ลูกเลี้ยงจีมิน #KOOKMIN #JINV

By TREASUREofG

268K 3.3K 1.1K

"ผู้หญิงของคุณพ่อนี่ปากเก่งทุกคนเลยนะครับ...แต่ผมไม่เห็นมีใครปากเก่งจนทำให้คุณพ่อเสร็จได้แบบผมเลย" More

แนะนำตัวละคร
1
2
3[KOOKMIN NC]
4
5
6[KOOKMIN NC]
7[JINV NC]
8[KOOKMIN NC]
9[JINV NC]
10
11 [KOOKMIN NC]
12
13
15
16 [KOOKMIN NC]
17
18
19 : [JINV NC]
20 : [KOOKMIN NC]
21

14

5.6K 177 65
By TREASUREofG

"จีมินเจอโซลเมทของจีมินแล้ว"

ประโยคเย็นวันนั้นที่ลูกชายบอกว่าตัวเองเจอโซลเมทแล้วยังคงดังชัดในโสตประสาทของจองกุก ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมาเป็นวัน สัปดาห์ และท้ายที่สุดมันผ่านมานานหลายเดือน

นานมากพอที่เวลาจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขาและโอเมก้าเริ่มเปลี่ยนไป ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เด็กแก่แดดนั่นคุยกับเขาน้อยลง

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ปาร์คจีมินไม่ได้ให้เขาคอยไปรับไปส่งอย่างเดิม บางวันเขารู้มาว่าเด็กนั่นมีคนมารับและมาส่งแทนคนรถที่บ้าน

จองกุกเดาว่าคนคนนั้นคงจะเป็นโซลเมทของจีมิน


ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกอะไร

ไม่ใช่ว่าไม่อยากตอบ


คิดว่ามันง่ายเหรอกับการต้องทำเป็นไม่รู้สึกอะไรเวลาเห็นคนที่เรารักเข้าใจเราผิดไปโดยที่เราอธิบายอะไรกับเขาไม่ได้


ใช่ เขารักจีมิน


ตอนที่ได้ยินคำถามกับน้ำเสียงสั่นๆของเด็กแก่แดดนั่นเขาอยากดึงตัวลูกชายมากอดแทบตายแล้วบอกว่าตัวเองรู้สึกยังไง


แต่เขาเคยบอกเอาไว้เอง ถ้าหากวันนึงจีมินเจอโซลเมทหรืออยากมีชีวิตเป็นของตัวเองเขาจะไม่ห้าม


ถ้าการที่เขาบอกรักและอธิบายความรู้สึกของตัวเองแล้วมันจะยิ่งทำให้เด็กนั่นผูกตัวเองไว้กับเขา เขาขอเลือกให้จีมินเข้าใจผิดไปแบบนั้นเสียยังดีกว่า


จองกุกไม่อยากใช้วิธีสารภาพความรู้สึกตัวเองเพื่อรั้งจีมินเอาไว้อย่างเห็นแก่ตัว ยังไงเสียคนที่ได้ชื่อว่าโซลเมทก็คงจะดูแลและเข้าใจเด็กนั่นได้มากกว่าเขา


เด็กนั่นอายุ19 ในขณะที่เขากำลังจะ31 ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เป็นความกดดันที่เขาต้องเจอจีมินรับมันไม่ได้แน่นอน


เขาถึงต้องปล่อยให้โอเมก้าไปใช้ชีวิตตัวเองอย่างที่มันควรจะเป็น


ในชีวิตจริงความลำบากมันไม่ได้โรแมนติกเหมือนในหนัง และเขาไม่ได้ต้องการให้ลูกชายตัวเองมาลำบากด้วย

นั่นคือเหตุผลที่เขาเลือกจะเงียบกับคำถามที่จีมินถามว่าเขาเคยรักตัวเองบ้างมั้ย

หากพูดไปแล้วมันจะทำให้การตัดสินใจของเด็กแก่แดดไขว้เขวแล้วไปจากเขาไม่ได้สักทีเขายอมอึดอัดเก็บมันไว้ในใจแบบนี้เสียดีกว่า


