... Again ... [Jingyu X Weizh...

By ryudragon137

3.7K 48 21

อยากจะรู้เธอเป็นอย่างไร ตั้งแต่วันนั้นที่เลิกกันไป โลกใบเก่าๆ ...ที่ฉันยังอยู่และวนอยู่ที่เดิม เธอเป็นอย่างไร... More

Chapter 1
Chapter 3
Chapter 4
Chapter 5
Chapter 6

Chapter 2

664 7 2
By ryudragon137




หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปเร็วกว่าที่คิด

และตอนนี้ผมอยู่ที่หน้าร้านซึ่งเป็นสถานที่นัดหมายเรียบร้อย

ผมได้รับคำเชิญชวนจากเสี่ยวมู่เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อชั่วโมงก่อน

ผมค่อนข้างคิดหนักและลังเล แต่ผมก็คิดว่ามันมีความเป็นไปได้สองอย่าง คือหนึ่งสวี่เว่ยโจวอาจจะไม่มา ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงจะสามารถกินเลี้ยงพูดคุยกับเพื่อนๆในงานได้อย่างสบายใจ
สองคือเขามา และผมยังคิดไม่ออกว่าตัวเองจะเป็นยังไงต่อไป

แต่ชีวิตของคนเรามันก็ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงอยู่แล้ว ผมเลยคิดที่จะลองเสี่ยงดู

รู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่นี่แล้ว ...

ผมเดินลงจากรถของเสี่ยวมู่มาเป็นเวลาร่วมนาทีได้ แต่ขาของผมมันไม่ยอมขยับสักที

แรงตบดังป้าบที่กลางกบาลจากด้านหลังเรียกผมให้หลุดออกจากภวังค์

"ยืนบื้ออยู่ทำไมล่ะครับเพื่อน เข้าไปสิ"

เสี่ยวมู่ที่เพิ่งหาที่จอดรถหน้าร้านได้กระทุ้งไหล่ผม ผมจึงศอกมันกลับไปทีนึง

"ก็รอนายนั่นแหละ"

ผมอ้างไปอย่างนั้น ทั้งที่ความจริงข้างในแล้ว .. ผมรู้สึกประหม่าที่จะเดินผ่านประตูบานนั้นเข้าไปต่างหาก

"งั้นเข้าไปกันเถอะ ฉันหิวแล้ว"

เสี่ยวมู่คล้องแขนมาที่คอผม กึ่งเดินกึ่งลากให้ผมเดินไปข้างหน้า ผมขืนตัวเองเล็กน้อยเพราะขาทั้งสองข้างมันแข็งไปแล้ว

หัวใจผมเต้นเร็วผิดปกติ เหงื่อตามข้างขมับเริ่มซึมขึ้นมา นี่มันลุ้นระทึกยิ่งกว่าเข้าบ้านผีสิงซะอีก

ประตูไม้สีดำขลับของร้านได้ถูกผลักให้เปิดออกโดยมือของเสี่ยวมู่ สายตาหลายคู่ภายในร้านหันมามองเราแทบเป็นตาเดียว

ไม่น่าเชื่อเลยว่าทุกคนในร้านคือเพื่อนสมัยม.ปลายของผมล้วนๆ นี่วันนี้พวกเขาเหมาร้านนี้ไว้เลยรึยังไง ?

เมื่อเห็นผมกับเสี่ยวมู่ที่เพิ่งมาใหม่ เพื่อนหลายคนก็เดินเข้ามาเอ่ยทักทายอย่างดีใจ บางคนเปลี่ยนไปมากจนผมแทบจำไม่ได้ ปกติผมก็จำหน้าคนไม่เก่งอยู่แล้วด้วย

เพื่อนกลุ่มของผมสมัยเรียนต่างกวักมือเรียกให้ไปนั่งด้วยกันที่มุมในสุดของโต๊ะตัวยาวที่ถูกนำมาเรียงต่อกันเกือบสิบโต๊ะ

ผมเดินไปนั่งพลางกวาดสายตาไปทั่วทั้งร้าน

... ไม่มี ...

