ดอกไม้...
...เพราะชูช่อจึงงดงาม
...เพราะบอบบางจึงงดงาม
...เพราะบริสุทธิ์จึงงดงาม
แสงจันทร์นวลผ่องสาดต้องร่างบอบบางที่หยุดยืนตากน้ำค้างอย่างไม่กลัวเกรงจะเจ็บปวดในสวนสวย สายลมเย็นยามฤดูใบไม้ผลิพัดเอาเส้นผมสีดำขลับราวปีกกาที่ยาวสยายจรดบั้นเอวซึ่งส่วนหนึ่งถูกม้วนรวบมวยขึ้นด้วยหวีสีน้ำตาลประดับลายดอกท้อให้พลิ้วไหวตัดกับผืนผ้ากิโมโนสีแดงสด นัยน์ตาเรียวแต่งแต้มเครื่องสำอางแต่พองามทอดเหม่อไปไกล มันฉายแววขุ่นมัวเสียจนไม่ควรคู่กับดวงหน้าหวานเอาเสียเลย
และแน่นอนว่ามันสร้างความไม่พอใจให้เกิดขึ้นกับผู้มองได้อย่างไม่ยากเย็น
"พี่จินฮวาน"
เจ้าของชื่อหันขวับกลับไปหาที่มาของเสียงทุ้มนุ่มที่พาให้หลงใหล คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันโดยไม่คิดปิดบังอารมณ์ตามที่ได้รับการฝึกสอนมาตลอดหลายปี
"มีอะไรยุนฮยอง" กระทั่งน้ำเสียงใสกระจ่างที่เอื้อนเอ่ยก็ยังห้วนสั้นไม่น่าฟัง
ยุนฮยองก้าวลงจากชานบ้านตรงเข้าไปหาคนสูงอายุกว่าทว่ากลับทำตัวเหมือนเด็ก กิโมโนสีม่วงเข้มขยับไหวตามท่วงทำนองยามเหยียบย่าง พลางมือเรียวเอื้อมดึงปิ่นไม้ที่ม้วนมวยเรือนผมสีรัตติกาล ปล่อยให้มันทิ้งตัวลงเคลียเอวบอกให้รู้ว่าคืนนี้เขาไม่คิดจะรับแขกอีกแล้ว
ร่างโปร่งหยุดยืนเมื่อถึงระยะที่พอใจ ดวงตากลมโตเหมือนลูกแก้วกลับทอแสงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เรียวปากแดงขยับแย้มยิ้มบางขัดกับคิ้วเข้มซึ่งขมวดมุ่น
"เข้าไปข้างในไม่ดีกว่าเหรอครับ ออกมายืนตากน้ำค้างแบบนี้จะป่วยเอานะ"
น้ำคำแฝงความเป็นห่วงอย่างชัดเจนพาให้ใจคนฟังกระตุก ถึงกระนั้น จินฮวานกลับเชิดหน้าขึ้นมองสบประสานสายตา
"ฉันไม่มีงาน ถ้าจะออกมารับลมเสียบ้างก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรนี่"
เป็นความจริงที่คิมจินฮวานว่าง และมีทีท่าว่ามันจะเป็นอย่างนั้นไปทั้งคืน สาเหตุหลักไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นเพราะซงยุนฮยอง ชายหนุ่มรุ่นน้องที่กำลังส่งยิ้มบางให้เขาอยู่นี่อย่างไรเล่า
เขาเพิ่งถูกแย่งลูกค้าไปต่อหน้าต่อตาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนนี้เอง ทั้งที่อายุมากกว่าแต่กลับต้องรั้งตำแหน่งที่สองมาโดยตลอดมันน่าหงุดหงิดน้อยเสียเมื่อไหร่
"พี่ควรเข้าไปข้างในได้แล้ว" ยุนฮยองยังคงยืนยันเจตนาเดิม นัยน์ตาคู่โตกลับหรี่ลงน้อยๆยามทอดมองดวงหน้าหวาน มันแฝงความรู้สึกหลากหลายปนเปเสียจนยากเกินกว่าจะตีความให้กระจ่างได้ทั้งหมด ทว่าสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนโดดเด่นคือความลึกซึ้งซึ่งถูกถ่ายทอดออกไป "ถ้าไม่สบายขึ้นมาพี่จะไม่เหลือแรงแม้แต่จะชิงเอาแขกคืนจากผมนะครับ"
ยุนฮยองรู้ดีว่าที่ทำอยู่นี้ไม่ต่างจาการหลอกเด็ก ทว่าน่าแปลก คิมจินฮวานกลับยอมโอนอ่อนตามเสียทุกครั้ง
ร่างเล็กยอมกลับขึ้นไปยังชานบ้าน หลบเข้าใต้หลังคากระเบื้องซึ่งยื่นล้ำออกมา ก่อนจะผละก้าวย่างจากไปโดยไม่คิดหันมองคนอายุน้อยกว่าที่ถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง
ยุนฮยองระบายยิ้มอ่อนจาง ทอดมองตามแผ่นหลังบางที่เพียงครู่เดียวก็ลับหายไปจากมุมทางเดินของอาคารหนึ่งในกลุ่มเรือนหมู่ที่ตั้งแวดล้อมด้วยกำแพงสูงลิบลิ่วและสวนกว้างขวาง แบ่งแยกตัวเองออกจากร้านอื่นที่รายล้อม
เรียวเท้างามย่ำเหยียบผ่านผืนหญ้า พาเจ้าของกลับเข้าไปใต้หลังคาพลางกดมือลงบนหัวไหล่ซ้าย บิดน้อยๆเพื่อคลายอาการเจ็บตึงที่ได้รับเพราะแขกคนก่อนหน้า
ตัวเขาและคิมจินฮวานเป็นคนต่างชาติเพียงไม่กี่คนในเขตโยชิวาระ ย่านโคมแดงแห่งเมืองหลวงเกียวโต แม้จะถูกปฏิบัติอย่างดีในฐานะโอโชคุ นางคณิกาที่ได้รับความนิยมชมชอบสูงสุด กระนั้นก็ยังเห็นได้ถึงเส้นแบ่งซึ่งขีดกั้นระหว่างคนในและคนนอก สังเกตได้จากแขกมากหน้าหลายตาที่เขาบริการซึ่งมักจะลงเอยด้วยการทิ้งร่องรอยแห่งความทรงจำไว้เสมอ
