อกับสิ่งที่เขาเขียนอยู่มาก คิ้วขมวดมุ่น แทบไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่ขยับอยู่คือมือเขา กับปากที่เดี๋ยวขบปากล่าง เดี๋ยวเม้มแน่น เดี๋ยวขยับเป็นคำตามที่เขาเขียน แฮร์รี่นิ่งอึ้งเล็กน้อยก่อนจะรู้ว่ามีเสียงออกมาจากปากเดรโก และยิ่งอึ้งมากขึ้นอีกเมื่อรู้เสียงนั้นเปล่งมาที่เขา

"ไม่มีใครสอนหรือไงว่ามองคนอื่นแบบนั้นมันไม่สุภาพ ฉันคงต้องโทษพวกมักเกิ้ลที่เลี้ยงนายมาแบบนั้น นั่นถือว่าเสียมารยาทเลยนะ แต่มาคิดดูอีกที นายก็แค่พยายามจะทำให้ฉันเป็นบ้าละมั้งน่ะ" เดรโกเงยหน้าขึ้น เอามือปัดปอยผมสีตกลงมาปรกหน้า แล้วยิ้มเนือย ๆ "แต่ฉันทำสิ่งที่ทำได้ก่อนตอนนี้ มานั่งสิ"

แฮร์รี่รู้สึกประหลาด เหมือนกับว่าได้กลับไปยังห้องเรียนในฮอกวอตส์ ขณะเขาคุกเข่าลงอย่างระมัดระวังตรงหน้าเดรโก ไม่รู้ทำไม เขาไม่ได้ถาม เพราะรู้ว่าเดรโกจะบอกสิ่งที่เขาสมควรรู้เองเมื่อเขาพร้อม แฮร์รี่จึงรออยู่อย่างนั้นขณะปล่อยให้เดรโกมองเขา รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกประเมินอยู่อย่างไรอย่างนั้น ซึ่งรังแต่ทำให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องเรียนนั้นเพิ่มมากขึ้น ภายใต้สายตาเขม้นของศาสตราจารย์ ไม่แปลกใจเลยที่ตอนนี้เขานึกถึงสเนป

"เอาละ" เดรโกเอ่ยขึ้นในที่สุุด "นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่นายจะถอนตัว"

นั่นไม่ใช่สิ่งที่แฮร์รี่คาดว่าจะได้ยิน "ฮะ"

"ฉันบอกว่า นี่ --"

"ฉันได้ยินว่านายพูดอะไร" แฮร์รี่พูดเสียงกร้าว "และฉันขอบอกว่า ฉันตัดสินใจแล้ว ฉะนั้นนายก็เลิกยุให้ฉันเปลี่ยนใจสักที เพราะว่าฉันจะไม่เปลี่ยนใจ นายจะบอกฉันมาดี ๆ ว่านายมีแผนอะไร หรือจะให้ฉันแย่งกระดาษนั่นมาจากมือนายแล้วหาคำตอบเอาเอง"

เดรโกยังคงสงวนท่าที แต่กระนั้นก็ชักมือที่ถือกระดาษมาไว้แนบอก "ฉันรู้แล้วแฮร์รี่ แต่ที่ฉันจะบอกก็คือ เมื่อนายรู้แผนการแล้ว ถ้านายตัดสินใจจะลองแผนอื่น ฉันก็ไม่ว่าอะไรนาย"

แฮร์รี่จ้องมองเดรโกอย่างไม่อยากเชื่อ สื่อความหมายออกมาทางสายตาให้มากที่สุด เดรโกคงเข้าใจว่าแฮร์รี่กำลังสื่ออะไร เพราะเขาพยักหน้ารับก่อนเหลือบตามองแผ่นกระดาษของเขา

"นายต้องรู้ก่อนว่าไม่มีอะไรแน่นอน" เดรโกเอ่ยเบา ๆ "ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าที่ทำนี่จะได้ผล ฉันค่อนข้างจะชำนาญเรื่องการวิเคราะห์คาถา เพราะว่าเป็นทฤษฎีที่ศึกษาได้ง่าย แต่ฉันก็เป็นแค่นักเรียนคนหนึ่งที่ชอบเรื่องนี้ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ เพราะฉะนั้น... ที่ฉันทำเสร็จไปเมื่อกี้ ก็คือวิเคราะห์น้ำยาตัวต้นแบบ และคิดวิธีย้อนฤทธิ์ยาขึ้นมา"

"เรื่องนั้นฉันรู้แล้วน่า!" แฮร์รี่รู้สึกทนไม่ไหวก็เริ่มเร่งเร้า "บอกฉันมาสักทีว่า --"

เดรโกยกมือขึ้นปรามเขา "ฉันกำลังจะบอกว่า มีอยู่สองวิธีที่จะทำอย่างนั้นได้ น่าเสียดายที่เราใช้วิธีตรง ๆ ไม่ได้ ซึ่งก็คือย้อนกระบวนการโดยตรงกับคนที่คุณก็รู้ใครได้ ตอนที่เขา... เออ... ในคืนที่เกิด... เดี๋ยวก่อนนะ ให้ฉันอธิบายวิธีการทำงานของน้ำยาก่อนแล้วกัน อาจจะช่วยได้"

แฮร์รี่แทบจะห้ามตัวเองไม่ให้หายใจแรงด้วยความรำคาญไม่ได้ เขาพยักหน้าฮึดฮัด รีบ ๆ พูดเข้าเถอะน่า

เดรโกดูเหมือนจะจมจ่อมอยู่ในห้วงนึก จึงไม่ได้สังเกตท่าทีเคร่งเครียดของตัวเอง ในยามที่พูด ก็พูดเหมือนกับศาสตราจารย์กำลังสอน แฮร์รี่รู้สึกว่าความตื่นเต้นของเขามลายหายไป ขณะปรับตัวไปอยู่ในบทนักเรียน

"ลองคิดว่าน้ำยานี้เป็นกุญแจ ที่เปิดท่อเชื่อมระหว่างผู้ใช้กับเหยื่อ เป็นช่องทางโดยตรงให้เวทมนตร์และพลังชีวิตของเหยื่อเดินทาง สำหรับเวทมนตร์ที่มีพลังแรงกล้ามาก ๆ น้ำยาจึงต้องอาศัยตัวขับเคลื่อนที่มีพลังพอ ๆ กัน เพราะเหตุนี้น้ำยานี้จึงต้องทำงานพร้อมกับปรากฏการณ์จันทรุปราคา ดังนั้นเมื่อเกิดจันทรุปราคา --"

"เออ ส่วนนี้ฉันก็รู้แล้ว"

ดวงตาเดรโกกลับมาจดจ้องนัยน์ตาแฮร์รี่ "แฮร์รี่ไม่เอาน่า ฉันกำลังพยายามอยู่ ช่วยตั้งใจฟังฉันก่อนได้ไหม"

สายตาเดรโกขึ้นจริงจังขึ้น สะกดแฮร์รี่ให้เงียบสนิท ครั้นแล้วเดรโกก็พูดต่อ

"ที่ฉันพยายามจะอธิบายก็คือ ถ้าเรามีเลือดโวลเดอมอร์ ก็จะทำน้ำยาขึ้นมาใหม่ได้ แล้วก็ให้นายใช้น้ำยานั้น ผลก็คือจะทำให้เกิดท่อเชื่อมสองทาง ซึ่งพวกนายจะดึงพลังกันเอง" เขากลืนน้ำลาย ราวกับใคร่ครวญคำที่จะพูดต่อไปให้ดี "นั่นก็คือ พ่อมดที่แข็งแกร่งที่สุดจะเป็นฝ่ายชนะ ใครอ่อนแอกว่าก็จะตาย เป็นการประลองอำนาจเวทมนตร์ล้วน ๆ ไม่มีกายสิทธิ์มาเกี่ยวข้อง"

"ชักเย่อ"

"ฮะ"

แฮร์รี่ระบายยิ้มน้อย ๆ "การละเล่นของมักเกิ้ล มีผู้เล่นสองทีม กับเชือกหนึ่งเส้น ทั้งสองทีมจับปลายเชือกคนละฝั่ง จากนั้นก็ดึงให้อีกฝ่ายเลยเส้นแบ่ง หรือให้ตกบ่อโคลน ทีมที่แข็งแรงกว่าคือผู้ชนะ"

เดรโกสูดจมูกฟุดฟิดนึกภาพตามคำอธิบายของแฮร์รี่ "พิเรนทร์ แต่ก็น่าจะพอเปรียบเทียบกันได้"

แฮร์รี่ยิ้มอีกครั้ง นึกจินตนาการว่าทีมควิดดิชของกริฟฟินดอร์กับสลิธีรินเล่นชักเย่อกัน ไวเท่าความคิด เขาสลัดภาพนั้นทิ้งทันทีที่นึกได้ว่าหุ่นผู้เล่นสลิธีรินนั้นอย่างกับโทรลยักษ์ก็ไม่ปาน

