MARVELOUS

By imannew

45.7K 625 378

ลิสต์รวมแฟนฟิคชั่นของทุกคู่ในจักรวาล MARVEL เน้น ALLTONY เป็นอาหารหลักเสริมสร้างธาตุเหล็กให้หัวใจ♥ คำเตือน: ล... More

♥ MAYBE, IT'S CALL DESTINY
♥ UNCONSIOUS
♥ MAYBE, IT'S CALL DESTINY II
♥ MAYBE, IT'S CALL DESTINY III
♥ LOST STARS
♥ ANGEL WITH A SHOTGUN
♥ KISS KISS! BANG BANG!
♥ MAYBE, IT'S CALL DESTINY IV
♥ WATCHING YOU
♥ WATCHING ME
♥ S.H.P.B
♥ RAINY DAY
♥ THE OTHER SIDE
♥ HOW TO TRAIN YOUR STEVE ROGERS
♥ DRUG
♥ MAYBE, IT'S CALL DESTINY V
♥ MAYBE, IT'S CALL DESTINY VI
♥ HALF OF MY HEART
♥ I HATE HIM
♥ EVERYDAY MORNING
♥ MAYBE, IT'S CALL DESTINY VII
♥ MAYBE, IT'S CALL DESTINY VIII
♥ MAYBE, IT'S CALL DESTINY IX
♥ MAYBE, IT'S CALL DESTINY X (END)

♥ GIANT & TINY

5.7K 82 31
By imannew

Title : Giant & Tiny
Fandom : Captain America, Iron Man, The Avengers
Pairing : Steve Rogers x Tony Stark
Rate : PG
คำเตือน : แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชายและอาจมีสปอยเนื้อเรื่องในบางเหตุการณ์ โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน



โทนี่ไม่ชอบให้ใครพูดเรื่องส่วนสูงของเขา นี่เป็นเรื่องที่เหล่าคนสนิทและทีมอเวนเจอร์สทุกคนรู้ดี

แต่จะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อโทนี่เป็นผู้ชายไซส์มาตรฐานที่ออกจะ ตัวเล็ก ไปสักหน่อยเมื่อต้องมายืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ผู้มีหุ่นสูงใหญ่ เต็มไปด้วยมัดกล้าม เรียกได้ว่ากำยำล่ำสันกว่ามนุษย์ธรรมดาอย่างแอนโทนี่ สตาร์กกันทุกคน จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนเปรียบเทียบเรื่องส่วนสูงในบางครั้ง

และนาตาชาก็ชอบที่จะมองปฏิกิริยาของโทนี่เวลาที่เขาได้ยินคำเปรียบเทียบเหล่านั้น ก็มันน่าสนุกจะตายเวลาที่เห็นคนโดนแหย่แล้วเจ้าตัวขู่ฟ่อเหมือนแมวพองขน หรือไม่ก็ทำปากกล้า ตอกด้วยคำพูดเจ็บแสบกลับไป ใช้คำว่าตัวเล็กแต่ใจใหญ่คงจะเหมาะที่สุด

แต่สิ่งที่นาตาชาชอบยิ่งกว่าเวลาเห็นโทนี่พองขนขู่คนอื่น คือพฤติกรรมเวลาที่โทนี่อยู่กับสตีฟ - เวลาที่ไอรอนแมนถอดเกราะอยู่กับกัปตันอเมริกาที่แขวนโล่ห์ไว้บนชั้น มันเป็นความสัมพันธ์ที่เธอและเพื่อนๆ ในทีมให้ชื่อเรียกอย่างลับๆ ว่า ตัวใหญ่ ตัวเล็ก

ใครต่อใครต่างก็คิดว่าทั้งคู่ไม่ถูกกัน แน่นอนว่ารวมถึงเธอด้วย ครั้งแรกที่เจอก็เกือบจะได้วางมวยเพราะความคิดเห็นไม่ตรงกันและการใช้คำพูดกระเซ้าเย้าแหย่ของโทนี่ แต่เมื่อได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น ออกทำภารกิจด้วยกันมากขึ้น ต่างฝ่ายต่างเริ่มปรับตัวเข้าหากันทำให้ระยะห่างของทั้งคู่ก็ลดน้อยลง ไม่มากแต่ก็ไม่ได้แย่เหมือนช่วงแรก และนั่นทำให้นาตาชาเริ่มสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้ด้วยความสนใจ