ยุนฮยองตรงออกไปยังส่วนรับแขกที่ด้านหน้า เจตนาเพียงเพื่ออยากรู้ว่าชายหนุ่มร่างเล็กคนนั้นยังมีความพยายามจะรับลูกค้าอีกหรือไม่ แว่วเสียงกระซิบชื่นชมระคนหมั่นไส้ลอยกระทบหูตลอดทาง ทั้งจากนางคณิกาด้วยกันเองรวมไปถึงพวกเด็กฝึกหัดก็ด้วย เพียงแต่เขาชินเสียแล้ว สิ่งเดียวที่จะสร้างความขุ่นเคืองใจให้เขาได้มีเพียงเรื่องของคิมจินฮวานเท่านั้น
ชายหนุ่มชะงักเท้าเมื่อพบเข้ากับแขกคนคุ้นเคยที่กำลังเดินสวนมาพร้อมคนตัวเล็กเจ้าของใบหน้าแสนหวานที่เพิ่งถูกเขาไล่ให้เข้ามาในอาคารเมื่อครู่ เรียวปากแดงจึงขยับทักทายไปอย่างคนอัธยาศัยดี
"คุณฮันบิน วันนี้มาเร็วจังนะ"
ฮันบินยกยิ้มกว้างรับคำ ค้อมหัวลงน้อยๆในขณะที่มือโอบไหล่แคบของคนข้างกายเอาไว้
"เป็นเกียรติจริงๆที่เจ้าหญิงจำผมได้"
ยุนฮยองยกมือขึ้น ชายแขนเสื้อตกลงปิดปากยามหัวเราะ ท่วงท่าสง่างามไม่ต่างจากตำแหน่งเจ้าหญิงที่แขกเหรื่อพากันแต่งตั้ง
คิมฮันบินเป็นพ่อค้ารายใหญ่จากเกาหลี ทุกครั้งที่เขานำสินค้าเข้ามาส่งตามใบสั่งเป็นมีอันต้องแวะเข้ามาเยี่ยมเยียนเรือนดอกไม้งามแห่งนี้ไม่เคยขาด และเรียกหาจินฮวานเป็นประจำ
"คุณคือแขกคนสำคัญของเรานี่ครับ ถ้าจำไม่ได้คงเสียมารยาทแย่" ลูกแก้วสีเข้มแพรวพราวจ้องสบเข้ากับดวงตาเรียวที่หรี่ลงน้อยๆแสดงความไม่พอใจของจินฮวาน ซงยุนฮยองยกยิ้มหวานแล้วพาตัวเองไปขนาบอีกข้างของลูกค้าร่างสูง "วันนี้ก็เลือกพี่จินฮวานอีกแล้ว ไม่สนใจเลือกผมบ้างเลยเหรอ" ว่าพลางสอดมือเข้าคล้องแขนอีกฝ่าย การแสดงออกที่เป็นไปอย่างลื่นไหลทำให้ไม่ว่าใครก็ยากจะปฏิเสธ
จินฮวานขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็คลายออกรวดเร็วเกินกว่าจะมีคนสังเกตเห็น อดนึกค่อนขอดเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องในใจไม่ได้
เพราะเป็นแบบนี้ แขกถึงได้รักยุนฮยองนัก ทำตัวดี เข้าถึงง่าย ชวนให้สนิทสนมทว่าก็ยังคงความสูงค่าสมตำแหน่งเจ้าหญิง แต่ใครเลยจะรู้ดีเท่าเขาที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เบื้องหลังไมตรีที่มอบให้ ภายใต้รอยยิ้มชวนเคลิ้มฝัน คือช่องว่างของความสัมพันธ์ที่ไม่อาจก้าวข้าม
เพราะดูเป็นมิตร ความเย่อหยิ่งถือดีที่แสดงออกมาในรูปของความปลิ้นปล้อนหลอกลวงจึงถูกมองผ่านไป
ฮันบินหัวเราะแห้งๆ ท่าทางเกรงอกเกรงใจเสียเต็มประดา
"ไว้โอกาสหน้านะครับ"
ยุนฮยองยอมผละออกหลังได้รับคำตอบ เรียวปากแดงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนจาง
"คุณฮันบินสุภาพเสมอจริงๆ งั้นก็ขอให้มีความสุขนะครับ ดูแลแขกดีๆล่ะพี่จินฮวาน"
เจ้าหญิงคนงามรู้ดีว่าเมื่อครู่คือวิธีการปฏิเสธในแบบคิมฮันบิน
ชายหนุ่มหน้าหวานค้อมตัวลงเพื่อบอกลา ก่อนจะผละจากไปตามทาง เปลี่ยนเป้าหมายจากส่วนรับแขกด้านหน้าเป็นการพาตัวเองกลับห้องพักแทน
ถ้าหากแขกคนสุดท้ายในคืนนี้ของจินฮวานเป็นฮันบิน เขาก็ไม่จำเป็นต้องห่วงกังวลอะไร
"เหม่ออะไรอยู่ครับพี่จินฮวาน"
เสียงทุ้มนุ่มที่ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือกเผลอปล่อยหวีในมือร่วงลงพื้น นัยน์ตาเรียวตวัดมองแขกผู้ไม่ได้รับเชิญในยามวิกาลที่ทิ้งตัวลงนั่งไขว่ห้างตรงขอบหน้าต่างพร้อมกล้องยาสูบอันยาว เส้นผมสีหมึกจีนถูกลมฤดูใบไม้ผลิพัดเคลียตัดกับสีชมพูหวานของซากุระต้นใหญ่ด้านหลัง สวยงามน่าหลงใหล ควรค่ากับความเป็นอันดับหนึ่ง
"เดี๋ยวก็แข้งขาหักเอาสักวัน" แทนที่จะตอบคำถาม จินฮวานกลับดุแทน
ห้องพักสำหรับนางคณิกาอยู่บนชั้นสองของเรือนเล็กทางฝั่งตะวันออกภายใต้เขตพื้นที่กว้างขวางของร้าน (หรือจะให้พูดตรงๆมันคือซ่องราคาแพงดีๆนี่เอง) หากไม่เข้าทางประตูก็เห็นจะมีแค่หน้าต่างซึ่งอยู่สูงจากพื้นดินไม่น้อย และทั้งที่จะมาเคาะเรียกเขาเอาก็ได้ ทว่าเจ้าหญิงคนงามกลับมีความนิยมชอบเล่นผาดโผนปีนกิ่งซากุระเสียอย่างนั้น เกิดมีใครมาพบเข้าเขาคงไม่รู้จะสรรหาเหตุผลจากไหนมาอธิบาย