เขาไล่ความคิดนั้นออกไป ตอนนั้นเองเขาสังเกตเห็นว่าเดรโกมองเขาแปลก ๆ "อะไร"

"แฮร์รี่ นายว่าใครเกลียดใครมากกว่ากัน ระหว่างนายกับโวล-โวลเดอมอร์"

แฮร์รี่กะพริบตาให้กับคำถามที่ไม่คาดคิด "ฉัน...ก็ เออ ไม่แน่ใจ คือว่า เราเกลียดกัน ตอนแรกฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะเกลียดฉันไปมากกว่าคนอื่น ๆ อย่างน้อยก็ไม่มากไปกว่าเลือดผสมคนอื่น ๆ ที่ฉันตกเป็นเป้าหมายก็เพราะคำพยากรณ์บ้าบอนั่น ตอนนี้เขาก็เลยโกรธ แล้วหมายหัวฉัน แต่ฉันรอดจากเขามาได้ตลอด เขาก็เลยต้องทำคะแนน เหมือนเป็นนัดล้างตาอะไรทำนองนั้น" เขาหยุดครู่หนึ่ง แล้วสีหน้าก็มืดมนลง "ส่วนเรื่องของฉัน... เขาฆ่าพ่อแม่ฉัน ส่วนที่เหลือนายก็รู้เรื่องหมดแล้ว"

"อืม" เดรโกเอ่ยออกมาแค่นั้น พร้อมพยักหน้าเบา ๆ จนแทบสังเกตไม่เห็น

แฮร์รี่ขมวดคิ้วเมื่อตระหนักได้ว่าพวกเขากำลังคุยกันเรื่องที่ใกล้ตัวเอามาก ๆ "แต่เราไม่มีเลือดโวลเดอมอร์ แล้วทำไมจะต้องกังวลเรื่องนั้นด้วย ฉันไม่ได้อยากรู้ว่าเราจะไม่ทำอะไร แต่ฉันอยากรู้ว่าเราจะทำอะไร!"

เดรโกค้อนมองแฮร์รี่ ทำเอาเขานึกถึงสายตาของสเนปอย่างเสียมิได้ "ฉันต้องอธิบายเรื่องนั้น นายจะได้เข้าใจแนวคิดว่าเรากำลังรับมือกับอะไรอยู่ ยังให้นายเล่นชักกะเท่อ -"

"ชักเย่อ"

"นั่นแหละ ยังให้นายเล่นชักเย่อกับโวลเดอมอร์ไม่ได้ เราไม่มีเครื่องมือ แต่... ถ้าลองเปรียบเทียบดู คือต้องมีผู้เล่นสองฝ่ายกับเชือกหนึ่งเส้น ถ้ามีแค่ฝ่ายเดียวเท่านั้นที่ดึงเชือกได้ ลองคิดดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น"

"ก็เหลวไหลน่ะสิ ถ้าเกิดฝ่ายที่ - โอ้ แสดงว่าฝ่ายที่ดึงเชือกได้จะชนะอย่างแน่นอน ซึ่งก็นำพามาสู่ปัญหาเดิม แล้วแผนของนายคือยังไงล่ะ"

เดรโกถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางเอานิ้วนวดขมับ "นายคือฝ่ายที่ดึงไม่ได้ แต่ถ้าเราตรึงนายไว้อยู่กับที่ ให้อีกฝ่ายดึงไม่ได้ล่ะ หรือให้คนอื่นดึงเชือกแทนนาย"

"เอ่อ...คือยังไง"

เดรโกไม่พูดอะไร เพียงแต่ยื่นแผ่นกระดาษให้แฮร์รี่ แล้วแฮร์รี่ก็รับไป

บนกระดาษมีสัญลักษณ์บางอย่างซึ่งเขียนขึ้นมาอย่างประณีต ประกอบกับข้อความเขียนลวก ๆ แต่ก็ลายมือสวยงามอย่างน่าโมโห ซึ่งต่างจากลายมือไก่เขี่ยของแฮร์รี่เป็นไหน ๆ ที่มุมซ้ายบนมีรายชื่อส่วนประกอบเขียนไว้อยู่ ล่างลงมา คือคำชี้แจงชิดอยู่กับขอบกระดาษด้านซ้าย มุมขวาบนเป็นภาพประกอบของดวงจันทร์ข้างขึ้นข้างแรม พร้อมกับอักษรรูนโบราณที่แฮร์รี่มั่นใจว่าเฮอร์ไมโอนี่ต้องรู้จัก ส่วนท้ายกระดาษ เดรโกจดโน้ตย่อเกี่ยวกับส่วนประกอบต่าง ๆ ไว้ ทั้งนี้ทั้งนั้น มีรูปรูปหนึ่งอยู่ตรงกลาง ซึ่งแฮร์รี่รู้ว่าเดรโกตั้งใจให้เขาเห็น

เดรโกวาดแผนภาพคาถาลงไปตรงนั้น เมื่อปีที่แล้ว แฮร์รี่เห็นภาพแบบนั้นอยู่สองสามครั้งในหนังสือวิชาแปลงร่างและคาถา ตอนเขาเปิดดูในหนังสือเรียนปีหก ก็เห็นแบบนี้เยอะเลยในคาถาระดับ ส.พ.บ.ส เขารู้เพียงแค่ว่า นอกเหนือจากสัญลักษณ์พื้นฐานแล้ว แผนภูมิแผนภาพอะไรพวกนี้ดูไม่เข้าใจเอาเสียเลย อย่างไรก็ตาม จากคำอธิบายของเดรโก เขาก็พอเข้าใจแผนภาพนี้อยู่บ้าง

แผนภาพครึ่งหนึ่งวาดด้วยหมึกสีดำ เป็นตัวเป้าหมายของคาถา - ซึ่งก็คือเขานั่นเอง ส่วนสัญลักษณ์ตัวปล่อยคาถานั้นย่อมหมายถึงโวลเดอมอร์ ส่วนทิศทางของพลังมีการวาดออกมาแปลก ๆ การควบคุมโยงจากโวลเดอมอร์มาหาเขา แต่ว่าพลังไหลจากเขาไปสู่โวลเดอมอร์ แฮร์รี่คิดแล้วก็ต้องหลับตาลงเมื่อความเย็นวาบสะท้านมาตามสันหลัง มีภาพอย่างอื่นร่างอยู่โดยรอบภาพหลัก แต่ดูเหมือนเป็นรายละเอียดยิบย่อย ไม่ได้สลักสำคัญมากนัก อีกอย่างแฮร์รี่ก็ไม่เข้าใจภาพพวกนั้น เขาจึงโฟกัสที่แผนภาพส่วนต่อไป... ส่วนนี้วาดด้วยสีแดง

สีแดงนี้ก็คือตัวปล่อยคาถาอีกตัวหนึ่ง ทว่าเส้นพลังและการควบคุมระหว่างจุดนั้นกับเป้าหมายกลับวาดออกมาเป็นห่วงลักษณะแปลก ๆ ตรงปลายทั้งสองด้าน แฮร์รี่คิดไม่ออกเลยว่ามันหมายถึงอะไร ยิ่งมันแปลกเท่าไร เขาก็ขบไม่แตกว่าการไหลของพลังเป็นไปอย่างไร กระนั้นก็ดี ถ้าจะให้ตอบด้วยความรู้สึกแรกที่ผุดขึ้นมา ตัวปล่อยคาถาตัวที่สองนี้ ซึ่งแฮร์รี่เดาว่าหมายถึงเดรโก ดูเหมือนว่าจะกำลังตรึงตัวเป้าหมายไว้อยู่

ในที่สุด เขาก็หวังว่าตัวเองจะฟังดูไม่โง่เหมือนที่เขารู้สึกอยู่ตอนนี้ ก่อนเงยขึ้นหน้าขึ้นแล้วถามออกไป "นายตั้งใจจะเป็นสมอเวทมนตร์ให้ฉัน ใช่ไหม"

เขารู้สึกโล่งใจครั้นเห็นเดรโกพยักหน้า อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้ดูเป็นคนสมองกลวงขนาดนั้น แต่แล้วเขาก็นึกได้ว่าสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดไปนั้นหมายถึงอะไร "เดี๋ยวก่อนนะ นี่นาย... นายจะ... ถ้าทำแบบนั้นแล้วจะเป็นยังไง"