ครั้งแรกที่เธอสังเกตเห็นความสัมพันธ์นี้คือระหว่างรอประชุมทีมอเวนเจอร์ส

หลังจากส่งโลกิกลับไปรับโทษพร้อมกับธอร์ที่แอสการ์ด อเวนเจอร์สที่เหลืออยู่ก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเองตามแต่ที่ได้รับมอบหมาย จนเมื่อชิลด์ติดต่อเพื่อขอรวมพลทีมอเวนเจอร์สเท่าที่เป็นไปได้ให้มาทำภารกิจร่วมกันอีกครั้ง นาตาชาก็พร้อมตอบตกลง ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องปฏิเสธอยู่แล้ว

ตอนที่ถึงห้องประชุมตัวหลักประจำทีมก็รออยู่ก่อนแล้ว ดูเหมือนทั้งสองคนกำลังให้ความสนใจกับสิ่งที่อยู่ในมือของกัปตันกันอยู่ พอมองดีๆ ถึงได้รู้ว่าเป็นเครื่องมือสื่อสารรุ่นใหม่ของสตาร์กอินดัสทรี่ที่เธอเพิ่งได้เห็นผ่านหน้าจอโทรทัศน์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่แปลกหรอกที่เจ้าของบริษัทจะมีมันไว้ แต่ที่แปลกคือคนที่ถือเป็นอีกฝ่ายที่ไม่รู้เรื่องไอทีในยุคนี้เลยนั่นแหละ

"เพิ่งเห็นว่าคุณมีโทรศัพท์เครื่องใหม่" หญิงสาวเอ่ยทักขึ้นก่อน

"อ่อ... ไม่หรอก ไม่ใช่ของผม โทนี่แค่ให้ยืมเล่นนิดหน่อย" เจ้าของร่างกำยำว่าพลางขมวดคิ้วมองสิ่งที่อยู่ในมือ "แต่ผมไม่เข้าใจมันเลยจริงๆ "

"ซึ่งก็ไม่แปลกใจ เพราะคุณปู่หวานเย็นถูกแช่แข็งมานานเกินกว่าจะอัพเกรดอะไรพวกนี้ทัน"

โทรศัพท์เครื่องบางถูกดึงออกจากมือโดยโทนี่ที่เปลี่ยนบริบทจากการยืนเป็นลดตัวนั่งลงบนโต๊ะยาว นิ้วเรียวไล่หน้าจอเล่นไปเรื่อยจนเกิดเป็นภาพสามมิติกลางอากาศ หากดูไม่ผิดน่าจะเป็นรายชื่อและเบอร์โทรติดต่อของสมาชิกในทีมแต่ละคน เพราะเธอเห็นชื่อตัวเองและคลินท์อยู่ในนั้นด้วย

"แต่เป็นคุณเองไม่ใช่หรือไงที่อยากให้ผมพกเอาไว้จะได้ติดต่อกันได้?"

สตีฟเท้ามือบนโต๊ะ ไม่ไกลจากบริเวณที่อีกคนนั่งอยู่เท่าไหร่ มืออีกข้างที่ว่างสอดเข้ากระเป๋ากางเกง ทิ้งแรงลงที่ขาข้างเดียวในท่วงท่าสบายๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่เจ้าของเทคโนโลยีล้ำหน้า พ่วงด้วยการยิ้มมุมปากเล็กน้อย มันเป็นท่าทางที่นาตาชาให้คำจำกัดความว่า ฮอท มาก

และท่าทางแบบนั้นเธอเคยเห็นแค่เวลาที่เขากำลังพยายามจะเกี้ยวสาวสักคนในงานเลี้ยงเท่านั้นแหละ

"ก็จริง" โทนี่ยักไหล่ "งั้นเอาไว้จะทำอีกเครื่องให้เป็นพิเศษแล้วกันนะกัปตัน อ่อ ไม่ลืมพวกคุณหรอก" ไม่ว่าเปล่ายังเอาโทรศัพท์ในมือตบเบาๆ ที่อกแกร่งแถมหันมาขยิบตาให้หญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องด้วย

"ถ้าไม่เสียค่าใช้จ่ายก็โอเค" เธอยักไหล่

"หักลบจากเงินบำนาญทหารที่สะสมมาของคุณปู่น่าจะพอสำหรับทุกคน"

