วนเวียนอยู่ใกล้ ๆ ใช้ลมหายใจร่วมกัน
‘หนังสือหรอ?....’
ฉันกรีดนิ้วเรียวสวยลูบไล้ไปที่สันหนังสือไปมาอย่างตั้งใจ นายโลกันต์คนนั้นทิ้งของต่างหน้าเอาไว้หลังจากที่ได้พ่นคำพูดดูถูกสาวมั่นหน้าอย่างฉันเอาไว้มากมาย
บอกเลยไม่ปลื้มค่ะ!!
ฉันพยายามเก็บซ่อนอารมณ์เอาไว้อย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ริ้วรอยแห่งความโมโหแสดงออกมาทางสีหน้า ไม่เช่นนั้นฉันคงต้องไปเข้าคอร์สหน้าตึงอีกรอบแน่ ๆ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนพูดมากนักแต่หากเขาได้เปิดปากเมื่อไหร่ละก็ มีแต่คำที่สุดแสนจะเจ็บแสบกระแทกตับจนฉันไม่อาจที่จะนิ่งเฉยได้
“ไงยะ โดนพี่หมอตอกหน้ายับมาเลยหรออ” ยัยเนเน่ทำหน้ายิ้มระรื่นเหมือนพร้อมจะทับถมฉันเต็มที่
“ดูท่าทางเย็นชาขนาดนั้น จะรักษาใครเป็นด้วยหรอนั่น”
มารีนถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัยเล็กน้อย ซึ่งฉันเองก็คิดไม่ต่างจากหล่อนหรอก…
“ก็เรียนไว้รักษาตัวเองไง นายนั่นแหละที่มีอาการทางจิตไม่ใช่ฉัน โอ๊ยย!! อยากจะกรี๊ดให้ไส้ติ่งแตกจริงๆ”
“โอ๊ยย พอกันแหละย่ะ ทั้งเขาทั้งหล่อนดีเลย รักษากันไปแล้วก็….กันไปด้วย แอร๊ยแค่คิดก็ฟินแล้วแก”ระหว่างที่นังกระเทยควายกำลังจิ้นนางก็เอานิ้วชี้ทั้งสองข้างมาประกบกันเพื่อประกอบท่าทางไปด้วย…
รักษาหรอ….
ถ้าฉันยอมรับว่าตัวเองเป็นโรคจิตอ่อน ๆ นายนั่นอาจจะยอมให้ฉันเข้าใกล้มากขึ้นก็ได้!!
“ฉันรู้วิธีเด็ดในการเข้าใกล้นายนั่นแล้วแหละ!!” ฉันยิ้มกระหย่องให้กับเพื่อนสาวทั้งสองที่กำลังทำหน้าสงสัยอยู่ว่าฉันมีแผนการร้ายอะไรในใจ
นายเสร็จฉันแน่โลกันต์!!
ทันทีที่ถึงห้องพักฉันก็จัดการคิดแผนขึ้นมาเพื่อให้ได้เข้าใกล้โลกันต์มากขึ้นให้มันรู้กันไปว่าใครจะแน่กว่ากัน แพรลีนคนนี้ถ้าได้สู้แล้วล่ะก็ไม่มีถอยแน่นอน ยอมรับเลยว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่มีผู้ชายคนไหนที่ฉันอยากจะเอาชนะมากขนาดนี้มาก่อน
หากมองข้ามความเย็นชาและร้ายกาจของนายนั่นไป ถือว่าโลกันต์เป็นผู้ชายที่หน้าตาดีเวอร์หุ่นเป๊ะแถมยังมีอนาคตไกลเป็นถึงว่าที่คุณหมอ ผู้ชายสุดเพอเฟคแบบนี้หาไม่ง่ายเลยในปัจจุบัน คงจะไม่แปลกที่มีสาว ๆมาติดพันเยอะ นั่นก็รวมถึงฉันด้วยแหละ แต่เหตุผลนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง
บอกเลยว่าฉันไม่ได้มีความพิศวาสในตัวเขาเลยสักนิดตรงกันข้ามที่แต่ความอยากจะเอาชนะ ความรักสำหรับฉันมันไม่มีหรอก ซึ่งก็ถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่งเพราะฉันสามารถปั่นหัวใครก็ได้โดยที่ฉันไม่รู้สึกอะไร ครั้งนี้ก็เช่นกันเมื่อฉันเป็นฝ่ายชนะเมื่อไหร่ นายโลกันต์ได้เตี้ยจมดินแน่!!