เกิดว่าพวกเขาไม่หลบซ่อนจีมินจะเจอทั้งสายตา และคำครหามากมายจากคนนอกที่มองเข้ามา ผู้คนมากมายจะชี้นิ้วมาที่โอเมก้าและต่อว่ากันเพียงเพราะความสนุกปาก สังคมของเด็กนั่นจะเปลี่ยนไปต่อให้ความจริงมันเป็นยังไง

เรื่องของพวกเขามันจะไม่ใช่แค่เรื่องคนสองคนอีกต่อไป นั่นคือเหตุผลที่จองกุกบอกเสมอว่าความสัมพันธ์ของพวกเขามันเปิดเผยไม่ได้

ดีไม่ดีอนาคตของลูกชายเขาอาจจะถูกดับด้วยมือของเขาเองเพียงแค่ทุกคนรู้ว่าพวกเขารักกัน

ช่างน่าเสียดายที่เรื่องของคนสองคนต้องถูกตัดสินด้วยใครต่อใครที่เรียกตัวเองว่าคนในสังคม ตั้งตนเป็นศาลเตี้ยตัดสินคนอื่นว่าสิ่งไหนมันผิดถูก


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

"เข้ามา"

เสียงเปิดประพร้อมด้วยเสียงส้นสูงของรองเท้าเรียกให้สายตาเหนื่อยล้าจากการทำงานติดต่อกันมาหลายสัปดาห์มองผู้มาใหม่

"มีอะไร ทำไมไม่ต่อสายเข้ามา"


"คนที่ประธานเคยให้ตามหาตอนนี้ทางที่นั่นติดต่อกลับมาแล้วนะคะ ทางเขาพร้อมตลอด ถ้าท่านประธาน-"


"บอกพวกเขาว่าฉันจะเข้าไปบ่ายนี้"


-


"ที่นี่เปลี่ยนไปมากจนผมจำไม่ได้แล้วว่ามันเคยเป็นยังไง"


"คุณจองกุกเคยมาแค่ครั้งเดียวเองนี่คะ"

หญิงดูมีอายุสักหน่อยตอบอัลฟ่าหนุ่มพร้อมกับยิ้มและมองไปยังตึกหนึ่งตึกในสถานรับเลี้ยงเด็กแห่งนี้


ชายหนุ่มมองนอกตัวตึกอย่างสำรวจก่อนเขาจะเดินนำหญิงที่เป็นผู้ดูแลที่นี่เข้าไปในนั้น ที่นี่คือที่ที่จีมินเคยอยู่เมื่อหลายสิบปีที่แล้วก่อนจะโดนพ่อและแม่ของเขาอุปการะมาดูแล

ปัจจุบันเขายังคงรับผิดชอบเด็กที่นี่อีกหลายคนและบริจาคเงินช่วยเหลือค่าใช้จ่ายต่างๆ หากแต่เด็กคนอื่นถูกเลี้ยงให้โตที่นี่ ไม่ได้ถูกรับไปเลี้ยงอย่างจีมิน


     เขาจำได้ลางๆว่าครั้งแรกที่เจอเด็กแก่แดดนั่นจีมินไม่ได้เป็นเด็กเรียบร้อยหรือเป็นเด็กตาดำๆทำหน้าบ๊องแบ๊วให้สงสารเหมือนในหนังดราม่านัก

แต่เด็กนั่นกำลังเข้าไปทะเลาะกับเพื่อนวัยเดียวกันเพื่อแย่งไอติมแท่งนึง เขายืนมองอยู่นานโดยที่ไม่ได้เข้าไปห้ามเพราะจองกุกอยากรู้ว่าเด็กทั้ง2จะทำอย่างไรต่อ

สุดท้ายแล้วการยื้อแย่งมันทำให่ไอติมตกพื้น และทั้งสองร้องไห้จ้าออกมา พอเขาเดินเข้าไปเพื่อหวังจะปลอบดวงตาใสสดที่แสดงความตัดพ้อช้อนมองเขาอย่างไม่เกรงกลัวแถมยังเบะปากเล็กๆนั่นใส่เขาอีกด้วย


พอนึกถึงเหตุการณ์วันนั้นใบหน้าที่มักไม่แสดงสีหน้าใดๆกลับยิ้มออกมา ไม่ว่าผ่านไปกี่ปีปาร์คจีมินก็ยังคงเป็นเด็กขี้เอาแต่ใจเหมือนเดิมสินะ

น่าเสียดายที่สายตาตัดพ้อสมัยเด็กของปาร์คจีมินมันช่างเหมือนกับสายตาในปัจจุบันที่โอเมก้ามักใช้มองเขา

บางทีเขาอาจจะถูกเกลียดไปแล้วก็ได้


"ดิฉันนึกว่าคุณจะพาจีมินมาด้วย ตั้งแต่คุณหญิงท่านเสียจีมินก็ไม่ได้มาที่นี่อีกเลย เขาสบายดีใช่มั้ยคะ ?"