ผมรู้สึกโล่งอกขึ้นมาเล็กน้อย แต่อีกใจก็รู้สึกหวิวๆอย่างบอกไม่ถูก

ราวกับว่าผมทั้งอยากเจอเขาและไม่อยากเจอเขาในเวลาเดียวกัน

แล้วผมจะอยากเจอเขาไปทำไมกัน ?

แต่ผมไม่ได้มีเวลาคิดอะไรเรื่อยเปื่อยในหัวมาก เพราะพอแก๊งค์เด็กหลังห้องอย่างพวกผมได้กลับมารวมตัวกัน ต่างคนก็ต่างถามสารทุกข์สุกดิบกันไม่หยุด เสียงที่ดังในร้านอาหารแทบจะมาจากพวกผมเป็นจุดเดียว

"เฮ้ย .. พี่ใหญ่จิ่งอวี๋ของเรา ไม่เจอกันนาน ล่ำขึ้นเยอะเลยว่ะ"

'สื่อหลาง' เพื่อนที่ผมสนิทที่สุดคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น สมัยเรียนมันชอบเรียกผมว่า พี่ใหญ่ เพราะมันบอกว่าผมเปรียบเสมือนลูกพี่ของมัน คนอื่นๆบางคนในกลุ่มเลยติดเรียกผมแบบนั้นไปด้วย

แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยได้เจอสื่อหลางเท่าไหร่ เจ้านี่ย้ายที่ทำงานไปอยู่ที่เทียนจิน นานๆครั้งจะกลับมาเซี่ยงไฮ้ที

"จะไม่ล่ำยังไงไหววะ เป็นถึงเจ้าของโรงเรียนสอนยิวยิตซู ถ้าหุ่นเหี่ยวแห้งแบบนายใครมันจะมาเรียนกันล่ะ"

เสี่ยวมู่เป็นฝ่ายตอบแทนผม แต่ก็ยังไม่วายแอบแขวะสื่อหลางไปในตัว ซึ่งการที่เจ้าสองตัวนี้กัดกัน ถือเป็นเรื่องธรรมดามากครับ

"พูดเหมือนนายหุ่นดีนักล่ะ เห็นอย่างงี้ฉันซ่อนรูปนะเว้ย"

"ไหนโชว์สิเพื่อน"

"โชว์เลย ๆ ๆ!!"

สื่อหลางลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเปิดเสื้อของตัวเองขึ้นตามคำยุของเสี่ยวมู่และคนอื่นๆในกลุ่ม ร่างกายผอมกร่องของเขาเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆรวมถึงผมได้อย่างดีทีเดียว

"พวกนายหัวเราะอะไรกัน? ฉันมีของใหญ่แถมแข็งแรงกว่านี้อีกนะเว้ย"

สื่อหลางทำท่าเหมือนจะโชว์ของข้างล่างด้วย เขาเริ่มปลดเข็มขัดออก นั่นทำให้เพื่อนที่นั่งอยู่ทั้งฝั่งซ้ายและขวาลุกขึ้นมายั้งเขาไว้แทบไม่ทัน พวกเพื่อนผู้หญิงที่นั่งห่างไปไม่ไกลต่างปิดหน้าปิดตา พลางด่าสื่อหลางไปด้วย

ผมหัวเราะจนท้องแข็งอย่างไม่ได้เป็นมาหลายปี

แต่เสียงหัวเราะก็ผมก็มีอันต้องสะดุด เมื่อผมได้ยินเสียงใครสักคนทักผู้มาใหม่ที่หน้าประตูร้าน ...

"อ้าว .. โจวโจว เพิ่งมาถึงเหรอ?"