ดังนั้นวันนี้ฉันจึงเข้านอนอย่างมีความสุขโดยที่ไม่ลืมพอกหน้าทิ้งไว้สวย ๆ ก่อนนอน เพราะวันนี้เผลอทำหน้าเหี่ยวหน้าย่นไปหลายครั้ง หากมีรอยตีนกาขึ้นมาละก็ฉันคงช็อคมากแน่ ๆ เกิดมาสวยใช่ว่าจะไม่ต้องดูแลตัวเองหนิจริงมั้ย
คณะแพทย์ 9.00น
วันนี้ฉันมีเรียนบ่ายตัวเดียวแต่ที่ต้องรีบมาแต่เช้าเพราะต้องมาดักรอ ‘เหยื่อ’ ที่หน้าคณะแพทย์ บอกตรง ๆ ว่าฉันไม่ค่อยอยากจะมาที่นี่เท่าไหร่นักเพราะยัยเม็ดนุ่นเรียนอยู่ตึกนี้เช่นกัน
ฉันยังจำได้ดีว่าครั้งล่าสุดที่เราเจอกันมันเป็นยังไง ยัยนั่นทำฉันประสาทแตกด้วยท่าทีหยิ่ง ๆ แบบไฮโซ ฉันนี่อยากจะถลกหนังหน้าหล่อนออกมาเพราะใส่หน้ากากไว้ตลอดแบบนั้นคงอึดอัดน่าดู
ฉันกำลังอารมณ์เสียขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมงแล้วก็ยังไม่เจอโลกันต์สักที เพราะฉันรู้ว่าเขามีเรียนเช้านี้เลยรีบมารอ แต่นี่อะไรคงโดดเรียนสิท่า ถ้าจำไม่ผิดยัยเนเน่เคยบอกว่าเขาไม่ค่อยจะมาเรียนสักเท่าไหร่ด้วย….
โอ๊ย!! ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดให้ตายสิ ฉันลดศักดิ์ศรีตัวเองขนาดไหนเพื่อมารอตาบ้านั่นเกิดมาไม่เคยทำให้ใครขนาดนี้มาก่อนนะพูดเลย!! เขาควรจะรีบ ๆ ยอมฉันแต่โดยดีด้วยซ้ำ!!
แม้ว่าระหว่างที่รออยู่จะมีหนุ่ม ๆ เดินมามองหรือส่งสายตาที่แสดงออกว่าสนใจฉันเป็นพิเศษ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ดีกรีความร้อนในใจมันลดลงได้เลย ปกตินักเรียนแพทย์เขาจะขยันเรียนเข้าคลาสไม่เคยคาดนี่นา ยิ่งโลกันต์อยู่ปี 4 แล้วด้วยคงต้องเริ่มขึ้นวอร์ดบ้างแหละ
เอ๊ะหรือตานั่นจะมาเฉพาะขึ้นวอร์ดนะ แล้วมันวันไหนกันล่ะ!!
หลังจากที่ฉันพยายามนั่งรอโลกันต์อย่างใจเย็น จนแล้วจนรอดก็ได้เวลาที่ฉันต้องไปเข้าคลาสนี่ฉันรอมา 4 ชั่วโมงเลยนะ!! ไปบอกใครเขาอายตายเลย แพรลีนนั่งรอผู้ชายได้ตั้งนาน!! หมดกันศักดิ์ศรีบ่นปี้เพราะตานั่นคนเดียว
ฉันเดินหน้าบอกบุญไม่รับกลับมาที่คณะเพื่อเรียนวิชาเดียวของวัน!!
