อดีตเลวร้าย ที่ตามหลอกหลอนไม่จบสิ้น......
แผลในใจใช่ว่าจะลบกันได้เพียงแค่ไม่กี่วัน ขนาดเรื่องของฉันที่ผ่านมาหลายปีแล้วแต่มันก็ยังตกผลึกอยู่ในใจ ไม่ว่าฉันจะทำเป็นแกล้งลืมยังไง มันก็ยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำ ฉันพยายามบอกตัวเองมาตลอด 'เธอคือคนใหม่แล้วแพรลีน ตอนนี้เธอสวย เธอมั่นใจเกินกว่าใคร ๆ จะมาดูถูกได้' แต่เชื่อมั้ยว่าลึก ๆ แล้วฉันก็ยังคงหวาดกลัวอยู่ทุกครั้งไป
แม้ว่าฉันจะพยายามสร้างเกาะกำบังตัวเองด้วยการทำเป็นสาวกร้านโลกที่ชอบปั่นหัวผู้ชาย แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ฉันก็เป็นแค่ยัยแพรลีนคนขี้แพ้ แพ้ทั้งชินกรและเม็ดนุ่น โดยเฉพาะรายหลังทำฉันเจ็บใจจนอยากจะเอามือไปจิกให้หนังหัวหล่อนหลุดออกมา โลกันต์ดูเหมือนจะให้ความสนใจเธอมาก ไม่ว่าฉันเปลี่ยนไปแค่ไหนทำไมฉันถึงไม่ชนะยัยนั่นสักที!
ฉันเหลือบมองคนเย็นชาที่เอาแต่ขับรถนิ่งไม่พูดจาใด ๆ จนถึงบ้าน....โลกันต์ไม่พูดอะไรสักคำเอาแต่เดินตามฉันขึ้นมาส่งที่ห้อง บางทีพฤติกรรมของเขาก็ชวนสบสันเหมือนกัน บางทีก็เหมือนจะสนใจ และในหลาย ๆ ทีก็ดูเฉยชาจนฉันเหมือนอากาศธาตุที่ลอยไปลอยมาอยู่หน้าเขา
เฮ้ออ.....
ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องตามปกติ แต่สิ่งที่ผิดปกติคือโลกันต์โฉบมือมาคว้าลูกบิดประตูไว้แล้วจับไหล่ฉันให้หันไปเผชิญหน้ากับเขา....ให้ตายเถอะ! อารมณ์ไหนของเขาเนี่ย!!
โลกันต์จ้องหน้าฉันนิ่งเหมือนต้องการอะไรบางอย่าง....จากฉัน แววตาที่มั่งคงนั่นทำให้ฉันวูบไหวในอก อยู่ดี ๆ ใจก็เต้นแรงแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ใบหน้าฉันเริ่มร้อนผ่าวจนไม่กล้าที่จะสบตา อีกแล้ว!! เขาทำให้ฉันไม่กล้าสบตาเขาอีกแล้ว...
"มีอะไรอยากบอกรึเปล่า?" เสียงเย็น ๆ แต่แผ่วเบาทำให้ฉันเหลือกตาขึ้นมามองคนตัวสูงตรงหน้า คำถามของเขาทำเอาฉันจุกในอกจนต้องเม้มปากเน้น
"มะ ไม่มีอะไรนิ ฉันแค่เบื่อเท่านั้นเอง"
"แน่ใจ?" ดูเหมือนฉันจะเฉไฉไม่ค่อยเนียนสินะ
"ก็นายมัวแต่สนใจยัยเม็ดนุ่น ฉันเบื่อที่นายนอกใจฉันไง" ฉันพยายามกลบเกลื่อนด้วยการลูบไล้มือไปทั่ว ๆ แผงอกของเขา ก่อนจะตวัดขึ้นคล้องรอบคอของโลกันต์
ฉันไม่มีทางบอกเรื่องนี้กับเขาแน่ ๆ มันเป็นเรื่องที่ฉันไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนล่วงรู้อดีตของฉันทั้งนั้นแม้แต่เขาเองก็ตาม รู้ว่าโลกันต์ไม่ใช่คนโง่ อีกอย่างเขาเป็นหมอ เป็นว่าที่จิตแพทย์คงไม่ง่ายนักที่ฉันจะโกหกเขาแบบนี้
"อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง" นั่นไง เขารู้ทันฉันตลอด!
