ห้าโมงเช้าวันถัดมาฉีซิ่วหยวนนั่งเคาะแป้นคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊กอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นในขณะที่เซียวหลี่เดินออกมาจากห้อง
"ผมว่าคุณน่าจะนอนพักอีกสักหน่อยนะ"
ฉีซิ่วหยวนขยับโน้ตบุ๊กออกไปข้างๆ
"รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?"
"ก็ยังปวดหัวอยู่นิดหน่อย"
เซียวหลี่ขมวดคิ้วเป็นปม
"ห้องน้ำอยู่ตรงไหน?แล้วเสื้อผ้าผมล่ะ?"
"ตอนนี้ซักอยู่เดี๋ยวผมคืนให้ใส่ของผมไปก่อนก็แล้วกัน"
ฉีซิ่วหยวนบอก
"ห้องน้ำอยู่ประตูขาวตรงกลาง คุณไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวผมทำอะไรให้กิน"
เพียงแค่เซียวหลี่หันหลังเดินไปเข้าห้องน้ำฉีซิ่วหยวนก็ค้นพบว่ากลางหลังส่วนบนของเขามีรอยสักรูปเสือกำลังปีนป่ายภูเขาลูกใหญ่ลูกหนึ่งอยู่เต็มไปด้วยความหยิ่งผยองและท่วมท้นด้วยพลังที่ราบล้อมอยู่ พอท่อนแขนของเซียวหลี่แกว่งไกวก็เหมือนว่าเสือตัวนั้นกำลังขยับตัวพร้อมจะกระโจนออกมาได้ทุกเมื่อ
พอมองหลังที่แน่นหนัดนั้น ความรู้สึกที่สงบนิ่งของเซียวหลี่ก็โหวเอนโยกคลอนขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เขารีบควบคุมความรู้สึกของตนเองอีกครั้งแล้วเดินเข้าไปในครัวเพื่ออุ่นโจ๊กที่เขาทำไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นค่อยกลับเข้าไปในห้องแล้วจัดเตรียมเสื้อผ้าและกางเกงในตัวใหม่สุดท้ายค่อยดึงผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ในตู้ลิ้นชักออกมา
เขาเคาะประตูห้องน้ำ
"เซียวหลี่ผมเอาเสื้อผ้ากับผ้าเช็ดตัวแขวนไว้ราวข้างประตูนะ อีกสักพักคุณค่อย...."
มีเสียงกุกกักดังอยู่อีกด้านหนึ่งของประตูห้องน้ำก่อนที่เซียวหลี่จะดึงประตูห้องน้ำเปิดเขาคว้าเอาผ้าเช็ดตัวจากมือของฉีซิ่วหยวน แล้วเริ่มเช็ดทำความสะอาดร่างกายเปลือยเปล่าต่อหน้าเขา
ในชั่ววินาทีแห่งความทรมานฉีซิ่วหยวนตกอยู่ในการสู้รบกับสวรรค์ที่ปลุกเร้าให้เขาเลือกว่าจะมองหรือหันหน้าหนี
เซียวหลี่เริ่มออกปากบ่นโดยไร้ความระแวดระวังแต่อย่างใด
"น้ำบ้านคุณโคตรเย็นพอโดนน้ำแล้วตัวผมสั่นเลย"
"อา น้ำเย็นๆมันดีต่อสุขภาพนะ"
ฉีซิ่วหยวนพูด ไม่มีอะไรดีไปกว่าการพูดไปแล้วพยายามควบคุมสายตาให้มั่นคงเข้าไว้เขารู้สึกเสียใจที่มองดูเซียวหลี่แต่งตัว
วินาทีต่อมา ฉีซิ่วหยวนก็หมุนทั้งตัวหันกลับไปเข้าครัว
"ดื่มชาร้อนอุ่นท้องก่อนแล้วกัน"
หลังจากนั้นเขาก็กลับไปนั่งไขว่ห้างบนโซฟาที่ห้องนั่งเล่นแล้วเริ่มรัวนิ้วบนคีย์บอร์ดต่อไป
เพราะชาดำร้อนเกินไปเซียวหลี่จึงเอาแต่หมุนถ้วยชาเล่น สายตาก็จับจ้องเขาไปด้วย
"วันนี้ไม่ต้องไปสอนเหรอ?"
"วันนี้วันเสาร์"
"แล้วซูซูไม่อยู่เหรอ?"