ผมหันไปมองทางต้นเสียงโดยอัตโนมัติ

รอยยิ้มที่ผุดบนใบหน้าค่อยๆเจื่อนลง

หัวใจผมเหมือนหยุดเต้น ทันทีที่ได้เห็นว่าเขากำลังยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ

และเหมือนความพยายามตลอดสี่ปีของผมจะพังทลายลง เมื่อดวงตากลมโตคู่นั้นสบเข้ากับผมที่กำลังมองอยู่พอดี

ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย เหมือนเขาก็ตกใจที่เจอผมเหมือนกัน

ความรู้สึกที่ผมเฝ้าเก็บมันเอาไว้ให้ลึกที่สุดในใจกำลังล้นทะลักออกมาในเสี้ยววินาทีที่เราสบตากัน

แล้วเขาก็เบือนสายตาไปทางอื่นเมื่อเพื่อนของเขาอีกสามคนเดินเข้ามาในร้าน

ผมมองตามเขาตั้งแต่หน้าร้านจนกระทั่งเขานั่งลงบนเก้าอี้อีกมุมหนึ่งของโต๊ะที่ห่างจากตำแหน่งของผมไปไกล

"เฮ้ย ไหวป่าววะ ?"

แรงบีบเบาๆที่ไหล่ทำให้ผมเลื่อนสายตามาที่เสี่ยวมู่ที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาเป็นคนเดียวที่เคยรู้สถานะของ ผมกับสวี่เว่ยโจว มาก่อน

ผมพยักหน้ารับนิ่งๆและพยายามทำตัวตามปกติ










ผมไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่

รู้แค่ว่าผมไม่สามารถบังคับสายตาตัวเองให้มองไปที่อื่นได้เลยนอกจากเขา

มีหลายครั้งที่เพื่อนในวงสนทนาเอ่ยเรียกผม ผมก็จะกลับไปสนใจรอบข้าง แต่เพียงแป๊บเดียวสายตาก็ผมก็จะเบนกลับไปที่เขาอีกอยู่ดี

ผมลอบสังเกตทุกอากัปกิริยาของเขา หลายอย่างในตัวเขาเปลี่ยนไปมาก

อย่างแรกที่สังเกตได้เลยคือ ผมของเขายาวขึ้น กว่าเมื่อก่อน สมัยเรียนผมเขาก็สั้นเหมือนเด็กม.ปลายทั่วไป แต่ตอนนี้กลุ่มผมสีดำขลับปลกลงมาจนเลยคิ้วของเขา

ผมของเขาไม่ได้มีการจัดเซตใส่เจลอะไร ทำให้มันดูเรียบลื่น ผมคิดว่ามันน่าจะนุ่มมืออยู่ทีเดียว

ไม่รู้ช่วงที่ไม่เจอกันเขาไปทำอะไรมา

แต่ผมคิดว่าเขา ... น่ารักขึ้นเยอะ

เขาเป็นคนหน้าหวานอยู่แล้วถ้าสังเกตดีๆ แต่เมื่อก่อนอาจจะไม่ได้ออกหวานขนาดนี้ เขาก็เหมือนเด็กผู้ชายธรรมดาทั่วๆไป

จมูกของเขาโด่งสวย อย่างที่เขาเคยบอกผมว่าเขาภูมิใจกับมันที่สุด ริมฝีปากอวบอิ่มซับสีชมพูอ่อนๆของเขาที่ไม่ว่าเห็นเมื่อไหร่ก็รู้ได้เลยว่านี่คือสวี่เว่ยโจว ไหนจะตาโตๆนั่นอีก

หน้าของเขาตอบลงทำให้หน้าดูเรียวขึ้น เมื่อก่อนแก้มเขาเยอะกว่านี้ ผมรู้สึกว่าผิวของเขาขาวขึ้นด้วย อาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยได้ตากแดด

สิ่งเดียวที่เหมือนเดิมคือ รอยยิ้มสดใสของเขา ที่ไม่ว่าใครได้เห็นก็คงจะอดยิ้มตามไม่ได้ เขาจะยิ้มเยอะเสมอเวลาได้อยู่กับกลุ่มเพื่อน

ไม่ต้องสงสัยหรอกนะถ้าผมจะอธิบายได้ละเอียดขนาดนี้ ก็ผมนั่งมองเขามาเป็นชั่วโมงแล้ว

ผมดูเหมือนพวกโรคจิตไปแล้วรึเปล่านะ

"จ้องขนาดนี้ นายไม่เข้าไปคุยเลยล่ะ"

เสี่ยวมู่กระซิบเบาๆให้ผมกับเขาได้ยินกันสองคน ผมตวัดสายตามามองเสี่ยวมู่นิ่งๆ แล้วหลี่ตาลง