"เปลี่ยนเรื่องอะไรล่ะ เราก็คุยเรื่องนี้มาแต่แรกนี่นา"
"นายชินนั่นเป็นใคร?" คำถามของเขาทำให้ฉันลดมือลงและถอยห่างออกอัตโนมัติ แต่โลกันต์กลับเอื้อมมือมากอดรัดฉันไว้ไม่ให้ถอยหนี
อ๊ะ!
โลกันต์กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเหมือนเป็นการย้ำเตือนให้ฉันตอบคำถาม ชื่อของคนนั้นฉันไม่อยากจะได้ยินอีกต่อไปแล้วนะ โดยเฉพาะตอนนี้ที่เขากำลังซักไซ้ฉันอยู่
"หึงใช่มั้ย?"
"อย่ามาเพ้อเจ้อ"
"แล้วถามทำไมล่ะ"
"มันเคยทำอะไรไว้ เธอถึงมีปฏิกิริยามากขนาดนี้" เขาสังเกตเห็นจริง ๆ ด้วยสินะ เหมือนผู้ชายที่กำลังกอดฉันอยู่จะทำเหมือนไม่สนใจ แต่ความจริงเขาจ้องมองพฤติกรรมของฉันอยู่ตลอดเวลา และรับรู้ว่าฉันกำลังอึดอัดใจกับสถานการณ์จึงพาฉันเลี่ยงออกมา
"ปะ เปล่าซะหน่อย นายคิดไปเอง"
"ตกลงจะไม่บอก?" โลกันต์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนหน้าเราแทบจะติดกัน ลมหายใจอุ่น ๆ เบารดบริเวณจมูกจนฉันไม่กล้าหายใจ สายตาของเขาจ้องมาที่ตาฉันเหมือนต้องการหาคำตอบ....
"ก็ฉันไม่มีอะไรจะบอกหนิตาบ้า!" ฉันพยายามแกล้งโมโหด้วยการทำหน้ายักษ์ใส่เขา แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลโลกันต์รู้ทันฉันเสมอ
"ฉันรู้ว่าเธอมี และมันน่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้เธอต้องสร้างกำแพงในใจ"
"ไม่ยักรู้ว่า วันนี้คุณหมอโลกันต์พูดอะไรยาว ๆ เป็นกับเขาด้วย ปกติไม่เห็นอยากจะพูดกับฉันสักเท่าไหร่หนิ หรือว่า.....ตกหลุมรักฉันแล้วใช่มั้ยล่ะ?"
"ไม่ต้องมาเนียนเปลี่ยนเรื่อง ฉันรู้ทันเธอหรอก" ในเมื่อเขารู้ว่ายังไงฉันก็ไม่ตอบแล้วจะมาคาดคั้นกันทำไมล่ะคะ คุณมนุษย์น้ำแข็ง!
"บอกว่ารักฉันสิ แล้วฉันจะบอก...." ฉันท้าทายออกไปอย่างนั้นเพราะรู้ว่าเขาไม่มีวันบอกว่ารักฉันแน่นอน
โลกันต์จ้องฉันนิ่งด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาว่าเขาคิดอะไรอยู่ เขานิ่งเกินไปจนใจฉันชักหวั่นกลัวว่าเขาจะบอกรักฉันจริง ๆ คือมันก็ดีหรือนะเพราะฉันจะกลายเป็นผู้ชนะ แต่ถ้าเขาพูดฉันก็ต้องเล่าให้เขาฟังน่ะสิ!!!
"ฉัน..."
"หยุด ๆ นายไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น! มันก็แค่เรื่องบังเอิญของคนเคยรู้จักมาเจอกันแค่นั้นเอง จบนะ"
"ฉันจะบอกว่า ฉันไม่บอกรักเธอหรอก งี่เง่า!"
"ฉันก็รู้อยู่แล้วแหละย่ะ นายโลกันต์คนบ้า" ฉันทุบหน้าอกเอาไปหลายดอกจนเขาต้องคลายอ้อมแขนออกแล้วยกมือมากันกำปั้นฉันแทน
"หึ ไม่บอกก็ตามใจ"
แกร๊ก...