"สบายดีครับ เขากำลังจะขึ้นปี2แล้ว"


"อายุเท่ากันกับเด็กคนนั้นเลยสินะคะ"


"แล้วเขาเป็นยังไง ผมอ่านประวัติเขาที่ทางบ้านส่งมาให้บ้างแล้ว แต่อยากฟังจากคุณที่ดูแลเขามามากกว่า"


"แกเป็นเด็กเรียบร้อยค่ะ พูดน้อยสักหน่อยแต่เข้ากับพี่น้องได้ การเรียนถือว่าอยู่ในระดับดี ตอนนี้แกกำลังจะขึ้นปี2 เลือกคณะบริหารธุรกิจ ฉันคิดว่าแกคงอยากช่วยแบ่งเบาภาระของผู้พระคุณ...ส่วนเรื่องหอพักฉันจัดให้อยู่ใกล้มหาลัยกับเด็กรุ่นเดียวกันที่นี่ที่โตมาด้วยกัน"


"ฟังดูเป็นเด็กที่ใช้ได้นะ"

ฝ่ามือหนึ่งข้างของเขาล้วงไปเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงระหว่างเดินสำรวจภายในตัวตึก ที่นี่แบ่งแยกตึกอาศัยตามอายุของเด็กๆเพื่อลดความวุ่นวาย

และตึกนี้เป็นของเด็กที่โตมาสักหน่อยจึงไม่ได้โหวกเหวกโวยวายเสียงดังเท่าตึกอื่นๆมากนัก


"คุณจองกุกอยากเจอแกเลยหรือเปล่าคะ ?"


"ยังหรอก ไม่ใช่ตอนนี้"


-


ใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์จากผู้เป็นใหญ่ในบ้านต่างทำให้คนงานมากมายก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองตั้งแต่จอนจองกุกก้าวเท้าเข้ามาในบ้าน


เขาไม่ได้พูดอะไรนักเพราะไม่อยากจะเหนื่อยมากไปกว่านี้ อัลฟ่าเดินขึ้นตรงไปยังห้องตัวเองเพื่อชำระร่างกายไล่ความเหนื่อยทันที

หลังจากอาบน้ำชายหนุ่มกะว่าจะไปนั่งอ่านเอกสารในห้องทำงานรอลูกชายกลับบ้านและทานข้าวเย็น

ดูน่าอึดอัดใจ แต่ในเมื่ออยู่บ้านเดียวกันยังไงซะพวกเขาก็ต้องเห็นหน้าและพูดคุยกัน นั่นมันคือสิ่งที่พ่อกับลูกควรทำมานานแล้ว


     เสียงหยดน้ำที่ดังกระทบพื้นกระเบื้องกำลังล้างความคิดมากมายในหัวอัลฟ่า หลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาโหมงานที่บริษัทและเอากลับมาทำที่บ้านด้วย

จองกุกกำลังทำให้สมองตัวเองไม่ว่างไปคิดถึงคำพูดจีมินที่บอกว่าอยากกลับไปเป็นแค่พ่อกับลูก


มันใช้ได้ในช่วงแรก หากพอเขาไม่ได้จับงานเขาก็ต้องหวนคิดถึงเรื่องของลูกชายอยู่ดี บางทีเอาจจะต้องเคลียร์งานแล้วหาเวลาไปผ่อนคลายเสียบ้าง


เขาไม่ใช่เด็กๆที่ผิดหวังกับเรื่องรักๆใคร่ๆแล้วไม่มีกะจิตกะใจทำอะไร กินไม่ได้ นอนไม่หลับ หรือร้องไห้ฟูมฟายแบบนั้น