ได้ยินแบบนั้นสตีฟถึงกับหันขวับ เขามองคนที่ทำเป็นไม่สนใจเอาแต่สนใจสิ่งของในมือสักพักก่อนจะใช้นิ้วของตัวเองลากหน้าจอโทรศัพท์มั่วๆ ไปเรื่อยจนโทนี่เอ่ยปากประท้วง จากนั้นทั้งคู่ก็คุยกันต่อ ทั้งเรื่องของเครื่องมือสื่อสาร เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ นัดกันไปทานอาหารพื้นเมืองที่เคยไปด้วยกันอีก ตลอดจนคิดแพลนเที่ยว การแสดงออกของคนต่างไซส์นั้นเป็นธรรมชาติราวกับว่าทั้งคู่ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางจนต้องเอาโล่ฟาดฟันกันมาก่อน

แม้ช่วงแรกเธอจะไม่ติดใจอะไรนัก และเห็นว่าเป็นเรื่องดีด้วยซ้ำที่หัวหลักของทีมไม่วางมวยทั้งด้านคำพูดและการกระทำเหมือนแต่ก่อน แต่พอผ่านไปสักพัก สัญชาตญาณความเป็นผู้หญิง และต่อมความเป็นนักสืบก็ทำให้เธอเอะใจในความสัมพันธ์ของสองคนนั้น และไม่น่าเชื่อว่าจะไม่ใช่เธอคนเดียวที่คิด เพราะคลินท์ก็รู้สึกเหมือนกัน



"แนท เธอต้องหันไปดูเดี๋ยวนี้"

คำพูดและท่าทีพยักเพยิกใบหน้าไปทางห้องครัวเรียกความสนใจจากนาตาชาที่กำลังนั่งอ่านไฟล์ข้อมูลเป้าหมายรายต่อไปให้หันไปสนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้านหลังของเธอ

ตึกสตาร์กทาวเวอร์ที่พวกเธออยู่ในตอนนี้นั้นกว้างขนาดที่เอาคนจากหน่วยชิลด์ทั้งหน่วยมายัดก็ยังพอมีที่ให้วิ่งเล่นได้สบายๆ แต่ไม่รู้ทำไมสตีฟกับโทนี่ถึงต้องไปยืนเบียดกันในห้องครัว มองจากมุมนี้แผ่นหลังของกัปตันอเมริกากว้างมาก กว้างจนตอนแรกหญิงสาวมองไม่เห็นคนอีกคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาด้วยซ้ำ จนกระทั่งได้ยินเสียงเจ้าของสถานที่เอ่ยขอกระปุกพริกไทยนั่นแหละ นาตาชาถึงได้รู้ว่าโทนี่โดนยืนซ้อนหลังอยู่

ดวงตาคู่สวยหรี่ลง เปลี่ยนจากสายตาของผู้หญิงธรรมดาเป็นสายตาเต็มไปด้วยความกังขาในแบบของแบล็ควิโดว์ นาตาชาหันกลับไปสบตาอย่างรู้ทันกับคลินท์ ก่อนจะเลิกสนใจเอกสารตรงหน้าแล้วเปลี่ยนท่านั่งเพื่อจะได้มองการกระทำของสองคนในห้องครัวได้ถนัด

"ไม่ใช่กระปุกนั้น นั่นมันน้ำตาล ขออันข้างๆ "

"อันนี้?"

"คุณปู่... นั่นมันข้างบนไม่ใช่ข้างๆ แก่จนหลงทิศแล้วหรือไง?"

จากมุมมองด้านหลังสิ่งที่เห็นคือสตีฟขยับตัวไปยืนใกล้หลังร่างสันทัดมากขึ้นเพียงเพื่อจะหยิบกระปุกพริกไทยที่อยู่บนชั้น แถมยังหยิบผิดจนโทนี่ที่กำลังลงมือเตรียมอาหารต้องเขย่งขึ้นไปหาเอง และคนตัวโตกว่าคงจะกลัวว่าการยืดตัวจะทำให้เอวเคล็ดหรืออย่างไรก็ไม่รู้จึงต้องเอามือโอบเอวอีกฝ่ายไว้ด้วย

"...ลวนลามกันหรือไงปู่?"