เสี่ยวมู่ยกมือทั้งสองข้างขึ้น เป็นสัญญาณบอกให้ผมใจเย็นลงก่อน

"ไม่ต้องทำหน้าตาดุดันขนาดนั้นก็ได้เฟ้ย ฉันยังไม่อยากตาย"

"แค่หน้าฉันเขายังไม่มองเลย จะให้ฉันเข้าไปคุยอะไร"

"นายน้อยใจรึไง"

"ฉันไม่มีสิทธิ์หรอก เหอะๆ"

ผมแค่นเสียงหัวเราะในท้ายประโยค เบียร์ในมือถูกส่งเข้าปากอีกครั้ง

เสี่ยวมู่ตบบ่าผมสองสามครั้ง ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ จื่อเยี่ยนก็พูดบางอย่างใส่ไมค์สำหรับร้องคาราโอเกะ เรียกความสนใจจากทุกคนได้เป็นอย่างดี

"เอาล่ะเพื่อนๆ ยังอยู่กันครบใช่มั้ย ? มีใครสลบไปแล้วรึยัง"

"สื่อหลางเมาจนหลับไปแล้ว หัวหน้า"

"หนายยย ครายหลับว้า ไม่หลับ ไม่มาว"

สื่อหลางที่สติไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ลุกขึ้นมาเถียง เขายืนเซไปเซมาก่อนจะล้มตึงหงายหลังลงไปกองกับพื้น เรียกเสียงฮาให้ดังระงมไปทั่วร้าน

"ฮ่าๆ ดูเหมือนสมาชิกห้องเราจะหายไปแล้วคนนึงแล้ว โทษทีที่ฉันอาจจะมาพูดช้าหน่อย แต่เห็นทุกคนกำลังกินอร่อย ฉันก็ไม่อยากขัดจังหวะ"

จื่อเยี่ยน หนุ่มมาดติ๋มผู้ครองตำแหน่งหัวหน้าห้องสามปีซ้อนยืนเกาหัวแก้เก้อ

"ในฐานะอดีตหัวหน้าห้อง ฉันดีใจมากที่เพื่อนๆหลายคนสละเวลามางานเลี้ยงรุ่นในวันนี้ พูดได้ว่ามากันครบเกือบทุกคนเลยล่ะ ฉันดีใจมากๆที่ได้เจอทุกคนอีกครั้ง"

"อย่าเพิ่งร้องนะหัวหน้า ฮ่าๆๆ"

เสียงเพื่อนคนหนึ่งเอ่ยแซว ทำให้จื่อเยี่ยนได้แต่ยิ้มจนตาปิด ก่อนจะพูดต่อ

"อ่า .. พวกเราก็ห่างหายกันไปนาน ตอนนี้หลายคนก็เรียนจบแล้ว บางคนก็เรียนต่อ ฉันเลยอยากให้เพื่อนๆทุกคน ออกมาแนะนำตัวเองสักนิดว่าตอนนี้แต่ละคนทำอะไรอยู่ โอเคมั้ย ?"

ทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับจื่อเยี่ยน แถมยังให้เขาเป็นฝ่ายพูดเปิดก่อนเป็นคนแรก หลังจากหัวหน้าพูดจบ เพื่อนคนถัดไปๆ ก็ลุกขึ้นไปแนะนำตัวเองบ้าง ไล่จากตำแหน่งคนที่นั่งใกล้ไมค์ที่สุด

จนกระทั่งถึงคนที่ผมรอคอย ..

ร่างสูงโปร่งในเสื้อยืดคอกลมสีกรมท่าเดินไปรับไมค์จากเพื่อนคนที่เพิ่งพูดเสร็จ เขากระแอมขึ้นเล็กน้อย แล้วยิ้มให้ทุกคน

"สวัสดี ฉันสวี่เว่ยโจว ยังจำกันได้รึเปล่า?"

