บทที่ 15 ใครคือคนร้าย

2.8K 70 4
                                    

ช่วงสองสามวันนี้โลกันต์อาการดีขึ้นมากแล้ว ลุกขึ้นขยับตัวได้ทานข้าวเองได้ แต่ก็ชอบทำสำออยให้ฉันป้อนประจำ วันนี้พี่ลิลินมาผลัดเปลี่ยนเวรฉันเลยได้ไปจัดการธุระของตัวเองบ้าง ส่วนเรื่องคนร้ายก็ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรคืบหน้า รู้แค่ว่าเป็นชายชุดดำแค่นั้น! ช่วงนี้ฉันไม่ได้ไปเรียนเลยเพราะต้องคอยดูแลโลกันต์ เลยต้องอาศัยเลคเชอร์ของเพื่อนรักทั้งสองซึ่งวันนี้ฉันก็นัดชาวแก๊งมาเม้ามอยด้วย เพราะยังไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ยัยพวกนั้นฟัง เลยนัดกันมาที่ร้านกาแฟแถว ๆ โรงพยาบาล"เกิดเรื่องอะไรขึ้น" มารีนทักขึ้นเมื่อเดินมาถึงโต๊ะพร้อมกับยื่นเลคเชอร์ให้ฉัน เนเน่ก็มาด้วยนางนั่งลงอย่างสอดรู้หน้านี่บ่งบอกมากว่าพร้อมจะเผือก!"ขอบใจนะ" ฉันรับเลคเชอร์มาวางไว้ข้างตัว ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทั้งสองคนฟัง "โลกันต์ถูกชายชุดดำทำร้าย แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้วล่ะ" "แกเลยสงสัยว่าเป็นไอ้เลวชินกรใช่มั้ยคะ?" เนเน่ถามด้วยตาเป็นประกาย ใช่อยู่ว่าฉันสงสัยชินกรแต่ความรู้สึกมันบอกว่าไม่ใช่ แต่ยังไงก็ต้องสืบดูให้ชัดเจนไปเลย"อืม ก็เหตุการณ์มันชี้เป้าไปที่ชินกรเต็ม ๆ เลยอ่ะแก เพราะโลกันต์อัดตานั่นซะน่วมเลย แต่ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมชายชุดดำถึงขู่จะฆ่า หากยุ่งกับผู้หญิงคนนั้น ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นฉันรึเปล่า?" ฉันพยายามอธิบายแบบง่าย ๆ ให้เพื่อนทั้งสองคนเข้าใจเหตุการณ์ได้ง่ายขึ้น "พวกคนที่ทำร้ายพี่โลกันต์ไม่น่าจะให้ขู่แบบนั้นนะแก ฉันว่ามันแปลก ๆ " "ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ถึงต้องไปสืบดู""นี่อย่าบอกนะคะชะนี ว่าจะไปแอบซุ่มดูที่บ้านมัน..." "ฉลาดนะคะกระเทยอ้วน ฉันต้องให้พวกเธอช่วยแล้วล่ะ"พูดจบฉันก็พาเพื่อนทั้งสองคนไปซุ่มอยู่แถวบ้านของชินกร ซึ่งก็อยู่ในละแวกบ้านนั้นเองแหละ พวกเราแอบดูกันอยู่แถวมุมต้นไม้ใหญ่ กิ่งก้านใบแผ่ออกไปทั่วสามารถบังแดดได้พอดี บ้านชองชินกรนั้นเป็นบ้านสองชั้นไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมายนักก็เหมือนกับบ้านเดี่ยวในหมู่บ้านทั่ว ๆ ไป"โอ้ยแก ไม่เห็นมีอะไรผิดสังเกตเลยค่ะ กระเทยไม่ไหวแล้วนะคะ" เนเน่เริ่มบ่นเพราะนางร้อนค่ะ เหงื่อออกเต็มหน้าเต็มตาจนฉันต้องหันไปพัดสร้างความเย็น"โหอินี่ เพิ่งจะผ่านไป 10 นาทีเองนะยะ อดทนน่ะรู้จักมั้ย" มารีนหันมาดุเพื่อน แน่ล่ะเรื่องสืบ ๆ เผือก ๆ นางชอบเป็นที่สุด ฉันว่ายัยนี่คงเรียนผิดสายแล้วล่ะ น่าจะไปสอบเป็นกองปราบหรือพวกสืบสวนสอบสวนดูจะเหมาะกว่าหนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว บ้านของชินกรยังคงปิดเงียบไม่มีความเคลื่อนไหวจนฉันเริ่มจะถอดใจ ครั้นจะเดินเข้าไปกดกริ่งถามตรง ๆ คงไม่ได้คำตอบแน่ ๆ คนทำผิดที่ไหนจะยอมรับจริงมั้ย? หันไปมองสภาพเพื่อนตอนนี้แล้วก็สงสารเหลือเกิน เนเน่ใกล้จะเป็นหมูตกมันอยู่เต็มแก่ ก็ทั้งตัวเต็มไปด้วยเหงื่อนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ใต้ต้นไม้ ส่วนมารีนก็ดูเพลีย ๆ เพราะวันนี้แดดแรงเอาเรื่องแม้จะมีเงาไม้บังอยู่ก็เถอะ ยังไงไอความร้อนผ่านแทรกมาได้อยู่ดี"เห้ย ดูนั่นดิ่ รถนั่น!!" ฉันกับเนเน่รีบหันไปดูที่หน้าบ้านของชินกรตามเสียงที่มารีนเอ่ยทักขึ้นที่หน้าบ้านเป้าหมายมีรถยนต์ติดฟิลม์สีดำจอดอยู่ ชายชุดดำ 2-3 คนลงมาจากรถ ซึ่งฉันจำได้ว่ามันเป็นชุดเดียวกับที่เห็นวันนั้น อยู่ดี ๆ เลือดในกายฉันก็สูบฉีดอย่างบ้าคลั่งจนหัวใจเต้นสั่นไปหมด พวกชายชุดดำนั่นเกี่ยวข้องกับชินกรจริงด้วย! ฉันซุ่มดูเหตุการณ์อย่างใจจ่ดใจจ่อ "เห้ย ทำไรคะชะนี" เนเน่ถามมารีน ฉันหันไปดูแว็บนึงเห็นนางหยิบมือถือขึ้นมาไว้ตรงหน้า"ก็ถ่ายคลิปไงแก เก็บไว้เป็นหลักฐาน""ตกลงเป็นนักศึกษาหรือเป็นนักสืบยะหล่อน!"ฉันไม่ได้สนใจเสียงแจ๋น ๆ ของเนเน่เลยแม้แต่น้อย เพราะมัวแต่จ้องไปยังเหตุการณ์หน้าบ้านของชินกร ตอนนี้พ่อ แม่กำลังประคองไอ้เลวนั่นออกมาเจอกับชายชุดดำ น่าแปลกที่พวกเขาทีท่าทีหวาดกลัวชายแปลกหน้าสอง สามคนหน้าบ้าน หรือว่าชินกรจะไม่มีเงินจ่ายค่าจ้างแล้วพวกมันมาเล่นงาน...พลัว!ชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นต่อยชินกรจนหน้าคว่ำลงกับพื้น แม่ของเขากรีดร้องโวยวายเข้าไปประคองลูกชายที่ล้มไปนั่งกับพื้น ผู้เป็นพ่อเหมือนกำลังอ้อนวอนอะไรบางอย่างกับพวกนั้น คนเป็นแม่ยกมือไหว้ปะลก ๆ ร้องไห้น้ำตานองหน้า ฉันอยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินเสียงสนทนาของพวกเขา จะเข้าใกล้กว่านี้ก็ดูอันตรายมากเกินไป ดูเหมือนจะมีการเจรจากันบางอย่างก่อนที่ชายชุดดำจะขึ้นรถและขับออกไป เหลือเพียงครอบครัวของชินกรที่ยังอยู่ตรงนั้น เขากำลังปลอบประโลมแม่ที่กำลังร้องไห้อย่างเป็นวรรคเป็นเวร ไม่นานนักพวกเขาทั้งหมดก็เดินเข้าไปในบ้าน...."