เป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มพูด เดรโกดูมีท่าทีกังวล "เห็นไหม เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงอยากให้นายรู้ว่านายจะถอนตัวออกไปก็ได้ - อย่ามองฉันแบบนั้นสิ ปัญหาก็คือ ฉันไม่รู้เลยว่ามันจะได้ผลจริง ๆ หรือเปล่า เพราะฉันไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามันจะเป็นยังไง" เขาถอนหายใจ "ฉันทำออกมาด้วยหลักเหตุผลและความรู้เท่าที่มีของฉัน ฉันระบุส่วนประกอบของคาถาที่ทำหน้าที่เป็น 'ยาพิษ' ซึ่งจะดึงพลังจากนายไปให้โวลเดอมอร์ และฉันคิดว่าฉันเจอเวทมนตร์ขั้วตรงข้ามแล้ว ถ้า... ถ้าต้องสร้างน้ำยาแบบนี้ขึ้นมา -" เขาเอานิ้วชี้ที่กระดาษด้านซ้าย "- โดยใช้เลือดของนาย ฉัน...ใช้เลือดนาย... โดยทฤษฎีคือ ฉันจะไม่ดูดพลังจากนาย แต่จะช่วยนายตรึงพลังของนายไว้กับที่ เหมือนเป็นกำลังเสริม และ...ถ้าโวลเดอมอร์จะชนะเราได้ เขาจำเป็นจะต้องแข็งแกร่งกว่าเราทั้งสองคน"

เดรโกกลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า ไม่ละสายตาจากแฮร์รี่ "นี่แหละ สิ่งที่ฉันเค้นหัวคิดออกมาได้ ฉันแก้อยู่ห้าครั้ง ทฤษฎีมีน้ำหนักครบถ้วน แต่... มันก็แค่ทฤษฎี ยังไม่เคยทดลอง และ... และถ้านายไม่เชื่อ หรืออยากถอนตัว... ฉันก็ไม่ว่านายหรอก ไม่ว่าเลย"

แฮร์รี่นั่งนิ่งไม่ไหวติง แทบจะไม่ได้หายใจ ตาจ้องมองแผ่นกระดาษในมือตนเอง นี่ยังไง มันอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ถึงคราวที่เขาต้องตัดสินใจแล้ว

แผนนี้เป็นเพียงทฤษฎี เพียงสมมติฐาน เป็นแผนภาพเวทมนตร์ที่เขาไม่เข้าใจ โอกาสที่ทุกอย่างจะได้ผลไม่รู้จะมีมากน้อยแค่ไหน แต่พอมาคิดดู ที่เขารอดจากโวลเดอมอร์มาได้ก็ใช่ว่าใช้ทักษะอะไรมากมาย ที่จริงก็มีเพื่อนคอยช่วย และดวงที่บังเอิญว่าดีมากเท่านั้น

ไม่อย่างนั้นแล้วเขาก็คงต้องตาย

เขายืนขึ้น สะดุ้งเล็กน้อยเพราะหัวเข่าเคล็ด ก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นนั้นคืนให้เดรโก อีกฝ่ายรับไปด้วยสีหน้าสงสัย

แฮร์รี่ส่ายหน้า เอ่ยกระซิบด้วยเสียงแหบแห้ง "ฉันขอคิดดูก่อน" เขาหันหลังกำลังจะเดินไป แต่เสียงเดรโกหยุดเขาไว้เสียก่อน

"แฮร์รี่"

เขาหันกลับมา เดรโกยื่นกระดาษนั้นให้เขา "เอานี่ไปด้วยสิ"

เขารับมาโดยไม่พูดอะไร ไม่ได้พยักหน้ารับรู้ เพียงแต่เดินจากไปทั้งอย่างนั้น ไปยังริมฝั่งทะเลสาบ ร่างกายเขารู้สึกด้านชาขณะเขาเดินเปะปะไปเพราะใกล้มืดแล้ว ก่อนจะทรุดกายนั่งลงบนก้อนหินที่อยู่ห่างจากน้ำเล็กน้อย เขาเหนื่อยล้าเหลือเกิน กล้ามเนื้อทุกมัดกระดูกทุกท่อนในร่างกายรวดร้าวจากอาการอ่อนแรง หัวเขาก็ปวดตุบ ๆ แต่ครั้งนี้ไม่ได้มีเหตุมาจากแผลเป็น แต่กระนั้นทั้งหมดนี้ก็ล้วนเป็นเพราะโวลเดอมอร์

เขาตั้งใจว่าจะขบคิดปัญหาที่เดรโกให้ทางออกมา และทางเลือกอื่น ๆ ที่พอจะเป็นไปได้ แต่เขากลับพบว่าจิตใจก็เหนื่อยล้าพอ ๆ กับร่างกาย ความคิดสะระตะมลายหายสิ้นไปหมดแล้ว หลังจากพยายามเค้นหัวที่ปวดอยู่ให้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ถอนหายใจปล่อยให้ทุกสิ่งอย่างหลุดลอยออกไป เดรโกพูดถูก... บางที ถ้าไม่อยากล้มลงไปเสียก่อน คนเราก็ต้องมีพักผ่อนบ้าง แล้วค่อยกลับมาคิดใหม่เมื่อกำลังวังชาแล้ว ถ้อยคำและภาพอันคลุมเครือสาละวนอยู่ในใจเขา ตามองความมืดขยายขนาดใหญ่จนไร้ที่สิ้นสุดเมื่อดวงอาทิตย์ลับลาไปเบื้องหลังเทือกเขาห่างไกล

*********

เดรโกมองแฮร์รี่เดินตุปัดตุเป๋ไปนั่งฮวบลงบนก้อนหินริมฝั่ง ดูท่าทางอ่อนล้า ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เขาถูกข่าวร้ายตบเข้าที่หน้าอย่างจัง แถมยังระหกระเหินร่อนเร่มาอย่างขนาดนี้จะไม่เหนื่อยได้อย่างไร สำหรับคนคนหนึ่งที่ได้ยินว่าตัวเองกำลังจะตายในอีกสามวัน เขารับมือได้ขนาดนี้ก็ดีเท่าไรแล้ว

สองวัน เดรโกเตือนตัวเอง อีกแค่สองวัน

มีมากมายหลายอย่างเหลือเกินที่ต้องทนรับ ทว่าเวลากลับมีเพียงน้อยนิด หากเป็นคนอื่นคงยอมแพ้ไปแล้วด้วยซ้ำ แฮร์รี่ก็เป็นเหมือนเด็กชายทั่ว ๆ ไปคนหนึ่ง แถมยังตัวเล็ก ผอมบาง กระนั้นเขาก็ยังหยัดยืนบนสองเท้าได้จนถึงตอนนี้ จะว่าไปก็ไม่ เขากำลังนั่งหลังค่อม โน้มตัวลงไปกับหัวเข่า ดูประหนึ่งว่าหากถูกแตะต้องเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะพลัดตกจากก้อนหินนั้นได้ ระหว่างที่เดินทางได้กินดื่มผักผ่อนจนน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาบ้าง กลับไม่ได้ลบเลือนความเปราะบางของเขาเลยแม้แต่น้อย

ไหล่บาง ๆ นั่นดูเหมือนว่ากำลังรับน้ำหนักของโลกทั้งใบเอาไว้ เดรโกคิดอย่างเศร้าสร้อย เขากระตุกหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น ของฉันก็คงดูไม่ต่างกันละมั้ง

เดรโกสูดหายใจเข้าอย่างช้า ๆ พยายามครองใจให้สงบ หัวใจที่เต้นเป็นกลองโมงมาทั้งวัน เขานั้นยิ่งกว่าวิตกกังวล และหวาดกลัวสุดหัวใจ แต่เขาให้แฮร์รี่รู้ไม่ได้

ฉันพาตัวเองมาเจอกับอะไรกันแน่นะ

สามสัปดาห์ก่อน เดรโกอยากเห็นแฮร์รี่ไม่ทุกข์ทรมานก็ตายไปเสีย ทว่าตอนนี้เขาคือคนเดียวที่ช่วยเด็กชายผู้พิชิตคนนี้ได้ ฟังดูก็น่าขัน คิดอย่างนั้นแล้วเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างมวนอยู่ในท้อง

คงเป็นความปอดแหกของฉัน เขาบอกตัวเอง

และเขารู้โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่เขาหวาดกลัวก็เพราะ หากเขาจะลงมือทำจริง ๆ เขาจะต้องทำให้สำเร็จเท่านั้น ถ้าทำแล้วล้มเหลว เขาก็จะไม่เหลืออะไรเลย เพราะว่าเขาได้สูญเสียชีวิตเดิมที่เคยมีไปแล้ว หากเขาต้องเสียแฮร์รี่ไปอีก เขาคงไม่มีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่ ทุกคนจะโทษเขา ซึ่งพวกเขาก็ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว จะอายุถึงหรือไม่ถึง สุดท้ายเขาก็ต้องลงเอยที่อัซคาบันอยู่ดี แน่นอนว่าเขาจะต้องถูกเนรเทศออกจากโลกเวทมนตร์ ฉันว่าก็ยุติธรรมแล้ว แล้วจากนั้นก็เป็นธรรมดาที่เขาจะสูญเสียแฮร์รี่ ซึ่งนับว่าเลวร้ายไม่ต่างกัน เขาขึ้นอยู่กับแฮร์รี่ และขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง ที่จะต้องให้สำเร็จให้ได้

อันที่จริงก็ไม่ใช่หรอก ฉันเคยทำสำเร็จแล้วครั้งหนึ่ง ถึงได้มาอยู่ที่นี่ตอนนี้ยังไง

