ในรถแท็กซี่เซียวหลี่นั่งตัวสั่นเทาอยู่ที่เบาะหลังฉีซิ่วหยวนเห็นเขาเป็นแบบนั้นก็อดที่จะคว้าอีกฝ่ายมากอดด้วยความเจ็บปวดในหัวใจไม่ได้
คนขับแท็กซี่ยังตกใจกับสถานการณ์นี้ไม่หายไม่กี่นาทีที่แล้ว มีผู้ชายคนหนึ่งใส่แค่กางเกงในกระโดดออกมาขวางหน้ารถเขาไว้ สีหน้าของคนขับรถบิดเบี้ยวไม่น่าดูยิ่งหันไปเห็นอีกคนที่กำลังเอนกายอยู่ตรงเบาะด้านหลังสีหน้าของเขาก็ยิ่งบิดเบี้ยวน่าเกลียดยิ่งขึ้นไปอีก
พอเห็นริมฝีปากซีดเผือดของเซียวหลี่เผยอออกแล้วค่อยๆเม้มปิดอย่างช้าๆฉีซิ่วหยวนก็รีบเขยิบเข้าไปใกล้ๆ พอทำแบบนั้นแล้วถึงได้ยินคำพูดแผ่วเบาไม่กี่คำจากปากของอีกฝ่าย
เป็นไปได้ว่าเขาคงเกรงว่าฉีซิ่วหยวนจะไม่เข้าใจที่ตนเองพูดแววตาของเซียวหลี่จึงเต็มไปด้วยความวิตกกังวลที่ไม่อาจจะมองข้ามได้ เขาถึงได้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะอ้าปากบอกเรื่องที่ยังอยากให้อีกฝ่ายได้รับฟังอีกครั้ง
สิ่งที่อยู่ในแววตาของเขาบอกทุกอย่างกับฉีซิ่วหยวนไปหมดแล้ว
"ไม่ต้องห่วงนะ"
ฉีซิ่วหยวนเอื้อมมือไปปิดปากของเซียวหลี่อย่างอ่อนโยนพลางเอ่ย
"ผมจะพยายามอย่างสุดความสามารถ ไม่ให้มีอะไรผิดพลาดได้"
เขาหยิบมือถือออกมากดโทรออกเพียงไม่นานก็ติดต่อปลายสายได้
"ใครน่ะ?"
เสียงนั้นค่อนข้างเฉื่อยชาอย่างเกียจคร้าน
พอได้ยินเสียงแบบนั้นก็ชัดเจนเลยว่าคนๆนั้นต้องเป็นฮั่นเจี่ยอย่างแน่นอน
"เถ้าแก่ฮั่นผมอยู่กับเซียวหลี่"
ฉีซิ่วหยวนรีบพูดอย่างรวบรัด
"เขาถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ไม่สามารถพูดกับคุณได้พวกเรากำลังเดินทางไปโรงพยาบาลสาม ถ้ารู้จักใครที่นั่น ช่วยแจ้งไว้ให้ด้วย"
"นายเป็นใคร?"
พอได้ยินประโยคนั้นน้ำเสียงของฮั่นเจี่ยก็เคร่งขรึมลง
"คนที่เซียวหลี่เคยช่วยเอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้"
ฉีซิ่วหยวนอยากจะวางสายแต่เซียวหลี่กลับจ้องมองเขาด้วยสายตาเป็นกังวลอยู่อย่างนั้นเขาเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายทำท่าแบบนั้นใส่ ฉีซิ่วหยวนจึงได้แต่ถอนหายใจหนักๆแล้วอธิบายต่อ
"เขาถูกดักทำร้ายตรงซอยด้านหลังร้านอาร์กเดอทรียงฟ์รถของเขายังจอดอยู่ตรงนั้น คุณส่งคนไปตรวจสอบดูได้"
ไม่ต้องรอให้ฮั่นเจี่ยตอบกลับฉีซิ่วหยวนก็ชิงวางสายไปเสียก่อน
พอเขาหันกลับมามองเซียวหลี่อีกครั้งก็เห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีผ่อนคลายและสงบลงกว่าเดิมมากขึ้นเซียวหลี่อยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างคลายใจ เม็ดเหงื่อพร่างพราวราวกับลูกปัดอันแสนบอบบางไหลย้อยลงมาจากหน้าผากอันเรียบเนียนกลิ้งผ่านใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของเขามาทางหัวคิ้ว ก่อนจะไหลเปียกชุ่มแพขนตาของเขาในที่สุดพอแพขนตานั้นกระพือเบาๆเพื่อขับไล่เม็ดเหงื่อที่กำลังจะไหลเข้าตาก็ก่อเกิดเป็นภาพที่ชวนให้หัวใจไหวอ่อนได้อย่างง่ายดาย
ฉีซิ่วหยวนเบือนสายตาหลบอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ดูราวกับว่าเขาเอาแต่จ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตาด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอ่อนไหว
นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน?