ยุนฮยองหัวเราะเบาๆ นิ้วเรียวเกี่ยวเอาผมทัดหูในขณะที่มืออีกข้างยกปลายกล้องยาสูบขึ้นแตะริมฝีปาก
"เป็นห่วงผมด้วยเหรอ"
คำถามนั้นทำให้จินฮวานลุกยืนเต็มความสูง ร่างเล็กก้าวเข้าหาคนที่นั่งไขว่ห้างสูบยาสบายอารมณ์เสียจนน่าหมั่นไส้ แล้วก็ถูกพ่นควันขาวๆใส่หน้าไปที
จินฮวานไอแค่กพร้อมโบกมือปัดไล่กลิ่นไม่พึงประสงค์ให้เจือจางลง แม้เขาจะชมชอบยาสูบไม่น้อย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขามีความพึงใจอยากจะให้มันติดอยู่บนผมที่เพิ่งสระของตัวเอง
"มันเป็นเรื่องยากที่จะหาเหตุผลมาบอกผู้ดูแลว่าเพราะอะไรนายถึงมาเจ็บตัวที่ใต้ห้องฉันนะ ยุนฮยอง"
"ผมแค่คิดถึงพี่" ชายหนุ่มเอ่ยกลั้วหัวเราะ มือเรียวละจากผมตัวเองเลื่อนขึ้นไปวางแนบพวงแก้มขาวใสของคนอายุมากกว่า เกลี่ยเคลียมันเพียงเบาๆอย่างแสนทะนุถนอม
จินฮวานเสเบือนสายตาไปทางอื่น ขยับปัดเอามือที่รุกล้ำขอบเขตความเป็นส่วนตัวออกโดยไม่คิดรักษาน้ำใจกันสักนิด
"ฉันไม่ใช่แขกของนายที่แยกไม่ออกว่าเรื่องไหนความจริงและเรื่องไหนโกหก"
"แล้วพี่แน่ใจได้ยังไงครับว่าความเชื่อของตัวเองถูกต้อง ผมอาจจะคิดถึงพี่จริงๆก็ได้นะ ใครจะรู้" ดวงตากลมโตลึกล้ำยามนี้พราวระยับ แฝงเอาทั้งความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจและความซื่อตรงพาให้ใจสั่นไว้ในคราวเดียว
เป็นอีกครั้งที่จินฮวานพ่ายแพ้ ชายหนุ่มไม่ตอบคำ เพียงแต่ทอดมองเปลวไฟที่วูบไหวอยู่ในตะเกียง ราวกับจะให้ความอบอุ่นของมันขับไหล่สัมผัสจากปลายนิ้วเย็นๆที่กลับมาเกลี่ยแก้มเขาอีกแล้ว
ซงยุนฮยองมักจะเป็นแบบนี้เสมอ สร้างความลำบากใจให้เขา เข้ามาปั่นป่วนเล่นโดยไม่เคยคิดถึงผลของการกระทำ
รักสนุกมากเกินไป
"มีอะไรก็รีบพูดมาสักที" เสียงใสเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน
"พี่นี่รู้ใจผมเสมอเลยนะครับ"
"อย่าเล่นลิ้นซงยุนฮยอง"
น้ำคำห้วนดุเป็นเหตุให้เจ้าหญิงคนงามจำต้องยกมือสองข้างขึ้นยอมแพ้และยอมเข้าประเด็นในที่สุด
"ก่อนฮันบินจะออกไป ผมเห็นเขาคุยกับพี่ ท่าทางจริงจังกว่าทุกที บอกผมได้ไหมครับว่าเขาคิดจะทำอะไร"
คำถามตรงประเด็นไม่อ้อมค้อมกลับเป็นเหตุให้จินฮวานลมหายใจสะดุดกึก ทั้งที่เป็นเรื่องปกติธรรมดาเสียเหลือเกินสำหรับคนอย่างพวกเขา หนำซ้ำมันออกจะน่ายินดี ทว่าเขากลับไม่อยากพูด ราวกับหวาดกลัวในอะไรบางอย่าง เขายังไม่พร้อมให้ยุนฮยองรับรู้
"ผมแค่อยากรู้ว่ามันใช่เรื่องเดียวกับที่ผมคิดรึเปล่า" ยุนฮยองพูดกลั้วหัวเราะตามปกติ นิ้วเรียวเย็นเฉียบเลื่อนจากแก้มขาวลงมายังปลายคางมน จับบังคับให้คนตัวเล็กจำต้องเงยหน้าขึ้นมองสบกันแต่โดยดี "พี่จินฮวาน บอกผมเถอะนะ"
เรียวปากสีชมพูเรื่อเม้มเข้าหากันเมื่อถูกกดดัน และเป็นปลายนิ้วของเจ้าหญิงอีกเช่นกันที่แตะแนบลงเบาๆจนมันคลายออก ใช้เวลาหลายอึดใจกว่าจินฮวานจะหาเสียงของตัวเองเจอ กระนั้นประโยคที่เอ่ยออกไปก็แผ่วเบาเหลือเกิน
"เขาจะไถ่ตัวฉัน เขาบอกเอาไว้แบบนั้น"
ในช่วงชีวิตหนึ่งของนางคณิกาเช่นเขา ไม่อาจปฏิเสธได้ว่านี่คือเวลาที่เฝ้าฝันถึง ยามที่มีใครสักคนเลือกที่จะช่วยปลดปล่อยเขาออกจากโยชิวาระ สถานที่ซึ่งไม่ต่างจากคุกที่กักขังหน่วงเหนี่ยวเขาเอาไว้ด้วยสัญญาซื้อขายในฐานะเจ้าชีวิต ลาจากงานไร้ศักดิ์ศรี ลาจากความโสมมที่ถูกบังคับให้ยอมรับ
กับฮันบิน พ่อค้าหนุ่มคนดีที่อ่อนโยนกับเขาเสมอมา เมื่อความอบอุ่นนั้นหยั่งรากลึก เขาย่อมรู้สึกพิเศษกับอีกฝ่าย ทว่าเมื่อสายตาจ้องสบเข้ากับใบหน้าหวานสวยประดับรอยยิ้มท่ามกลางกลีบบุปผาสีอ่อนที่ปลิดปลิวเข้าคลอเคลียของยุนฮยอง อะไรบางอย่างในใจกลับสั่นคลอน
"พี่นี่โชคดีจริงๆนะครับ เขาดูท่าจะรักพี่มาเสียด้วยสิ"
จินฮวานได้แต่พยักหน้าให้กับประโยคนี้