เดรโกเอนหลังพิงต้นไม้ข้างหลังแล้วสอดส่ายสายตามองรอบ ๆ บริเวณที่พวกเขาพักอยู่เป็นพื้นที่โล่งแคบ ๆ อยู่ระหว่างลำธารกับป่า มีหญ้าขึ้นประปราย เต็นท์กางอยู่ตรงกลางต้นไม้สองต้นที่ชายป่า มองแง่หนึ่งเดรโกรู้สึกว่าพื้นที่ตรงนี้สวยงามและสงบ ทว่าหลังจากบุกป่าฝ่าดงมาสองสัปดาห์และมีเรื่องต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย เดรโกก็ชื่นชมวิวทิวทัศน์ไม่ลงจริง ๆ ยิ่งในคืนนี้ มันรู้สึกเหมือนผู้ลี้ภัยสองคนกำลังหลบหนี เมื่อประกอบกับภาพนี้ด้วยแล้ว ก็ยิ่งเหมือนว่าเป็นอย่างนั้นเข้าไปอีก

เต็นท์ผ้าคลุมล่องหน ซึ่งย่อมมองไม่เห็นเมื่อมองจากด้านข้างและด้านบน มีสภาพค่อนข้างจะชำรุดทรุดโทรมแล้ว ส่วนเสื้อผ้าถึงแม้จะใช้คาถาทำความสะอาดแล้ว ก็ยังดูเก่าและหมองลง เสื้อกับกางเกงของแฮร์รี่ก็มีรูและรอยฉีกขาดอยู่หลายที่ ซึ่งไม่ต่างเสื้อผ้าของเดรโกที่เขาไม่มีแก่ใจซ่อมแซม แม้ไม่มีกระจกให้ส่อง เดรโกก็มั่นใจว่าผมเผ้าและหน้าตาเขาคงต้องการการชำระล้างเต็มที กล้ามเนื้อที่เต็มไปด้วยรอยแผลกำลังวิงวอนให้เขาไปแช่น้ำร้อนสักชั่วโมงสองชั่วโมง เหนืออื่นใด เขาไม่อยากนึกเลยว่าเขาจะต้องใช้เวลาที่ห้องพยาบาลนานแค่ไหน ระหว่างที่ให้มาดามพอมฟรีย์ต่อกระดูกข้อเท้าให้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะเขาต้องมาอยู่ "ที่นี่"

สิ่งสำคัญเกี่ยวกับ "ที่นี่" ก็คือ ที่นี่ไม่ใช่ "บ้าน" อันที่จริง เมื่อลองคิดดูว่าเขามา "ที่นี่" ได้ยังไง ก็นับได้ว่ามันเป็นที่ที่ห่างไกลจากบ้านมากที่สุด บ้านคือที่ที่มีเตียงนอนไม้มะฮอกกานี มีห้องน้ำส่วนตัว มีสวน ห้องต่าง ๆ หลายห้อง มีเครื่องเรือน สิ่งทอ และวัตถุลึกลับแห่งคฤหาสน์มัลฟอย บ้านคือที่ที่มีแม่ผู้สูงสง่า พ่อผู้ทรงอำนาจ คือที่ที่เดรโกเคยมีจุดยืน มีบทบาท มีอนาคต บ้านคือที่ที่พ่อเคยพูดว่า "ฉันภูมิใจในตัวเธอ"

ฉันกลับบ้านไม่ได้อีกแล้ว

เป็นครั้งแรกตั้งแต่หนีออกจากคุกใต้ดินของโวลเดอมอร์มา เขาคิดขึ้นได้ ว่าเขาได้ทิ้งทุกสิ่งอย่างไว้เบื้องหลังหมดแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่าง อนาคต เชื้อสาย แม้แต่เสื้อผ้าที่ต้องใส่

รวมถึงพ่อแม่...

ไม่ใช่ครั้งแรกตั้งแต่เขามีมโนภาพครั้งล่าสุด คำพูดของโวลเดอมอร์ยังคงบาดลึกเข้ามาในใจ

"ฉันจะคอยดูเลือดมัลฟอยไหลนองในคืนแห่งความรุ่งโรจน์ของฉัน..."

เขาจะรู้ได้ยังไงว่าจอมมารวางแผนจะอะไรกับพ่อแม่เขา มันอาจจะเป็นแค่อุบายหลอกล่อให้เขากลับไปก็ได้ ตอนนี้แม่อาจจะกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เรียกชื่อเขาอย่างรังเกียจ และพูดกับป้าเบลล่าว่าจะตัดแม่ตัดลูกกับเขาอยู่ก็ได้

หรือไม่แม่ก็อาจตายไปแล้ว

หากเป็นความจริง การกระทำของเขาก็จะไม่สำคัญกับแม่อีกต่อไปแล้ว... แต่พ่อล่ะ...

ถ้าเกิดมันไม่ใช่อุบาย ถ้าชีวิตพ่อกำลังตกอยู่ในอันตรายล่ะ ผู้ชายที่เป็นทุกอย่างสำหรับเขามาแสนนาน คนเดียวที่เขาเทิดทูนยิ่งกว่าชีวิต หากต้องตายไป ก็คงเป็นความผิดของเดรโกทั้งหมด และเขาก็อาจทำอะไรบางอย่างเพื่อป้องกันไม่ได้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นได้ แต่เขาจะทำไหม... คำพูดของเขาเองย้อนกลับมาหาเขา หัวเราะเยาะเย้ยเขา

"ถึงฉันจะไม่ได้อยู่ฝ่ายคนที่คุณก็รู้ว่าใครแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพ่อฉัน! ฉันทอดทิ้งจอมมาร ไม่ใช่พ่อฉัน! พ่อรักฉัน... เขาภูมิในตัวฉัน พ่อบอกอย่างนั้น เขาภูมิใจในตัวฉันมาก"

พ่อภูมิใจในตัวฉัน เดรโกคิดอย่างนิ่งงัน ฉันคงไม่เหลืออะไรให้ภูมิใจเหลืออีกแล้วใช่ไหม และตอนนี้ฉันคงเป็นสาเหตุที่เขาอาจจะตาย ฉันทอดทิ้งเขาเหรอ ไม่! หรืออาจใช่ ฉันไม่รู้!

เดรโกตัวสั่นเทิ้ม ตามองไปยังฝั่งทะเลสาบตรงที่มีร่างคุดคู้ของแฮร์รี่ทอดเป็นเงาสะท้อนกับแสงอาทิตย์ลับฟ้า เขารบเร้าให้แฮร์รี่ทำการตัดสินใจที่ยากลำบากมาทั้งวัน ทว่าไม่ได้เอ่ยถึงสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่ง สิ่งนี้ไม่ใช่แฮร์รี่ที่ต้องตัดสินใจ แต่เป็นเดรโกเอง

แฮร์รี่ หรือว่าพ่อ

ในความเป็นจริงแล้ว เขาก็มีเหตุผลของเขาที่เสนอตัวเองออกไปเสี่ยง หากเขาเปิดเผยที่อยู่เพื่อให้ดัมเบิลดอร์หาตัวพบแต่กลับถูกโวลเดอมอร์จับได้แทน เขาอาจจะพูดได้ว่าเขาพยายามพาแฮร์รี่กลับไปแล้ว แต่แฮร์รี่ขัดขืนจนมีเรื่องต่อยตีกัน - วิธีนี้เขาก็สามารถใช้จมูกที่บวมและข้อเท้าที่บาดเจ็บเป็นหลักฐานได้ - แล้วก็บอกว่าแฮร์รี่หนีไป อย่างน้อยที่สุด เขาก็สามารถเอาชีวิตเขาเข้าแลกกับชีวิตพ่อได้ และชื่อมัลฟอยก็จะยังคงอยู่อย่างมีเกียรติต่อไป

เกียรติเหรอ คำว่าเกียรติยังจะมีความหมายอะไรอยู่อีก รับใช้คนเสียสติน่ะหรือที่เรียกว่ามีเกียรติ เขาไล่ปลายนิ้วไปตามแผลเป็นที่คอซึ่งนูนออกมา ฉันไม่รู้อีกต่อไปแล้ว พ่อคิดว่าทำอย่างนั้นคือการมีเกียรติ คิดว่ามันถูกต้อง และพ่อก็จะไม่ทำอะไรที่ไม่มีเหตุผลสำคัญ แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันอยู่ฝ่ายไหน หรือไม่อยู่ฝ่ายไหนแล้ว ถ้าฉันไม่ได้อยู่ฝ่ายจอมมารหรือฝ่ายดัมเบิลดอร์... แล้วฝ่ายพ่อล่ะ แล้วแฮร์รี่ล่ะ