น้ำเสียงเย้าแหย่พร้อมสายตากวนโอ้ยตามแบบฉบับคนตระกูลสตาร์กเหลือบมองเจ้าของมือ ไม่แม้แต่จะทำท่าทีเหนียมอายให้บรรยากาศรอบข้างกลายเป็นสีชมพูมากกว่าที่เป็นอยู่นี้

"กลัวจะเขย่งไม่ถึง"

"เหอะ!"

ทำเสียงขึ้นจมูกไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงแถมยังปล่อยให้แขนที่วางอยู่บนเอวคาอยู่อย่างนั้น และพนันได้ว่าจะอยู่อย่างนั้นจนกว่าโทนี่จะทำอาหารเสร็จ

นาตาชาหันกลับสบตากับเพื่อนสนิทอีกครั้ง ครั้งนี้เธอเลิกคิ้วด้วยต้องการจะถามความแน่ใจว่าสิ่งที่เธอเห็นนั้นไม่ได้มีความผิดพลาดอะไรใช่ไหม และคำตอบที่เธอได้จากคลินท์คือการพยักหน้าพร้อมคำว่า...

"เริ่มอีกแล้วโมเม้น ตัวใหญ่ - ตัวเล็ก"

นาตาชาและคลิน์นลงความเห็นว่าอาหารเย็นมื้อนั้นหวานแม้พวกเธอจะโรยพริกไทยลงไปเยอะมากก็ตาม



"เพื่อนข้าสองคนนั้นเขาทะเลาะอะไรกันอีกแล้ว?"

เจ้าของสายฟ้าฟาดที่เพิ่งผ่าลงกลางตึกสตาร์กทาวเวอร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสับสนเมื่อเห็นบรรยากาศขมุกขมัวผ่านในห้องนั่งเล่น และการเขม่ง ฟาดฟันกันด้วยสายตาผ่านทางอากาศของคนสนิททั้งสอง

คลินท์และนาตาชาที่กำลังนั่งเปลี่ยนช่องรายการทีวีเพียงแค่เหลือบมองก่อนจะส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เจ้าของคำถาม ยังไม่ทันได้ตอบคำถามเสียงตะโกนจากอีกฝั่งของห้องก็ดังขัดขึ้นมาก่อน

"จาร์วิสเป็นคนควบคุมระบบทุกอย่างของที่นี่กัปตัน การที่ฉันจะอยู่ในแล็บเพื่ออัพเดทจาร์วิสเป็นวันๆ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย!"

"แต่คุณจะเอาแต่หมกตัวไม่ออกมากินข้าว ไม่ทำอะไรอย่างอื่นเลยไม่ได้ จาร์วิสไม่มีชีวิต เขาดูแลคุณตอนคุณล้มป่วยไม่ได้หรอกนะ คุณต้องหัดใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปบ้าง ไม่ใช่อยู่แต่กับระบบไร้สาระพวกนั้น"

บรรยากาศที่แย่อยู่แล้วยิ่งมาคุหนักขึ้นอีกเมื่อประโยคสุดท้ายหลุดออกจากปากของร่างสูง นาตาชาสาบานได้ว่าเธอเห็นธอร์และคลินท์ทำปากเป็นตัวโอเมื่อได้ยินคำพูดนั้น แน่ล่ะว่าเธอก็ทำด้วยเหมือนกัน

"...อย่าพูดถึงเขาอย่างนั้นสตีฟ" สายตาแข็งกร้าวมองคนด้านหน้า ก่อนจะลุกขึ้นเตรียมตัวหลีกห่างจากการพูดคุยกับคนตรงหน้า "จาร์วิสสำคัญมากกว่าจะเป็นแค่ระบบปฏิบัติการ และเขารู้ว่าควรจะต้องทำอะไรในเวลาไหนมากกว่าที่คุณรู้ด้วยซ้ำ"

ร่างโปร่งเดินเข้าลิฟต์ไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาสนใจคนที่พยายามเรียกชื่อตนเอง ฝ่ายคนที่พลาดพูดจาโดยลืมคิดไปถอนหายใจแรง สตีฟทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวเดิมที่เคยนั่งจนถึงเมื่อครู่ ฝั่งผู้ที่กำลังติดตามการโต้เถียงของทั้งสองคนเงียบไปอึดใจนึง กว่านาตาชาจะนึกขึ้นได้ว่าควรจะต้องมีใครเป็นคนเปิดบทสนทนา ธอร์ก็แทรกพูดขึ้นมาก่อน

"พวกเจ้าทะเลาะกัน... เพราะเรื่องจาร์วิส?"