"จำได้สิๆ"

"โจวโจวของพวกเรา ใครจะไปลืมนายได้กันล่ะ"

สาวๆในห้องรีบตอบรับเขาทันที พวกเธอดูจะกรี้ดกร้าดเขามากอยู่ทีเดียว

"ดีใจจัง ฮ่าๆ ตอนนี้ฉันก็ .. เรียนจบจากมหาลัยปักกิ่งมาได้หลายเดือนแล้ว ตั้งใจว่าจะกลับมาอยู่เซี่ยงไฮ้ ฉันเพิ่งเปิดร้านขายเครื่องดนตรีร่วมกับเสี่ยวฉือ ร้านอยู่ใกล้ๆกับโรงเรียนเราเลย ใครสนใจก็แวะไปได้นะ"

ผมตั้งใจฟังเขาพูด ถึงผมจะเป็นคนจำอะได้ไม่เก่ง แต่เมมโมรี่ในสมองก็ถูกเคลียร์พื้นที่ให้ว่างเพื่อบันทึกของมูลต่างๆของเขา

"แล้วนายมีแฟนรึยัง?"

เพื่อนสาวใจกล้าคนหนึ่งตะโกนขึ้นถาม เรียกเสียงโห่ร้องและเสียงผิวปากให้ดังขึ้น อายกันไปทั้งคนถามและคนถูกถาม

ยอมรับว่าผมก็ค่อนข้างหัวเสียนิดหน่อยที่มีผู้หญิงมาสนใจเขา แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่านี่ก็คำถามที่ผมอยากรู้คำตอบมากๆเหมือนกัน

เขากำไมค์ที่ถืออยู่แน่น แก้มทั้งสองข้างมีสีแดงฝาดอยู่เล็กน้อยอย่างเขินอาย

"เอ่อ .. "

"อ้ำอึ้งแสดงว่ามีล่ะสิ โจวโจว"

เพื่อนผู้ชายที่นั่งอยู่หน้าสุดเอ่ยแซว

หัวใจผมเหมือนหล่นวูบไปพักหนึ่งถ้าหากว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริง

แต่เจ้าตัวกลับรีบส่ายหัวแล้วโบกไม้โบกมือเป็นการใหญ่ แวบหนึ่งผมเห็นเหมือนสายตากลมโตคู่นั้นเผลอมองมาที่ผม

แต่ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ เขาคงแค่มองผ่านๆ

"ไม่มีๆ ตอนนี้ฉันโฟกัสเรื่องงาน เพิ่งเปิดร้านใหม่ยุ่งมาก ไม่มีเวลาคิดเรื่องนั้นหรอก"

คำตอบของเขาทำให้ผมโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก ผมเผลอยกยิ้มที่มุมปากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

หลังจากนั้นไมค์ก็ถูกส่งต่อไปเรื่อยๆ จนถึงตาของผม ผมลุกจากที่นั่งของตัวเอง เดินไปที่ไมค์โดยมีเสียงรัวปรบมือจากเพื่อนๆในกลุ่มประกอบไปด้วย

"สู้เขาพี่ใหญ่!"

พวกเพื่อนผมให้กำลังใจจนเกินหน้าเกินตาซะจนผมได้แต่ยืนกุมขมับ เมื่อเสียงทุกอย่างเงียบลงแล้ว ผมจึงเริ่มพูด

"หวัดดี ฉันหวงจิ่งอวี๋ .."

ความเงียบจากทุกคนทำให้ผมรู้สึกเกร็งนิดหน่อย ผมรู้พวกเขากำลังตั้งใจฟัง แต่แบบนี้มันก็เงียบไปหน่อยนะ

"ฉันเรียนจบแล้ว ไม่ได้มีแผนเรียนต่อ ตอนนี้ฉันเปิดโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ หรือก็ยิวยิตซูนั่นแหละ"

"โว้ว นายยังเล่นกีฬานั่นอยู่เหรอเนี่ย"

จื่อเยี่ยนเป็นฝ่ายเอ่ยถาม ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดี บรรยากาศของผมจะได้ไม่ดูวังเวงจนเกินไป

"ยังเล่นอยู่สิ ตอนนี้มันเป็นอาชีพฉันนะ" ผมตอบ

"นายมีแพลนจะสอนฟรีๆบ้างรึเปล่า"

