วุ่นวาย วุ่นใจ
“ตื่น ๆ”
……….
“นายโลกันต์ ตื่นได้แล้ว!!”
ผมรู้สึกถึงการเขย่าตัวอย่างแรงจากใครบางคนที่มีเสียงแหลมแสบแก้วหูจนต้องเอาหมอนมาปิดไว้ เสียงมันคุ้น ๆ เหมือนเสียงของยัยโรคจิตจอมยั่วนั่น นี่ผมหลอนจนถึงขั้นเก็บมาฝันเลยหรอเนี่ย!!
“ตื่น ๆๆๆ ตื่นเดี๋ยวนี้!!”
ผมถูกมือเล็ก ๆ ตบเบา ๆ เข้าที่หน้า แต่คือมันหลายทีไงเลยรู้สึกชาจนต้องลืมเปลือกตาขึ้นมามองทั้งที่ยังสลึมสลืออยู่….
ยัยโรคจิตแพรลีน!!
โหนี่ผมเห็นหน้าเธอชัดมาก ขนาดในฝันนะเนี่ย!! แต่เฮ๊ยทำไมมันเจ็บจริงอะไรจริงอย่างกับ 4DX ขนาดนี้
“นายจะตื่นมั้ย หรือจะให้ปลุกด้วยท่าไม้ตาย……”
หน้ายัยบ้านั่นเลื่อนเข้ามาใกล้จนจมูกแทบจะชนกัน มือผมรีบดันเธอออกห่างไปโดยอัตโนมัติ…. มือผมสัมผัสเธอได้แสดงว่าไม่ได้ฝันนี่หว่า!!!
“เข้ามาได้ยังไง?”
แม้ว่าผมจะยังไม่ตื่นดีเท่าไหร่ แต่สมองยังประมวลผลได้อย่างดีว่าก่อนนอนผมก็ล็อคห้องเรียบร้อยแล้วหนิ ทำไมยัยนี่ถึงเข้ามาได้นะ! เป็นสาวเป็นแซ่เข้ามาห้องผู้ชายตามใจชอบแบบได้ไง!!
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ฉันต้องมาปลุกนายนะ”
ปลุกฉันเพื่อ??!!
ผมเหลือบตามองเห็นท่ายืนที่สุดจะมั่นของเธอแล้วโคตรหมั่นไส้เลยผู้หญิงอะไรมั่นหน้ามั่นหุ่นจนเกินงาม แล้วยิ่งกระโปรงสั้น ๆ นั่นอีกเห็นแล้วหงุดหงิดลูกตาชะมัด!
“ปลุกทำไม”
“ก็ลากนายไปเรียนไงล่ะ ฉันรู้นะว่าเช้านี้มีเรียน” ยัยนี่เดินมายื่นหน้าใส่ผม “เพราะฉันมีตารางเรียนของนาย!!” ไม่พูดเปล่านะ แพรลีนยังถือวิสาสะใช้มือเล็ก ๆ นั่นมาลูบบริเวณไหปลาร้าผมเฉย….
”ไม่ไปอ่ะ”
ผมปัดมือเธอก่อนที่จะโดนลวนลามไปมากกว่านี้ แล้วล้มตัวนอนหันหลังโดยไม่สนใจเสียงแว๊ด ๆ ของเธอที่กำลังบ่นผมอยู่ นอกจากเสียงเธอจะน่ารำคาญแล้ว ทุกอย่างที่เป็นเธอมันก็น่ารำคาญด้วย!
“ได๊ ไม่ตื่นดี ๆ งั้นช่วยไม่ได้นะนายเลือกเอง”
ควับ!!
สิ้นเสียงปุ๊บ เธอก็ผลักผมให้นอนตรง ๆ แล้วก็ขึ้นคร่อมกันแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ประเด็นคือเธอมีแก้วน้ำอยู่ในมือด้วยไง!!
ซ่า…..
คือเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมากในขณะที่ผมกำลังตกใจเธอก็สาดน้ำใสหน้าผมเต็ม ๆ แรงแล้วรีบลุกออกไปจากตัวผมทันคือ ด้วยความไม่ทันตั้งตัวทำให้น้ำเข้าตาเข้าจมูกจนผมต้องเอามือลูบออก…
ยัยโรคจิตตัวแสบ!!!
“ลุกไปอาบน้ำได้แล้ว ฉันจะรอตรงนี้แหละ”
ผมหันไปมองเธอด้วยสายตาที่ขุ่นเคือง แต่เธอกลับนั่งไขว้ห้างกระดิกเท้าอย่างสบายใจที่เก้าอี้นั่น กล้าสาดน้ำใส่ผมแล้วยังมาสั่งให้ทำนู้นทำนี่อีก ยัยนี่เป็นใครวะกล้าทำกับผมถึงเพียงนี้!!!
“ออกไปรอข้างนอกก่อน เดี๋ยวตามไป”
“รอตรงนี้แหละ ฉันรู้เดี๋ยวนะว่านายจะนอนต่อ”
โดยกวนประสาทกันแบบนี้ ใครจะนอนได้ลงอีก!!
“อยากดูฉันแก้ผ้าก็ตามใจ”
ก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะแน่แค่ไหน ผมเดินไปใกล้ ๆ เธอแล้วเริ่มถอดเสื้อออกอย่างช้า ๆ ใบหน้าของแพรลีนที่ขาวซีดเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงน้อย ๆ ผมตาฝาดหรือเพราะนั่นเป็นสีเครื่องสำอางวะ คนอย่างเธอเนี่ยนะจะมาหน้าแดงเพราะผมถอดเสื้อโชว์
“เออ ๆ รอข้างนอกก็ได้ รีบ ๆ ล่ะถ้ายึกยักล่ะก็ฉันไปลากนายถึงในห้องน้ำแน่”
แพรลีนทำท่าดุใส่ผมเหมือนกำลังกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่าง นี่ถ้าเธอเป็นนักแสดงผมว่าคงได้รางวัลออสก้าเลยนะเนี่ย บทผู้หญิงกร้านโลกที่กำลังแสดงท่าทีเหนียมอาย หลอกใครหลอกได้ครับแต่อย่ามาหลอกคนอย่าง ‘โลกันต์’
ผมรู้ว่าเธอเป็นพวก ‘พูดจริงทำจริง’และก็ใจกล้าบ้าบิ่นมากด้วย ขืนช้าละก็มีหวังเธอได้บุกเข้ามาอีกแน่ ๆ ผมเลยใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วและลงไปพบเธอที่ห้องนั่งเล่นข้างล่าง
“วันนี้รถฉันนะ”
พูดจบเธอก็เดินนำลิ่ว ๆ ส่วนผมก็ขี้เกียจพูดมากและเบื่อที่จะต้องเถียงไหน ๆ ก็โดนก่อกวนขนาดนี้แล้ว คงต้องไปเรียนอย่างเลี่ยงไม่ได้
ไม่อยากยอมรับเลยว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดูดีมากไม่ว่าจะทำอะไรก็น่ามองอย่างตอนนี้ที่เธอกำลังขับรถสปอร์ตสุดหรูสวมแว่นดำกันแดด มันทำให้ดูเท่ห์อย่างบอกไม่ถูก