คำถามของเทพสายฟ้ากระตุ้นสติของผู้ที่นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่เงยหน้ามาให้ความสนใจกับเรื่องรอบตัว

"ใช่... ผมพยายามเตือนให้เขาออกมาจากห้องแล็บบ้าง แต่ดูเหมือนจะใช้คำพูดผิดไป" มือใหญ่ยกเสยผมตัวเอง "ขอโทษด้วยนะจาร์วิสที่เรียกคุณแบบนั้น" ครั้งนี้เขาเอ่ยกับความว่างเปล่า เพราะรู้อยู่แล้วว่าระบบอัจฉริยะคอยมองเขาอยู่ตลอดเวลา

"ไม่เป็นไรครับ แต่โปรดอย่าเข้าใจเจ้านายผิด เขาแค่ใจร้อนเกินไปและไม่ได้ตั้งใจจะใช้คำพูดแบบนั้นกับคุณ"

"ผมรู้จาร์วิส ผมรู้..."

ความเงียบก่อตัวในห้องอีกครั้ง มีบ้างที่จะได้ยินเสียงถอนหายใจจากสตีฟที่เอาแต่นั่งซึม คนเฝ้าสังเกตการณ์ทั้งสามจ้องหน้ากันไปมา แต่ละคนต่างพยายามหาเรื่องมาเปิดประเด็น และสุดท้ายก็เป็นธอร์ที่เริ่มต้นอีกครั้ง

"พวกเจ้าเหมือนคู่แต่งงานที่กำลังมีปัญหาเรื่องการหย่าร้าง..." เขาเงียบไปเพื่อคิดคำพูด "เรื่องของชายคู่แข่งที่เขามายุ่งในความสัมพันธ์ของพวกเจ้า"

คลินท์ที่กำลังยกน้ำดื่มถึงกับสำลัก

เจ้าของโล่ไวเบรเนี่ยมยกยิ้มให้ประโยคเปรียบเทียบของคู่สนทนา

"หากเป็นแบบนั้นจริงจาร์วิสคงจะได้โทนี่ไปง่ายๆ เลย"

"เจ้าอยากได้คำปรึกษาจากเราถึงวิธีที่ชาวแอสการ์ดใช้ง้อภรรยาหรือไม่?"

คราวนี้เป็นนาตาชาที่สำลักน้ำส้มแทน

ไม่รู้ว่าคำถามของธอร์นั้นจริงจังมากแค่ไหน และคนตัวโตอยากได้คำตอบมากขนาดนั้นจริงหรือเปล่า แต่เพื่อไม่ให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี้ นาตาชาจึงเลือกขัดจังหวะของสองหนุ่มเอาไว้ก่อน

"สตีฟ คุณแค่เข้าไปขอโทษ รอรับคำพูดเจ็บๆ คันๆ ที่จะตามมาโทนี่ก็น่าจะหายโกรธแล้วล่ะ"

เธอเดินไปหาเขา วางมือที่บ่าแล้วบีบเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ และเชื่อว่าสิ่งที่สตีฟพูดไปล้วนเพราะเป็นห่วงเจ้าของเกราะเหล็กทั้งนั้น แต่เธอก็เข้าใจโทนี่เช่นกันว่าจาร์วิสและสิ่งประดิษฐ์ที่เขาสร้างมากับมือนั้นสำคัญกับเจ้าตัวมากแค่ไหน

"ขออภัยที่ขัดจังหวะครับ แต่เจ้านายกำลังขึ้นลิฟต์มา เผื่อคุณอยากจะเตรียมตัว"

สตีฟลุกยืนเต็มความสูง ก้าวเท้ายาวจากโซฟาตรงไปยังลิฟต์ตัวที่กำลังขึ้นมาทันทีที่จาร์วิสพูดจบ ไม่ต้องรอนานคนที่สตีฟกำลังรออยู่ก็เดินออกมาจากด้านใน โทนี่ชะงักไปเล็กน้อย ตากลมสีน้ำตาลเข้มกลอกไปมา เขาตั้งท่าจะเดินเลี่ยง แต่มือหนาก็ทันคว้าท่อนแขนเอาไว้เสียก่อน

"โทนี่ได้โปรด ผมเสียใจที่พูดแบบนั้น จาร์วิสสำคัญกับคุณมาก คุณสร้างเขาด้วยตัวเอง คุณให้ความสำคัญกับเขาผมเข้าใจแต่คุณต้องดูแลตัวเองบ้..."