พอจื่อเยี่ยนเปิดคำถามขึ้นคนแรก เพื่อนคนอื่นๆจึงกล้าที่จะถามผมต่อ

"ถ้านายสนใจก็ลองมาดูก่อนก็ได้"

ผมตอบยิ้มๆ ก่อนจะเจอคำถามเดียวกันกับที่เพื่อนคนก่อนๆเคยเจอ ซึ่งผมรู้อยู่แล้ว

"มีสาวๆหลายคนในห้องแอบกรี้ดนาย แต่ฉันว่าพวกเธอคงไม่กล้าถามเอง เพราะนายหน้านิ่งเกินไป ฉันเลยจะถามให้ นายรู้ใช่มั้ยว่าคำถามคืออะไร ?"

จื่อเยี่ยนที่โดนเลือกเป็นหน่วยกล้าตายส่งคำถามมาให้ผม

ผมกวาดสายตามองไปทั่วร้าน สายตาของผมหยุดลงที่เขาคนเดียว และก็เห็นว่าเขาได้จ้องผมอยู่ก่อนแล้ว คงเป็นมารยาทของคนฟังที่จะต้องมองคนพูด

ผมไม่เลื่อนสายตาไปที่อื่นเลยนอกจากหน้าของเขาในขณะที่ส่งเสียงผ่านไมค์ในมืออย่างหนักแน่น

"ไม่มี"

คำเดียวสั้นๆที่หลุดออกจากปากของผมไปคงส่งผ่านไปถึงเขาได้ ดวงตาที่เคยจับจ้องผมหลุบลงต่ำ ผมไม่เห็นว่าขาทำหน้ายังไงเพราะเขาก้มหน้าอยู่

เสียงกรี้ดเบาๆจากเพื่อนผู้หญิงในห้องสร้างความอิจฉาให้กลุ่มเพื่อนผมไม่น้อย พวกเขาแซวผมแทบจะทันทีที่ผมกลับมานั่งที่เดิม

"พี่ใหญ่เนี่ย สเน่ห์แรงตลอดเลยนะ"

"ฉันเองก็อยากมีสาวมากรี้ดแบบนี้บ้าง ตอนฉันออกไปพูดไม่เห็นมีใครกรี้ดอย่างนี้เลย ทำไมกัน !"

แต่ละคนเริ่มบ่นอุบ ซึ่งผมไม่ได้สนใจอะไร พอคว้าแก้วได้ก็รีบกระดกเบียร์เข้าปากอีกอึกใหญ่

กิจกรรมทุกอย่างที่จื่อเยี่ยนเป็นคนเสนอดำเนินไปเรื่อยๆ ตั้งแต่แนะนำตัวกันเสร็จ ก็มีเล่นเกมกันนิดหน่อย หลังจากนั้นก็เป็นการร้องคาราโอเกะยาวๆ

ผมที่ซัดเบียร์ไปหลายขวด ก็เริ่มอยากจะเอาน้ำออกจากร่างกายบ้าง

ผมลุกออกมาเข้าห้องน้ำที่หลังร้าน ถึงจะดื่มไปเยอะแต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเมา ผมมันเป็นพวกคอแข็งอยู่แล้ว

ผมจัดการธุระตัวเองจนเสร็จเรียบร้อย

แต่พอเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ ผมก็เจอกับใครบางคนที่ยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าห้องน้ำคนเดียว

กลุ่มควันที่ถูกพ่นออกมาค่อยๆจางลงทำให้ผมเห็นใบหน้าของเขาชัดขึ้น

หัวใจเหมือนจะหยุดเต้นเป็นรอบที่สองของวันเมื่อผมได้เห็นหน้าของเขาใกล้ๆ

เรายืนจ้องกันนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนจะเป็นผมเองที่หลุดปากเรียกชื่อเขาอย่างลืมตัว ..






"โจวโจว ..."





---------------------------------------------------
เป็นฟิคเนิบๆ อาจจะเขียนไม่ดีเท่าไหร่
ถือว่าอ่านไปแก้เบื่อละกันนะครับ
หรือเบื่อกว่าเดิม ? 😅
55555555555

Continue Reading