"นี่!!"
"..."
"ไม่ยอมตื่นทำไงดี"
"..."
"ตายแล้วหรือเปล่าวะ"
"..."
"ยังๆ ยังไม่ตาย" คนที่ยืนพูดอยู่คนเดียวถือวิสาสะเอานิ้วมืออังที่จมูกเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าคนที่นอนอยู่ตรงนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ และปลายนิ้วยังรู้สึกถึงความอุ่นร้อน
ฟู่!!
ค่อยโล่งใจหน่อยแต่จะทำยังไงให้ตื่นขึ้นมาได้ จินข้าหลวงใหญ่ผู้ที่ได้รับคำสั่งจากองค์ท่านให้มาคุมโอเมก้าคนนี้ยืนมองอย่างหมดปัญญาเพราะดูเหมือนว่าจะปลุกยากปลุกเย็นซะเหลือเกิน
"หรือว่าจะไม่สบาย...แล้วเราจะทำยังไง ไปรายงานท่านราชเลขาก่อนมั้ย ...จะดีหรอวะ เราควรทำให้เขาตื่นก่อนนะ งานก็ต้องทำไม่เช่นนั้นคนที่โดนหนักคือเรานะ" ยืนพูดอยู่คนเดียวไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ใจหนึ่งก็สงสารเพราะดูจากสภาพแล้วท่าทางจะอิดโรย เรื่องเมื่อวานนี้พวกเขาก็พอจะรู้มาบ้างแต่จะปล่อยให้นอนหลับก็อาจจะโดนหนักกว่านี้
ตึก...ตึก...ตึก...ตึก
เสียงฝีเท้าทำให้เขาต้องหันไปมองแต่เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็รีบก้มหัวลงอย่างไว องค์ราชันที่ขึ้นมายังบนชั้นสองของโรงเลี้ยงม้าหยิบถังที่วางอยู่ใกล้ซึ่งข้างในบรรจุน้ำจนเต็มสาดใส่คนที่หลับอยู่เต็มแรง
ซ่า!!
น้ำเต็มถังถูกสาดลงบนตัวจีมินที่นอนหลับใหลอยู่จนสะดุ้งตื่น เขาสำลักน้ำเข้าไปเต็มๆ แต่นั้นไม่ได้ช่วยให้คนที่สาดใส่เห็นใจ กลับกันเขาได้ยินแต่เสียงหัวเราะหึในลำคอจากคนตรงหน้า
แค่กๆๆ..
จีมินปรับสายตาให้เห็นได้ชัดเจนขึ้นแต่มันมืดเกินกว่าจะมองเห็น ทั้งยังเรื่องเมื่อวานทำให้เขาไม่กล้าสู่หน้าใครได้
"เจ้าต้องทำงานมิใช่มานอนสบายอยู่ตรงนี้"
ฟังจากน้ำเสียงแล้วคงไม่ใช่ใคร องค์กษัตริย์คนที่ราชเลขาบอกเขาว่าไม่ได้เหี้ยมโหด และนี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่พระองค์ทำกับเขาแบบนี้ จีมินรีบลุกมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วยความตื่นกลัว
"ทำงาน? ตะ...แต่หม่อมฉันถูกส่งมาเป็นของบรรณาการ"
"ของบรรณาการ หึ!คิดว่าจะได้มาเป็นหนึ่งในคนของข้าอย่างงั้นรึ! ใช่เจ้าเป็นของบรรณาการ แต่เป็นของที่ข้าไม่พอใจ ของบรรณาการอย่างเจ้าข้าจะทำเช่นใดก็ได้"
...ปัง