เขาใส่แค่กางเกงในตัวเดียวถ้าออกไปข้างนอกตอนนี้ อะไรบางอย่างคงซ่อนไว้ไม่ไหวแน่ๆ
พอคนขับรถได้ยินประโยคที่เขาสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อสักครู่ก็ไม่กล้าเหลือบสายตามองไปทางเบาะหลังอีกเลยตลอดทั้งการเดินทาง เท้าของเขากดแช่อยู่แต่ที่คันเร่ง ทำให้มาถึงโรงพยาบาลสามอย่างรวดเร็วราวกับแสงแฟลชฮั่นเจี๋ยได้จัดเตรียมคนที่เขารู้จักเอาไว้อย่างที่คิดเพียงแค่ฉีซิ่วหยวนพยุงเซียวหลี่ลงจากรถ ใครบางคนก็เข็นเปลนอนเข้ามารับทันที
การผ่าตัดในครั้งนี้มีศัลยแพทย์อาวุโสวัยกลางคนทำหน้าที่รับผิดชอบในการผ่าตัดเนื่องจากเชื่อว่าสาเหตุของอาการบาดเจ็บครั้งนี้คงเป็นผลมาจากการต่อสู้กันระหว่างแก๊งค์มาเฟียสุดเหี้ยมโหด
ใครจะไปรู้ว่าที่จริงแล้วเซียวหลี่แค่ถูกวางยาเท่านั้น
การตรวจเลือดถูกจัดเตรียมเป็นที่เรียบร้อยแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านพิษวิทยายังถูกเรียกตัว ที่น่าประหลาดใจกว่านั้นมีคนอาศัยช่วงจังหวะชุลมุนส่งชุดสีขาวชุดหนึ่งมาให้ฉีซิ่วหยวนใส่
กลุ่มคนกำลังยุ่งวุ่นวายไปกับการเดินเข้าเดินออกห้องคนไข้พิเศษห้องนั้นตลอดเวลาแต่กลับไม่มีความอึกทึกโกลาหลแม้แต่น้อย
ฉีซิ่วหยวนไม่สามารถยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือได้อีกแล้วเขาจึงทำได้เพียงแค่เฝ้ารออย่าง 'สงบเสงี่ยม' อยู่ด้านนอกเท่านั้นหลังจากรออยู่เพียงไม่กี่นาที ศัลยแพทย์อาวุโสก็เดินออกมาตามหา สร้างความแปลกใจให้กับเขาอย่างยิ่ง
"คนด้านในบอกกับศัลยแพทย์อยู่หลายครั้งว่า'ให้เขากลับไป' เขาหมายถึงคุณรึเปล่าครับ?"