อยู่ดี ๆ เขาก็เอื้อมมือมาเปิดลูกบิดประตูแล้วผลักฉันเข้าไปในห้องพร้อมทิ้งประโยคชวนสับสนให้ฉันใจเต้นแรงอีกครั้ง
"พรุ่งนี้เจอกัน ฝันดีนะ"
ตาบ้าโลกันต์จะพูดทำไม ในเมื่อยังไงเราก็เจอกันทุกวันอยู่แล้ว บ้าจริง! ฉันดันตื่นเต้นกับคำพูดของเขาได้ เพราะเขาเป็นคนพูดน้อยแถมยังชอบทำหน้านิ่ง ๆ อื่น ทำให้ฉันไม่รู้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่
จะว่าไปแล้วช่วงนี้ฉันไม่ค่อยเป็นตัวเองเลยเวลาอยู่ใกล้ๆ กับตานั่น สิ่งที่เขาทำบางทีมันทำให้หัวใจฉันปั่นป่วนไปหมด บางทีก็เหมือนห่วงฉัน แต่บางทีก็หมางเมินจนฉันไม่รู้ว่าเขาจะเอายังไงกันแน่ เหมือนจะรักแต่ก็ไม่รัก... ตกลงเป็นเขาหรือฉันกันแน่นะที่กำลังสับสน!
10.00 น
เสียงดังข้างล่างทำให้ฉันตื่นมาด้วยความสะลึมสะลือ เพราะเมื่อคืนมีแต่เรื่องของโลกันต์วนเวียนอยู่ในหัวฉันเต็มไปหมด กว่าจะหลับได้ก็เกือบจะตี 4 ที่ข้างล่างเสียงดังเหมือนกับมีปาร์ตี้อะไรกันสักอย่าง แต่นี่มันเช้า.....
เฮ๊ยย 10 โมง!
ฉันหันไปหยิบนาฬิการูปดาวที่อยู่ข้างหัวเตียงมาดู นี่ฉันตื่นสายขนาดนี้เลยหรอเนี่ย ดีนะที่ไม่มีเรียนไม่งั้นไปไม่ทันแน่ ๆ โลกันต์ก็ไม่มีเรียนเหมือนกันเขาน่าจะนั่งอยู่ข้างล่างนั่นกับพวกพี่ลิลิน
ฉันเลยลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อกะว่าแจมสักหน่อยดูท่าจะสนุก เพราะเสียงหัวเราะดังมาก ๆ มีเรื่องสนุก ๆ แบบนี้ฉันจะพลาดได้ยังไงกันล่ะจริงมั้ย อีกอย่างภารกิจอ่อยของฉันก็ยังไม่สำเร็จด้วย ต้องไปสานต่อสักหน่อย
หลังอาบน้ำเสร็จฉันเดินมาเลือกชุดที่คิดว่าเอ็กซ์สุด ๆ มาใส่ นั่นคือกางเกงขาสั้นเสมอหูกับเสื้อคล้องคอเผยให้เห็นเนินอกอย่างชัดเจน ไม่หวั่นไหวก็ให้รู้ไปสิตามนุษย์น้ำแข็ง!
ฉันเดินออกมาจากนอกห้องแล้วชะโงกลงไปข้างล่างเพื่อดูลาดลานก่อน เห็นว่านั่งกันอยู่ 3-4 คน มีผู้หญิงแปลกหน้ามาด้วย แล้วนั่นเธอนั่งใกล้ชิดแทบจะเกยโลกันต์อยู่แล้ว! จะว่าไปก็คุ้น ๆ อยู่นะแต่เห็นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่คอยดูเถอะเดี๋ยวฉันไปเขี่ยยัยนั่นให้แทบกระเด็นไม่ทันเลย!