สิ้นคำถังโลหะก็กระทบกับพื้นเฉียดกายของจีมินไปแค่เสี้ยว คนถูกกระทำสะดุ้งจนตัวโยน เสียงของมันดังจนหูอื้ออึ้ง ท่านจะรู้หรือไม่ว่าแท้ที่จริงแล้วความจริงนั้นเป็นเช่นไร เขาเป็นคนเดียวที่ต้องยอมรับโชคชะตาอันแสนโหดร้ายใช่หรือไม่
ร่างกายที่เปียกปอนเดินตามเจ้าชีวิตลงมาโดยมีข้าหลวงจินตามมาข้างหลัง สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือคอกม้าซึ่งมีม้าสองตัวอยู่ข้างใน เมื่อวานที่มาที่นี่เขาไม่ได้สังเกต คนตัวเล็กเดินขึ้นไปบนชั้นสองของอาคารไม้และหลับไปในที่สุดจนกระทั้งเช้าของวันนี้
"เจ้าต้องทำความสะอาดโรงเลี้ยงม้าแห่งนี้ สิ่งแรกที่เจ้าต้องทำคือเก็บขี้ม้านั้นซะ! งานแค่นี้ทาสชั้นต่ำอย่างเจ้าคงทำได้"
ขี้ม้าใหม่ๆ ที่กองอยู่ในคอกกลิ่นมันไม่สู้ดีนัก เจมินาสรับถังและพลั่วตักจากข้าหลวงมาไว้ในมือก่อนจะเข้าไปข้างใน ม้าสีดำมันวาวดูสวยงามแต่ในขณะเดียวกันมันก็ตัวใหญ่จนดูน่ากลัว จีมินไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน จะเคยเห็นก็แต่ในหนังสือ มันดูสง่างามจนอยากจะเอื้อมมือไปสัมผัสแต่สายตาขององค์ท่านที่มองมานั้นทำให้คนตัวเล็กต้องก้มหน้างุดรีบสาวเท้าไปยังกองขี้ม้าที่อยู่ด้านในสุด
"เก็บมันด้วยมือเปล่าของเจ้า" ทั้งที่มีพลั่วตักแต่เขาให้เก็บมันด้วยมือเปล่า ขี้ม้ากลิ่นไม่น่าภิรมย์แถมยังมีลักษณะค่อนไปทางเหลวจะสามารถเก็บมันด้วยมือเปล่าได้อย่างไรกัน
"เร็วเข้า!" เสียงแส้กระทบกับคอกกั้นดังสนั่น จีมินสะดุ้งตกใจและมีอาการสั่นกลัว เสียงนี้เขาจำได้ดีมันอยู่ในจิตสำนึกของจีมิน ที่ปราสาทธานอสจีมินจะโดนทำโทษด้วยการเฆี่ยนตีและมันทำให้จีมินกลัว
"เป็นบ้าอะไรยืนตัวสั่นอยู่ได้ เร็วเข้าเก็บมันขึ้นมา!"
น้ำตาหยดแหมะลงบนพื้น จีมินทั้งกลัวทั้งรู้สึกอดสูในตัวเอง มือเล็กๆ ขาวสะอาดน่าถนุถนอมค่อยๆ หยิบขี้ม้าขึ้นมา ดูช่างน่าสงสารนักในสายตาของข้าหลวงที่ยืนมองดูอยู่ข้างหลัง กลับกันคนที่ปกครองแผ่นดินกลับยืนมองด้วยสายตาเรียบเฉย
"ไม่ต้องทำเป็นขยะแขยงหรอก เจ้าน่าสะอิดสะเอื้อนเสียยิ่งกว่าขี้ม้าเสียอีก" วาจาช่างเชือดเฉือนนักเหตุใดเขาถึงรังเกียจเดียดฉันท์เราได้ถึงเพียงนี้ จีมินจำต้องทำใจเอื้อมมือไปกำก้อนขี้ม้าสีเขียวเข้ม สัมผัสเปียกชื้นทำให้รู้สึกขยะแขยง มือเล็กๆ สั่นไม่อาจทำใจกำมันขึ้นมาได้
"ข้าบอกให้หยิบมันขึ้นมา!"
เพี้ยะ!