คือผมก็ไม่ได้มองตรง ๆ หรอกนะ ใช้หางตาเหลือบมองเท่านั้นแหละเดี๋ยวเธอจะได้ใจ ส่วนใหญ่แล้วผมมองออกไปนอกหน้าต่างมากกว่า เห็นหน้าเธอมาก ๆ ก็รำคาญหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก แต่ผมมันพวกแสดงออกไม่เก่งไงเธอเลยคิดว่าผมอารมณ์ปกติมั้ง เลยขยันหาเรื่องกวนประสาทได้ไม่หยุดหย่อน
แลนโบกินีสีดำถูกจอดที่หน้าคณะแพทย์ ดีที่ตอนนี้ยังเช้าอยู่คนเลยไม่มากนักเพราะผมก็ไม่อยากจะให้ใครเห็นว่ามากับยัยนี่เท่าไหร่
ไม่ใช่อะไรหรอกนะ เพราะแพรลีนน่ะดังจะตายใคร ๆ ก็รู้จักเธอแต่แบบว่าเรื่องในด้านลบซะมากกว่า ขนาดเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่รู้จักเธอผมยังเคยได้ยินชื่อผ่านหูบ่อย ๆ ผมไม่อยากเป็นเป้าสายตาให้คนอื่นนินทาเอา ไม่ใช่ว่าแคร์อะไรหรอกนะแต่มันรำคาญซะมากกว่า ที่ใคร ๆ ต่างจับตามอง
“เดี๋ยวเย็นนี้ฉันมารับนะ”
“ทำไมต้องเชื่อ”
“เพราะโทรศัพท์นายอยู่กับฉันไง”
ยัยนั่นกำลังยกมือถือของผมขึ้นมาโชว์ เวรเหอะไปอยู่กับเธอตอนไหนวะเนี่ย!!
จริง ๆ ผมจะแย่งคืนก็ได้นะ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงเลือกลงจากรถไปอย่างเงียบ ๆ แทน ระหว่างที่กำลังเดินขึ้นตึกผมก็ครุ่นคิดไปด้วยว่าทำไม…. แต่รู้อะไรมั้ยคำตอบคือความว่างเปล่า ผมคิดอะไรไม่ออกเลย!!!
คิดว่าเรื่องยัยแพรลีนน่าเบื่อแล้ว วิชาในห้องเรียนน่าเบื่อมากกว่าอีก ปกติผมจะเลือกเข้าเป็นบางวิชาเท่านั้นไง และวันนี้ผมก็ไม่ได้คิดจะมาเรียนด้วย ยัยจอมวุ่นวายนั่นทำให้ผมกำลังนั่งทรมานอยู่ในคลาสเรียนที่แสนจะสะอิดสะเอียนไปด้วยการบรรยายเรื่องอวัยวะของแมลง
ความจริงผมก็ไม่ได้คิดอยากจะเรียนหมอมาแต่แรกอยู่แล้ว แต่ก็ทนมาได้จนจะจบ นี่ผมยังมองไม่ออกเลยว่าจะรักษาคนไข้ได้ยังไง แม้ว่าผมจะไปขึ้นวอร์ดบ้างก็ตามแต่ส่วนใหญ่ก็จะโบ้ยงานให้เพื่อนทำแล้วตัวผมเองจะคอยยืนเป็นแบล็คอยู่ข้างหลัง
ผมเลยไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่หรอก มาเรียนบ้างไม่มาบ้างทำตัวผ่าเหล่าผ่ากอไม่มีอนาคตอย่างผมใครจะมาคบละจริงมั้ย ฉะนั้นในแต่ละวันที่ต้องมาเรียนจึงผ่านไปอย่างน่าเบื่อหน่าย จนกระทั่งมียัยโรคจิตนั้นเข้ามาวนเวียนในชีวิตผม