ขึ้นชื่อว่าแพรลีนจะให้เดินดุ่ม ๆ เข้าไปได้ยังไงกัน มันต้องเปิดตัวอย่างฟินนาเล่ถึงจะถูก...ฉันเลยค่อย ๆ เดินลงมาอย่างเลิศๆ เชิด ๆ เพราะให้เป็นจุดสนใจ และก็เป็นอย่างที่ต้องการ เมื่อทุกคนที่นั่งอยู่หันมามองฉันเป็นตาเดียวกัน
"โอ้วววว แม่เจ้า นมเน้น ๆ " เป็นเสียงของโมกที่พูดออกมาอย่างไม่เกรงใจใคร
ฉันปรายตามองไปทางโลกันต์เห็นเขามองมาด้วยสายตานิ่ง ๆ เอ๊! เดี๋ยวนะข้าง ๆ เขานั่นมัน....ยัยเม็ดเน่า! ยัยนั่นมาทำไม แล้วอะไรน่ะแขนนั่น....หึ่ม! บังอาจมาควงโลกันต์ของฉันได้ยังไงยะ! เรื่องนี้ฉันจะไม่ทน เจอดีแน่ยัยเน่า!
"ทำอะไรกันอยู่หรอ สนุกกันเชียวนะ" ฉันเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินมานั่งข้าง ๆ โลกันต์
"สวัสดีจ้ะ แพรลีน ฉันจะมาให้พี่โลกันต์ติวหนังสือให้น่ะ ตอนฉันมาเห็นว่ามีปาร์ตี้กันอยู่เลยร่วมแจมน่ะ" ทำมาเป็นยิ้มหวานตาใส ฉันล่ะอยากตบหน้าหล่อนสักทีสองทีเห็นแล้วหมั่นไส้!
"นี่ฉันมาช้าไปรึเปล่าเนี่ย ก็เมื่อคืนโลกันต์น่ะไม่ยอมให้นอนเลย...."
"เพ้อเจ้ออะไรของเธอ?" หึ่ม ตาโลกันต์จะรับมุขฉันหน่อยก็ไม่ได้
พิ่ลิลินกับโมกมองพวกเราสามคนไปมาสลับกัน พี่ลิลินคงสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลก ๆ จึงขอเลี่ยงไปทำอาหารที่ค้างไว้ ส่วนโมกขอตามไปช่วยอีกแรง ตอนนี้เลยเหลือแค่เราสามคนที่กำลังทำสงครามประสาทกัน
"ก็แหม ทำเป็นลืมก็เรา..." ฉันลูบไล้มือไปมาที่อกของเขาไปด้วย "อ๊ะ โทษทีจ้ะเม็ดนุ่นชอบลืมอยู่เรื่อยเลยว่าเราอยู่กันสองคน.."
"ไปห้องพี่มั้ยเม็ดนุ่น จะได้ติวหนังสือกัน" อะไรน่ะ! โลกันต์ชวนยัยนั่นขึ้นห้อง อยากให้ฉันวีนแตกตรงนี้เลยใช่มั้ย!
"โอเคค่ะ" เม็ดนุ่นยิ้มหวานให้เขาก่อนนะหันมาทำหน้าเหมือนผู้ชนะใส่ฉัน
โลกันต์เดินนำเม็ดนุ่นขึ้นไปที่ห้อง โดยที่ฉันตามขึ้นไปไม่ห่าง ระหว่างขึ้นบันไดพี่ลิลินกับโมกชะโงกหน้าออกมาดูด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น แบบว่าอยากรู้อยากเห็นอ่ะนะ โลกันต์เปิดประตูให้เม็ดนุ่นเข้าไปในห้อง ฉันเลยฉุกเขาเอาไว้ก่อนที่จะตามเข้าไป
"นายพายัยนั่นเข้าไปทำไม?!"
"ติวหนังสือไง" เขาพูดด้วยเสียงราบเรียบแต่สีหน้าดูเจ้าเล่ห์ยังไงก็ไม่รู้ คือฉันไว้ใจเขาแต่ไม่ไว้ใจยัยเม็ดนุ่นเลย ถ้าปล่อยให้อยู่ด้วยกันโลกันต์ต้องโดนงาบไปแน่ ๆ "หรือไม่แน่อาจจะทำอย่างอื่น..."
ยะ...อย่างอื่นหรอไม่นะ!!
ปัง!
