เมื่อเห็นผมกับเสี่ยวมู่ที่เพิ่งมาใหม่ เพื่อนหลายคนก็เดินเข้ามาเอ่ยทักทายอย่างดีใจ บางคนเปลี่ยนไปมากจนผมแทบจำไม่ได้ ปกติผมก็จำหน้าคนไม่เก่งอยู่แล้วด้วย

เพื่อนกลุ่มของผมสมัยเรียนต่างกวักมือเรียกให้ไปนั่งด้วยกันที่มุมในสุดของโต๊ะตัวยาวที่ถูกนำมาเรียงต่อกันเกือบสิบโต๊ะ

ผมเดินไปนั่งพลางกวาดสายตาไปทั่วทั้งร้าน

... ไม่มี ...

ผมรู้สึกโล่งอกขึ้นมาเล็กน้อย แต่อีกใจก็รู้สึกหวิวๆอย่างบอกไม่ถูก

ราวกับว่าผมทั้งอยากเจอเขาและไม่อยากเจอเขาในเวลาเดียวกัน

แล้วผมจะอยากเจอเขาไปทำไมกัน ?

แต่ผมไม่ได้มีเวลาคิดอะไรเรื่อยเปื่อยในหัวมาก เพราะพอแก๊งค์เด็กหลังห้องอย่างพวกผมได้กลับมารวมตัวกัน ต่างคนก็ต่างถามสารทุกข์สุกดิบกันไม่หยุด เสียงที่ดังในร้านอาหารแทบจะมาจากพวกผมเป็นจุดเดียว

"เฮ้ย .. พี่ใหญ่จิ่งอวี๋ของเรา ไม่เจอกันนาน ล่ำขึ้นเยอะเลยว่ะ"

'สื่อหลาง' เพื่อนที่ผมสนิทที่สุดคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น สมัยเรียนมันชอบเรียกผมว่า พี่ใหญ่ เพราะมันบอกว่าผมเปรียบเสมือนลูกพี่ของมัน คนอื่นๆบางคนในกลุ่มเลยติดเรียกผมแบบนั้นไปด้วย

แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยได้เจอสื่อหลางเท่าไหร่ เจ้านี่ย้ายที่ทำงานไปอยู่ที่เทียนจิน นานๆครั้งจะกลับมาเซี่ยงไฮ้ที

"จะไม่ล่ำยังไงไหววะ เป็นถึงเจ้าของโรงเรียนสอนยิวยิตซู ถ้าหุ่นเหี่ยวแห้งแบบนายใครมันจะมาเรียนกันล่ะ"

เสี่ยวมู่เป็นฝ่ายตอบแทนผม แต่ก็ยังไม่วายแอบแขวะสื่อหลางไปในตัว ซึ่งการที่เจ้าสองตัวนี้กัดกัน ถือเป็นเรื่องธรรมดามากครับ

"พูดเหมือนนายหุ่นดีนักล่ะ เห็นอย่างงี้ฉันซ่อนรูปนะเว้ย"

"ไหนโชว์สิเพื่อน"

"โชว์เลย ๆ ๆ!!"

สื่อหลางลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเปิดเสื้อของตัวเองขึ้นตามคำยุของเสี่ยวมู่และคนอื่นๆในกลุ่ม ร่างกายผอมกร่องของเขาเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆรวมถึงผมได้อย่างดีทีเดียว

... Again ... [Jingyu X Weizhou]Where stories live. Discover now