จวนไหว่กง กำลังจัดพิธีแต่งงานใหญ่โต แขกเหรื่อมาร่วมงานมากมาย เพราะตระกูลไหว่กงเป็นตระกูลที่มีอำนาจมาก กระทั่งฮ่องเต้ยังต้องให้ความเกรงใจ เพราะเป็นตระกูลเก่าแก่ที่ความจริงแล้วสมควรจะต้องกลายเป็นตระกูลผู้ครองแคว้น แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ในตระกูลถึงให้กำเนิดบุตรชายน้อยมาก จนกระทั่งมาถึงวันนี้ ทายาทสืบทอดก็มีเพียงคนเดียว
ไหว่กงอันหลาง แม้จะอายุเพียงสิบห้า แต่ก็ถือครองตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ เพราะออกรบตั้งแต่อายุสิบปี ชนะศึกใหญ่นับไม่ถ้วน เพราะความที่ตระกูลไหว่กงเกรงจะไร้ทายาทต้องรีบให้ไหว่กงอันหลางแต่งงาน
เจ้าสาวคือองค์หญิงเจ็ดพึ่งเลยวัยปักปิ่นมาได้ไม่นาน แต่รูปร่างกลับเย้ายวนจนทำให้บุรุษตั้งแต่คนหนุ่มไปถึงคนแก่ต้องน้ำลายหก อะไรที่ควรมีก็มีจนใหญ่โตเกินตัวจนล้นทะลัก
ในห้องหอประดับประดาไปด้วยผ้าสีแดง แสงสีแดงจากเทียนมงคลทั้งสองแท่ง สาดส่องเงาของคู่บ่าวสาวที่กำลังโยกย้ายบนเตียงกว้าง ความไร้ประสบการณ์ของอันหลาง ทำให้แลดู เงอะ ๆ งะ ๆ จนเจ้าสาวต้องเก็บความอัดอั้นรวมทั้งความไม่พอใจเอาไว้ เพราะเจ้าบ่าวที่พึ่งปลดปล่อยกลับนอนหลับไปหน้าตาเฉย ทิ้งให้นางอารมณ์ค้างคา แต่ก็หลับตามไปในที่สุด
กลางดึก ไหว่กงอันหลางลืมตางัวเงียเพราะถูกเสียงรบกวน เสียงครวญครางของภรรยาที่พึ่งแต่งงานดังอยู่ข้างกาย ดวงตาค่อยๆ ลืมขึ้นเต็มตาอย่างช้าๆ
ภาพที่เห็นคือใต้หว่างขาของภรรยาหมาด ๆ มีคีรษะคนผู้หนึ่งกำลังก้มเลียความเป็นหญิงของนางอย่างเอร็ดอร่อย คล้ายคนตะกละตะกลาม เสียงครวญครางดังอย่างไม่อายใคร สองมือขยุ้มเส้นผมคนผู้นั้นไว้แน่น บิดสะโพกส่ายไปมาทั้งแอ่นเข้าหาปลายลิ้น ส่วนสองมือชายผู้นั้นก็เคล้นคลึงปทุมถันอันใหญ่โตไว้เต็มกำมือ
กระทั่งคนผู้นั้นลุกขึ้นมาจับสองขานางถ่างอ้ากว้าง แล้วสอดใส่แก่นกายใหญ่โตเข้าไปอย่างแรงจนหญิงสาวร้องครางไม่เป็นศัพท์ ไหว่กงอันหลางถึงได้เห็นใบหน้าชัดๆ ผู้เป็นบิดากำลังกระแทกแก่นกายเข้าออกถ้ำสวรรค์ของภรรยาของเขาที่พึ่งแต่งงานกันซ้ำยังเป็นคืนเข้าหอ
แต่น่าแปลก ภาพที่เห็นกับทำให้รู้สึกดี จนต้องเอื้อมมือไปชักรูดแก่นกายที่กำลังตั้งชันของตนเอง เต้าใหญ่โตส่ายไปมาตามจังหวะการกระแทก เสียงครวญครางดังลั่นห้องทำให้รู้ว่าคนทั้งคู่เสียวซ่านเพียงใด นางถูกทำด้วยหลายท่วงท่าเสร็จสมไปไม่รู้กี่ครั้ง
เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่อาจนับ จนกระทั่งผู้เป็นบิดาลุกแต่งตัวออกไป ไหว่กงอันหลางก็ขึ้นคล่อมภรรยาที่นอนหมดเรี่ยวหมดแรงจับขานางถ่างออก แทงแก่นกายที่แข็งชันเข้าไปทันที ร่องรอยน้ำรักของบิดายังฉ่ำแฉะเต็มรูรักของนาง ยิ่งปลุกเร้าอารมณ์กำหนัด กระแทกทั้งเร็วทั้งแรงจนปลดปล่อย
หลังจากผ่านคืนเข้าหอทุกอย่างก็เหมือนปกติ เพียงแต่ทุกค่ำคืนในยามดึกบิดาจะย่องเข้ามาร่วมรักกับลูกสะใภ้ต่อหน้าบุตรชายตนเองทุกคืน
เวลาผ่านไปหกเดือน ไหว่กงอันหลางต้องยกทัพไปออกศึก ก่อนไปก็ทราบข่าวการตั้งครรภ์ของฮูหยินตัวเอง องค์หญิงเจ็ดแต่งครั้งเดียวได้สามีถึงสองคน หากไม่ท้องสิแปลก มีเพียงแต่ว่าผู้ใดคือบิดาของเด็กก็เท่านั้น แต่เกรงว่าจะเป็นผู้บิดาเสียมากกว่า เพราะเอานางแทบจะทั้งวันทั้งคืน
ชายแดนแคว้นเย่า
ข้าศึกคราวนี้มีนิสัยโหดเหี้ยมไม่น้อย สังหารกระทั่งผู้บริสุทธิ์ แม้แต่เด็กทารกตาดำๆ ก็ไม่เว้น ทำให้แม่ทัพไหว่กงต้องเร่งยกทัพไปกำจัด กำลังเพียงห้าหมื่นนายทำลายทัพข้าศึกถึงสองแสนนายจนแตกพ่าย ยังออกคำสั่งให้ถลกหนังและตัดหัวเสียบประจานเพื่อข่มขวัญ จนทำให้เหล่าข้าศึกถึงกับขนพองสยองเกล้าถอยทัพที่เหลือเพียงหยิบมือออกไปจากอย่างรวดเร็ว
ความเก่งกาจและความโหดเหี้ยมของแม่ทัพไหว่กง ต่างเป็นที่ร่ำลือไปทั่ว หลังจากเสร็จศึก กองทัพออกสำรวจเหล่าชาวบ้านที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ เพื่อให้ความช่วยเหลือ ครั้งนี้ไหว่กงอันหลางถึงกับลงมาตรวจสอบด้วยตนเอง
"สิบหกหมู่บ้านนอกเมืองหน้าด่านล้วนไม่เหลือผู้รอดชีวิตขอรับ"
"ข้ารู้แล้ว" อันหลางสาวเท้าเข้าไปยังหมู่บ้านร้างที่ถูกเผาทำลายจนไม่เหลือซาก มีทหารที่กำลังเก็บซากศพไปเผา มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่บางครอบครัวถูกขังให้ตายทั้งเป็นในกองเพลิง สงครามก็เป็นเช่นนี้ ไม่มีอันใดต้องเสียใจ ใบหน้าไร้อารมณ์ก้าวต่อไปเรื่อย ๆ
โอ๊ย!! เสียงเล็กแหบแห้งฟังดูก็รู้ว่าเป็นเสียงของเด็ก ทำให้เท้าแม่ทัพไหว่กงหยุดชะงัก เร่งสาวเท้าเข้าไปตามเสียง ใช้มือหยิบซากไม้ที่ถูกเผาออก จนเห็นหลุมดินไม่ลึกมากแต่ก็พอจะให้เด็กคนหนึ่งได้หลบซ่อน ในนั้นมีเด็กน้อยผอมแห้งเนื้อตัวสกปรกมอมแมมอายุราวห้าปี นั่งขดตัวด้วยความหวาดกลัว ดวงตากลมโตมีน้ำเอ่อคลอกำลังจ้องมองมา ริมฝีปากเม้มสนิทคล้ายกำลังกลั้นเสียงร้อง