ฉันว่ามันแปลก ๆ ว่ะแก" มารีนพูดขึ้นหลังจากเหตุการณ์เป็นปกติแล้ว"ฉันก็ว่างั้น เหมือนชินกรติดหนี้พวกมันมากกว่า" เพราะดูจากสิ่งที่เห็นมันไม่เหมือนกับไอ้เลวนั่นจ้างวานเลยสักนิดเดียว แต่ก็ยังวางใจไม่ได้"ไอ้ชินกรมันจ้างแล้วไม่มีเงินจ่ายป่ะเหอะ เลยโดนทำร้าย" เนเน่เสนอความคิดเห็นบ้าง"ถ้าเป็นอย่างนั้นพ่อแม่ของเขาคงไม่รู้เรื่อง แต่นี่เหมือนมีส่วนรู้เห็นนะ" มารีนพยายามแย้งเหตุผล"เอาเถอะ อย่าเพิ่งด่วนสรุปขอฉันไปคิดก่อน ขอบใจพวกแกมากนะที่มาเป็นเพื่อนฉัน""แล้วแกจะเอาไงต่อล่ะ" ฉันยังไม่มีคำตอบให้มารีนตอนนี้เหมือนกัน เพราะชินกรก็ยังเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งอยู่ดี ไม่สิ เป็นคนเดียวต่างหากที่น่าจะเป็นคนจ้างวาน"ฉันต้องกลับไปโรงพยาบาลแล้ว""ตกลงแฮป...ปี้ เอนดิ้งแล้วใช่มั้ยยะ" คือทำไมยัยเนเน่ต้องเน้นคำว่า....ปี้ ด้วย!"อืม พวกแกอย่าถามมาก เขินนะยะ" "แหม ๆ มิน่าล่ะ หน้าตาดูสดชื่นแจ่มใส ที่แท้ได้น้ำดีนี่เอง" อินังกระเทยอ้วนยังแซวไม่เลิกค่ะ!"บ้าหรอไงยะ ไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นกันสักหน่อย" อยู่ดี ๆ ฉันก็รู้สึกร้อนจนหน้าเห่อ "โอ้ย อิจฉาคนมีความรัก แกรีบไปเถอะเดี๋ยวพี่หมอจะรอนาน" มารีนแตะไหล่เบา ๆ ฉันเลยถือโอกาสบอกลาเพื่อน ๆ เพื่อขอตัวไปโรงพยาบาลก่อน ป่านนี้โลกันต์จะกินข้าวกินยารึยังก็ไม่รู้ เห็นเย็นชาลืมโลกแบบนั้น บทจะงอแงขึ้นมาก็เอาเรื่องเหมือนกันนะโรงพยาบาล"หมดเวลาเยี่ยมแล้ว จะนอน" โลกันต์พูดด้วยเสียงเนือย ๆ เมื่อฉันเปิดประตูเข้ามาเขาแสร้งทำเป็นนอนตะแคงหันไปอีกข้าง เหมือนไม่อยากจะพูดคุยก็รู้นะว่างอน แต่บางทีฉันก็มีเรื่องต้องทำบ้างอะไรบ้างป่ะ? ที่ทำไปก็เป็นเรื่องของเขาทั้งนั้นยังมีหน้ามาโกรธกันอีก แต่ไม่กังวลหรอกนะ แพรลีนซะอย่างมีวิธีง้ออยู่แล้วจุ๊บ...ฉันชะโงกหน้าไปจูบหน้าผากเขาหนึ่งที ส่งผลให้โลกันต์หันกลับมาแล้วดึงมือฉันไปกุมไว้ ใบหน้าของเขาเรียบเฉยไร้ความรู้สึกใด โลกันต์ก็ยังคงเป็นโลกันต์มนุษย์หน้าตายไม่เปลี่ยน! แต่ก็นับว่าวิธีง้อได้ผลล่ะนะ"หายไปไหนมา" "ไปสืบหาคนร้าย" เขาขมวดคิ้วทันทีที่ฉันตอบคำถาม"คิดว่าตัวเองเป็นตำรวจหรือไง" เขาส่งเสียงเย้ยหยันอย่างน่ารังเกียจ ก็เพราะใครล่ะ! นี่ฉันกำลังหาตัวคนร้ายมาลงโทษนะ อีกอย่างก็อยากจะรู้ดำรู้แดงไปเลยว่า 'ผู้หญิง' ที่พวกนั้นขู่ไว้จะใช่ฉันจริง ๆ หรือเปล่า? แต่ดูเหมือนโลกันต์จะไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร ยังนอนชิวอยู่ได้ทั้งที่โดนทำร้ายเกือบปางตาย"แล้วนายไม่คิดจะแจ้งความบ้างหรอ?""