เธอกล้าถึงขนาดย้ายมาอาศัยอยู่ชายคาเดียวกับผมด้วยไม่รู้ทำไมถึงอยากจะเอาชนะผมนัก เพียงแค่ผมไม่เล่นด้วยแค่นี้เอง ไม่ใช่ว่าเธอไม่สวยหรอกนะ
แพรลีนน่ะสวยมากและเซ็กซี่สุด ๆ แต่ท่าทางมั่นใจของเธอมันทำให้ผมอยากจะกำราบอย่างบอกไม่ถูก มันสนุกดีนะเวลาเห็นเธอเสียหน้าด้วยคำพูดเจ็บ ๆ ของผม เธอจะได้รู้ว่าอย่ามั่นให้มากเกินไป
“เฮ๊ย วันนี้คิดไงมาเรียนวะ”
ระหว่างที่ผมกำลังคิดเรื่องยัยตัวแสบเสียงไอ้ ‘อัศวิน’ เพื่อนคนเดียวในคลาสก็เอ่ยทักขึ้น ก็บอกแล้วไงปกติผมมาเรียนที่ไหนกันล่ะ
“ไม่ได้คิด”
อัศวินเป็นเพื่อนที่คอยช่วยผมในเรื่องเรียนนี่ถ้าไม่ได้มันก็คงไม่ผ่านมาถึงจุดนี้แน่ ๆ ถ้าพูดถึงความสนิทแล้ว ก็จัดอยู่ในขั้นที่พูดคุยกันได้เกือบทุกเรื่อง หมายถึงมันนะไม่ใช่ผม
ไอ้อัศวินมันชอบมาระบายเรื่องต่าง ๆ มันบอกว่าผมเป็นผู้ฟังที่ดี ก็จริงอย่างที่มันว่าแหละ ผมชอบฟังมากกว่าพูดฉะนั้นไม่ว่ามันจะระบายอะไรออกมาผมก็ฟังทุกเรื่อง
“เจอนายก็ดีละ เมื่อหลายวันก่อนมีคนมาถามหาที่อยู่นายกับฉันว่ะ”
“ใคร?”
“มารีน ปี 3 คณะนิเทศ นายรู้จักมั้ยล่ะ?”
มารีน…. ผมพยายามนึกนะ แต่คือไม่เคยรู้จักเด็กปี 3 คณะนิเทศเลยไง ขนาดคณะแพทย์ด้วยกันยังแทบจะไม่รู้จักเลย
“เห็นว่าเป็นเพื่อนน้องแพรลีนแสนสวย”
โอเคชัดเลย!! ผมเลิกสงสัยละ ยัยนั่นคงให้เพื่อนมาสืบหาที่อยู่ชัวร์ มิน่าล่ะทำไมเธอถึงไปโผล่ที่บ้านพี่สาวผมได้ ยัยนี่น่ากลัวกว่าที่คิดแฮะ
“ช่างเหอะ”
“ฉันเห็นนะเว้ย ช่วงนี้น้องเขามาเกาะแกะแกอยู่หนิ”
.”…..”
“เป็นไงวะ น้องเขาถึงใจมั้ย?”
ผมหันไปมองหน้าไอ้อัศวินอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าอย่างไหนกันแน่อะไรเหมือนกัน คือไม่พอใจที่มันถาม หรือไม่พอใจคำถามของมันกันแน่!!!
“ไร้สาระว่ะ”
มันก็เป็นปกติที่ผมเคยได้ยินมาเกี่ยวกับเรื่องของแพรลีนที่เธอชอบยั่วมั่วเซ็กส์ แต่คือทุกทีที่ได้ยินเรื่องทำนองนี้ก็เฉย ๆ ไง แต่ทำไมวันนี้มันหงุดหงิดได้ก็ไม่รู้ สงสัยเพราะตื่นเช้าเกินแน่เลย!! เพราะยัยนั่นคนเดียว!