“ทำหน้าแบบนี้รอเก้อชัวร์ ใช่มั้ย” หลังจากที่ฉันเข้ามานั่งในห้องเลคเชอร์มารีนก็รีบถามขึ้นอย่างไว ฉันเพลียเกินกว่าจะตอบเลยพยักหน้าให้อย่างเซ็ง ๆ
“ก็ฉันบอกแล้ว ฮีไม่ค่อยมาเรียนหรอก”เนเน่รีบพูดเสริมขึ้นมาทันทีเหมือนรออยู่นาน
“แกรู้ตารางขึ้นวอร์ดของพวกปี 4 บ้างมั้ยมารีน?” ฉันหันไปถามด้วยสีหน้าคาดหวังเต็มที่เพราะไม่มีอะไรที่เพื่อนรักฉันไม่รู้ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้
“ก็พอรู้จักรุ่นพี่อยู่นะ เดี๋ยวลองไปถามมาให้”
“แหม ถามไปก็เท่านั้นแหละแก ก็บอกแล้วว่าฮีอินดี้ วอร์ดเวิร์ดไรก็ไม่ค่อยมาหรอก” เนเน่ขัดขึ้นมาทันที
“ไม่มาแล้วจะจบได้ไง?”
“แหมหล่อนไม่ทันไรก็เป็นห่วงเขาซะละ”
ห่วง….? ยัยเนเน่สงสัยสติเพี้ยนไปแล้วแน่ ๆ!!
“ห่วงอะไร แค่สงสัยย่ะ” ฉันหันไปบอกยัยเพื่อนจอมแซวก่อนจะหันมาถามมารีนอีกครั้ง “วานแกอีกอย่างสิ ช่วยสืบที่อยู่ตานั่นมาให้หน่อย”
“นี่แกเอาจริงหรอ?” มารีนถามฉันกลับบ้าง
มาถึงขั้นนี้แล้วต่อให้ไปเจอที่มหาวิทยาลัยฉันก็จะตามไปหลอกหลอนเขาที่บ้านเลย ทุกที่ที่เขาอยู่จะต้องมีฉันวนเวียนอยู่ใกล้ๆ
“รีบ ๆ สืบเข้าล่ะ ฉันใจร้อน…”
แผนแรกของฉันคือทำให้เขาเห็นฉันให้มากที่สุดไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม นายนั่นจะเกิดความเคยชินที่มีฉันคอยวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ โดยไม่รู้ตัว เขาคงไม่รู้ว่าตอนนี้….นอกจากฉันมั่นหน้าแล้วยังหน้าด้านอีกด้วย!!
หลังจากนั้นไม่กี่วันฉันก็ได้ตารางขึ้นวอร์ดของโลกันต์มาไว้ในครอบครองคราวนี้แหละ ซึ่งเป็นวันนี้พอดีฉันเลยไม่รีรอที่จะไปยืนชะเง้อมองอยู่หน้าตึก เป็นตายยังไงวันนี้ฉันก็ต้องเจอนายให้ได้โลกันต์!!
ในตารางบอกว่าเขาขึ้นวอร์ดจนถึงบ่ายสามโมงและต้องเข้ามาที่คณะก่อน ก็ราว ๆ เกือบสี่โมงเย็น แต่เพื่อไม่ให้พลาดฉันเลยมารอตั้งแต่บ่ายสองโมง บอกตรง ๆ ว่าเกิดมาไม่เคยรอใครนานขนาดนี้มาก่อน ระหว่างรอก็มองบรรยากาศรอบ ๆ ไปด้วยคณะแพทย์ค่อนข้างเงียบไม่เอะอะมะเทิ่งเหมือนคณะฉันเลย ดูแต่ละคนเป็นผู้ดี๊ผู้ดี
หลาย ๆ คนมองฉันด้วยสายตาสงสัย สาวผมแดงแต่ตัวจี๊ดซะขนาดนี้มานั่งทำอะไรที่คณะแพทย์ แน่นอนว่าพวกเขาคงไม่ได้มองว่าฉันมาเรียนแพทย์หรอกสไตล์ฉันมันห่างไกลคำนั้นมาก ๆ
เพราะรอนานเกินไปฉันเลยหยิบหนังสือที่เขาลืมไว้ขึ้นมาเปิด ๆ ดู ในนี้บรรยายถึงลักษณะของคนที่เป็นโรคจิตซึ่งก็มีหลายประเภทด้วยกัน จะว่าไปเจ้าหนังสือเล่มนี้ก็มีประโยชน์เหมือนกัน เพราะสามารถทำให้ฉันเล่นตามบทได้แนบเนียนขึ้น ก็จะอะไรซะอีกถ้าไม่ใช่บทคนโรคจิตอ่อน ๆ ที่ชอบอ่อยเพศตรงข้ามน่ะ….แค่คิดก็สนุกจนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้เลยล่ะ
และแล้วเวลาที่ฉันรอคอยก็มาถึง โลกันต์เดินหน้าหล่อออกมาจากคณะ เป็นโอกาสให้ฉันเข้าไปเล่นบทโรคจิตกับเขาได้อย่างพอเหมาะพอเจาะมาก เขาดูอึ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นฉันเดินตรงเข้าไปหา แต่เพียงแค่แว็บเดียวเท่านั้นแหละเพราะนายโลกันต์รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเหมือนไม่อยากเห็นฉันอย่างนั้นแหละ
โถ่ ทำเก็กไปเถอะเดี๋ยวแม่จะอ่อยให้อายเลยคอยดู!!