เสียงแส้ฟาดลงบนพื้นอีกครั้ง มันเหมือนดั่งเสียงมจุราชจีมินข่มใจที่สั่นกลัวกำก้อนเหม็นขึ้นมา
"ทำให้เสร็จอย่าให้เหลือแม้แต่เศษเสี้ยว" เจ้าชีวิตตรัสคำสั่งก่อนจะเดินออกไป ข้าหลวงจินยืนมองดูโอเมก้าตัวน้อยอย่างเหลือเชื่อปนหดหู่ในใจ ทั้งที่มีพลั่วเก็บแท้ๆ แต่องค์ท่านกลับสั่งให้คนตัวเล็กทำแบบนั้น เอาเถอะมันเป็นคำสั่งขององค์ท่านเขาช่วยอะไรไม่ได้หรอก
"เก็บเสร็จแล้วเจ้าต้องนำออกไปทิ้ง" เอ่ยบอกกับคนที่ก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่จีมินไม่เอ่ยอะไรออกมาสักคำจนกระทั้งคอกม้าสะอาดเอี่ยมอ่อง
หลังจากทำตรงนี้เสร็จจีมินจึงรู้ว่าเขามีงานที่ต้องทำอีกมากโดยคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขามีหน้าที่มาควบคุมให้เขาทำงานตามที่องค์ท่านสั่ง
"ตามข้ามา" เปิดประตูออกมาจากโรงเลี้ยงม้าลมหนาวยามเช้าตรู่ตีปะทะผิวกาย อากาศข้างนอกนี้ช่างหนาวนักคนที่เนื้อตัวเปียกปอนอยู่แล้วหนาวจนริมฝีปากสั่น
"ทิ้งตรงนี้เร็วเข้าเจ้ามีงานต้องทำต่อ" อยากจะขอเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่เห็นจะไม่ได้ จีมินทิ้งขี้ม้าตามคำสั่งของข้าหลวงก่อนจะเดินตามเขาไปอย่างเงียบๆ แต่เมื่อเห็นเดินมานานจึงเอ่ยถามออกไป
"ข้าขอถามได้ไหมงานที่ว่าคืองานอันใด" เอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงน่าฟังถึงแม้จะโดนกระทำขนาดนี้แล้วจีมินก็ไม่เคยมีน้ำเสียงไม่พอใจใดๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย
"คำสั่งจากองค์ท่าน เจ้าเป็นทาสก็ต้องทำงาน เร็วเข้าชักช้าอืดอาจเดี๋ยวไม่ทันการหรอก" ทาส... เขาเปลี่ยนสถานะแล้วสินะ เร็วดีจริง ได้แต่คิดในใจแล้วจำยอมทำตามที่เขาสั่ง
"แล้วเจ้าจะพาข้าไปไหน"
"เจ้า? เจ้าบังอาจเรียกข้าด้วยคำนั้นอย่างงั้นหรอ เจ้าเป็นแค่ทาสเจ้าไม่มีสิทธิ์"
"ขออภัยด้วยข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร"
"ใช่ ในเมื่อเจ้าไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร คนที่มีต่ำสุดในพระราชวังนี้คือเจ้าจำเอาไว้ เจ้าต้องเรียกคำนำหน้าทุกคนว่าท่านเข้าใจมั้ย! " ศักดินาที่แท้จริงไม่มีอยู่จริง แผ่นดินนี้ยังคงเหยียบชนชั้นโอเมก้าให้จมดิน ต่อให้เกิดในชั้นฟ้าพวกเขาก็มองว่าต่ำต้อยอยู่ดี จีมินก้มหน้ารับโชคชะตาสุดแล้วแต่ฟ้าจะกำหนด ในเมื่อไม่อยากตายก็ต้องอยู่ให้ได้
ระยะทางไม่ใช่ใกล้จากโรงเลี้ยงม้าจนมาถึงบริเวณนี้ มันเป็นเหมือนบ่อน้ำขนาดไม่ใหญ่มาก มีเสียงน้ำไหลมาจากที่สูง