ฉันยังไม่ทันจะได้พูดอะไรตอบโลกันต์ก็ปิดประตูใส่หน้าฉัน ไม่มีทาง ฉันไม่ยอมให้สองคนนั้นอยู่ด้วยกันหรอกนะ แบบนี้ต้องป่วน ไม่รู้จักฤทธิ์แพรลีนซะแล้วในเมื่อเข้าทางหน้าไม่ได้ เข้าทางหลังก็ได้หนิ!
เพราะห้องของฉันกับโลกันต์ติดกันส่วนของด้านหลังเป็นระเบียงที่เชื่อมต่อกันอีกด้วย จะรอช้าอยู่ทำไมล่ะ แบบนี้ก็ต้องรีบปีนสิคะ แม้ว่ามันจะดูเสี่ยงสักหน่อยแต่ฉันจะยอมให้สองคนนั้นอยู่ด้วยกันไม่ได้ ถึงแม้ว่าฉันไม่ได้คิดแบบนั้นกับโลกันต์แต่ฉันก็หวงนะ!
แม้ว่าตึกจะสูงแค่สองชั้นแต่พอออกมาห้อยตัวอยู่บนราวระเบียบแบบนี้มันดูสูงจนหน้าตกใจ ฉันรีบเงยหน้าขึ้นมาทันทีเพราะกลัวจะหน้ามืดตกลงไป จากนั้นก็ค่อย ๆ เลาะไปตามอีกฝั่งเพื่อเข้าห้องของโลกันต์
กว่าจะทำสำเร็จเล่นเอาเหงื่อออกเต็มหน้าเต็มตา ไม่ใช่เพราะไกลอะไรหรอกนะ แต่เพราะตื่นเต้นน่ะสิกลัวตกแทบแย่ บอกเลยว่าฉันไม่เคยลงทุนทำอะไรขนาดนี้มาก่อนนะเนี่ย
"ตรงนี้ค่ะพี่โลกันต์" ฉันได้ยินเสียงเม็ดนุ่นทำเสียงอ่อนเสียงหวาน เนื่องจากม่านที่ปิดอยู่ทำให้ฉันมองไม่ค่อยเห็นข้างในเท่าไหร่ "อ๊ะ นะ...นั่นแหละค่ะ" เสียงที่ได้ยินมันทำให้ฉันคิดไปไหนต่อไหน ตาโลกันต์บ้าไหนบอกติวหนังสือไง ทำไมมีอ๊ะมีเอ๊ะอะไรกันด้วย!
ฉันพยายามจะเปิดประตูบานเลื่อนออกแต่มันติดผ้าม่านเลยปิดไม่ได้!
"เธอรู้จักกับแพรลีนมานานแล้วหรอ?" เสียงของโลกันต์ทำให้ฉันชะงัก หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นเมื่อเขาถามถึงเรื่องของฉัน
"ก็นานแล้วค่ะ เมื่อก่อนเราสนิทกันมาก" เสียงเม็ดนุ่นออกลงและเศร้าเล็กน้อย
"เกิดอะไรขึ้นหรอ"
หลังจากคำถามของโลกันต์ฉันก็ได้ยินเม็ดนุ่นเล่าเรื่องสุดเศร้าเคล้าน้ำตาออกมา แต่ขอโทษเถอะมันโกหกทั้งเพ! ฉันเนี่ยนะเป็นหัวโจกพากันรุมแกล้ง! ให้ตายเหอะ ยัยนี่กำลังใส่ร้ายฉันชัด ๆ สร้างเรื่องให้โลกันต์เห็นใจเธอน่ะสิ ฉันไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่ เลยกระชากผ้าม่านออกแล้วเปิดประตูเข้าไปทันที
"แหม กำลังเล่าอะไรอยู่หรอ ขอฟังด้วยคนสิ" โลกันต์ไม่ได้ตกใจที่เห็นฉันหรืออาจจะตกใจก็ไม่รู้เพราะปกติก็มีอยู่หน้าเดียว แต่เม็ดนุ่นนี่สิหน้าเหวอมาก คงไม่คิดว่าฉันจะเข้ามาแบบนี้มั้ง
ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ายัยนี่จะเล่าอะไรต่อ เลยเดินมานั่งสวย ๆ ที่เตียงนอนของโลกันต์เพื่อรอฟังเรื่องปั้นแต่งแสนทุเรศที่หล่อนกำลังเล่า
"เราขอโทษนะแพร เธออย่าทำอะไรเราเลยนะ เราแค่เล่าให้พี่หมอฟัง เธออย่าตบอย่าตีเรานะ" อยู่ดี ๆ เม็ดนุ่นก็เล่นบทสาวแสนอ่อนแอที่ทำท่าหวาดกลัวนางมารอย่างฉันเข้าไปทำร้ายเธอ แหม ถ้าไม่บอกว่าเรียนหมอนึกว่าเรียนการแสดงมานะเนี่ย เนียนจริงอะไรจริง
เพี๊ยะ!