"เธอไม่ได้หยุดวันเสาร์ ก็เลยออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว"
เซียวหลี่ยังคงหมุนถ้วยชา ก่อนจะถามขึ้นมาอีก
"เธอกับเซียวหยาง..."
ฉีซิ่วหยวนถอนหายใจออกมาแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา
"คุณรู้เรื่องที่เซียวหยางอยากไปทำงานต่างจังหวัดรึเปล่า?"
เซียวหลี่นิ่งงันเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่เขาไม่รู้เรื่องนี้เลยสักพักจึงได้เอ่ยปากถาม
"จริงเหรอ?"
"เขาอยากพาซูซูไปกับเขาด้วย"
เซียวหลี่ถามขึ้นอีกครั้ง
"คุณตกลงเหรอ?"
ฉีซิ่วหยวนเอนหลังพิงพนักในขณะที่ครุ่นคิดก่อนจะหันมองเขาสักพัก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"นี่พวกนายสองพี่น้องทะเลาะกันมาถึงจุดนี้ด้วยเรื่องอะไรกันเหรอ?"
ผ่านไปสักพักเซียวหลี่ก็ยังไม่ยอมตอบฉีซิ่วหยวนถอนหายใจเฮือก
"ที่จริงแล้วตอนที่ซูซูกับผมยังเด็ก ความรู้สึกที่มีต่อกันของพวกเรานั้นไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นักหรอกเธอมักจะคอยก่อกวนผมอยู่ตลอด แล้วผมก็เกลียดที่เธอน่ารำคาญก็เลยรังแกเธออยู่บ่อยๆต่อมา ทุกครั้งที่เธอเห็นผม เธอก็จะร้องไห้ แม้กระทั่งตอนนี้ เธอก็ยังกลัวผมบ หลังจากพ่อกับแม่เสียไปเธอก็ได้ไปอยู่กับญาติๆ ตอนช่วงนั้นเราไม่ได้เจอกันเกือบๆ 9 ปี พอย่าเสียไม่นานปู่ก็เสียตาม ผมก็เลยกลับบ้านไปรับเธอ มีญาติผู้หญิงที่อายุไล่เลี่ยกับเธอยืนอยู่ด้วยกันผมจำพวกเธอได้บ้างแต่กลับจำน้องสาวตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ"
เซียวหลี่ยกชาดำขึ้นดื่มเขาคิดว่าก็ไม่เลวเหมือนกันเพราะดื่มอยู่หลายอึกจึงค่อยหมด
"ถ้างั้น เลี้ยงน้องสาวคนเดียวคงลำบากมากสินะ"
ฉีซิ่วหยวนยิ้มขื่น
"เรื่องนั้นคุณอาจจะเป็นคนผิดถึงแม้ว่าพ่อกับแม่จะเสียก่อนวัยอันสมควร แต่พวกท่านก็ยังได้ทิ้งมรดกไว้ให้พวกเราถึงแม้จำนวนของมันจะไม่ได้มีค่าพอที่จะพูดถึง แต่ก็ยังเป็นเครื่องรับประกันว่ามันใช้เป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานสำหรับทั้งซูซูกับผมอย่างน้อยที่สุดก็ครึ่งหนึ่งของชีวิตพวกเราได้ถ้าพูดเรื่องความยากลำบาก การดูแลเซียวหยางคงทำให้คุณลำบากมากกว่า"
เซียวหลี่หัวเราะ
"ลำบากอะไรกันล่ะ?ตลอดทั้งวันผมต้องออกไปสู้ ที่ผมรู้คือมีแต่หาเงินให้เขาใช้ ที่จริงแล้ว ผมไม่ได้ดูแลเขาเลยด้วยซ้ำเขาเป็นเด็กตั้งใจเรียน ตอนที่โดนเด็กแถวบ้านรังแกเพราะเขาไม่มีทั้งพ่อทั้งแม่ทั้งยังพากันหลบเลี่ยงเขาเพราะพี่ชายไปเกี่ยวข้องกับชีวิตอันธพาลเขาก็ไม่เคยพูดอะไรกับผมเลย ต่อมาผมเห็นเขาถูกผู้ชายคนอื่นชกมาผมก็เลยไปต่อยผู้ชายคนนั้นกลับ เซียวหยางโกรธผมแล้วบอกว่าผมเป็นสาเหตุที่ทำให้คนอื่นยิ่งดูถูกเขามากขึ้นเขายังบอกอีกว่าผมไม่เหมาะที่จะเป็นพี่ชายของเขา"
เขาหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง
"คุณไม่ได้เห็นสายตาของเขาหลังจากนั้น..ผมก็ไม่รู้เลยว่านานแค่ไหนแล้วที่เขาเกลียดผม เขาถึงได้มองผมแบบนั้น"
ฉีซิ่วหยวนถอนหายใจแรงๆ
เซียวหลี่พูดต่อ
"เขาไม่เคยบอกผมเรื่องความสัมพันธ์กับซูซูมาก่อนวันหนึ่งผมไปร้านอาหารก็เลยเจอพวกเขาอยู่ด้วยกัน ผมจึงเข้าไปทักทายผมยังเอาเบอร์ให้ซูซูด้วยซ้ำ พูดตามตรง ครั้งแรกที่ผมเห็นน้องสาวของคุณผมก็รู้ได้ตอนนั้นเลยว่าเซียวหยางชอบเธอมากๆอย่างแน่นอน"
พอได้ยินแบบนั้นฉีซิ่วหยวนก็เอ่ยขัด
"ทำไม?"