เธอคิดว่าไงล่ะ พยานก็ไม่มี อย่างดีก็แค่รับเรื่องไว้แล้วก็เงียบหายไป ควรแจ้งมั้ย?" มันก็จริงอย่างที่โลกันต์ว่า ไม่มีคนเห็นเหตุการณ์ เรื่องราวก็ไม่มีที่มาที่ไปอย่างชัดเจน ตำรวจสมัยนี้ถ้าไม่ใช่ลูกคนรวยหรือคนดังคงไม่ทำคดีให้ง่าย ๆ นี่แหละน๊า โลกชักจะอยู่ยากขึ้นทุกวัน แต่ฉันก็ไม่อาจตัดใจไปจากเรื่องนี้ได้ มันค้างคาใจเพราะหากว่าเป็นฉันจริง ๆ โลกันต์อาจจะต้องโดนทำร้ายอีกแน่ ๆ คงมีทางเดียวคือฉันต้องออกมาจากบ้านหลังนั้นซะ แล้วอยู่ห่างโลกันต์ให้มากที่สุดซึ่งฉันก็ทำไม่ได้เช่นกัน ยอมรับว่าฉันรักเขามากไม่อยากอยู่ห่างแม้แต่วินาทีเดียว"คิดอะไร" โลกันต์ดึงฉันให้นั่งลงบนเตียง"เปล่าหนิ" ฉันเลี่ยงที่จะตอบเพราะไม่อยากให้เขากังวลไปด้วย คนกำลังป่วยถ้ามีเรื่องเครียดหรือไม่สบายใจ บางทีอาการอาจจะทรุดหนักลงได้ ถึงจะไม่ใช่หมอแต่ฉันก็พอรู้เรื่องพวกนี้อยู่บ้าง"โกหก รู้มั้ยเวลาโกหกเธอชอบพูดเสียงสูง..." ฉะ ฉันทำแบบนั้นหรอ?!!"อะ อะไร๊ นายคิดไปเอง ไม่มีอะไรสะ สักหน่อย" รู้สึกยิ่งพูดฉันก็ยิ่งมีพิรุธแฮะ ก็เขาเล่นจ้องจับผิดกันแบบนี้เป็นใครก็ต้องประหม่าทั้งนั้นแหละ ตาบ้านี่สมแล้วที่เป็นจิตแพทย์!"หึ ฉันรู้นะว่าเธอคิดอะไร" เขาพูดพลางหัวเราะในลำคอ จากนั้นก็ขยับแขนมาโอบกอดฉันไว้พร้อมกับเขยิบตัวขึ้นมานอนบนตักฉัน บ้าจริง! เขาทำมันอย่างรวดเร็วจนฉันไม่ทันตั้งตัว ใจมันเต้นระส่ำไปหมดทุกครั้งที่มือเขาลูบไล้ไปมาแถวสะโพก เท่านั้นยังไม่พอโลกันต์ยังกดจูบลงมาที่หน้าขาอีก ขนนี่ลุกเกลียวไปทั้งตัวแล้ว!"นะ นายป่วยอยู่นะ" ฉันพยายามแกะมือปลาหมึกของเขาออกเพื่อให้กลับไปนอนที่เดิม แต่ไม่รู้ทำไมยิ่งแงะมันยิ่งรัดแน่นกว่าเดิม ผู้ชายคนนี้ดื้อจริง ๆ เลย"ใครบอกป่วย ฉันหายแล้วพรุ่งนี้ก็กลับได้" มิน่าล่ะ หายป่วยปุ๊บก็หื่นใส่ปั๊บ! "หยุดคิดที่ไปจากฉัน เพราะฉันไม่ยอมให้เธอไปแน่ ๆ" "นายมาอยู่ในสมองฉันหรอไงหะ ทำเป็นรู้ดี" ฉันว่าบางทีเขาก็รู้มากจนน่ากลัว"แล้วใช่มั้ยล่ะ?" "....".ฉันได้แต่เงียบไม่ได้โต้ตอบอะไรเพราะมันจริง!"เริ่มมืดแล้ว กลับบ้านเถอะ" อยู่ดี ๆ เขาก็ลุกขึ้นมานั่งแล้วก็ไล่ฉันซะงั้น...."นายโกรธหรอ...""ไม่ได้โกรธ แต่ฉันอยากให้เธอกลับไปนอนบ้าน โซฟานั่นแข็งจะตายอีกอย่างฉันก็ไม่ได้เจ็บอะไรแล้วทำอะไรเองได้อยู่ เธอกลับไปนอนสบาย ๆ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมารับฉัน""ตรงนั้นไม่ได้แข็งอะไรเลย ฉันนอนได้" ฉันบอกพร้อมกับเสตาไปทางโซฟา กลับไปบ้านฉันก็นอนไม่หลับหรอก เพราะมัวแต่กังวลเป็นห่วงเขา แม้นอนที่นี่จะไม่ค่อยสบายเท่าไหร่แต่อย่างน้อยเขาก็อยู่ในสายตา"ไปนอนบ้านแหละดีแล้ว""แต่ว่า...""