"ตบอย่างนี้รึเปล่า?!" ฉันฟาดมือใส่หน้าเธออย่างแรง จริง ๆ ไม่อยากทำแต่แหม เธอเล่นดีจนฉันเผลออินไปด้วยนะสิ!
"เธอจะทำอะไร?"
เม็ดนุ่นถอยออกไปแถวหน้าห้องเมื่อเห็นฉันเดินตามมาอย่างใกล้ชิด ยิ่งเห็นท่าทางที่ยัยนี่เสแสร้งฉันก็อดไม่ได้ ความโมโหทำให้ฉันรัวมือใส่ไม่ยั้ง ส่วนเม็ดนุ่นได้แต่ปัดป้องไปมา คิดว่าฉันไม่กล้าลงมืองั้นสิ ขอโทษเถอะฉันไม่ใช่แพรลีนคนนั้นอีกแล้ว! ร้ายมาก็ต้องร้ายกลับสิ จริงมั้ย?!
"หยุดนะแพรลีน!" โลกันต์ออกตัวปกป้องเม็ดนุ่นตัวการเคลื่อนกายมากั้นไว้ระหว่างฉันกับหล่อน เขาคิดว่าวิธีนี้จะหยุดฉันได้ แต่เปล่าเลยเพราะมันยิ่งทำให้ฉันโมโหมากกว่าเดิม!
ปกป้องกันเข้าไป โดนมันทั้งคู่นี่แหละ!
"โอ๊ย....หยุด! บอกให้หยุด!" โลกันต์ร้องออกมาเพราะฉันกระหน่ำทุบเขาไม่ยั้งเม็ดนุ่นยืนแอบอยู่ที่หลังเขา หล่อนกำลังหยิ่มกระหย่องอย่างผู้ชนะ
หมับ!
"ขอโทษนะเม็ดนุ่น อออกไปรอข้างนอกก่อนนะ" โลกันต์หันไปบอกเม็ดนุ่น แต่มือทั้งสองข้างของเขากำลังจับแขนกึ่ง ๆ กอดรัดไม่ให้ฉันอาละวาดมากไปกว่านี้
ฉันพยายามที่จะสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของเขา ยัยนั่นปั่นประสาทให้ฉันคุ้มคลั่งจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ รู้แค่ว่าฉันอยากจะจิกทิ้งหัวยัยนั่นให้ผมพันกัน อยากฉีกกระชากเสื้อผ้าให้ยัยนั่นอับอายและอยากจะตบให้ใบหน้าจอมเสแสร้งของหล่อนมีแต่รอยช้ำเหมือนที่ฉันเคยเป็น....