“สวัสดีค่ะ ว่าที่คุณหมอออ…โลกันต์”
เขามีท่าทีตกใจมาก(แต่ก็ยังคงนิ่งอยู่) เมื่อฉันเดินเข้าไปกราบงาม ๆ ที่อกของเขา จากนั้นฉันก็อ้อยอิ่งอยู่ที่บริเวณปกเสื้อมือก็ลูบไล้ไปมา จนโลกันต์ต้องปัดมือฉันออกก่อนที่คนจะมองไปมากกว่านี้
“มีอะไร”
เขาถามสั้น ๆ พร้อมกับมองไปทางไหนก็ไม่รู้ เฮอะไม่อยากมองหน้าฉันขนาดนั้นเลยหรอมันต้องเจออย่างนี้!!
”ไม่เคยมีใครบอกหรอกว่า เวลาคุยกัน…..” ฉันใช้มือทั้งสองข้างประคองหน้าของเขาให้หันมา “ต้องมองหน้าอีกฝ่ายด้วย” ฉันจงใจยืนหน้าเข้าไปใกล้ ๆ จนหน้าของเราแทบจะติดกันอยู่แล้ว แววตาของเขายังคงนิ่งเฉยเหมือนเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับสถานการณ์อย่างนี้
โลกันต์ปัดมือของฉันออกอย่างไม่แยแส ตอนนี้ฉันรู้สึกอยากจะพ่นไฟใส่เขาจริง ๆ!!
“มาทำไม?” โลกันต์ถามขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยราวกับกระดาษ
“เอาหนังสือมาคืน แล้วก็….มาให้ว่าที่คุณหมอรักษา”
คำพูดของฉันทำให้เขาหันกลับมามองอีกครั้งพร้อมทั้งรับหนังสือที่ฉันยื่นให้ แต่มีหรอที่ฉันจะปล่อยง่าย ๆ ฉันยื้อหนังสือเอาไว้พร้อมทั้งทำหน้ายั่วยวนใส่ แทนที่เขาจะหลงกลกลับดึงหนังสือไปหน้าตาเฉย ด้วยแรงที่เยอะกว่าทำให้ฉันต้องปล่อยของออกไปจากมือ
บ้าจริง!! ไอ้หมอบ้าพลังจอมเย็นชา!!
มีใครเคยบอกเขามั้ยว่า เขาเป็นมนุษย์ที่เย็นชามากที่สุดในโลกเลย หรือว่าเขาจะตายด้านนะ ผู้ชายที่ไหนกันที่ไม่หลงความสวยรวยเสน่ห์ของฉัน!! หรือเขาจะไม่ชอบผู้หญิงนะ….??!!
ระหว่างที่ฉันกำลังวินิจฉัยพฤติกรรมของเขา อยู่ ๆ เขาก็เดินหนีไปดื้อ ๆ ซะงั้น แหม นอกจากเย็นชาแล้วยังอินดี้อีก ฉันจะประสาทกินก็เพราะเจอผู้ชายแบบเขานี่แหละ!! แต่ยี่ห้อแพรลีนซะอย่างจะให้ยอมง่าย ๆ ได้ไงกัน ไม่รู้ละเขาไปไหนฉันไปด้วย อุส่าห์ดักรอมาหลายวันฉันจะไม่ยอมให้ความพยายามครั้งนี้ศูนย์เปล่าหรอก!!