เขาไม่ได้ตัวคนเดียว จองกุกมีหน้าที่ภาระมากมายต้องรับผิดชอบ ทั้งคนในบ้านและอีกหลายร้อยชีวิตที่บริษัท ต่อให้คิดมากยังไงสิ่งที่อัลฟ่าต้องทำให้ได้คือมีสติและความรับผิดชอบ


     เจ้าของแผ่นหลังกว้างที่ถูกแต่งแต้มด้วยหยดน้ำยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าก่อนเขาจะถอนหายใจออกมาเมื่อพบว่าตัวเองเปิดผิดฝั่ง


เมื่อก่อนตู้นี้มันมีแค่เสื้อผ้าของเขา แต่พอก่อนหน้าที่เด็กแก่แดดนั่นมาอยู่ด้วยเขาต้องทำการเปลี่ยนฝั่งเสื้อผ้า

เสื้อผ้าของเขาอยู่ฝั่งขวา

ส่วนฝั่งซ้ายนั้นเป็นเสื้อผ้าของจีมิน

ชายหนุ่มเผลอยกมือขึ้นลูบชุดนอนลายหมีสีฟ้าที่มันหมองเพราะความเก่าหากแต่เด็กแก่แดดนั่นไม่ยอมทิ้งหรือใส่ตัวอื่นเพียงเพราะเหตุผลที่ว่า ย่าเจ้าตัวซื้อชุดนอนชุดนี้ให้


     กลิ่นจางๆของโอเมก้าที่เคยกลบอยู่ทั่วห้องเริ่มเลือนหายไปตามกาลเวลา เขาไม่รู้ว่าครั้งล่าสุดที่เห็นเด็กนั่นอยู่ในห้องนี้คือเมื่อไหร่

แล้วเขาต้องอยู่กับสิ่งของที่เป็นตัวแทนเด็กนั่นอีกนานแค่ไหน


ทั้งแปรงสีฟันที่ยังอยู่ในห้องน้ำ

ของใช้จุกจิกของเด็กนั่น

และเสื้อผ้าส่วนนึงที่ทิ้งไว้ในห้องนี้


ตลกดีในขณะที่เขาจมอยู่กับสิ่งเก่าๆแต่เด็กนั่นกำลังได้พบเจอผู้คนใหม่ๆรอบตัว มันก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยเขาก็มั่นใจได้ว่าโอเมก้าคงเลิกร้องไห้เพราะเขาแล้ว


-


"คุณท่าน จะให้ตั้งโต๊ะเลยมั้ยคะ"

สาวใช้ในบ้านถามอัลฟ่าที่เดินออกมาจากห้องนอนตัวเองเพื่อเตรียมเอาอาหารค่ำขึ้นโต๊ะอาหาร


"ยังหรอก ถ้าเด็กนั่นกลับมาค่อยตั้งโต๊ะแล้วมาตามฉันห้องทำงานแล้วกัน"


"วันนี้คุณหนูสั่งไว้ว่าจะไปทานข้าวเย็นกับเพื่อนค่ะ"


ผู้มีศักดิ์ใหญ่สุดในบ้านเงียบไปครู่นึงก่อนใบหน้าคมคายจะพยักไปให้สาวใช้ของบ้านเพื่อให้เธอตั้งโต๊ะอาหารค่ำ

เขาไม่รู้เพราะลูกชายไม่ได้โทรบอก คงจะโทรบอกนมของตัวเองแทนโทรบอกเขาสินะ

เด็กนั่นกำลังตีตัวออกห่างเขาไม่ให้ตัวเองเจ็บ

ส่วนเขาก็กำลังผลักเด็กนั่นออกไปไม่ให้ตัวเองทำร้ายความรู้สึกที่โอเมก้ามากไปกว่านี้


02.27

     ช่วงเวลาดึกสงัดที่ทุกคนต่างเข้านอน ภายในครัวของบ้านหลังใหญ่มีเงาอัลฟ่าที่กำลังรินบรั่นดีลงแก้วตัวเองอยู่เงียบๆ

จอนจองกุกใช้เวลาทั้งหมดหลังทานอาหารค่ำเสร็จจัดการกับงานมากมายของตัวเองจนเวลาล่วงเลยมาถึงป่านนี้