"ผมจะไม่เข้าใจน้องชายตัวเองได้ยังไงกันล่ะ?"
เซียวหลี่พูดด้วยท่าทางจริงจัง
"เขาชอบคนที่ดูสบายๆและบริสุทธิ์สดใสกับการมีครอบครัวที่ดูเรียบง่ายและบริสุทธิ์"
เขามองเหม่อไปชั่วขณะ
"เรื่องของปู่คุณ คุณได้เคยบอกเขาบ้างรึเปล่า?"
ฉีซิ่วหยวนไม่ตอบแต่พูดจาคลุมเครือใส่
"คุณควรให้เขากังวลน้อยที่สุดสิเขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ"
สีหน้าของเซียวหลี่เศร้าหมองลงเป็นสาเหตุให้ฉีซิ่วหยวนต้องถอนหายใจออกมาหนักๆเขาจึงเอ่ยปลอบอีกฝ่ายเบาๆ
"คุณให้โอกาสให้เขาได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยไปต่างประเทศ แล้วก็ได้งาน มองจากตรงจุดนั้น คุณก็ทำดีกับเขามากแล้วล่ะ มันมากพอแล้วถ้าเซียวหยางไม่เข้าใจคุณ พ่อแม่ของคุณก็ยังเข้าใจ"
"ตั้งแต่ผมเกิด ผมยังไม่เคยเจอพ่อเลยแม่ของผม..."
เซียวหลี่เบือนหน้าหนีสักพักถึงเอ่ยปากออกมาได้
"ผมหวังว่าเธอจะเข้าใจที่คุณพูดก็ถูก ตราบเท่าที่เธอเข้าใจผม มันก็พอแล้วล่ะ"
พอเห็นท่าทางเศร้าซึมของเขา มันทำให้หัวใจของฉีซิ่วหยวนรู้สึกเจ็บปวดจึงไม่ได้ถามอะไรอีก เขาลุกขึ้นยืนแล้วหยิบถ้วยน้ำชาที่ดื่มหมดแล้วมาถือไว้
"อยากได้อีกสักถ้วยมั้ย?"
เซียวหลี่ส่ายหน้าช้าๆ
เมื่อฉีซิ่วหยวนเข้าครัวไปหยิบถ้วยโจ๊กให้เขาก็ยังสามารถมองเห็นเซียวหลี่ผ่านหน้าต่างได้
เซียวหลี่นั่งเงียบอยู่ตรงที่เดิมเมื่อเขารู้สึกได้ถึงสายตาอันอบอุ่นของฉีซิ่วหยวนที่มองมาก็เงยหน้าขึ้นมองตอบแล้วส่งยิ้มให้
ฉีซิ่วหยวนอยากจะถามเขาสักประโยคจริงๆเป็นประโยคที่ประกอบด้วยถ้อยคำไม่กี่คำ
'แล้วคุณล่ะ?คุณชอบคนแบบไหน?'
แต่เขาก็ไม่ได้ถามเพราะไม่รู้ว่าคำตอบนั้นจะทำให้เขามีความหวังได้หรือไม่
--------------------------------------------------------
เจ้าของลิขสิทธิ์นิยายต้นฉบับ:Bai Shan Hei Shui
แปลภาษาอังกฤษ:Saehan01
แปลภาษาไทย:HOON
--------------------------------------------------------