ไม่ดื้อนะครับ" อ๊อยย มาไม้นี้ก็เถียงไม่ออกสิคะ! ฉันแพ้เวลาที่เขาสุภาพอ่อนโยนใส่มันทำให้ใจพองโตเหมือนลูกโป่งลอยได้ ยิ่งเขาเอามือมาขยี้ผมฉันเบา ๆ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดยสะกดจิตด้วยสายตาที่อ่อนโยน"อื้อ กลับก็ได้" จุ๊บ..."กลับดี ๆ นะ ระวังตัวด้วย" เขาจูบหน้าผากฉันหนึ่งทีพร้อมกับกำชับอย่างเป็นห่วงยิ่งนับวันโลกันต์จะทำตัวน่ารักเกินไปแล้ว อิตามนุษย์น้ำแข็งนั่นหายตัวไปอย่างลึกลับ กลายเป็นมนุษย์อ่อนโยนแทรกเข้ามาแทน ไม่มีวันไหนเลยที่ฉันรู้สึกเหน็บหนาว เพราะเวลาอยู่ใกล้เขามันอบอุ่นมาก...อบอุ่นไปทั้งกายและใจแม้จะหื่นบ้างเป็นบางทีก็เถอะ แต่ทั้งหมดที่เขาทำมันส่งผลให้ฉันหลงอยู่ในวังวนอะไรสักอย่างที่เขาสร้างขึ้นมา ฉันเดินเข้าไปติดกับอย่างไม่รู้ตัว....เช้าวันใหม่จริง ๆ เมื่อคืนฉันก็นอนไม่ค่อยหลับหรอก แม้เขาบอกว่าหายแล้วแต่ฉันก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี บ้าจริง! เกิดมาไม่เคยเป็นห่วงผู้ชายคนไหนมากเท่านี้มาก่อน ฉันลุกขึ้นมาเตรียมเสื้อผ้าให้เขาแต่เช้า เป็นครั้งแรกที่ได้เปิดเข้าไปในตู้เสื้อผ้าของโลกันต์ คือมันเป็นระเบียบมาก! มากกว่าฉันซะอีกแต่จะว่าไปทั่วทั้งห้องก็ดูเป็นระเบียบหมดเลย!ฉันเลือกเสื้อผ้าทิ่คิดว่าโอเคที่สุด มันเป็นเพียงแค่เสื้อยืดธรรมดาสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีด ๆ เพียงแค่นี้เขาก็หล่อปังแบบสุดๆ แน่ล่ะไม่ว่าโลกันต์ใส่อะไรก็ดูดีไปหมด ต่อให้ร่างกายมีแค่บ็อกเซอร์ตัวเดียวก็ยังชวนมอง....อ๊ายย นี่ฉันกำลังคิดอะไรเนี่ย ต้องติดโรคหื่นมาจากตาบ้าแน่ ๆ เลย! ฉันสลัดความคิดบ้า ๆ ทิ้งแล้วจัดเสื้อผ้าที่จำเป็นลงกระเป๋า จริง ๆ แล้วหน้าที่นี้เป็นของพี่ลิลินเพราะเขาเป็นพี่น้องกัน แต่พี่สาวคนสวยดันโยนมาให้ฉันทำซะงั้นด้วยเหตุผลที่ว่า 'ฉันเป็นแฟนของโลกันต์'บอกตามตรงนะฉันไม่กล้าทึกทักเอาเองหรอกเพราะโลกันต์ยังไม่เคยบอกเลยว่าฉันเป็นแฟนเขา...แม้ว่าเขามีท่าทีที่เปลี่ยนไป และแม้ว่าเขาจะบอกว่าชอบฉัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นแฟนกันหนิ บางทีเขาอาจจะชอบ รู้สึกดีแต่ไม่ได้อยากเป็นแฟนด้วยก็ได้....

Rose Lady ปฏิบัติการสุดเซ็กซี่ ขยี้ใจหนุ่มเย็นชาWhere stories live. Discover now