เขาตั้งใจจะดื่มเครื่องดื่มสักแก้วและขึ้นไปนอนพักเสียที แต่เสียงเปียโนที่ดังออกมาจากห้องหนึ่งห้องภายในบ้านกำลังเปลี่ยนความคิดของชายหนุ่ม


     ขาสองข้างของจอนจองกุกก้าวตามเสียงเปียโนมาจนถึงต้นตอของเสียงที่เกิดจากคนที่กำลังนั่งเล่นมันอยู่

คนอายุมากกว่ายืนมองลูกชายที่กำลังตั้งใจนั่งบรรเลงเพลงอยู่ในมุมมืดที่หน้าห้อง เขาเดาว่าจีมินคงยังไม่รู้ตัวว่าเขายืนอยู่ตรงนี้

รสชาติเฝื่อนของแอลกอฮอล์ในมือแผ่ไปทั่วลิ้นทันทีที่จองกุกยกมันขึ้นมาดื่ม หากเป็นปกติเขาคงเดินเข้าไป

พึ่งรู้เหมือนกันว่าการเป็นพ่อลูกกันจริงๆมันน่าอึดอัดขนาดนี้


"จีมินเล่นเก่งมั้ยคุณพ่อ"


"อืม เก่ง"

ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะเอ่ยถามเขาแบบนั้น แต่จีมินกลับไม่ได้หันมามองจองกุก เด็กนั่นเอาแต่มองไปด้านหน้าของตัวเองและปล่อยให้ทั้งห้องมีเพียงเสียงโน๊ตจากเปียโนหลังใหญ่


"จีมินมีเรื่องอยากพูดกับคุณพ่อ"


"เรื่องอะไร"


เสียงเพลงที่เคยบรรเลงกลบความเงียบหยุดไป โอเมก้าค่อยๆผินหน้าไปมองคนที่ยืนอยู่หน้าห้อง นับว่านี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่พวกเขาเลือกจะมองหน้าและคุยกันอย่างจริงจังแบบนี้

"จีมินอยากย้ายไปอยู่หอ"


"ทำไม ?"


"จีมินอึดอัด อึดอัดที่ต้องเห็นคุณพ่อในความรู้สึกที่มันไม่เหมือนเดิม"


"ไม่"


"..."


"อย่าเข้าใจผิด ฉันไมได้อยากรั้งหรือขัดความต้องการเธอหรอก แต่ย่าเธอเขาก็บอกเอาไว้แล้วว่าเธอไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรเองจนกว่าอายุจะถึง20"

อัลฟ่าแทบไม่ได้มองใบหน้าผิดหวังนั้นตอนตอบออกไป จองกุกหันหลังและก้าวเท้าออกมาจากบริเวณนั้น


แต่แรงกอดจากคนด้านหลังที่ทำเอาเขาเกือบเซมันกลับทำลายความตั้งใจของชายหนุ่มจนเขาไม่อยากก้าวต่อเสียด้วยซ้ำ


"ถ้าเราไม่ใช่พ่อลูกกันคุณพ่อจะรักจีมินหรือเปล่า"


"..."

คนอายุมากกว่าค่อยๆแกะลำแขนที่กอดเอวตัวเองไว้ เขาหมุนตัวเพื่อหันไปมองหน้าลูกชายก่อนจะพบว่าใบหน้านั้นถูกอาบด้วยน้ำตาเพราะเขาอีกแล้ว

ปลายนิ้วโป้งถูกยื่นไปปาดน้ำตาอุ่นๆนั้นออกจากใบหน้าโอเมก้า จองกุกเลือกที่จะใช้ความเงียบตัดปัญหาอีกครั้ง


เขาไม่อยากโกหกว่าตัวเองไม่รักเด็กนี่

แต่เขาก็ไม่อยากพูดให้ความหวังจีมินไปมากกว่านี้


โลกของเขากับจีมินมันไม่เหมือนกัน เขาไม่เข้าใจความคิดของเด็ก19ที่เรียบง่าย ไม่สนใจใครและเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้

เช่นเดียวกับที่จีมินไม่เข้าใจความคิดของคนอายุ30แบบเขาว่าเราไม่สามารถทำทุกอย่างตามใจตัวเองได้ในโลกความเป็นจริง