โลกันต์เดินนำมาที่ห้องสมุดซึ่งอยู่ไกลจากคณะแพทย์พอสมควร ไม่อยากจะบอกว่าเมคอัพสวย ๆ ของฉันแทบจะละลายไปตามแสงแดดยามบ่าย อากาศร้อนตับจะแตกเหงื่อเริ่มซึมออกมาทางร่างกาย ปกติแล้วฉันจะไม่เดินไกล ๆ แบบนี้หรอก ทั้งร้อนทั้งเหนื่อยถ้าไม่ติดว่าตามนายโลกันต์ละก็ฉันไม่มีทางทำแบบนี้เด็ดขาด
ไม่รู้เขาจงใจแกล้งกันหรือเปล่า ก็เล่นหาที่นั่งซะในสุดฉันนี่แทบจะหมดแรงย้วยไปตามเก้าอี้ที่นั่งเลย แม้ว่าในห้องสมุดจะมีแอร์แต่ก็ไม่ทำให้ฉันเย็นขึ้นสักนิด ผิดกับนายโลกันต์ที่ดูแสนจะปกติไม่มีเหงื่อซึมให้เห็นแม้แต่น้อย ยิ่งใบหน้านี่เนียนกริบเห็นแล้วหมั่นไส้จริง ๆ เชียว
โลกันต์นั่งมองฉันนิ่ง ในขณะที่ฉันกระสับกระส่ายไปด้วยความร้อน….
“ตามมาทำไม?” เขาถามพลางนั่งกอดอกหลังพิงเก้าอี้สงสัยคงเป็นสไตล์ของเขาไปแล้ว
“ก็มาให้คุณหมอรักษาไง” ฉันต้องด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเพราะร้อนเอามาก ๆ
“ไม่ใช่หมอ”
โลกันต์ตอบสั้น ๆ แล้วก็หลับตาลงคล้ายกับกำลังอยากจะผ่อนคลายหรือบางทีอาจจะไม่อยากเห็นหน้าฉันก็ได้เลยหลับตาซะเลยเขาเริ่มเอนตัวพิงกับผนังเพื่อหาที่ยึดศีรษะ
“ที่นี่เขาเอาไว้อ่านหนังสือนะไม่ได้มีไว้ให้งีบ”
“แล้วไง” เขาตอบทั้งที่ไม่ได้ลืมตา
“นายง่วงหรอ?”
“ใช่”
เขาบอกว่าง่วง!! ดีล่ะนายโลกันต์ฉันจะถามให้ยับเลย นายจะได้ไม่มีสิทธิ์งีบหลับ ผู้ชายประหลาดมารยาทยอดแย่ต้องเจอแกล้งซะบ้างถึงจะเข็ด
“โลกันต์”
“อืม”
ฉันเรียกชื่อเขาซ้ำๆ เป็นระยะๆ เขาก็ตอบทุกครั้งที่ฉันเรียกชื่อแต่ดูเหมือนเขาจะเริ่มเคลิ้มแล้วล่ะ เรื่องอะไรจะยอมให้หลับ…
“ทำไมนายพูดน้อยจัง” ฉันถามคำถามกับเขาอีกครั้ง บอกแล้วไม่ยอมให้นอนง่ายๆ
“เป็นเพราะเธอพูดมากตะหาก”
ฉันเชื่อแล้วว่าเขาเป็นมนุษย์ที่พูดน้อยต่อยหนักจริง ๆ คือแต่ละคำที่ตอกกลับมามันช่างกวนประสาทฉันนั้นอยากจะกรี๊ดให้ลั่นห้องสมุด แต่ก็ทำได้เพียงแค่เก็บอารมณ์เอาไว้ก่อน ต้องใจเย็นเข้าไว้นายนี่ก็แค่อยากจะให้ฉันไปจากเขาเร็ว ๆ ถ้าฉันปรี๊ดแตกก็เข้าแผนเขาน่ะสิ!!
“แล้วนายชอบผู้หญิงแบบไหนล่ะ?”