"น้ำนี่ไหลมาจากเทือกเขาทางโน้นเจ้าต้องมาตักน้ำที่นี่ทุกเช้าไปใส่รางม้า จำไว้ว่าต้องเปลี่ยนทำความสะอาดทุกวันแล้วเติมน้ำให้เต็มและที่สำคัญห้ามเอาน้ำจากที่อื่นต้องที่นี่เท่านั้น หลังจากนั้นเจ้ากลับมาไปตัดหญ้าที่ตรงโน้น" เขาชี้ไปอีกด้านซึ่งจีมินมองไม่เห็นว่ามันจะมีอะไร มืดขนาดนี้จะสามารถทำได้อย่างไรกัน
"ต้องรีบตัดก่อนตะวันจะขึ้นถึงยอดไม้นั้นทางที่ดีควรตัดให้เสร็จก่อนฟ้าสางเพราะตอนเช้ามีน้ำค้าง น้ำค้างเป็นยาชั้นดีช่วยให้กล้ามเนื้อของม้าแข็งแรง"
"ใช่ข้าเคยอ่านมาเหมือนกัน ไม่ใช่แค่ม้านะ เด็กทารกที่หัดเดินถ้าได้เดินบนพื้นหญ้าในตอนเช้าน้ำค้างที่เกาะอยู่จะช่วยให้ขาและกล้ามเนื้อของเด็กทารกแข็งแรงพวกเขาจะเดินได้ไว"
"เจ้าไปอ่านมาจากไหนกัน เจ้าเป็นทาสเจ้าอ่านหนังสือออกด้วยรึ" คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย ทาสชั้นต่ำอย่างนี้มิน่ามีความรู้ ส่วนจีมินเมื่อรู้ว่าพูดมากไปจึงรีบแก้ต่างให้ตนเอง
"เอ่อ..คือ ข้าพูดผิดนะ ข้าได้ยินเขาพูดกันข้าเลยจำเขามา"
"ทำเป็นอวดภูมิ ที่แท้ก็จำเขามา เอาล่ะลงมือทำได้แล้วชักช้าเดี๋ยวจะเป็นเรื่อง" คนๆ นั้นยื่นถังน้ำใบโตให้กับจีมินสองถัง เขารับมันมาแต่ก็ยังยืนนิ่งเฉย
"ยืนบื้ออยู่ทำไม"
"เออ ข้าไม่รู้ว่าต้องทำยังไง" เอ่ยออกไปเสียงเบา
"ยังไง อะไร ตักน้ำเนี้ยนะเจ้าไม่รู้ประหลาดคน" สาบานได้ว่าเขาไม่รู้จริงๆ แต่จะพูดไปให้ใครเชื่อ
"ข้า..เออ ข้า"
"อย่ามาทำเป็นเล่นตลกกับข้านะ" ข้าหลวงจินขึ้นเสียงเขาไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อน
"ข้า..." ท่าทางที่แสดงออกไปเหมือนคนโง่ไม่มีผิดข้าหลวงจินถึงกับสบทออกมา
"โถ่เอ้ย! เอามานี้ แค่จุ่มมันลงไปในน้ำให้น้ำมันไหลเข้ามาเต็มถังแล้วเจ้าก็ยกมันขึ้นมาแค่นั้น จากนั้นก็หาบมันไปด้วยไม้นี้" สอดไม้ใส่หูของถังที่บรรจุน้ำอยู่เต็มก่อนจะยกมันขึ้นใส่บ่าให้
"มันหนัก" จีมินรับคานหาบอย่างเต็มแรง เพราะไม่ทันได้ตั้งรับน้ำหนักถังน้ำกระแทกใส่ไหล่เต็มแรงจีมินไม่สามารถพยุงมันไว้ได้และในที่สุดถังน้ำก็หล่นลงพร้อมกับจีมินที่ล้มลงไปกับพื้น เปียกปอนไปหมดซ้ำยังสกปรกไปด้วยดินโคลน
"โอ้ย! ทำไมทำไม่เป็น เจ้าทำไม่เป็นหรือแกล้งทำไม่เป็นกันหา! หรือว่าเป็นแต่เรื่องอย่างว่า เรื่องพวกนี้ไม่เคยทำ"
"...ข้าขอโทษ" รีบลุกขึ้นยืนทั้งที่เจ็บระบมไปหมด ช่างเถอะจะมาอ่อนแอให้เขาดูถูกอยู่อย่างนี้ร่ำไปไม่ได้
"ข้าจะลองทำใหม่" ลงไปตักมันขึ้นมาอีกรอบคราวนี้เอาพอน้ำหนักที่ตนเองจะรับได้ใช้คานหาบพยุงขึ้นไหล่ สองมือเล็กพยายามประคับประคองให้ทั้งสองข้างสมดุลเพื่อจะได้ทรงตัวได้ และในที่สุดก็ทำได้ มันไม่ยากแต่ต้องระวัง
"ข้าทำได้แล้ว เห็นมั้ย" จีมินยิ้มดีใจใหญ่เหมือนเด็กน้อยไม่มีผิด ข้าหลวงจินที่ยืนดูอยู่ถึงกับทึ่งในความใสซื่อของคนตรงหน้า