"อ้ะๆ หยุดก่อนกัปตัน ยาวไป" โทนี่ยกมือห้ามไม่ให้พูดต่อ "แล้วไม่ต้องทำหน้าหมาหงอยขนาดนั้น"

ทั้งสามอยากจะลุกขึ้นไปหมุนตัวกัปตันอเมริกาผู้มีชื่อเสียงให้หันมาตอนนี้เสียจริง จะได้เห็นใบหน้าให้ชัดๆ

"เฮ้อ... ฉันก็... อาจจะผิดเองที่ใจร้อน แต่จาร์วิสสำคัญมากจริงๆ เขาทำได้ทุกอย่างแม้เขาจะไม่มีร่างกายก็ตาม"

"ขอบคุณครับเจ้านาย" สำเนียงภาษาอังกฤษเนาะหูแทรกขึ้น โทนี่เพียงขยิบตากลับไป

"แต่ฉันรู้ลิมิตตัวเอง และรู้ว่าต่อให้เป็นอะไรไปในแล็บนั้นจะยังมีจาร์วิส มีเปปเปอร์ที่สามารถติดต่อได้ 24 ชั่วโมง"

ไม่รู้ว่าเพราะเห็นพวกเขาสามคนมองอยู่หรือเปล่า มือที่ตอนแรกตั้งท่าจะลูบหัวคนผมบลอนด์ถึงได้เปลี่ยนไปตบเบาๆ ที่บ่าแกร่งแทน

"และตอนนี้ก็มีนายด้วย... เพราะงั้นไม่เป็นอะไรหรอก"

แล้วโทนี่ก็ยิ้ม รอยยิ้มพราวประดับใบหน้าคงมีแรงทำลายล้างสูงอยู่ ไม่อย่างนั้นกัปตันคงไม่คว้าตัวคนตรงหน้าเข้าไปกอดซะแน่นขนาดนั้น

"...เข้าใจแล้ว"

"แล้วทีหลังถ้าหึงก็บอกกันดีๆ นะกัปตัน ไม่ต้องเอาเรื่องอื่นมาอ้าง"

แน่ล่ะว่าโทนี่ก็กอดตอบ ทั้งคู่กอดกันอยู่นาน แน่นเสียด้วย

"...ระหว่างที่ข้าไม่อยู่พวกเขาเป็นแบบนี้ตลอดเลยหรือ?"

เทพสายฟ้าที่ตอนแรกมาเพื่อสังสรรค์ลืมสิ้นแล้วถึงจุดประสงค์หลักเอ่ยถาม คลินท์ที่นั่งเท้าคางมองด้วยความเบื่อหน่ายและนาตาชาที่คาดการณ์ไว้แล้วว่ามันจะต้องลงเอ่ยในรูปแบบนี้พยักหน้า

"ปกติของคู่ ตัวใหญ่ ตัวเล็ก เขาน่ะ"

หลังจากนั้นธอร์ก็ก้าวเท้าเข้ามาในกลุ่มสังเกตการณ์เต็มตัว



"ถามจริง พวกเขาไม่ได้กำลังคบกันอยู่เหรอ?"

นั่นเป็นคำถามที่บรูซถามสมาชิกร่วมทีมในวันที่เขาแวะเข้ามายังสตาร์กทาวน์เวอร์เพื่อมาเยี่ยมทุกคนเป็นการส่วนตัวโดยไม่แจ้งทางชิลด์ไว้

"ทำไมคุณคิดแบบนั้นล่ะ?"