คำถามนี้ทำให้โลกันต์ลืมตาขึ้นมามองฉันด้วยสายตาที่ราบเรียบเช่นเคยจะมีสักครั้งมั้ยนะ ที่เขามองฉันด้วยสายตาที่ต่างออกไป….
“แบบที่….ไม่ใช่เธอ!!!”
“แล้วมันแบบไหนล่ะ!!”
ฉันไม่ยอมที่จะหยุดถาม ถ้าไม่ใช่แบบฉันเขาก็ควรจะอธิบายมันออกมาว่าเป็นแบบไหนจริงมั้ย? โลกันต์จ้องฉันนิ่งเหมือนกำลังคิดอยู่ว่าผู้หญิงแบบไหนที่เขาชอบ….
“สวยหวาน เรียบร้อยทั้งการแต่งตัวและกิริยามารยาท ซึ่งห่างไกลจากคำว่า ‘แพรลีน’ มากเข้าใจมั้ย?”
เข้าใจแจ่มแจ้งเลยล่ะค่ะ!!
ฉันเข้าใจดีถึงการเป็นกุลสตรีสวยหวานที่อ่อนต่อโลก และฉันจะไม่มีทางกลับไปเป็นคนนั้นอีกเด็ดขาด คนที่โดนหักหลังอย่างเลือดเย็น ฉันไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนตัวเอง ฉะนั้นฉันจะเปลี่ยนเขาให้มาชอบคนอย่างฉันให้ได้เลยคอยดูเถอะ
เป็นเวลาเกือบสิบนาทีที่ต่างคนต่างเงียบ นายโลกันต์ยังคงนั่งหลับตานิ่งไม่ไหวติง มีเพียงฉันที่ยุกยิบไปมาอยู่ไม่สุข ก็แหม…เวลานั่งเฉยๆ แล้วมันเบื่อนี่นา ปกติแล้วฉันเป็นพวกอยู่นิ่งไม่ค่อยได้
เขาว่ากันว่าเวลาคนเราถูกจ้องมักจะรู้ตัว คงต้องขอลองทฤษฏีนี้สักหน่อยแล้ว!
ฉันจ้องมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขา เวลาที่หลับตาอย่างนี้เผยให้ขนตายาวปิดคลุมมาถึงด้านล่าง ทำให้รู้สึกเขาหน้าหวานมาก ผิดกับตอนลืมตาลิบลับเพราะสายตาคม ๆ นั่นให้ความรู้สึกลึกลับอย่างประหลาด แต่ไม่ว่าจะหลับหรือตื่นก็ดูหล่อไม่แพ้กันเลย…
คนอย่างเขานี่ดูเหมือนเย็นชาเกินไปที่จะเรียนหมอด้วยซ้ำ ไม่รู้โดนบังคับมาเรียนรึเปล่าเห็นโดดเป็นว่าเล่น แต่นายนี่คงเส้นใหญ่ไม่เบา เพราะถ้าเป็นคนอื่นมีพฤติกรรมแบบนี้คงโดนดีดออกจากมหาวิทยาลัยไปแล้วแน่…
“มองอะไรนัก”
นั่นแสดงว่าทฤษฏีนี้ได้ผล!! เขาพูดขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ลืมตาด้วยซ้ำ
“ทำไม…นายไม่ค่อยมาเรียนล่ะ?” ฉันซักถามข้อสงสัยขึ้นทันที จริง ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจำเป็นต้องรู้หรอกนะ แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน….ฉันอยากรู้จักเขาให้มากกว่านี้
“……”
“นายไม่ห่วงอนาคตตัวเองบ้างหรือไง หรือไม่มี?”
ฉันรอให้เขาตอบแต่ก็เขา ถ้าเขาไม่เห็นแก่ตัวเองก็ควรจะเห็นแก่คนที่อยู่ข้างหลังเขาบ้าง อุส่าห์ส่งให้เรียนหมอกลับมาทำตัวไม่เอาไหน….
“เอาเวลาที่วิเคราะห์ตัวฉัน ไปดูแลตัวเองเถอะ”
โลกันต์ทำสายตาขุ่นเขียวใส่ฉัน แม้เขาจะไม่ค่อยพูดแต่สีหน้าเขาพูดแทนหมดแล้วว่าไม่พอใจที่ฉันเข้าไปล้ำเส้น
“ฉันดูแลตัวเองดีอยู่แล้วนายไม่เห็นหรอ?”