เดรโกก้มลงไปเอามือซบหน้า สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือไปโดยจมูกที่ยังเจ็บอยู่ หัวเขาปวดเอามาก ๆ และเขามั่นใจว่าไม่ใช่เพราะเจ็บจมูก เรื่องนี้เขาตัดสินใจไม่ได้ เขาต้องเลือกว่าจะช่วยชีวิตใคร แฮร์รี่หรือพ่อ ไม่มีโอกาสที่จะทำทั้งสองอย่าง เขาไม่มีความตั้งใจที่จะทิ้งแฮร์รี่ หรือแม้แต่คิดจะทำอย่างนั้น แต่เขาจะรู้ได้ยังไงว่าเหตุการณ์จะเปลี่ยนแปลงในทางไหน

มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอน นั่นคือเมื่อเขาตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว เขาจะกลับไปคิดถึงตัวเลือกอื่นไม่ได้อีก หากเขาสองจิตสองใจ มีหวังทุกคนได้ตายกันหมด รวมถึงเขาเองด้วย แต่ไม่ว่าจะลังเลหรือไม่ ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปหรือไม่ เขาก็ได้ให้สัตย์สาบานไว้แล้ว... ไม่ใช่หรอกหรือ

เดรโกเงยหน้าขึ้นมาจากมือ แล้วมองไปยังเงาสลัวริมทะเลสาบ

ใช่แล้ว เขาควรจะช่วยแฮร์รี่ ใช่ เขาให้สัญญาไว้แล้ว ทว่าก็มียังคำถามอยู่ เขาจะทำได้จริงหรือ เขาไม่เคยรับผิดชอบอะไรเลยในชีวิต แต่ตอนนี้กลับต้องมารับผิดชอบชีวิตคน ภารกิจนี้อาจอาศัยความสามารถมากกว่าที่เดรโกจะให้ได้ เพื่อช่วยชีวิตแฮร์รี่ เขาต้องทุ่มเททุกอย่างที่มี รวมถึงหัวใจและจิตวิญญาณ เพื่อทำหน้าที่นี้ เขาจะออมมือไม่ได้

ไม่แน่ว่าเขาอาจทำได้

สามอาทิตย์ที่ผ่านมา อะไร ๆ เปลี่ยนแปลงไปมาก แฮร์รี่กลายมาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเขา เป็นเพื่อน... ที่เดรโกอาจสนิทด้วยมากกว่าเพื่อนคนอื่นของเขาด้วยซ้ำ แต่กระนั้นกลับมีบางอย่างในตัวแฮร์รี่ที่ทำให้เดรโกว้าวุ่นใจ เขายิ่งคิดก็ยิ่งขบไม่แตกว่าความว้าวุ่นใจนี้คืออะไร

บางทีอาจจะเป็นเหตุผลง่าย ๆ... เพราะว่าเขาคือแฮร์รี่ พอตเตอร์ คือเด็กชายที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขามาตลอดห้าปี นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะลืมลงได้ง่าย ๆ

เขานึกถึงห้าปีที่เคยทุ่มเถียง ต่อสู้ ฉะด่ากันมา ห้าปีที่เรียนรวมกัน แข่งควิดดิชกันมา เขายังจำได้ว่าในคาบปรุงยา เขาจ้องท้ายทอยแฮร์รี่เขม็งเท่าที่จะจ้องได้ ใช้อำนาจจิตท้าทายให้เด็กชายผู้รอดชีวิตหันมา เพียงเพื่อที่เขาจะให้แสยะยิ้มใส่ เขานึกถึงสีหน้าแห่งความชิงชังไร้สิ่งเจือปนที่พวกเขาส่งให้กัน เขารู้สึกถึงความโมโหที่วาบขึ้นมาเมื่อย้อนคิดถึงภาพแผ่นหลังแฮร์รี่ในชุดควิดดิชตอนที่อีกฝ่ายคว้าลูกสนิตช์ไปต่อหน้าต่อตาเขา เขายังจำได้ถึงตอนที่เห็นร่างแฮร์รี่ที่หมดสติร่างลงบนสนามควิดดิชตอนปีสาม นอนแอ้งแม้งในบ่อโคลน เขามีความรู้สึกบางอย่างพวยพุ่งขึ้นมา ไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกอะไร เมื่อนึกถึงตอนที่เขาไม่สามารถละสายตาจากแฮร์รี่ได้ และเขายังจดจำตอนที่พยายามจะจับมือแฮร์รี่ในวันแรกตอนเข้าปีหนึ่งใหม่ ๆ มีความรู้สึกร้อนรุ่มเอ่อล้นขึ้นมาตอนที่เขาถูกปฏิเสธ

แน่นอนว่านั่นเป็นต้นตอของความบาดหมางกับเด็กชายที่ทำให้ชีวิตเขาลำบากมาเป็นเวลาห้าปี... เด็กชายที่มีชีวิตขึ้นอยู่กับความสามารถของเดรโกว่าจะลบความรู้สึกเก่าก่อนพวกนั้นออกไปได้หรือไม่

หรือไม่แน่ว่า ที่เดรโกรู้สึกว้าวุ่นใจก็เพราะเขาได้ลบความรู้สึกเหล่านั้นออกไปแล้ว

และบางทีที่เขารู้สึกว้าวุ่นใจก็เพราะ ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจากการตัดสินใจครั้งนี้ มีความหมายต่อเขามากมายเหลือเกิน

นี่เป็นภารกิจเสี่ยงตาย โวลเดอมอร์อาจเจอเขาและฆ่าเขาในที่สุด ไม่ว่าแฮร์รี่จะอยู่หรือตายก็ตาม เดรโกมั่นใจในเรื่องนี้ เดรโกรู้ว่าคำถามที่เขาควรถามตัวเองคือ "ฉันอยากตายยังไง" ตายโดยเอาชีวิตไปแลกกับพ่อ หรือตายขณะที่ต่อสู้เพื่อแฮร์รี่

แต่ เมื่อลองคิดแบบนี้แล้ว...

ไม่ เขาจะต้องเสี่ยงตายเพื่อแฮร์รี่อย่างแน่นอน ด้วยเหตุผลที่เขาเองก็ไม่มีความสามารถจะเข้าใจได้ เขาไม่รู้ว่าทำไมแฮร์รี่ถึงกลายมาเป็นคนสำคัญสำหรับเขา หรือเป็นได้ยังไง แต่ที่รู้คือเขาเป็นไปแล้ว

และเดรโกจะอยู่ข้างแฮร์รี่ไม่จากไปไหน เขาหวังให้เป็นอย่างนั้น

เมื่อไม่อาจอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกได้อีกต่อไป เดรโกก็เบี่ยงเบนความสนใจไปยังปัญหาที่เป็นงานเป็นการมากกว่า เขาถอนหายใจแล้วมองลงไปยังเครื่องประกอบยาสามกองที่วางอยู่บนผ้าเช็ดหน้า ซึ่งเขาได้ใช้คาถาขยายใหญ่ไว้เป็นที่สำหรับทำภารกิจ เขาเจอต้นโกฐจุฬาลัมพาระหว่างทางมาที่นี่ งูบัดซบนั่น เขาก่นด่าในใจ เมล็ดควินซ์ที่เขาเก็บจากแกนผลไม้ของแฮร์รี่ ยังอยู่ในกระเป๋าเขาอย่างปลอดภัย และเขามีครบห้าเมล็ดที่ต้องใส่ลงไปในน้ำยา และยังมีรากว่านน้ำที่เขาเก็บไว้ข้าง ๆ กัน คราวนี้ที่เหลืออยู่ก็มีกิ่งยิว หนามฮอว์ธอร์น แพงพวยม่วง แล้วก็มิสเซิลโท อันที่จริง สมุนไพรเหล่านี้ก็น่าจะหาได้ง่าย ๆ แฮร์รี่บอกว่าเขาเห็นต้นฮอว์ธอร์นเมื่อวันก่อนนี้เอง และเขาก็มั่นใจว่าจะหาอีกต้นได้ไม่ยาก แพงพวยม่วงก็คงจะอยู่ตามพุ่มไม้ต้นเตี้ย และมิสเซิลโทก็น่าจะขึ้นอยู่ตามต้นไม้สักต้น แต่ถ้าจะให้ดีก็ต้นโอ๊กไม่ก็ต้นบีช ส่วนกิ่งยิวนั้น... ไม่ใช่ว่าจะขึ้นที่ไหนก็ได้ ส่วนนี้คงต้องเดินหาวุ่นวายสักหน่อย

ถ้าจำเป็นต้องทำจริง ๆ เขาก็น่าจะหาทุกอย่างได้ครบ อย่างน้อย เขาก็บอกตัวเองอย่างนั้น ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ส่วนหนึ่งในใจเขาอยากปักใจเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี ส่วนประกอบยาที่จำเป็นจะต้องหาพบ โชคชะตาอาจจะเข้าข้างพวกเขาในนาทีสุดท้ายก็เป็นได้ และที่สำคัญ เดรโกจะต้องเป็นตัวแปรต้านที่แข็งแกร่งพอที่จะสู้กับความเกลียดชังที่โวลเดอมอร์มีต่อแฮร์รี่