ฉีซิ่วหยวนนิ่งอึ้งอยู่ชั่วขณะหลังจากนั้นเขาค่อยพยักหน้ารับ ก่อนจะหมุนตัวทำท่าจะจากไป แต่หลังจากครุ่นคิดดูอีกครั้งเขากลับผลักประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องแทน
เซียวหลี่ถูกย้ายไปอยู่บนเตียงคนไข้แล้วข้างๆเตียงยังมีคนอีกสองคนกำลังยุ่งวุ่นวายกับการคอยจัดการเครื่องมือทางการแพทย์ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนภายใต้แสงไฟที่แขวนอยู่ด้านบนตัวเซียวหลี่ ฉีซิ่วหยวนสามารถมองเห็นรอยเลือดบนเสื้อเชิ้ตที่เขาให้อีกฝ่ายสวมใส่ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นนายแพทย์ท่านหนึ่งใช้กรรไกรที่เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ตัดเสื้อเชิ้ตตัวนั้นให้เปิดอ้าออกเผยให้เห็นรอยแผลบาดลึกเป็นทางยาวบนตัวของเขาอีกหลายแห่ง
ฉีซิ่วหยวนไม่มีกะจิตกะใจจะเหลียวมองบาดแผลฉกรรจ์เหล่านั้นเขาเดินตรงไปที่เตียงและหยุดฝีเท้าเมื่อเขาใกล้เซียวหลี่
"คุณคิดว่าอีกไม่นานเดี๋ยวพวกลูกน้องก็จะมากันแล้วเลยไม่อยากให้ผมเข้ามาข้องเกี่ยวด้วยใช่มั้ย?"
เขาคิดว่าเซียวหลี่คงไม่มีทางพูดออกมาแน่ๆจึงทำได้เพียงแค่จ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังหลับใหลอยู่ภายใต้แสงไฟอยู่เงียบๆ
ถึงอย่างนั้นฉีซิ่วหยวนก็คล้ายกับว่าได้รับคำตอบจากเขามาแล้ว
เขาจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนหากแต่แผ่วเบา
"ผมเข้าใจผม...พรุ่งนี้ผมจะกลับมาหาคุณนะ"
หลังกล่าวจบเขายกยิ้มอบอุ่นให้เซียวหลี่อีกครั้งก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากแผนกผู้ป่วยของโรงพยาบาลไป
เมื่อเดินทางถึงบ้านก็เป็นเวลาเช้าวันใหม่เสียแล้วไม่คิดว่าซูซูจะยังคงเราเขาอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ยิ่งกว่านั้นดูเหมือนว่าเธอจะรอเขาอยู่ตลอดทั้งคืนจนกระทั่งผล็อยหลับไป
ฉีซิ่วหยวนนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เซียวหยางมาหาเขาเพื่อพูดคุยเรื่อง'ข้อเสนอเรื่องการแต่งงาน' ซูซูคงจะกระวนกระวายใจจากการที่ไม่รู้ว่าพี่ชายจะตอบสนองต่อเรื่องนี้อย่างไรบ้างไม่อย่างนั้นเธอคงจะไม่ดื้อรั้นรอเขาตลอดทั้งคืนอย่างนี้แน่นอน
เขาถอนหายใจก่อนจะนั่งลงบนโซฟาเอื้อมมือไปลูบเรือนผมของผู้เป็นน้องสาว อดที่จะกังวลใจและกระวนกระวายอยู่ภายในลึกๆไมได้