ฝ่ามือหนายื่นลงไปให้เด็กน้อย "ข้ามาช่วย ขึ้นมาเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว" อาจเพราะน้ำเสียงอ่อนโยน ทำให้เด็กน้อย ค่อยๆ ยื่นมือเล็กอันสั่นเทามาจับกับฝ่ามือใหญ่ ไหว่กงอันหลางยืนแขนอีกข้างไปช้อนแผ่นหลังเล็กอุ้มขึ้นมาจากหลุม
เด็กน้อยมองไปรอบๆ ด้วยน้ำตาหลั่งรินแต่กลับไม่ยอมปล่อยเสียงร้องออกมา จนต้องคอยลูบหลังปลอบโยน "หากอยากร้องไห้ ก็ร้องออกมาเถิด เก็บเอาไว้มันอาจไม่ดีกับตัวเจ้า"
"ฮึก ๆฮือ ๆ" เสียงร้องไห้จ้า คล้ายจะปลดปล่อยทุกอย่างออกมาในคราวเดียว ร้องจนกระทั่งฟุบลงบ่นบ่ากว้าง เหมือนเจอที่ปลอดภัยถึงได้หลับสนิทไปอย่างง่ายดาย
หลังจากวันนั้น ไหว่กงอันหลางพาเด็กน้อยมาอยู่ที่เมืองหลวง และรับเป็นบุตรชายบุญธรรมตั้งชื่อให้ใหม่ นามไหว่กงหลู่เซียน ทั้งตระกูลไหว่กงต่างให้การยอมรับหลู่เซียน เพราะความที่เป็นเด็นน่ารัก ทั้งยังเฉลียวฉลาดช่างเจรจา กอปรกับเพราะฮูหยินของไหว่กงอันหลางคลอดบุตรสาว ทุกคนรวมทั้งบิดามารดาของไท่กงอันหลางจึงยิ่งรักและเอ็นดูเด็กชายผู้นี้
หลู่เซียนรักและเทิดทูนอันหลางยิ่งกว่าสิ่งใด ภาพบุรุษที่มาพร้อมแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดในวันนั้น มันฝังลงไปในจิตวิญญาณของเด็กน้อยจนไม่มีวันลืม
ทุกอย่างแลดูเหมือนจะดี ถ้าเพียงแต่ตระกูลไหว่กงมิใช่ตระกูลที่มากด้วยราคะ และความมักมาก หลู่เซียนรู้เห็นทุกอย่าง เพราะไหว่กงอันหลางกับบุตรชายแทบจะตัวติดกัน กระทั่งเคยพาไปนอนบนเตียงเดียวกับฮูหยินก็เคยมาแล้ว
พออายุได้สิบสามปี ช่วงที่ไหว่กงอันหลางนำทัพไปออกรบ หลู่เซียนก็ถูกสตรีที่ตนเองเรียกว่าท่านย่า สั่งสอนบทรักให้เสียแล้ว ไม่เพียงแค่ท่านย่าเท่านั้น ท่านแม่เองก็เช่นกัน
กระทั่งหลู่เซียนโตเป็นหนุ่มรูปงาม ซ้ำยังพ่วงตำแหน่งจองหงวนอันดับหนึ่งในวัยยี่สิบปี เกิดมีความรักให้น้องสาวต่างสายเลือด อย่างไหว่กงมี่อิง แท้จริงแล้วทั้งคู่แอบมีสัมพันธ์กันตั้งแต่ผู้เป็นน้องอายุเพียงสิบสามปี ตอนนี้นางสิบห้าแล้วมี่อิงก็เหมือนมารดา เป็นหญิงมากราคะ และหลู่เซียนก็ชอบที่นางเป็นเช่นนี้
"พี่หลู่เร็วอีก อื้อออ นะ..น้องใกล้แล้ว ระ..เร็ว.." เสียงครวญครางของหญิงสาวยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ของหลู่เซียน ให้กระแทกแรงขึ้น เร็วขึ้น
โครมมมมมมมมมม!!!!!!! เสียงประตูกระแทกเปิดออกอย่างแรง
"ท่านพ่อ!!!"
"ท่านพ่อ!!!"