ความเงียบย่างกรายเข้ากลืนกินพวกเขาอย่างช้าๆ มีเพียงเสียงใบไม้ไหวตามลมที่ดังเคล้าคลอโอบอุ้มอยู่รอบนอก กินเวลาเนิ่นนานกว่าเจ้าหญิงคนงามจะหัวเราะออกมาพร้อมหยัดกายขึ้นยืน ยาสูบถูกสูดอัดเข้าปอดอีกเฮือกก่อนควันสีขาวจะค่อยลอยอ้อยอิ่งออกมา ยุนฮยองก้าวเข้าประชิดคนตัวเล็กกว่า โน้มใบหน้าลงใกล้เสียจนกลิ่นยาในลมหายใจแตะกระทบผิวเนียน
การกระทำนั้นราวกับจะเรียกสติให้หวนคืน จินฮวานเงยหน้าขึ้น ตั้งใจจะออกปากว่าเหมือนเคย หากไม่ใช่เพราะสัมผัสอ่อนนุ่มที่แตะแนบลงมา กดกลืนทุกคำพูดให้เลือนหายไปอย่างสิ้นเชิง
ยุนฮยองขบเม้มกลีบปากหวานเบาๆ อาศัยความช่ำชองเพียงไม่นานลิ้นซุกซนก็ได้เข้าไปกวาดควานสำรวจภายใน รสจูบเคล้ากลิ่นยาสูบพาเอาสติหลุดลอย จินฮวานตอบรับสัมผัสนั้นด้วยความเคยคุ้นเป็นอย่างดี สองมือเลื่อนขึ้นตามต้นแขนเพรียว ลากผ่านลาดไหล่ได้รูป ก่อนจะโอบโน้มคอร่างโปร่งเข้ามาเสียเอง
ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาใกล้ชิดกันถึงเพียงนี้ แต่ไหนแต่ไรมาแล้วที่จินฮวานมักถูกอีกฝ่ายแกล้งด้วยการมอบจูบในหลากหลายรูปแบบให้ เพียงเพื่อจะดูปฏิกิริยาของเขาด้วยเหตุผลว่ามันตลกเสียเหลือเกิน และเพราะไม่ใช่ครั้งแรกมันจึงยิ่งนำพาความสับสนให้กรุ่นอยู่ในใจ จินฮวานแยกแยะไม่ออก เขาไม่รู้ว่าสิ่งไหนคือความจริง เมื่อไหร่เป็นเพียงการแกล้งหยอก เช่นเดียวกับตอนนี้ ที่เขาไม่อาจทำความเข้าใจ
ยุนฮยองผละจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง แสงจันทร์ส่องกระทบเส้นสายสีใสที่ยังคงเชื่อมต่อพวกเขาเอาไว้ ก่อนชายหนุ่มจะแย้มยิ้มบางให้กับดวงหน้าหวานที่ขึ้นสีแดงเรื่อเข้าคู่กับนัยน์ตาปรือปรอย
"ราตรีสวัสดิ์ครับ พี่จินฮวาน"
ถ้อยคำบอกลาดังคลอล้อไปกับสายลม ในขณะที่สมองของคนฟังกลับอื้ออึง สองขาอ่อนยวบส่งทั้งร่างให้ร่วงลงนั่งกองกับพื้นท่ามกลางกลีบบุปผาบอบบางที่ถูกพัดพาเข้ามา ภาพเจ้าหญิงคนงามที่ผลุบหายเข้าไปใต้กิ่งซากุระดูห่างไกลราวกับความฝัน
ยุนฮยองทั้งปลิ้นปล้อน กลับกลอก เข้าใจยาก อีกฝ่ายมีหน้ากากนับร้อยพันให้เลือกสวม จนตอนนี้ จินฮวานจึงถูกความสับสนชักพา รอยยิ้มแสนเศร้าเมื่อครู่ เป็นความจริง หรือเพียงภาพหลอนที่เขาสร้างขึ้นมาเอง
นานมาแล้ว เมื่อพบกันครั้งแรก จินฮวานใช้ชีวิตอยู่ในโยชิวาระได้ราวสามปี ในขณะที่ยุนฮยองเพิ่งถูกซื้อเข้ามาตอนอายุสิบสี่ เด็กชายตัวเล็กที่มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเสมอทำให้เป็นที่ถูกใจของลูกค้า ไหนจะน้ำคำการพูดจาฉะฉานฉลาดเกินวัย ท่าทางเป็นมิตรเข้ากับคนง่ายถือเป็นเสน่ห์อีกอย่างที่ทำให้ถูกจองตัวตั้งแต่ยังเป็นเพียงเด็กฝึกหัด ตอนนั้นยุนฮยองติดจินฮวานแจ ทว่าหลังจากผ่านมิสึอาเงะ พิธีที่เปรียบเหมือนการก้าวข้ามเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวด้วยการให้ 'ครั้งแรก' กับแขกที่เสนอตัวเข้ามารับบทบาท 'สามี' เพียงชั่วข้ามคืนแล้ว เด็กชายแสนร่าเริงคนนั้นกลับหายไป เหลือเพียงชายหนุ่มที่มีหน้ากากนับร้อยพันเพื่อการเข้าสังคม
บุปผางามกลับมีหนามแหลมมากมายผุดงอกขึ้นมา
เสียงลั่นเอียดอาดของพื้นไม้ดังขึ้นตามน้ำหนักที่กดทับลงไป เรียวเท้าเหยียบย่างพาร่างโปร่งเพรียวให้เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างสง่างาม ผ่านระเบียงทางเดินที่ถูกขนาบซ้ายขวาด้วยห้องหับซึ่งภายในมีแขกและนางคณิกาใช้บริการอยู่ เจ้าหญิงยังคงตกเป็นเป้าสายตาดึงดูดทุกความสนใจเข้าหาตัวได้เสมอเหมือนเคย
ยุนฮยองชะงักเมื่อลูกค้าท่านหนึ่งก้าวออกมาจากห้องตรงหน้าพอดี อีกฝ่ายเองก็ดูจะตกใจไม่น้อยเช่นกัน
ชายหนุ่มค้อมตัวลงแทนการทักทาย
"สายัณห์สวัสดิ์ครับคุณฮันบิน"
ฮันบินผงกหัวรับ
"หายากนะครับที่เจ้าหญิงจะมีเวลาว่างในช่วงนี้"
ถ้อยคำหยอกแซวเรียกเสียงหัวเราะแว่วหวานให้ดังขึ้น ยุนฮยองเอียงคอน้อยๆพลางแตะปลายนิ้วเข้าที่เรียวปากแดงของตัวเอง
"หายากเหมือนกันนะครับที่คุณจะไม่อยู่กับพี่จินฮวาน"
"เขาอยู่ในห้อง วันนี้เราดื่มกันหนักไปหน่อยเขาเลยหลับไปแล้วล่ะครับ ผมควรจะพาเขาไปนอนที่ห้องดีๆรึเปล่า"