ในขณะที่อยู่ในสถานการณ์เงียบงันเช่นนี้เขาก็พลันนึกถึงสิ่งที่เพิ่งสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับตนเองเมื่อไม่นานมานี้เหนือสิ่งอื่นใดคือความหวาดกลัวที่คืบคลานเข้ามาในหัวใจอย่างช้าๆ ถ้าเขาไม่เห็นรถลินคอนล์คันนั้นถ้าเซียวหลี่ไม่ถูกคนพวกนั้นไล่ตามล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น?ถึงแม้ในใจของเขาจะรู้อยู่แล้วว่าเซียวหลี่เป็นคนของแก๊งค์มาเฟีย แต่มันก็เป็นความหวาดกลัวที่เกิดจากประสบการณ์ในการถูกมาเฟียพวกนั้นไล่ล่าเท่านั้นตัวเขาเองก็คงจะรู้อยู่เต็มอกนั่นแหละว่ามันหมายความว่าอย่างไร
ความรุนแรง เลือดและความโหดร้ายป่าเถื่อนที่ทำให้ฉีซิ่วหยวนย่อมเกิดความรังเกียจเดียดฉันท์อยู่แล้วแต่ถึงอย่างนั้น แม้แต่ในตอนนี้ สำหรับคนๆนี้เซียวหลี่ยังคงมีเสน่ห์อันน่าแปลกประหลาดอยู่ดี ในตอนที่เขากำลังต่อสู้กับความรู้สึกสองแบบระหว่างความรังเกียจเดียดฉันท์กับความปรารถนาที่เขามีต่อเซียวหลี่เหนือสิ่งอื่นใด เขาคิดว่าตัวเองก็เตรียมตัวเตรียมใจมาดีพอสำหรับเรื่องนี้บ้างแล้วเช่นกัน
แต่เมื่อไม่นานมานี้เขาได้ตระหนักแล้วว่าเซียวหลี่ไม่ใช่แค่ถูกแปดเปื้อนไปด้วยเลือดและความรุนแรงเท่านั้น แต่ตัวเขาเองกลับมีชีวิตอยู่ในโลกที่ฉาบย้อมไปด้วยเลือดและความรุนแรงนั้นด้วยดังนั้นถึงได้ถูกรายล้อมไปด้วยสิ่งเหล่านั้นไปโดยปริยาย
คำพูดพวกนี้ อยู่ๆก็ไม่ใช่แค่ความนึกคิดหรือเรื่องไกลตัวเพียงเท่านั้นแต่มันกลับถูกเปลี่ยนผันให้กลายเป็นความจริงที่ต้องเผชิญ
การหนีตายที่สุดแสนระทึกขวัญที่ไม่มีแม้โอกาสจะให้เซียวหลี่ได้สวมใส่เสื้อผ้ามีเศษกระจกที่บาดเนื้อเถือหนังปักติดตามร่างกายของเขา เหลือไว้แค่เพียงร่องรอยบาดแผลนับไม่ถ้วนอาการสั่นเทาตลอดทั้งร่างและใบหน้าซีดขาวของเขา ส่งผลให้เหงื่อเม็ดโตหลั่งรินไปทั่วสรรพางค์ ใบหน้าของคนที่ไล่ล่าตามมา จนกระทั่งเลือนลางท่ามกลางความมืดมิดของค่ำคืนทั้งเมื่อตอนมาและเมื่อตอนจากไปอย่างสงบ...
ฉีซิ่วหยวนไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไปเขาลุกเดินไปหยุดอยู่ที่ระเบียง แล้วเดินวนกลับเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง จิตใจไม่อาจสงบนิ่งลงได้จึงได้แต่เดินกลับไปกลับมาเช่นนั้นอยู่สักพัก
สิ่งเหล่านี้ล้วนบังคับให้คนๆหนึ่งต้องก้าวเดินไปสู่เส้นทางทั้งแห่งชีวิตและความตายคงจะได้ประสบพบเจออยู่บ่อยครั้งแล้วล่ะมั้ง? ความคุ้นชินกับชีวิตด้านมืดเช่นนี้มันจะเป็นชีวิตที่แท้จริงของคนเราไปได้ยังไงกัน?
-----------------------------------------------------------
"พี่หลี่ พี่หลี่รีบตื่นเถอะครับ..."