"ปล่อยฉันนะ! ตาบ้า ปล่อย ฉันจะเอาคืนแบบที่มันเคยทำกับฉัน!" ยิ่งโลกันต์กอดรัดมากเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งดิ้นพล่านมากขึ้นเท่านั้น เพราะใช้แรงมากเกินไปไม่นานฉันเลยเริ่มอ่อนลง สติสัมปะชัญญะเริ่มกลับมาอีกครั้ง เขามองมานิ่ง ๆ จนคิดว่าฉันมีสติดีแล้วจึงคลายอ้อมกอดแล้วออกไปนอกห้อง
โลกันต์ TALK
ผมไม่รู้ว่ายัยตัวแสบเป็นบ้าอะไรถึงแผงฤทธิ์ขนาดนี้ แม้ว่าปกติเธอจะทำอะไรไม่ค่อยคิดสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะโกรธถึงขั้นลงไม้ลงมือ แค่ดูจากสถานการณ์ก็รู้แล้วว่าสองคนนี้ไม่ค่อยญาติดีกันเท่าไหร่ แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะทำอะไรที่รุนแรงแบบนี้
ผมเดินลงมาข้างล่างเพื่อจะดูว่าเม็ดนุ่นเป็นอะไรรึเปล่า เมื่อมองลงไปข้างล่างก็เห็นว่าเธอกำลังนั่งร้องไห้อยู่ที่ห้องรับแขกข้าง ๆ กันมีลิลินกับโมกนั่งเป็นเพื่อนด้วยสีหน้าห่วงใย
"พี่ขอโทษด้วยนะ เธอเป็นอะไรรึเปล่า?" ผมถามพร้อมกับกวาดสายตาไปตามใบหน้าและแขนของเธอเพื่อดูรอยช้ำ
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฮึก ฉันไม่ดีเอง ฮึก" ระหว่างที่พูดเธอก็สะอื้นไปด้วย
"มันเรื่องอะไรน่ะ โลกันต์?" เป็นลิลินที่ถามขึ้นบ้าง
ผมก็ไม่รู้จะเล่ายังไงดี ก็อย่างที่รู้กันนั่นแหละผมเป็นคนพูดไม่เก่งชอบที่จะสังเกตพฤติกรรมของคนมากกว่า ด้วยสิ่งที่ผมเรียนและอาชีพในอนาคตมันจำเป็นต้องทำ เลยกลายเป็นนิสัยส่วนตัวไปซะแล้ว
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะพิ่ลิลิน แค่แพรลีนเขา..." ยังไม่ทันที่ผมจะบอกกล่าวอะไร เม็ดนุ่นก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
"เจ๊เขาทำไมหรอ..?" โมกเห็นเม็ดนุ่นเงียบไปเลยรีบถามขึ้นด้วยความใคร่รู้
"แพรเขาโกรธที่ฉันเล่าเรื่องในอดีตให้พี่โลกันต์ฟังค่ะ ก็เลยลงมือทำร้ายฉัน ฮือออ"
"อย่าร้องเลยนะครับ" ผมพยายามจะปลอบเธอด้วยการนั่งลงข้าง ๆ เพื่อให้กำลังใจ แต่พอผมนั่งปุ๊บเม็ดนุ่นก็โผตัวเข้ามาซบอกทันที จนผมทำหน้าไม่ถูก
"เจ็บมากเลยค่ะพี่โลกันต์ ฮืออ"
"...." ผมไม่ได้พูดอะไร แค่เพียงลูบผมเธอเบา ๆ เพื่อปลอบ
"เอ่อ พี่ว่าเราไปทำคุ้กกี้กันต่อดีมั้ยโมก" ลิลินพูดด้วยท่าทีอึกอัก
"เอ่อ ปะ ไปดิ่เจ๊ใหญ่ ไปๆ"
โมกกับพี่สาวผมรีบพากันเดินไปที่ครัวแถมซุบซิบกันไปตลอดทาง ไม่ต้องเป็นผู้วิเศษก็รู้ว่าสองคนนั้นกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่
"ไปล้างหน้าก่อนดีมั้ย แล้วเดี๋ยวพี่พาไปส่งบ้าน"
"มะ ไม่เป็นไรค่ะฉันกลับเองได้" เธอบอกพร้อมกับเช็ดหน้าเช็ดตาไปด้วย เม็ดนุ่นไม่ใช่คนแต่งหน้าจัดเหมือนกับแพรลีน ใบหน้าเธอตอนนี้เลยไม่ได้เต็มไปด้วยคราบเครื่องสำอาง ถ้าเป็นยัยนั่นร้องไห้ละก็ป่านนี้หน้าคงเลอะเทอะไปหมดแน่
เม็ดนุ่นยืนยันที่จะกลับเองทั้งที่ผมเสนอตัวจะไปส่งอยู่หลายครั้ง เลยทำได้แค่ยืนส่งที่หน้าประตูบ้าน ทีนี้ก็เหลือแค่จัดการกับยัยตัวแสบ ดูสิว่าคราวนี้ผมจะเค้นความลับจากเธอได้มากแค่ไหนกัน!