ฮันบินทำท่าจะเลื่อนประตูเปิดเข้าไปในห้องอีกรอบ ทว่ากลับถูกมือเย็นๆจับกุมหยุดเอาไว้เสียก่อน เมื่อหันไปมองก็พบว่าเจ้าหญิงคนงามกำลังส่ายหัวให้
"ปล่อยให้พี่จินฮวานหลับไปก่อนเถอะครับ ถ้าเขาตื่นมาตอนนี้ผมคงไม่มีโอกาสได้อยู่กับคุณ" ไม่ว่าเปล่ายังก้าวเข้าประชิดเสียจนปลายจมูกโด่งแตะกัน ลูกแก้วสีเข้มช้อนขึ้นมองคู่สนทนาพร้อมรอยยิ้มพร่างพรายบนริมฝีปาก
"นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง" ฮันบินเอ่ย แตะนิ้วเกลี่ยแก้มขาวก่อนจะเลยเลื่อนไปเกี่ยวเส้นผมสีหมึกจีนให้ทัดเหนือใบหู
ลมหายใจอ้อยอิ่งเคลียรด ริมฝีปากกำลังจะแนบเข้าหากัน และก็เป็นยุนฮยองเสียเองที่ผละออกห่างก่อน
"แต่น่าเสียดายที่คุณไม่มีตาไว้มองใครอีกแล้ว" ร่างโปร่งว่ากลั้วหัวเราะ "มีเรื่องอยากคุยกับผมใช่ไหมล่ะ เรื่องของพี่จินฮวาน" ประโยคหลังมีเพียงเสียงกระซิบให้ได้ยินกันสองคนเท่านั้น สายตาหลายคู่ที่กำลังจดจ้องมาด้วยความสนใจบอกให้รู้ว่ามีผู้ยินดีจะร่วมฟังมากมายแค่ไหน
ฮันบินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไมรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาได้แต่เดินตามเกมของเจ้าหญิงคนงามราวกับมีอีกฝ่ายมานั่งอยู่กลางใจ
"ไปเดินเล่นกันไหมครับ"
ยุนฮยองตอบรับคำเชิญนั้นด้วยการพยักหน้าเงียบๆ ก่อนจะก้าวเดินนำไปตามทางที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี มุ่งสู่สวนด้านหลังทางทิศตะวันออกซึ่งมีซากุระต้นใหญ่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงาเคียงคู่กับดวงจันทร์ซึ่งยามนี้แหว่งหายไปเสี้ยวหนึ่ง
ร่างโปร่งหยุดฝีเท้า ก่อนจะหมุนตัวหันเข้าหาลูกค้าประจำที่กำลังมองซ้ายมองขวาด้วยความสนอกสนใจระคนประหม่า เพราะนี่คือเขตหวงห้ามที่มีเพียงคนในเท่านั้นจึงจะเข้ามาได้
ยุนฮยองแหกกฎข้อนั้นโดยไม่มีทีท่าเกรงกลัวต่อผลที่จะตามมาแต่อย่างใด
"คุณจะไถ่ตัวพี่จินฮวานใช่ไหม" เจ้าหญิงคนงามเปิดประเด็นขึ้นตรงๆ เขาไม่คิดว่ามีความจำเป็นจะต้องทำเรื่องให้มันยืดเยื้อเสียเวลาไปกว่าที่ควร
ฮันบินพยักหน้ารับ
"ครับ เพียงแต่เขายังไม่ตอบรับ เหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง"
คำตอบเรียกให้เรียวปากแดงขยับยกเป็นรอยยิ้มจาง แว่วเสียงหัวเราะคิกเบาๆ
"คุณอยากจะถามผมว่าเขารออะไรอยู่งั้นเหรอ" แสร้งตีหน้าซื่อไม่รู้ความ ทั้งที่ยุนฮยองเข้าใจดียิ่งกว่าใคร ทั้งสิ่งที่เฝ้ารอและความรู้สึกของคิมจินฮวาน
"เปล่าครับ"
ยุนฮยองเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ปลายนิ้วเรียวแตะอยู่ที่ริมฝีปากพลางเอียงคออย่างฉงน
"ผมอยากให้เจ้าหญิงช่วยทำให้พี่จินฮวานยอมรับการไถ่ตัวของผม ผมไม่อยากเห็นเขาต้องทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว"
กลุ่มก้อนความเงียบพลันกลิ้งตัวเข้าแทรก ลมฤดูใบไม้ผลิพัดหอบเอากลิ่นอ่อนจางของมวลบุปผาให้คลุ้งขึ้นในอากาศ ปลิดเอากลีบซากุระให้ร่วงหลุดจากกิ่งก้าน ดวงหน้างดงามของเจ้าหญิงกลับเรียบนิ่งราวตุ๊กตาดินเผา แม้จะเป็นความสวยที่ตรึงตาทว่ากลับว่างเปล่าชวนให้หวั่นเกรงอย่างประหลาด
แล้วเพียงเสี้ยววินาทีต่อมายุนฮยองก็คลายยิ้มหวาน
"ได้สิครับ ผมจะทำให้"
ฮันบินค้อมตัวลงจนสุด เขาแทบจะลงไปคุกเข่ากับพื้นอยู่รอมร่อแล้วเสียด้วยซ้ำ
ยุนฮยองหลุบตาลงมองชายหนุ่มที่ยังคงไม่เงยหน้า มุมปากกลับยกขึ้นจากองศาเดิม เปลี่ยนยิ้มแสนสวยชวนมองให้กลายเป็นร่องรอยเยาะหยัน ไม่ใช่ให้กับคิมฮันบินที่ยอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อปลดปล่อยคิมจินฮวาน นางคณิกาซึ่งผ่านมือชายมามากมาย แต่ให้กับตัวเขาเอง ซงยุนฮยองที่ยอมละเลยความรู้สึกซึ่งหยั่งรากลึกมาตลอดหกปีเพื่อสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด
ยุนฮยองเดินออกไปส่งฮันบินถึงหน้าร้าน อีกฝ่ายดูผ่อนคลายขึ้นมากหลังจากได้รับคำยืนยันจากปากเจ้าหญิงคนงามว่าจะช่วย กระทั่งลับร่างสูงไปแล้วยุนฮยองถึงค่อยกลับเข้าด้านใน
ชายหนุ่มหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าห้องที่ลูกค้าขาประจำคนนั้นออกมาเมื่อตอนพบกัน มือเรียวขยับเลื่อนประตูกระดาษให้เปิดออก ภาพของรุ่นพี่ในชุดกิโมโนสีแดงผืนโปรดนอนตะแคงฟุบอยู่กับฟูกเรียกเอารอยยิ้มขำขันกึ่งเอ็นดูให้ผุดขึ้น ปลายเท้าเรียวเหยียบลงบนเสื่อทาทามิอย่างพยายามให้เงียบเชียบที่สุด
มักจะเป็นอย่างนี้เสมอ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฮันบินเข้ามาใช้บริการ อีกฝ่ายเลือกจินฮวานโดยให้เหตุผลว่าต้องการคนสวยมานั่งดื่มเป็นเพื่อน แล้วก็ทำอย่างปากว่าจริงๆ กระทั่งตอนนี้ไม่มีสักครั้งที่ฮันบินจะแตะต้องจินฮวานมากไปกว่าจับมือหรือโอบไหล่ ทุกการกระทำเป็นไปอย่างทะนุถนอม ทุกการกระทำเต็มไปด้วย 'ความรัก'
ยุนฮยองย่อตัวลงนั่งคุกเข่าข้างคนตัวเล็ก ทอดมองใบหน้าอ่อนวัยที่ยามนี้ดูผ่อนคลาย แพขนตาหนาทอดตัวตกเป็นเงากระทบแก้มใส ริมฝีปากสีเรื่อเผยอน้อยๆอย่างน่ารัก ทว่าก็ดูยั่วยวนอยู่ในที มือเย็นวางลงบนหัวไหล่มน ก่อนจะออกแรงเขย่าเบาๆแค่พอให้รู้สึกตัว
จินฮวานยอมปรือตาขึ้นมองแม้จะยังง่วงงุน ภาพพร่าเบลอพอให้จับเค้าลางได้เพียงน้อยนิด ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็จดจำเรือนร่างโปร่งเพรียวกับเส้นผมสีหมึกจีนที่ตกปรกเป็นหน้าม้าของอีกฝ่ายได้ดี
"ฮันบินล่ะ" เสียงใสติดจะพร่าแหบเล็กๆเอ่ยถามพลางยันตัวขึ้นนั่งโอนเอน แล้วท้ายสุดก็จบลงด้วยการทิ้งน้ำหนักซบเข้ากับลาดไหล่ของคนตรงหน้า
ยุนฮยองโอบประคองร่างบางไว้ มือข้างหนึ่งอยู่ที่ไหล่ส่วนอีกข้างแนบข้างเอว
"กลับไปแล้วครับ พี่จินฮวานกลับห้องกับผมนะ"
เจ้าของชื่อพยักหน้ารับ ปลายจมูกรั้นแตะต้นคอขาวที่อิงแอบแนบอยู่ไปมา
ยุนฮยองค่อยๆประคองคนตัวบางขึ้นยืน น้ำหนักที่ทิ้งเข้าใส่เต็มๆทำให้เขาเซไปด้านหลัง ทว่าก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรมากมาย
เจ้าหญิงคนงามพารุ่นพี่ตัวเล็กก้าวออกจากห้อง เอ่ยบอกกับเด็กฝึกหัดที่คอยบริการแขกอยู่ใกล้ๆให้รู้ว่าห้องว่างแล้ว ก่อนจะพาคนเมาไปส่งที่เรือนเล็กฝั่งตะวันออก มือเรียวสอดซุกแนบสะโพกมน ลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดต้นคอตลอดทางกำลังฉุดดึงสติของเขาให้พร่าเลือนไปทีละน้อย จากเพียงวางนิ่งๆเริ่มเปลี่ยนเป็นลูบและไล้
ประตูกระดาษถูกเลื่อนให้เปิดออกกว้างแค่พอให้แทรกตัวเข้าไปในห้องได้ และทันทีที่มันงับปิดสนิทริมฝีปากสีเรื่อกรุ่นกลิ่นสาเกก็ถูกฉกชิง
ยุนฮยองกดจูบลงชิด สองมือโอบกระชับร่างบอบบางในอ้อมกอดแน่นเข้า ข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นลูบตามแผ่นหลังแคบ ในขณะที่อีกข้างขยับลงต่ำบีบบี้บั้นท้ายนุ่มนิ่ม เรียวลิ้นร้อนสอดแทรกกระหวัดเกี่ยวกระตุ้นอารมณ์ให้วาบไหว เริ่มจากเชื่องช้า อ่อนโยน กระตุ้นจนกระทั่งเป็นจินฮวานที่รุกไล่กลับอย่างเร่าร้อนเสียเอง
เสียงหอบครางผะแผ่วดังแว่วแทรกผ่านความเงียบ กลิ่นน้ำหอมอ่อนจางจากคนที่อยู่ชิดใกล้พาให้สติคนเมาถูกลบเลือนหายไปจนสิ้น มือเล็กร้อนผ่าวซุกซนขยับอ้อมไปด้านหลัง ปลดโอบิคาดเอวของยุนฮยองออกจากนั้นกระตุกเชือกที่รัดชุดอยู่อย่างคล่องแคล่ว ปล่อยชายผ้าสีสวยให้ตกระเรี่ยพื้น
"พี่จินฮวาน..." ยุนฮยองกระซิบเรียกแผ่วเบา เรียวปากนิ่มแตะโดนกันทุกครั้งที่ขยับ
จินฮวานครางรับผะแผ่ว ยกแขนคล้องคอร่างโปร่งพลางช้อนนัยน์ตาเรียวหวานฉ่ำขึ้นมองสบ ผิวใสๆซับสีแดงเรื่อจากความร้อนที่แล่นพล่านไปทั่วร่างกายจนอึดอัด
"เรากำลังทำผิดกฎนะครับ...รู้ใช่ไหม..." แม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่มือกลับทำหน้าที่ปลดเอาโอบิกับกิโมโนชั้นนอกของคนในอ้อมแขนออก จากนั้นกระตุกเชือกของจูบัน ชุดสีขาวที่ซ้อนทับด้านในในคราวเดียว "ผมหยุดไม่ได้แล้ว..."