อาจจะเป็นไปได้

เขาหลับตาลงขณะที่อาการปวดศีรษะแล่นพล่านขึ้นมา ตัวแปรต้านทางความรู้สึก นั่นคือสิ่งที่เขากังวลมากที่สุด หากเขาไม่ทุ่มเทเต็มที่ทั้งหัวใจ หากเขาไม่ใช้ความรู้สึกที่แท้จริง ทุกอย่างก็จะเปล่าประโยชน์ แต่จะเป็นได้ก็ต่อเมื่อเขาปรุงยาขึ้นมาได้สำเร็จแล้ว

เดรโกเหลือบตามองกองเล็ก ๆ ที่อยู่บนผ้าเช็ดหน้าอย่างอนาถใจ พลางรำพึงว่าเขาจะฝากความเชื่อใจที่เกี่ยวข้องกับชะตาชีวิตของเพื่อนเขาไว้กับต้นไม้เล็ก ๆ พวกนี้ได้อย่างไร พวกมันดูไม่ได้มีอะไรเลยด้วยซ้ำ สมุรไพรต้นเล็ก ๆ ที่อาจร่วงหล่นหายไปได้อย่างง่ายดาย เดรโกกัดริมฝีปากแล้วพับผ้าเช็ดหน้าเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ เขาจะไม่ทำหายเด็ดขาด ไม่แม้แต่เมล็ดเดียว

และเขาก็จะไม่ยอมเสียแฮร์รี่ไปเหมือนกัน

เขาเงยหน้ามองกลับไปที่เงาร่างร่างนั้น ที่ค่อย ๆ หายกลืนไปกับเงามืดของยามสนธยา เขารีรอมานานเต็มทีแล้ว ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก ก่อนตัดสินใจแน่วแน่ หยิบไม้เท้าขึ้นมา ลุกขึ้นยืน แล้วเดินกะโผลกกะเผลกไปหาแฮร์รี่ที่นั่งอยู่

เขายืนอยู่ข้างหลังแฮร์รี่ครู่หนึ่ง ครุ่นคิดว่าจะเปิดประเด็นอย่างไร จะพูดอะไร แฮร์รี่ ฉันแค่อยากจะมาบอกให้นายอุ่นใจว่า ฉันคิดไตร่ตรองมาอย่างดีแล้ว ฉันสัญญาว่านายจะไม่ตาย ฉันคิดว่าอย่างนั้นนะ เยี่ยมละสิ พูดได้ไหลลื่นเหมือนพื้นกรวดเลย จะว่าไป ถ้าอยากจะให้เลอะเทอะไปกว่านี้อีก ทำไมไม่พูดเรื่องความคิดตอนที่เขานึกถึงพ่อเสียเลยล่ะ ก่อนที่เขาจะคิดออกว่าจะพูดทำลายความเงียบอย่างไร แฮร์รี่ก็พลันเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน

"เดรโก ถ้านายอยากจะมานั่งกับฉัน ไม่ต้องขออนุญาตหรอกนะ" แฮร์รี่บอกเสียงเรียบ เขากระเถิบเว้นที่ให้เดรโกนั่งบนหินด้วยกัน "นั่งสิ"

เดรโกรู้สึกเงอะงะก่อนจะนั่งลงตรงขอบของก้อนหิน ราวกับไม่อยากไปรุกล้ำพื้นที่ของแฮร์รี่ "ฉัน... เออ... ฉันแค่อยากจะ... คือว่า..."

"คุยกัน เหรอ"

เดรโกหน้าร้อนผ่าว ขอบคุณความมืดที่ช่วยบดบังแก้มที่น่าจะขึ้นสีแดงซ่านของเขาเอาไว้ "อื้อ ประมาณนั้นแหละ"

เขาได้ยินแฮร์รี่ถอนหายใจ "ฉันว่า ไม่มีอะไรต้องคุยเยอะหรอก ฉันหมายถึง.. ยังไงเราก็รู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น ที่เราต้องทำก็แค่หาส่วนประกอบให้ครบ ปรุงน้ำยานั้น แล้วก็หวังให้มันได้ผล"

"มันจะต้องได้ผลแน่นอน" เดรโกพูดด้วยความเชื่อมั่นเกินกว่าที่ตัวเองมี

"ลองพูดให้เหมือนกับว่านายเชื่ออย่างนั้นจริง ๆ สิ"

"ฉันเชื่อจริง ๆ นะ"

แฮร์รี่ขยับตัวอยู่ข้าง ๆ "มองตาฉันสิ"

เดรโกเหลือบตาขึ้นมองแฮร์รี่อย่างจริงจัง นัยน์ตามรกตแทบจะมองไม่เห็นในแสงสลัว "แฮร์รี่ จริง ๆ นะ ฉันเชื่ออย่างนั้นจริง ๆ แต่ฉันแค่ให้สัญญาไม่ได้... ฉันจะไม่โกหกนาย"

แฮร์รี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง "ฉันไม่ต้องการคำโกหก ต่อให้เป็นโกหกเพราะหวังดีก็ตาม ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้หวังว่าจะมีปาฏิหาริย์อะไรอยู่แล้ว"

ความโกรธพวยพุ่งขึ้นมาในใจเดรโก "นายควรหวังว่าจะต้องมีชีวิตรอด!" เดรโกมีข้อกังขาในตัวเองก็แย่พออยู่แล้ว เขาอยากให้แฮร์รี่เชื่อมั่น ถ้าจะให้ทุกอย่างได้ผลจริง ๆ

"อดีตที่ผ่านมาสอนฉันว่าไม่ควรตั้งความหวังกับอะไรไว้สูง" แฮร์รี่ตอบด้วยน้ำเสียงโดดเดี่ยว "เพราะมันมักจะทำให้ฉันผิดหวัง"

ความเศร้าอันเงียบงันในถ้อยคำเหล่านั้นช่างรู้สึกเหมือนน้ำหนักที่หน่วงลงมาบนไหล่เดรโก "นายคงไม่ได้พูดจริงใช่ไหม"

ถ้าเป็นได้ แฮร์รี่เหมือนจะรู้สึกขำ "ความหวังจะทำให้รู้สึกอะไรอย่างอื่นได้อีก นอกจากความทุกข์"

เดรโกอ้าปากจะตอบแล้ว ก่อนจะตระหนักได้เขาไม่มีอะไรจะตอบ จึงได้แต่หุบปากลงแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น "ฉันไม่ได้หมายถึงความหวังแบบนั้น" เขาพึมพำ "ฉันแค่จะบอกว่า คิดบวกเข้าไว้ก็ไม่เสียหายอะไร"

เขาไม่ค่อยเห็น แต่รู้สึกได้ว่าแฮร์รี่พนักหน้า "ฉันรู้ว่านายหมายถึงอะไร ฉันพยายามอยู่ จริง ๆ นะ มันก็แค่... ฉันห้อมล้อมอยู่กับความตายมาทั้งชีวิต โดยเฉพาะสองสามปีให้หลังมานี้ ฉันรู้ว่าอยู่ที่เวลาเท่านั้นแหละที่จะบอกว่าเมื่อไหร่จะถึงคราวของฉัน"

"ไม่ใช่ 'คราวของนาย' เจ้าซื่อบื้อ! หยุดพูดอะไรแบบนั้นซะที!"

แฮร์รี่ยักไหล่ "ก็ฉันรู้สึกแบบนั้น ฟังนะ ฉันขอโทษ ฉันแค่... ไม่รู้ว่าจะคิดอะไรแล้วตอนนี้"

"เออ ฉันว่านายลองวิ่งไปให้ถึงฮอกวอตส์ได้นะ" เดรโกรอการตอบรับจากแฮร์รี่ ซึ่งไม่มั่นใจว่าเขาอยากได้ยินหรือเปล่า ครั้นแล้วก็รู้สึกได้ว่าสายตาแฮร์รี่กำลังทิ่มแทงเข้ามาจากด้านข้าง "ก็ได้ ๆ ฉันรู้ เลิกพูดแล้ว"

"มีหลายสิ่งหลายอย่างที่รู้สึกว่าผิดไปหมด" แฮร์รี่พูดขึ้นเร็วพลัน

เดรโกขมวดคิ้วมุ่น "หมายความว่าไง"

"คือ... ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะฉันคิดมาตลอดว่าเรื่องราวจะต้องจบลงด้วยการต่อสู้ครั้งใหญ่ ไม่ฉันก็โวลเดอมอร์ที่ต้องสลายไปในไฟคาถา เป็นความบ้าระห่ำ อะดรีนาลีนพลุ่งพล่าน ไม่มีเวลาให้กลัว ไม่ใช่แบบนี้"

อย่างนั้นเองสินะ "แล้วตอนนี้นายกลัวไหม"

"จริง ๆ ก็ไม่ ฉันไม่ได้กังวลเรื่องนั้น ฉันรู้สึก...ด้านชาไปแล้วละมั้ง ตั้งแต่เมื่อเช้านี้ ความตื่นเต้นตกใจหายไปหมดแล้ว มันเหมือนไม่ใช่ความจริง ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีสติดีอยู่หรือเปล่า"