วันนี้ทั้งวันผมโคตรทรมานเลยเพราะช่วงบ่ายผมไม่มีเรียนเลยไม่มีอะไรทำเซ็งสุด ๆ ดีที่วิชาสุดท้ายของวันนี้ปล่อยเร็วหน่อย เลยมีเวลาออกมาสูดอากาศด้านนอก ไม่รู้ป่านนี้ยัยนั่นเรียนเสร็จรึยังด้วย
“อ่าว สวัสดีค่ะ พี่โลกันต์”
ผมหันไปมองตามเสียงใสๆ ที่เข้ามาทักผม เธอเป็นรุ่นน้องคณะแพทย์ที่น่ารักนิสัยดี ชอบเข้ามาทักผมบ่อย ๆ เวลาเจอกัน
“สวัสดีครับเม็ดนุ่น”
“โอ้ พี่โลกันต์จำชื่อนุ่นได้ด้วยหรอคะเนี่ย”
“ครับ”
เม็ดนุ่นเป็นผู้หญิงที่น่าตาน่ารักมากในสายตาผม เธอเรียบร้อยทั้งนิสัยและการแต่งตัวเลยล่ะเรียกว่าใกล้เคียงกับสเปคผมมาก ๆเมื่อเทียบกับยัยโรคจิตนั่นห่างไกลกันมากมาย
“แล้วนี่พี่โลกันต์รอใครอยู่หรอคะ?”
คำถามของเธอทำให้ผมตอบไม่ถูกเหมือนกัน จะว่าไงดีแพรลีนไม่ใช่เพื่อน คำว่าแฟนนี่ยิ่งห่างไกล จะว่าคนรู้จักก็ไม่เชิง ก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นแบบไหนเหมือนกัน
“รอฉันไง!”
แพรลีน!! ยัยนี่โผล่มาตอนไหนก็ไม่รู้แถมยังมาเกาะแขนผมซะแน่นเลย!
“นี่พี่โลกันต์รู้จัก แพรลีนด้วยหรอคะ”
“รู้จักดีซะด้วยแหละ!!”
ผมไม่ได้ตอบนะ ยัยโรคจิตตอบแทนผมต่างหาก….
“อ๊อ มิน่าละเห็นเธอมาป่วนเปี้ยนแถวนี้บ่อย ๆ ที่แท้ก็เป็นเพื่อนพี่โลกันต์นี่เอง”
เม็ดนุ่นยังคงพูดด้วยท่าทีสุภาพอ่อนหวาน รอยยิ้มอ่อน ๆ นั่นทำให้ผมอดที่จะยิ้มตอบไม่ได้ ใบหน้าของเธอไม่ได้แต่งแต้มสีอะไรมากนักดูเป็นธรรมชาติ ผิดกับคนข้าง ๆ ผมที่หน้าเต็มไปด้วยสีสันจัดจ้าน
“ฉันเป็นแฟนเขา”
แพรลีนพูดด้วยน้ำเสียงที่ชัดถ้อยชัดคำอย่างมั่นใจจนทำให้ผมอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้จริง ๆ
“ไม่ใช่”
“นาย!!”
“งั้นนุ่นขอตัวก่อนละกันนะคะ เอาไว้โอกาสหน้าค่อยคุยกันใหม่” เธอหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะตอบด้วยท่าทีที่ดูน่ารักน่าชัง ”ฉันไปก่อนนะ…แพรลีน”
ดูเหมือนทั้งสองคนนี้จะรู้จักกันมาก่อนดูจากทาท่าของแพรลีนที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรเท่าไหร่ พวกเขาคงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีต่อกันแน่ๆ
“รีบไปเลยไป๊”
ยัยนี่คงสะกดคำว่ามารยาทไม่เป็นแน่ ๆ ผมอดที่จะถอนใจออกมาไม่ได้ ผู้หญิงอะไรนอกจากขี้อ่อยแล้วยังมารยาทโคตรแย่
ทำตัวน่ารังเกียจขนาดนี้ยังมีหน้ามาทำตาเขียวใส่ผมอีกแน่ะ!!
“มองอะไร”
“นายรู้จักยัยนั่นด้วยหรอ”
“รู้จัก”
“สเปคนายเลยสิ!!”
“ใช่”
“นะ นายโลกันต์!!”
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมยัยโรคจิตต้องมาตะคอกผมด้วย ทั้งที่ผมพูดความจริงก็เม็ดนุ่นเป็นแบบที่ผมชอบนี่นา เพียงแต่ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับเธอก็เท่านั้นเอง
“หึงหรอ?”