ร่างสองร่างตระกองกอดเกี่ยวรั้งซึ่งกันและกัน จินฮวานถูกกดให้นอนหงายลงกับพื้นเสื่อ ปลายนิ้วเย็นสะกิดดึงเอาชั้นในออก แสงจันทร์จากนอกหน้าต่างสาดกระทบผิวขาวเนียนที่วันนี้ยังคงไร้รอยเพราะแขกเพียงคนเดียวไม่คิดจะแตะต้องมัน
ยุนฮยองเริ่มรุกไล่ สันจมูกโด่งแตะไล้จากซอกคอหอมกรุ่นเคล้ากลิ่นสาเก ลากต่ำลงมายังแผ่นอกบางที่แอ่นยกขึ้นตามสัมผัสวาบหวาม ปลายลิ้นร้อนลิ้มเล็มเลียผิวเนื้อหวานฉ่ำอย่างเชื่องช้าพลางช้อนลูกแก้วสีเข้มคู่โตขึ้นมองใบหน้าน่ารักซึ่งบัดนี้แดงจัด เต็มไปด้วยความทรมานทว่าก็ยั่วยวนในคราวเดียวกัน
มือเล็กจิกขยุ้มลงบนเส้นผมสีหมึกจีนเพื่อระบายความอึดอัดยามที่โพรงปากร้อนเริ่มปรนเปรอให้ ความต้องการของจินฮวานทะยานขึ้นสูงโดยไม่มีทีท่าจะสิ้นสุด เสียงหอบครางระบายความเสียวกระสันที่จำต้องเก็บกลั้นไว้แทบจะทำให้เขามอดไหม้
กฎหลักข้อที่หนึ่ง นางคณิกาห้ามร่วมรักกัน
กฎหลักข้อที่สอง นางคณิกาห้ามมีสัมพันธ์เหนือเรื่องงาน
และคิมจินฮวานกำลังทำทั้งสองข้อนั้นทั้งที่รู้ถึงบทลงโทษของมันดี
ยิ่งเห็นร่างบอบบางบิดเร่าคนขี้แกล้งยิ่งได้ใจ สัมผัสผ่าวร้อนเร่งถี่กระชั้นขึ้น ขบดูดบีบบี้ราวกับเห็นเป็นของเล่น หยอกเย้าเอาสนุกเสียจนพอใจแล้วจึงผละออก นัยน์ตาคู่โตยามนี้เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ
หากจะตกนรก ก็ขอให้ได้หมกไหม้ไปด้วยกัน
"อยากมากไหม..." เสียงทุ้มนุ่มพร่าแหบเอ่ยถามพลางปลดเปลื้องเอาจูบันของตัวเองออก กิโมโนสีเข้มเลื่อนหลุดลงจากลาดไหล่ขาวนวลที่มีรอยรักแต่งแต้มอยู่เจือจางปะปนไปกับรอยแผลเป็นทั้งเก่าและใหม่
ร่องรอยของความทรงจำจากแขกที่เห็นคนต่างชาติอย่างเขาเป็นเหยื่อ...
...แขกซึ่งส่วนมากเขาแย่งชิงมาจากจินฮวาน
แนวฟันขาวที่ขบกัดริมฝีปากสีเรื่อจนช้ำช่วยตอบแทนได้เป็นอย่างดี ยุนฮยองหัวเราะคิก ส่งปลายนิ้วเย็นเข้าไปในปาก ดูดเลียมันอย่างเชื่องช้าในขณะที่ปรายตามองคนตัวเล็กที่กำลังทรมาน
นิ้วเรียวถูกถอน ก่อนจะย้ายไปกดเกลี่ยหยอกปากทางร้อนผะผ่าวที่กระตุกตอบรับเป็นอย่างดี
"ผมจะทำต่อให้...แต่พี่ต้องช่วยผมอย่างหนึ่ง..."
แม้จะไม่ชอบใจนัก ทว่าจินฮวานรู้ดีว่าเขาไม่อยู่ในจุดที่จะปฏิเสธได้ คิ้วเรียวมุ่นเข้าหากัน ฤทธิ์สาเกผสมปนเปไปกับการกระตุ้นเมื่อครู่ทำให้เขาแทบจะขาดใจตายอยู่รอมร่อ
"ตกลงใช่ไหม..."
จินฮวานพยักหน้า ครางอือออกมาเมื่อนิ้วเย็นๆเริ่มกดจี้รุกล้ำเข้าไป ภาพเบื้องหน้าพร่าเบลอ ทว่ารอยยิ้มของยุนฮยองกลับชัดเจนเหลือเกินในความรู้สึก หากแต่ในตอนนั้น จินฮวานไม่อาจเข้าใจได้ว่าเหตุใดมันจึงแสนเศร้า
โดยยังไม่มีคำอธิบายใดเพิ่มเติม จากหนึ่งนิ้วเปลี่ยนเป็นสอง และกลายเป็นสามในเวลาต่อมา ความต้องการที่ถูกเติมเต็มนำพาสมองให้ขาวโพลน ละทิ้งซึ่งความสงสัยในทุกสิ่ง จดจ่อเพียงสัมผัสที่ได้รับ
ยุนฮยองโน้มตัวลง กดจูบดูดดุนเรียวปากฉ่ำชื้นที่เผยอรับเขาเข้าไปโดยไม่ต้องร้องขอ กระหวัดลิ้นเกี่ยวพันกันและกัน แนบแน่นเร่าร้อนเช่นเดียวกับจังหวะชักเข้าออกด้านล่าง
จินฮวานผวาเฮือก หวีดครางในลำคอเมื่อริมฝีปากยังไม่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ สัมผัสอุ่นๆบนหน้าท้องบอกให้รู้ว่าความต้องการของเขาเพิ่งถูกปลดปล่อย
ยุนฮยองผละตัวออก นัยน์ตาคู่สวยบัดนี้ราวจิ้งจอกที่จ้องมองสำรวจเหยื่อ นิ้วเย็นถูกถอนตาม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ใหญ่โตกว่าซึ่งแทรกตัวเข้าไปแทน ขยับเพียงเนิบนาบเชื่องช้าทว่าหนักแน่นราวจะแกล้งให้ร่างใต้อาณัติคลั่งเสียให้ได้
เจ้าหญิง ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงเป็นเจ้าหญิง ไม่เว้นกระทั่งยามร่วมรัก
ต้องเป็นที่หนึ่ง เป็นฝ่ายควบคุม และต้องเหนือกว่า
ร่างโปร่งโหมกระแทกแรงเข้าใส่มากขึ้นเมื่อตัวตนของเขาถูกตอดรัด ฝ่ามือสองคู่สอดแนบประสาน พร้อมกับเสียงกระซิบพร่าที่เอ่ยบอกคู่นอนแม้อีกฝ่ายจะแทบไม่เหลือสติให้รับรู้ก็ตาม
"ดูแลตัวเองให้ดีนะครับ...รักฮันบินให้มาก...เขารักพี่มากนะ..."
หยดน้ำอุ่นตกกระทบพื้นเสื่อ ยุนฮยองเพียงแต่หวังว่าจินฮวานจะไม่ได้ยิน
...น้ำตาของเขา ขอให้มีเพียงเขาเท่านั้นที่รับรู้
...ความเจ็บปวดของคนขี้ขลาด ให้มีเพียงเขาที่จดจำ
...ความรักของเขา ขอให้กลายเป็นเพียงฝันชั่วข้ามคืน
ตัวตนของซงยุนฮยอง...ให้เป็นเพียงอดีตที่ไม่อาจย้อนมา...