ใครบางคนร้องเรียกเขาอยู่ข้างๆหู
เซียวหลี่ขมวดคิ้วแน่นสมองยังมึนงงในขณะที่กำลังพยายามรวบรวมสติมีแค่ความสับสนและความเหนื่อยล้าจนถึงขีดสุดจนไม่สามารถฝืนลืมตาตื่นขึ้นมาได้
"เซียวหลี่ เซียวหลี่"
เสียงนี้แตกต่างจากเสียงคราวก่อน
"เดี๋ยวฉันทำเอง"
คนที่สองเอ่ยขึ้นอีกครั้งทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งเย็นเฉียบกำลังเช็ดอยู่บนใบหน้า
เซียวหลี่ตัวสั่นสะท้าน จึงรีบเปิดเปลือกตาขึ้นมาทันที
ชายสวมแว่นตาวัยกลางคนอายุราวๆสี่สิบปลายๆนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วยกำลังใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นจัดเช็ดหน้าให้เขา
เมื่อชายคนนั้นเห็นเซียวหลี่ลืมตาจึงค่อยเก็บผ้าขนหนูแล้วถอนหายใจออกมาหนักๆ
"หมอบอกว่าเธอฟื้นแล้วแต่ทำยังไงก็ไม่ยอมตื่นขึ้นมาฉันเป็นห่วงมากเลยนะ"
เซียวหลี่ขยับไหล่ตอนนี้เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นปกติแล้ว จึงลุกขึ้นมานั่งแล้วโค้งคำนับอีกฝ่าย
"นายท่านฉิง"
หลี่ซื่อฉิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
"ดีแล้วที่เธอไม่เป็นอะไรเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้ฉันฟังหน่อย"
เซียวหลี่มองออกไปนอกหน้าต่างที่ยังคงพอมองเห็นแสงจากไฟถนนตอนนั้นเอง เขาถึงได้รู้ว่าหลี่ซื่อฉิงมาหาเขาภายในคืนนั้นทันที ในหัวใจของเขาเข้าใจแล้วว่าเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องร้ายแรงไปเสียแล้ว
เมื่อเบนสายตากลับไปเขาก็เห็นหลินจวื่อตาแดงก่ำอยู่ด้านหลังหลี่ซื่อฉิงชวนให้รู้สึกงุนงงสงสัยอยู่ไม่น้อยเพียงไม่นานเขาก็ยอมเอ่ยปากเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานออกมาจนหมดเปลือก
หลี่ซื่อฉิงนิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนจะเอ่ยถาม
"เธอคิดว่ายังไงล่ะ?"
เซียวหลี่ตอบกลับ
"ผมได้ยินผู้หญิงพวกนั้นพูดถึงไอ้ปีศาจไร้หัวกับไอ้ปีศาจคลั่งเป็นไปได้ว่าพวกมันคงคิดจะแก้แค้นแทนพวกนั้น"
"เธอกำลังพูดถึงเหล่าตงงั้นเหรอ?เขาแข็งแกร่งพอที่จะกลับมาแก้แค้นแทนลูกน้องตัวเองแล้วเหรอ?"
หลี่ซื่อฉิงเอ่ยถาม
"ผู้หญิงสองคนนั้นไม่ใช่พวกมือใหม่ทั่วไปแต่พวกมันเป็นมืออาชีพ เกิดเรื่องที่เขตของเราแบบนี้เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะไม่รู้จักพวกมันเกรงว่าทางฝ่ายนั้นคงจะมีผู้ทรงอิทธิพลหนุนหลังแล้วล่ะครับ"
เซียวหลี่กล่าว
หลี่ซื่อฉิงไม่ได้กล่าวอะไรต่ออีกเขาเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ สักพักถึงค่อยเอ่ยปากออกมา
"ถ้างั้นเธอก็พักผ่อนเถอะ การฟื้นฟูร่างกายจำเป็นต้องใช้เวลาหลายวัน"
หลังจบประโยคเขาก็เอื้อมมือลูบรอยแผลเป็นบนแก้มของเซียวหลี่ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
"แค่เธอดูแลตัวเองให้ดีก็ถือว่าเป็นการตอบแทนฉันแล้วล่ะ"
เซียวหลี่ก้มหน้าเลี่ยงปลายนิ้วของเขา
"รับทราบครับนายท่านฉิง"
หลี่ซื่อฉิงจ้องหน้าเขาก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินจากไปเหลือลูกน้องทิ้งไว้อีก 2-3 คนในห้องผู้ป่วย
หลินจวื่อเดินออกไปส่งเขาที่หน้าประตูก่อนจะเดินย้อนกลับมาหาเซียวหลี่อีกครั้ง
"เกิดอะไรขึ้น?"