“บะ บ้า ประสาทใครจะหึงนายไม่มีวันหรอก นายตะหากจะต้องมาหึงฉัน!!”
“ไม่มีวันหรอก”
อยากให้มาเห็นสีหน้าของเธอตอนนี้จัง ตาปูนอย่างกะไข่ห่าน ปากที่เคยสวยได้รูปตอนนี้เริ่มเบี้ยวไปมา นี่ถ้ามีมีดอยู่ในมือเธอคงพร้อมที่จะสับผมออกเป็นชิ้น ๆ แน่ความจริงยั่วยัยนี่ให้โมโหเล่นก็สนุกดีเหมือนกัน ปกติชอบเก็กหน้าสวยยั่วให้ทำหน้าบูดเบี้ยวบ่อย ๆ ท่าจะดี
ระหว่างทางกลับบ้านเธอไม่พูดกับผมเลยสักคน นั่นถือเป็นเรื่องดีเพราะผมก็ไม่อยากจะคุยอะไรมากแถมเบื่อที่จะได้ยินเสียแว๊ด ๆ ของเธอด้วย นั่งอยู่ในรถเงียบ ๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
เพราะเธอขับรถเร็วมากไม่นานนักพวกเราก็ถึงที่หมาย วันนี้เป็นวันศุกร์ซึ่งผมจะต้องเป็นคนทำกับข้าวให้ทุกคนในบ้านทานกันเป็นประจำ ทำไมต้องทำน่ะเหรอ…
เพราะพี่สาวตัวดีอยากจะให้พวกเราดูเหมือนครอบครัวแต่เธอดันทำอาหารไม่เป็น จะพึ่งไอ้โมกก็คงไม่ได้เรื่องราวนั้นกินอย่างเดียว ฉะนั้นหน้าที่นี้เลยตกเป็นของผมยังไงล่ะ
แต่ก็ไม่อะไรหรอกผมพอทำได้บ้างไม่ได้อร่อยเหาะระดับ 5 ดาวก็รสชาติก็ไม่ได้ขี้เหร่จนเกินไป และวันนี้ยัยแพรลีนก็จะได้ชิมฝีมือผมเป็นครั้งแรกด้วย
“ฉันไปทำงานก่อนนะ”
ผมหันไปมองตามเสียงเห็นเธอกำลังยืนพิงกำแพงอยู่ แต่ประเด็นคือบอกเพื่อ!!
เธอเดินมายืนก้มลงเท้าคางอยู่ที่เค้าท์เตอร์ข้าง ๆ ผม ทำให้เห็นชุดที่สวมใส่ได้อย่างชัดเจน เสื้อยืดแขนกุดตัวยาวถูกมัดขึ้นจนเห็นหน้าท้อง กางเกงยืนส์สั้นแค่คืบเดียว กับรองเท้าสีแดงสูงปรี๊ด
ให้ตายเหอะเห็นแล้วโคตรหงุดหงิด!
“แต่เดี๋ยวฉันจะกลับมาเล่นงานนายต่อแน่ไม่ต้องห่วง”
พูดจบเธอก็รีบเดินออกไปอย่างร้อนรน แล้วคือจะกลับมาเล่นงานอะไรผมวะ!! ยัยโรคจิตชอบสำคัญตัวผิดสงสัยจะยังไม่เข็ดยัยนี่ด้านทนเกินไปใช้คำพูดอย่างเดียวคงไม่เข้าสมองน้อย ๆ ของเธอละมั้ง!!
ผมก้มลงทำอาหารตรงหน้าต่อ เธอจะไปไหนทำอะไรมันก็เรื่องของเธอนี่หว่า ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกันสักหน่อย ดีซะอีกจะได้ไม่ต้องมีคนมาวุ่นวาย อีกอย่างคืนนี้เธอคง ‘มีคิวเยอะ’ จนไม่มีเวลามาป่วนผมแน่นอน!!