นาตาชาเป็นฝ่ายถามกลับ หญิงสาวกัดกระพุ้งแก้มด้านในของน พยายามกลั้นยิ้มเต็มที่และรู้ด้วยว่าสมาชิกในทีมอีกสองคนที่นั่งอยู่ด้วยกันต่างก็เป็นเช่นเดียวกับเธอ

"ก็ดูพวกเขาสิ คือผมรู้นะว่าเพื่อนสนิทกันเขาทำอะไรถึงเนื้อถึงตัวเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ใช่กับการนอนซบไหล่ดูทีวีสบายใจขนาดนั้นหรือเปล่า ผมจะไม่แปลกใจเลยถ้าสักพักโทนี่จะล้มตัวนอนหนุนตักกัปตันด้วย"

ใช่ นั่นเป็นสิ่งที่ทั้งคู่กำลังทำอยู่ สตีฟนั่งบนโซฟาตัวยาวแขนเหยียดตามพนักโซฟาในขณะที่โทนี่นั่งอยู่ด้านข้างพร้อมหนุนหัวซบไหล่แกร่งดูสารคดีสัตว์โลกผ่านจอทีวีสามมิติขนาดกว่า 60 นิ้วด้วยความสบายใจ ไม่คิดจะเป็นหัวพวกเธอที่นั่งหันหลังให้เลยแม้แต่น้อย

"นายจะเห็นมากกว่านั้นอีกพี่เบิ้ม รอให้เขาคิดว่าพวกเราไม่เห็นก่อนเถอะ" คลินท์ยกยิ้มมุมปาก กลอกตาไปมา

"เจ้าจะได้เห็นในสิ่งที่ทำให้หัวใจแทบหยุดเต้น ข้าเคยเจอมาแล้ว" ธอร์คว้าโดนัทของฝากเข้าปาก พูดเหมือนว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดประจำจนชิน

"พวกเขาจะทำอะไ— โอ้พระเจ้า!"

ทั้งสามคนมองหน้ากัน รู้โดยทันทีว่าสตีฟกับโทนี่ต้องแอบทำเรื่องกุ๊กกิ๊กกันอยู่ด้านหลังแน่ๆ และพวกเขาจะมีผู้ร่วมสังเกตการณ์เพิ่มขึ้นอีกคน


"นั่นแหละ ปกติของคู่ ตัวใหญ่ ตัวเล็ก เขาน่ะ"



NEVER END

■ ■ ■ ■ ■ ■ ■ ■ ■ ■



Talk: ว่าจะไม่แต่งๆ สุดท้ายออกมาเป็นอะไรที่ชั่ววูบมากๆ ค่ะ... (โปรเจคฟิคที่ต้องส่งยังไม่ได้แต่แต่มาลงเรื่องนี้ก่อน คิดดู)

นี่คือฟิค Stony เรื่องแรกที่ผสมความ AU จากจินตนาการของแฟนเกิร์ลเข้าไปด้วย เพราะเกิดอาการหน่วงกับ Civil War มาค่ะ คาดว่าแม่ยกคู่นี้คงมีอาการคล้ายๆ กัน เลยย้อนไปดูสมัยที่ทั้งคู่ยังรักกันดีแล้วก็บึ้มออกมาเป็นฟิคเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นบีกินเนอร์แฟนอาจจะเก็บรายละเอียดนิสัยตัวละครไม่ครบหรือตัวละครนิสัยประหลาดไปบ้างต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

สุดท้ายนี้ เรือเราจะไม่ล่มถ้าเราพายวนต่อไปค่ะ (เจ๊ดาวช่วยดันเรือเต็มที่) ฮึ้บ!

ขอบคุณที่อ่านจนถึงบรรทัดนี้ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ

Continue Reading

You'll Also Like

214 0 15
Tadano is fed up with his life as the no1 assassin who has mastered every skill. He decided to leave the world of assassins and live his life as he...
206K 3.7K 14
#ขอบคุณกุกมินที่ว่างนะ
228K 14.8K 56
"មនុស្សស្អីចរឹករញ៉ែរញ៉ែនិយាយច្រើនឥតបានការពិតជាគួរអោយស្អប់ពិតមែន"ជុងហ្គុក "បងស្អប់ខ្ញុំអោយច្រើនៗទៅតិចថ្ងៃណាមួយស្អប់ៗជំពប់លើខ្ញុំអីខ្ញុំនិងប្ដឹងបងយកមកធ...
92.4K 7K 42
"បងស្រឡាញ់អូនខ្លាំងណាស់តែបងមិនអាច អោយអោនអូនមកខូចអានាគតជាមួយមនុស្សជនពាលដូចជាបងបន្តទៀតទេថេយ៍"ជុងហ្គុក Jugkook x Taehyung Jugkook >Top Taehyung>bottom