เซียวหลี่รีบถาม
"หัวแดงไปไหน?"
หลินจวื่อดวงตาเลื่อนลอยจ้องตรงไปข้างหน้าพลางเช็ดน้ำตาน้ำเสียงเจือสะอื้น
"พี่หลี่ หัวแดงตายแล้วครับ"
เซียวหลี่เม้มปากแน่น ก่อนจะขบกรามด้วยความโมโห
"เกิดอะไรขึ้น?"
หลินจวื่อสะอื้นไปก็อธิบายไป
"ตอนที่เถ้าแก่ฮั่นโทรมาหาผมเมื่อวานผมจำได้ว่าหัวแดงไปอาร์กเดอทรียงฟ์กับพี่ แต่ไม่ว่าผมจะโทรหาเท่าไหร่ เขาก็ไม่ยอมรับสายเลยผมกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็เลยส่งคนไปหาเขา เราเจอเขาในห้องน้ำชั้นสองของร้านอาร์กเดอทรียงฟ์เขา..ถูกปาดคอ นอนอยู่บนพื้น...ร่างเขาเย็นแล้ว...มือยังกำปืนไว้อยู่เลย..."
ความเจ็บปวดคืบคลานเข้าสู่หัวใจของเซียวหลี่เขาผลุนผลันลุกออกจากเตียง ก้าวออกไปได้ครึ่งก้าวค่อยหันกลับมา
"เหล่าหวังล่ะ เขา..."
หลินจวื่อรีบบอก
"ยังไม่ตายครับโดนแทงไปสองแผลตอนที่ยังนั่งอยู่ที่นั่งคนขับ แผลนึงแทงเข้าที่คอถึงแม้จะยังไม่ตาย..แล้วก็ยังมีผู้หญิงสองคนที่นายท่านฉิงส่งมาก็ถูกดักทำร้ายระหว่างทางที่มาที่ร้านครับพวกเธอโดนทุบตีจนสลบแล้วถูกโยนลงข้างทาง ท่อไอเสียก็ถูกอุดไว้คงกะรมควันห้องโดยสาร แต่โชคดีที่บนรถมีรอยแตกเล็กๆอยู่ไม่งั้นพวกเขาคงต้องตายเพราะโดนรมด้วยแก๊สพิษแน่ๆ...พี่หลี่คนในแก๊งค์พวกนั้นจิตใจชั่วร้าย แม้แต่เหล่าตงเองก็ยังไม่ชั่วร้ายเท่าพวกมันเลย..."
เซียวหลี่นิ่งเงียบไปสักพักจนหลินจวื่อคลายสะอื้นค่อยเอ่ยปากถามเสียงเบา
"เราจะจัดงานศพตอนไหนดีครับ?"
"อีกสามวัน ในฐานะพี่น้องเราต้องส่งเขาอย่างสมเกียรติที่สุด"
"ครับพี่หลี่"
"...เขามีปู่ด้วยใช่มั้ย?"
"ปู่เขาเสียไปเมื่อปีที่แล้วนี่เองครับตอนนั้นหัวแดงเคยมาขอลาออกแล้วครั้งหนึ่งครับ"
เซียวหลี่พยักหน้า
"นายไปจัดการก่อนเถอะ"
หลินจวื่อรับคำแล้วเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยเซียวหลี่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมเนิ่นนาน
เขาจ้องมองไปยังความมืดมิดของราตรีกาลท้องฟ้าค่อยๆสว่างๆขึ้น แสงแดดยามเช้าค่อยๆสาดแสงลงบนใบหน้าของเขาทีละนิด
แต่ว่า
ในสายตาของเขากลับมีแต่ความมืดมิดราวกับก้นเหวเพียงเท่านั้น
--------------------------------------------------------
เจ้าของลิขสิทธิ์นิยายต้นฉบับ:Bai Shan Hei Shui
แปลภาษาอังกฤษ:Saehan01
แปลภาษาไทย:HOON
--------------------------------------------------------