"มีสิ"

แฮร์รี่ทำเสียงไม่ใส่ใจ "มันรู้สึกเหมือน.. ฉันรู้ว่าในนาทีสุดท้าย ทุกอย่างจะเหมือนจริงขึ้นมา และเมื่อถึงตอนนั้น...ฉันไม่รู้ว่าจะกลัว โกรธ หรือหวังว่าตัวเองจะตัดสินใจทำสิ่งที่ต่างออกไปหรือเปล่า"

"และฉันจะไม่ถามว่าตอนนี้นายอยากจะเปลี่ยนใจไหม"

"ดี เพราะฉันอยากจะตัดสินใจตอนที่ยังคิดอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้อยู่... หรืออย่างน้อย ก็ไม่ใช่ตอนที่ขวัญหนีดีฝ่อ ฉันเลือกแล้วนะ... ว่าจะทำตามแผนของนาย... และฉันอยากให้นายทำให้มั่นใจว่าฉันจะยังทำต่อไป"

เดรโกไม่แน่ใจว่าเขาได้ยินถูกหรือเปล่า "อะไรนะ"

"เมื่อเวลานั้นมาถึง... ถ้าฉันตกใจกลัว.. ฉันอยากให้นายทำให้มั่นใจว่าฉันจะไม่ทำอะไรโง่ ๆ ทำให้มั่นใจว่าฉันจะไม่ถอนตัวออกไป"

"ฉันจะไม่บังคับให้นายทำอะไรทั้งนั้น แฮร์รี่"

"นายไม่ได้บังคับ ฉันขอให้นายช่วยฉัน ในฐานะเพื่อน"

อาการคลื่นเหียนเริ่มปั่นป่วนในท้องเดรโก แต่เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร "แฮร์รี่ ถ้านายขอให้ฉันคุมนายให้อยู่ที่นี่ ไม่เท่ากับว่านายขอให้ฉันฆ่านายหรอกเหรอ" ผ่านไปวินาทีหนึ่งเดรโกก็ตระหนักได้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป "ฉัน... เดี๋ยว ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น ฉันหมายถึง -"

"ไม่เดรโก นายพูดอย่างที่นายตั้งใจจะพูดนั่นแหละ"

หยุดไปสักพัก เดรโกมองไปรอบ ๆ อย่างละล้าละลัง ความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามาถึงฝั่งน้ำอีกฟากแล้ว และม่านเงาก็เข้าปกคลุมพวกเขาทั้งสอง เดรโกตัวสั่น ชักกระวนกระวายอยู่ไม่สุขเหมือนกับเด็กปีหนึ่ง ขณะเดียวกัน ท้องที่ป่วนปั่นก็ทวีความรุนแรงขึ้นหลายเท่าตัว ก่อนที่เขาจะมองไปทางแฮร์รี่

แฮร์รี่ทอดสายตามองไปทางทะเลสาบ ประหนึ่งว่ากำลังถูกความมืดดูดกลืนเข้าไป เวลาผ่านไปเนิ่นนาน เด็กหนุ่มก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ แผ่วเบาราวเสียงกระซิบ

"ฉันว่า... นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดฉันมี เดรโก ฉันคิดอย่างนั้นจริง ๆ ฉันไตร่ตรองดูแล้ว เท่าที่จะทำได้ ถ้าหากเราพยายามหาทางกลับไปฮอกวอตส์ เราอาจจะไปหลงทางอยู่ที่ไหนก็ได้ ถ้า... ถ้าเป็นแบบนั้น เราก็จะไม่ได้เตรียมพร้อม หรือต่อให้เรากลับไปถึงจริง ๆ ดัมเบิลดอร์กับสเนปก็อาจไม่ได้มีความคิดที่ดีไปกว่านาย เพราะฉะนั้น... ฉันตัดสินใจแล้ว ตอนนี้ที่สมองฉันยังคิดอะไรได้อยู่ ฉันจึงจะทำตามแผนนี้ ทำกับนาย" เขาหันไปมองเดรโก ด้วยใบหน้าที่ไม่สามารถอ่านออกได้ "ชีวิตฉันอยู่ในกำมือนายแล้วนะ"

ปากเดรโกแห้งผาก "แฮร์รี่..."

"เดี๋ยวก่อน... ยังมีอยู่อีกเรื่องหนึ่ง" แฮร์รี่โน้มตัวไปหาเดรโก "ฉันอยากให้นายสัญญาบางอย่างกับฉัน"

"ฉันจะพยายาม"

"ฉันว่าฉันคงขอได้เพียงเท่านี้ ก่อนอื่น ฉันอยากให้นายรู้ว่า ฉันเชื่อจริง ๆ ว่าแผนนี้จะได้ผล... แต่ถ้าหากไม่เป็นแบบนั้น ฉันก็อยากมีแผนสำรอง... แค่เผื่อไว้"

เดรโกเอามือกอดอก แล้วโน้มตัวลง ข้าง ๆ เขานั้น เขารู้สึกได้ว่าแฮร์รี่กำลังตัวสั่น "แผนอะไรเหรอ"

ในยามที่แฮร์รี่ตอบ เขาพูดช้า ๆ เหมือนกลัวว่าคำพูดจะหลุดออกมาจากปาก "ฉันปล่อยให้เขาชนะไม่ได้ ไม่ว่าจะยังไง เราก็ให้เขาชนะไม่ได้ และเขาจะชนะได้ก็ต่อเมื่อเขาได้ชีวิตฉันไป"

ท้องเดรโกเบาโหวง "แฮร์รี่ อย่าพูดคำนั้นออกมานะ ฉันขอร้องละ อย่า -"

มีมือข้างหนึ่งจับแขนเดรโกไว้ ทำให้เขาหันไปเผชิญหน้ากับแฮร์รี่

ใบหน้าแฮร์รี่กลืนไปกับม่านเงา แสงทิวาวารสุดท้ายสะท้อนกรอบแว่นตาเปรอะเปื้อนของเขา แม้แต่ความมืดก็ไม่สามารถบดบังริ้วรอยความตึงเครียดรอบดวงตาหรือปากที่สั่นระริกของเขาได้ แม้กระนั้น ยามที่เขาเอ่ยออกมา เสียงกลับหนักแน่นมั่นคง

"เดรโก ถ้าแผนดูมีทีท่าว่าจะไม่ได้ผล... ในนาทีสุดท้าย.... ฉัน... ฉันอยากให้..." เขาเม้มปากเข้าด้วยกันครู่หนึ่ง ก่อนเอื้อมไปที่สะโพกเดรโก มีแรงดึงที่สายรัดเอว และแล้วเดรโกก็มองเห็นเงาสะท้อนของฟ้าสีหม่นบนใบมีดของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แฮร์รี่ยื่นด้ามจับมาให้เขา "ฉันเคยพูดครั้งหนึ่งแล้ว... ฉันขอตายด้วยมือตัวเองดีกว่ายอมปล่อยให้โวลเดอมอร์ชนะ หรือไม่อย่างนั้นก็ให้ -"

"-ฉันฆ่านาย" เดรโกจบประโยคด้วยเสียงกระซิบแหบพร่า มือเขาเริ่มเคลื่อนไปหามีดอย่างไม่รู้ตัว ทว่าเขาหยุดตัวเองไว้ "แฮร์รี่ ฉันทำไม่ได้ นายพูดถูกตอนอยู่ในคุกใต้ดิน ต่อให้เป็นตอนที่ฉันคิดว่าอยากทำ... ตอนที่ฉันเกลียดนาย...ฉันก็คงทำไม่ได้เหมือนกัน นายคงไม่คิดว่าฉันจะทำได้ตอนนี้หรอกใช่ไหม... ตอนที่ฉัน... รู้สึกว่า...ฉันกับนาย..."

รอยยิ้มจาง ๆ ระบายอยู่บนในหน้าแฮร์รี่ ก่อนเขาจะเอานิ้วชี้ทาบริมฝีปากเดรโก คำพูดที่ขาดหายมลายหายไปในลำคอเดรโกขณะที่เขามองเข้าไปในตาแฮร์รี่ รู้สึกได้ถึงนิ้วมือแฮร์รี่ที่สนิทชิดกับปากเขา เสียงครางเล็ก ๆ หลุดลอดออกมา

แฮร์รี่คลี่ยิ้มอีกครั้ง และเดรโกคิดว่าเขาไม่เคยเห็นสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าวเท่านี้มาก่อน "เพราะอย่างนี้ไงนายถึงควรจะทำให้ได้ ถ้านายคือเพื่อนฉัน... นายจะไม่ยอมปล่อยให้เขาได้ตัวฉันไป ฉันอาจจะไม่ชนะ แต่ก็ไม่ได้แพ้เหมือนกัน"

"แฮร์รี่..."