"ดึกแล้ว เธอควรขึ้นไปนอนพักได้แล้ว"


"อย่าหันหลังให้จีมิน"

เสียงสั่นเครือเอ่ยออกมายามที่ชายหนุ่มหันหลังกลับอีกครั้ง เขาได้ยินเสียงสะอื้นดังตามหลังตัวเองอย่างน่าสงสาร


ถ้าเขายอมหันหลังไปมันจะเป็นการปลอบหรือทำร้ายลูกชายมากกว่าเดิมกันแน่นะ ?


     สุดท้ายแล้วอัลฟ่าเลือกที่จะหันหลังให้กับคำขอร้องนั้นและเสียงร้องไห้ที่ยังคงดังท่ามกลางความเงียบ


ไม่ร้องไห้ไม่ได้แปลว่าไม่เจ็บปวด

ไม่มีน้ำตาไม่ได้แปลว่าไม่เสียใจ

ไม่พูดอะไรไม่ได้แปลว่าเขาไม่อยากจะพูด


คำพูดของเขามีเป็นร้อยคำพันคำ แต่หากพูดไปแล้วมันจะทำให้เด็กแก่แดดนั่นไม่ยอมไปจากเขาเพื่อเจอคนที่เหมาะและเกิดมาเพื่อตัวเองเขาขอเลือกที่จะเงียบแบบนี้ดีกว่า


เข้มแข็งมาตลอดไม่ได้แปลว่าอ่อนแอไม่เป็น

ไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็นไม่ได้แปลว่าเขาไม่มีน้ำตา

คนที่เลือกหันหลังมันเจ็บไม่แพ้คนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังหรอก


ต่อให้เขากับจีมินไม่ใช่พ่อลูกกันที่ตรงนั้นก็ไม่ใช่ของเขา จีมินมีคนที่เกิดมาเพื่อตัวเองอยู่แล้ว และคนคนนั้นก็เกิดมาเพื่อจีมิน


สุดท้ายพยายามให้ตายจอนจองกุกก็ไม่ใช่คนคนนั้นยังไงล่ะ


_____


TALK TALK

ไหนใครบอกว่าคุณพ่อใจร้ายไม่รักน้องคะ5555555555555555555

อยากให้เข้าใจว่าการตัดสินใจแต่ละอย่างของคนอายุ30บางทีมันต้องคำนึงถึงปัจจัยอย่างอื่น นี่คือความแตกต่างของการมองโลกระหว่างคุณพ่อกับน้อง โลกของคนอายุ30กับเด็ก19มันต่างกันเนอะ

ตอนที่แล้วคอมเมนท์ปาไป90คอมเมนท์ กำลังใจอีก240 โคตรชื่นใจ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย กำลังใจเพิ่มขึ้นมากๆ ขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอ่านและคอมเมนท์หรือกดให้กำลังใจนะคะ มันมีค่ากับคนเขียนมากจริงๆ


ปล. เรื่องการทำเล่มหนังสือยอดสามารถทำได้นะคะ เดี๋ยวเราขอเวลาจัดหน้าและทำหน้าปกจะมาลงฟอร์มสั่งจอง+โอนเงินให้ค่ะ  


TAG #ลูกเลี้ยงจีมิน

Continue Reading

You'll Also Like

404K 2.1K 40
30 days challenge with a lot of porns -ไรอันทอม -สไปดี้พูล -นิวท์มัส -จาร์วิสโทนี่ -others?
206K 3.7K 14
#ขอบคุณกุกมินที่ว่างนะ
114K 1.3K 20
"ถึงเธอจะหนีฉันไปนรก ฉันก็จะตามตัวเธอกลับมา ปาร์ค จีมิน!!" jK "เธอจะหันมารักฉันบ้างมั้ย คิม ซอกจิน" RM
336K 4.5K 28
จอนกุก : ฉันจะมีใครก็ได้ เเต่เธอไม่มีสิทธิ์ปาร์คจีมิน!! จีมิน : ที่ทนอยู่กับคุณเพราะลูกหรอกนะ.. เเท็ก #ฟิคกุกมินเพื่อลูก