ฉันลุกขึ้นยืนโพสท่าอวดหุ่นสวยที่แสนจะภูมิใจ เพราะฉันน่ะดูแลรูปร่างและหน้าตาอย่างดีเสมอ เรื่องนี้เขาเถียงฉันไม่ได้หรอก! แต่เหมือนฉันเข้าใจผิดในสิ่งที่เขาสื่อสาร โลกันต์ถอนหายใจเฮือกใช้แล้วเอานิ้วขึ้นมาชี้ที่หัว…
“หมายถึงตรงนี้ตะหาก!”
ฉันแทบจะหุบยิ้มในทันทีที่เขาพูดจบ อิตาบ้านี่ว่าฉันปัญญาอ่อนหรอ!! คิดหรอว่าคนอย่างฉันจะยอมแพ้
“ฉันอาจจะสมองไม่ปกติจริง ๆ อย่างที่นายว่านะ ฉะนั้นนายต้องรักษาฉันอย่างจริงจังแล้วล่ะ” ฉันแสร้งยอมรับตีหน้าซื่อใส่โลกันต์ เอาสิให้มันรู้กันไปว่าใครแน่กว่ากัน!!
โลกันต์เอนตัวมาข้างหน้าแล้วยกยิ้มใส่ฉัน เขาจ้องหน้าฉันนิ่ง โดยที่ฉันก็จ้องตอบอย่างไม่หวั่นเช่นกัน….
“อย่างเธอคงรักษายากนะ แค่ผู้ชายเดินผ่าน…อาการก็กำเริบแล้ว”
กรี๊ดดดดดดดดด!!!
ฉันอยากจะเอาเล็บสวย ๆไปกรีดหน้าผู้ชายปากปลาร้าคนนี้จริง ผู้ชายอะไรหยาบคายปากเสีย ฉันต้องขบฟันไว้แน่นเพื่อสะกดอารมณ์ไว้ ในขณะที่เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างสบายใจที่ตอกกลับฉันได้อย่างเจ็บแสบ นับว่าแน่มากดีล่ะโลกันต์แบบนี้นายกับฉันได้สนุกกันอีกนานแน่ ๆ
ฉันลุกขึ้นเดินเพื่อเดินไปนั่งข้าง ๆ โลกันต์ที่ตอนนี้เขากำลังมองฉันอย่างไม่เข้าใจในท่าที คงต้องถึงบทอ่อยอย่างจริงจังแล้วสินะ!!
เนื่องจากในมุมที่เราสองคนนั้นไม่ค่อยมีคนและห่างไกลจากสายตาประชาชีฉันจึงเล่นบทนี้ได้สะดวกนัก ฉันเอี้ยวตัวเข้าหาเพื่อที่จะได้คล้องแขนได้สะดวก ส่วนอีกมือข้างก็วางทาบหน้าอกที่แข็งแกร่งดั่งหินของเขาเอาไว้….
“อาการฉันกำเริบแค่ตอนอยู่กับนายเท่านั้นแหละ” ฉันกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูโลกันต์
เขานิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะหันมามองฉันด้วยสายตาที่ว่างเปล่า…
“ฉันเป็นคนไม่ชอบพูด…แต่ชอบทำ!!”
ทะ….ทำอะไร!! ฉันเบิกตากว้างมองเขาที่ตอนนี้กำลังล็อคแขนทั้งสองข้างของฉันไว้แน่น พร้อมกับเอนตัวเข้ามาใกล้จนแทบจะร่างกายแทบจะติดกัน
พลัก!!
แม่เจ้า!! เขาผลักฉันออกอย่างแรงจนไม่สนว่าฉันจะตกเก้าอี้หรือเปล่า หยาบช้าป่าเถื่อนที่สุดเขาเดินไปไม่คิดจะหันกลับมามองด้วยซ้ำ อร๊ายยยยยยอยากจะกรี๊ดให้ห้องสมุดแตกเลยค่ะตอนนี้ เหอะ!! ได้ใจไปก่อนเถอะเดี๋ยวค่อยดูแม่จะเอาคืนให้เจ็บแสบเลย!!