"เจ้าปัญญาอ่อนรึแค่นี้เองทำเป็นดีใจ เร็วเข้ารีบๆ หาบไป" อะไรกันโดนใช้งานยังมีหน้ามายิ้มอีก ข้าหลวงจินนึกในใจก่อนจะเดินนำหน้าจีมินไป นี้เขามาเจอคนประหลาดหรือคนโง่กันแน่
อีกฟากหนึ่งกษัตริย์หนุ่มผู้ที่ออกคำสั่งให้ลงโทษโอเมก้าที่บังอาจเสนอตัวมาเป็นของบรรณากาของเขายืนมองดูอยู่ สายตาเรียบนิ่งมองการกระทำของโอเมก้าคนนี้
"องค์ท่านจะทำอย่างนี้จริงหรือพะย่ะค่ะ โอเมก้าคนนั้นถูกส่งมาเป็นของบรรณาการถ้าหากทางธานาสรู้เข้า" ราชเลขาโฮปพูดกับองค์เหนือหัวที่ยืนอยู่ข้างกัน
"เจโฮปเจ้าไม่รู้อะไรโอเมก้าคนนั้นเป็นคนเสนอตัวมาเอง"
"ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น หม่อมฉันคิดว่าเป็นท่านเสนาแห่งแคว้นธานาสส่งมาเสียอีก"
"หึ!" ทำเสียงหึในลำคอ องค์กษัตริย์จอนนึกย้อนไปถึงเนื้อความในจดหมายนั้น
'โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยองค์ท่าน ด้วยที่ท่านพ่อยังมองว่าหม่อมฉันเด็กเกินไปที่จะมีรักท่านจึงไม่สามารถส่งตัวหม่อมฉันมาสู่อ้อมกอดขององค์ท่านได้ เรื่องนี้ต่างทำให้ทั้งตัวหม่อมฉันและครอบครัวเกิดการทะเลาะกันด้วยใจของหม่อมฉันที่หลงรักพระองค์ หม่อมฉันเศร้าใจนัก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ นี่เป็นรักแรกของหม่อมฉัน รักแรกที่สูงเกินเอื้อม หม่อมฉันยังเด็กเกินไปยังไม่คู่ควรต่อองค์กษัตริย์ผู้สูงส่ง ให้เวลาหม่อมฉันพิสูจน์ตนเองว่าคู่ควรเคียงข้าง
มิใช่ว่าจะฝ่าฝืนหรือไม่เคารพยำเกรงในพระองค์ หม่อมฉันหาทางออกมิได้ กลัวเกรงว่าพระองค์จะทรงไม่พอพระทัย แต่ท่านพ่อก็ยังยืนยันว่ามิให้หม่อมฉันถวายตัวจนกว่าจะครบยี่สิบปี ทั้งที่รักพระองค์แต่ก็ทรงกลัว ไม่รู้จะทำเช่นไรดี
แต่โชคดีนักที่มีท่านพี่คนนึงเสนอตัวช่วยไว้ โปรดรับโอเมก้าคนนั้นไว้ด้วย จนกว่าจะถึงวันนั้นถ้าพระองค์ยังมีใจโปรดรอหม่อมฉันด้วย แต่ถ้ามิรัก... หม่อมฉันก็ขอรักองค์ท่านแต่เพียงข้างเดียว'
รัก ลลิซ
"ท่าทางเก้ๆ กังๆ ขนาดนี้เห็นได้ชัดว่าโอเมก้าคนนี้ทำงานไม่เป็น"
"ทำไม่เป็นหรือแกล้งทำไม่เป็น"
"องค์ท่านคิดเช่นนั้นหรือพะย่ะค่ะ"
"หึ! คงถูกฝึกมาให้เก่งแต่เรื่องอย่างว่างานอื่นถึงทำไม่เป็น" ไม่รู้ว่าองค์ท่านเกลียดอะไรโอเมก้าคนนี้หนักหนาแต่เขาก็ไม่อาจขัดคำสั่งได้ เจรามี่มองไปยังจีมินอย่างนึกสงสารเขาไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกสงสารโอเมก้าคนนี้แต่จากที่เขาสัมผัสได้จีมินไม่น่าจะเป็นแบบนั้น อาจเป็นเพราะนัยน์ตาเศร้าๆ นั้นก็เป็นได้
#บรรณาการกุกมิน
Talk : เกลียดอะไรกันหนักกันหนาหา! องค์ท่าน หึ้ย!!!!