จังหวะกระแทกกระทั้นสิ้นสุดลง พร้อมความของเหลวสีน้ำนมที่ถูกปลดปล่อย เช่นเดียวกับมือสองคู่ที่ผละจากกัน
ยุนฮยองค่อยๆขยับออก นึกขอบคุณความมืดของค่ำคืนที่มีเพียงแสงจันทร์ที่ช่วยปกปิดน้ำตาของเขา มือเรียวปาดเช็ดมันออกลวกๆ ก่อนจะกลับมาแย้มยิ้มในแบบของเจ้าหญิงอีกครั้ง
จินฮวานค่อยๆผ่อนลมหายใจออก ปรับจังหวะหอบให้ช้าลง เสียงทุ้มยังคงดังก้องซ้ำไปมาอยู่ในหัว
เขาไม่เคยเข้าใจยุนฮยอง และคงไม่มีวันเข้าใจ
หลายปีมาแล้ว ที่เขาเผลอไป พลั้งพลาดตกหลุมรักดอกไม้งามอันดับหนึ่งคนนั้น และเขาเชื่อว่าอีกฝ่ายเองก็รู้ หากแต่แทนที่จะตอบรับหรือปฏิเสธให้ชัดเจน กลับมีความสุขกับการแกล้งเขาให้สับสน บางวันเหมือนจะรัก ทว่าบางวันก็เหมือนจะเกลียดกันเหลือเกิน
"พี่จินฮวาน อย่าปฏิเสธฮันบินนะครับ"
"ถ้าฉันปฏิเสธล่ะ" จินฮวานย้อนถามเรียกเสียงหัวเราะคิกจากยุนฮยองได้เป็นอย่างดี
ร่างโปร่งลุกขึ้นยืน จัดการแต่งตัวให้เรียบร้อย ก่อนจะหลุบมองคนบนพื้นเพียงหางตา
"เราเพิ่งทำผิดกฎข้อสำคัญไป ระหว่างผมที่เป็นที่หนึ่ง กับพี่ที่เป็นที่สอง ลองคิดดูแล้วกันว่าเขาจะเก็บใครไว้"
แล้วคิมจินฮวานจะทำอย่างไรได้ เมื่อคนที่รักหมดใจกลับผลักไสกันอย่างไม่ใยดี
เสียงนกร้องแว่วหวานขับขานรับยามเช้า ท้องฟ้าไร้เมฆหมอก แสงแดดอ่อนๆอาบไล้ให้โยชิวาระสดใสกว่าที่เคย ราวกับจะเลี้ยงส่งให้คนงามที่จากไป
คิมจินฮวานในวันนี้สวยกว่าทุกครั้ง กิโมโนสีอ่อนประดับลายดอกโบตั๋นที่สวมอยู่บนผิวขาวนวลเนียนดูราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ เส้นผมยาวสีดำถูกม้วนมวยขึ้นเรียบร้อย ใบหน้าสะสวยแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางๆมีรอยยิ้มประดับอยู่เสมอ ยามยืนเคียงคู่กับชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสีเข้มอย่างฮันบินแล้วกลับเลอค่ายิ่งกว่าภาพเขียนจากจิตรกรคนไหนๆ
เหมาะสมกันเสียยิ่งกว่าอะไร
ความสุขอบอวล เสียงหัวเราะแว่วลอยในบรรยากาศ
จินฮวานเข้าไปบอกลาผู้ดูแล เขาโค้งตัวลงเก้าสิบองศาแสดงความเคารพและขอบคุณ ก่อนจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูง เมื่อหันไปข้างกายก็พบกับมือหนาที่ถูกยื่นมารออยู่ก่อนแล้ว พร้อมกับรอยยิ้มที่ทำเอาโลกทั้งใบสดใสของคิมฮันบิน
มือสองคู่จับกุมกัน ก่อนจะก้าวออกไปสู่ดินแดนเบื้องหลังซุ้มประตูสีแดง
ยุนฮยองหัวเราะออกมาเบาๆ บนหลังคากระเบื้องของร้านที่มีเขาเพียงคนเดียว ริมฝีปากขยับพึมพำโดยไม่คาดหวังว่าใครจะได้ยิน
ผ้าสำหรับตัดกิโมโนในวันนี้ที่เขาเป็นคนเลือก ผมที่เขาเป็นคนมวยให้ หน้าที่เขาเป็นคนแต่ง เพื่อให้คนที่รักที่สุดจากไปอย่างงดงามที่สุด มีเพียงเท่านี้ที่พอจะทำให้ได้
จากนั้นบอกลาความรักด้วยคำอวยพร
"โชคดีนะครับพี่จินฮวาน"
...ดอกไม้...แม้แปดเปื้อน ก็ยังงดงาม...
-----------------------------------------------------
ยินดีต้อนรับสู่ทอล์คแบบยาวๆ
เรายังคงไม่ได้นอกใจบ๊อบยุนไปไหนนะคะ เราแค่ถูกล่อลวง
#ความลับในทุ่งลิลลี่ เป็นฟิคโปรเจ็คต์ที่เกิดจากความคึกล้วนๆของเราและน้องร่วมอุดมการณ์อีก 2 คน
ซึ่งน้องเขาเก่งกันมากๆ TT
โปรเจ็คต์นี้มีทั้งสิ้น 3 เรื่อง เป็นยุนจินของเรา ยุนดงของมิตา (ฟิคไอค่อนของมิตา+paper heart) และดงจินของน้อง amorfati (rippedjeans+turningpage)
นี่กลัวโดนแบนมาก เพราะฉากคัทที่ค่อนข้างจะ..นะ นิดนึง แต่ไม่อยากตัดไปลงบล็อกเพราะหลายคนคงขี้เกียจไปล่าลิ้ง
ประโยคที่เราชอบที่สุดดันมาอยู่ในฉากนั้นด้วย อยากให้อ่านกัน ฮาาา
สำหรับศัพท์แปลกๆในเรื่อง
โยชิวาระเป็นชื่อของย่านโคมแดงในญี่ปุ่นสมัยเอโดะ ยุคนั้นเกียวโตยังเป็นเมืองหลวงอยู่
และมิสึอาเงะ อันนี้เป็นพิธีอย่างที่บอกไป คือจะให้แขกเสนอตัวเข้ามาเป็นสามี ทำพิธีแต่งงานกันหนึ่งคืนแล้วรับเอาครั้งแรกไป จากนั้นนางคณิกาคนนั้นก็จะออกรับแขกได้ พ้นจากการเป็นเด็กฝึกค่ะ
สามารถไปตามอ่านอีก 2 เรื่องได้จาก
คอมเมนท์ ติ ชม หรือสกรีมได้ที่แท็ก #ความลับในทุ่งลิลลี่ นะคะ