"สัญญากับฉันสิ" แฮร์รี่เอื้อมไปจับมือเดรโกขึ้นมา แล้วค่อย ๆ ยัดเยียดด้ามมีดเล่มนั้นใส่ในมือเขา จากนั้นก็กุมมือเขารอบมือเดรโก เพื่อให้พวกเขาทั้งคู่จับด้ามมีดด้วยกัน "สัญญากับฉัน" เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง "ว่าเมื่อถึงเวลา... ถ้าดูเหมือนว่าฉันจะทำไม่ได้... นายจะลงมือ"

เดรโกตาไม่กะพริบ มองลงไปยังใบมีดในมือของพวกเขา แล้วมองขึ้นไปหาแฮร์รี่ "นายจะต้องทำได้สิ สัญญาสิว่านายจะไม่เชื่อว่าเป็นอย่างอื่น เพราะฉันสาบานได้เลยว่ามันจะต้องได้ผล"

ดูเหมือนว่ามือแฮร์รี่จะกระชับแน่นขึ้นรอบมือเดรโก "ฉันเชื่อนาย... และฉันสัญญา"

เดรโกรู้สึกมวนท้องเล็กน้อย พลางยกมืออีกข้างขึ้นมากุมมือแฮร์รี่ ออกแรงบีบตอบกลับ "ถ้างั้น... ฉันก็สัญญาเหมือนกัน"

แฮร์รี่ไม่ได้ยิ้ม เพียงแต่พยักหน้า ก่อนปล่อยมือเดรโกแล้วหันหน้าไปทางทะเลสาบอีกครั้ง

บัดนี้ฝั่งตรงข้ามเหลือเพียงความมืดมิดแล้ว เดรโกแทบจะมองไม่เกลียวคลื่นสลับวงกลางผิวน้ำ ที่ซึ่งสายลมโชยพัดแรงที่สุด เหนือขึ้นไป เมฆหร็อมแหร็มบนชั้นบรรยากาศยังคงเจือแสงรำไรของอาทิตย์อัสดง ทว่ามิช้าก็เริ่มเลือนรางจางไป ครั้นดวงดาวเริ่มปรากฏกายอยู่ใกล้มวลเมฆ ทางทิศตะวันออกเหนือฝั่งน้ำเยื้องทางซ้าย ขอบพระจันทร์สีนวลก็เริ่มลอยขึ้นจากเบื้องหลังทิวเขา แสงเจิดจรัสนั้นกลับน่าพรั่นพรึง ขอบที่โผล่พ้นบ่งบอกมันเป็นวงกลมสมบูรณ์ เดรโกหลับตาไว้ไม่อยากมอง

ยามเมื่อเขาลืมตาขึ้น ก็มองลงยังใบมีด เขาเสียบมันเก็บเข้าฝักอย่างขยาด ก่อนชำเลืองไปทางแฮร์รี่ แฮร์รี่ทอดสายตามองตรงไปยังดวงจันทร์ เหมือนจะรู้สึกได้ว่าเดรโกกำลังมองเขาอยู่ จึงพูดขึ้นโดยไม่ละสายตาจากดวงจันทร์เบื้องหน้า

"ดูไม่มีพิษมีภัย ว่าไหม"

"ใครว่า นายลองมาอ่านตำราเวทมนตร์จันทรคติของฉันสิ"

แฮร์รี่เสียงออกจมูกเป็นคำตอบ สุดท้ายก็ถอนสายตามาจากท้องฟ้า "ฉันเหนื่อยจังเลย"

"งั้นเราก็ควรไปนอนพักได้แล้ว พรุ่งนี้ยังมีอะไรต้องทำอีกมาก"

แฮร์รี่หันหน้าไปหาเดรโก ถึงจะมองไม่เห็น แต่เดรโกก็บอกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้ามุ่ยใส่เขา "นายคิดว่าฉันจะนอนหลับลงได้ทั้งอย่างนี้เหรอ"

เดรโกถอนหายใจช้า ๆ แล้วเอนตัวไปชนแฮร์รี่เบา ๆ "คงไม่ได้หรอก และฉันก็ไม่โทษนาย"

แฮร์รี่พยักหน้าแล้วหันกลับไปยังทะเลสาบ เดรโกเองก็เคลื่อนสายตาไปตามเขา เหม่อมองยังเงามืดเบื้องหน้า ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่นั่งอยู่อย่างนั้น ใคร่ครวญว่าจะผ่านพ้นไปได้อย่างไร ขณะพยายามขับไล่ความหวาดกลัวออกไปจากใจ และคิดว่าตัวช่างรู้สึกอ้างว้างแต่กลับไม่เดียวดาย เมื่อมีแฮร์รี่อยู่ด้วยกันตรงนี้ แขนของพวกเขาทั้งสองสัมผัสกัน เดรโกก็รู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของแฮร์รี่ ไอรัศมีที่แผ่ออกมาจากตัวอีกฝ่ายบ่งบอกว่าเป็นแฮร์รี่จริง ๆ ซ้อนทับกับของเขา ทำให้อุ่นใจ

จะเสียเขาไปไม่ได้ เสียเขาไปไม่ได้เด็ดขาด

มันรู้สึกสุขในหัวใจ ราวกับว่าพวกเขาสนิทชิดใกล้กันอย่างที่สุด

ครั้นแล้วเดรโกก็รู้สึกได้ว่าแฮร์รี่ขยับตัว ก่อนจะทันหันไปมอง เขาก็รู้สึกถึงน้ำหนักของศีรษะแฮร์รี่ที่โน้มลงมาซบไหล่เขา แล้วเขาก็ได้ยินเสียงแฮร์รี่ถอนหายใจ เดรโกไม่อาจกลบความประหลาดใจในน้ำเสียงได้ "แฮร์รี่ นายโอเคไหม"

แฮร์รี่ผงกหัวที่พิงอยู่กับคอเดรโก "ไม่ได้... เป็นอะไร... โอ๊ะ เมอร์ลินช่วย อย่าไปบอกใครเรื่องนี้เชียวนะถ้าเรากลับถึงบ้านแล้ว"

คำพูดใดก็ไม่อาจตอบประโยคนี้ได้อย่างเหมาะสม เดรโกตระหนักดี เขารู้สึกประหม่าอย่างมาก แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกอบอุ่น และทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง ก่อนจะพยักหน้ากับตัวเอง ชายหนุ่มค่อย ๆ ขยับเข้าไปนั่งใกล้แฮร์รี่มากขึ้น แล้วเอาแขนโอบไหล่บางที่กำลังสั่นเทิ้ม เขาค่อนข้างประหลาดใจที่แฮร์รี่ผ่อนคลายลงในอ้อมกอดอันเงอะงะนี้

"ขอบคุณนะ" แฮร์รี่กระซิบ

"ไม่ต้องห่วงหรอก" เดรโกกระชับอ้อมแขน "สบายใจเถอะ ฉันอยู่กับนายแล้ว"

"ฉันรู้" แฮร์รี่เอ่ยเพียงแผ่วเบา "ฉันรู้"

********

ยุรยาตรบาทย่างบนทางสวน

สรรพแสงล้วนจางหายมลายสูญ

สาคเรศลึกล้ำดำสัมบูรณ์

แดอาดูร แคลงคลาง ด้วยค้างคา

กาลเวลาไยพลันเร่งผันผ่าน

ยิ่งเนิ่นนาน ยิ่งพล้ำเพลี่ยง ไม่เดียงสา

หุนหันมุ่ง พุ่งกระทำ ตามอุรา

คำสัญญา จึงพลั้งผิด คิดมิคลาย

หวนสำนึก เท่าไร ไร้ประโยชน์

ขอยกโทษ อย่างไร ไม่สมหมาย

ด้วยพระเจ้า หัวร่อใส่ ให้อับอาย

ไม้เว้นวาย อัปยศ หมดหนทาง

------

โปรดติดตามตอนต่อไป...

Continue Reading

You'll Also Like

99.5K 2.6K 14
JK901คือหุ่นยนต์สามีเพียงตัวเดียวในโลกที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปาร์คจีมิน
173K 13K 56
អាថ៍កំបាំងនិងរឿងរ៉ាវជាច្រើននៃភូមិគ្រិះត្រកូលគីមធ្វើអោយបុរសម៉ាហ្វៀមានអំណាចវ័យ38ឆ្នាំ ម្នាក់សម្រេចចិត្តឈានជើងចូលទៅក្នុងភូមិគ្រិះមួយនោះដោយការរៀបការជាមួយ...
49.4K 765 16
'ฉันจะทำทุกทางให้เธอกับแม่ออกไปจากบ้านฉันให้ได้! และถ้าคิดว่าอยู่ได้ก็อยู่ไปแต่อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน เพราะฉันไม่ปล่อยเธอกับแม่เธอไว้เเน่' ...
61.6K 1.1K 60
การเติบโตของกุกมิน 🌱Grow Kookmin : ไม่มีใครรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เรามาใช้ชีวิตให้เหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรากันเถอะ 🕊️Family life : พ...