Short Fiction Guardian : Afte...

By NatparinTanchunchaiy

499 4 0

อันเนื่องจากตอนจบที่เพิ่งเห็นเป็นคัทผ่านทวิต แล้วคือใจพังไม่เหลือชิ้นดีเลยค่ะ สุดท้ายเลยต้องการฮีลตัวเองแบบด่... More

After Rain

499 4 0
By NatparinTanchunchaiy

ภาพภูเขาสูงที่ปกคลุมไปด้วยสีเขียวขจีปรากฏชัดอยู่ในม่านสายตา ทะเลหมอกที่เคยมีในวันวานยังคงเป็นเช่นเดิม แม้ยามนี้เข้าใกล้ถึงเวลาที่อาทิตย์จะลาลับขอบฟ้า

สิ่งที่ต่างกันมีเพียงในตอนที่ผมยืนอยู่ตอนนี้ ข้างกายไม่มีคุณอยู่ด้วยอีกแล้ว

คุณคนที่ผมเคยถอดเสื้อคลุมส่งให้คนนั้น

ผมไม่แน่ใจว่าตั้งแต่วันนั้นที่เรื่องทุกอย่างจบลงมันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว
อาจเป็นวัน เป็นเดือน หรือเป็นปี แต่สำหรับผมช่วงเวลาที่เลยผ่านช่างว่างเปล่าเหลือเกิน

หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บจนหายดี สิ่งเดียวที่ขับเคลื่อนจิตวิญญาณที่แตกสลายของผมมีเพียงคำพูดที่คุณทิ้งเอาไว้

"เรามาพนันกันไหม?"

ตอนที่คุณพูดออกมาผมไม่ค่อยจะเข้าใจมันเท่าไหร่นัก แต่รอยยิ้มขืนๆ ของคุณที่ส่งให้ บีบรัดจนหัวใจของผมสั่นไปหมด

"พนันอะไร?"
ผมถามคุณกลับไป ถาม...ด้วยความรู้สึกรวดร้าวที่สุด

อยากจะบอกกับคุณจริงๆ ว่าตอนนั้นผมไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าเรื่องที่คุณจะเดิมพันกับผมคือเรื่องอะไร รู้แต่เพียงอยากจะใช้เวลากับคุณให้นานขึ้นอีกสักวินาทีเดียวก็ยังดี แต่ผมก็เชื่อว่าถึงผมไม่เอ่ยปากพูดอะไรไปคุณก็ต้องเข้าใจความคิดของผมอยู่ดี

เหมือนกับตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณยังคงเป็นคนที่เข้าใจตัวตนของผมมากที่สุด

"พนันว่า...ต่อให้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ไม่ว่าคุณจะไปอยู่ที่ไหน เราจะได้พบกันอีกอย่างแน่นอน"

ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะดึงคุณไว้ แล้วโวยวายงี่เง่าใส่คุณเหมือนที่ผมเคยทำ อยากบอกคุณว่าผมไม่พนันอะไรทั้งนั้น บอกให้คุณไม่ไป อยู่ด้วยกันกับผม เคียงข้างกันตลอดไป

แต่เพราะผมรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้
การเสียสละของคุณในช่วงเวลาที่ผ่านมามันเกินพอแล้ว การเฝ้ารอที่ยาวนานของคุณเป็นหมื่นปีเพราะคำสัญญาของผมในอดีต มันเกินพอสำหรับคุณแล้วจริงๆ

แล้วจะให้ผมเอาแต่ใจกับคุณได้ยังไง ผมเรียกร้องอะไรไม่ได้มากกว่านี้แล้ว
ท้ายที่สุด ผมทำได้แค่ยิ้ม แล้วตอบกลับไปว่า

"ได้สิ"
ได้...เรามาพนันกันเถอะ...พนันกับโชคชะตาที่ผมไม่เคยเชื่อถือมันมาตลอดทั้งชีวิต จนกระทั้งได้รู้จักกับคุณ

หมื่นปีก่อนหน้านี้เป็นผมเองที่ผูกคุณเอาไว้ด้วยคำสัญญาว่าเราจะพบกัน
มาครั้งนี้...คุณเลือกที่จะเดิมพันอีกครั้งกับผมว่าเราจะต้องได้พบกันอีก

นี่อาจจะเป็นกรรมตามสนอง ที่ผมปล่อยให้คุณรอมายาวนานขนาดนั้น

หรือบางที เราควรทำเรื่องนี้ให้ง่ายขึ้น ผมเคยคิดว่ามันจะดีกว่านี้ไหม ถ้าผมกระโดดลงจากหน้าผานี่ไปซะ ทวยเทพบนนั้นจะนึกเห็นใจในความทรมานของพวกเราบ้างไหม จะช่วยเมตตายอมคืนคุณให้ผมได้รึป่าว

แต่ทุกครั้งที่พาตัวเองมายืนอยู่ที่นี้บนนี้ ผมก็ไม่เคยเลือกที่จะกระโดดลงไปเลย ผมไม่กล้าพอที่จะทำลายความเสียสละของคุณ เพราะนี้คือชีวิตที่คุณเลือกที่จะปกป้องเอาไว้

ไม่เป็นไร...ครั้งนี้ผมจะเป็นฝ่ายรอคุณเอง
ผมเฝ้าบอกตัวเองทุกวัน ในทุกครั้งที่ลืมตาตื่น
แม้แต่ในตอนที่เผลอมองออกไปนอกหน้าต่าง

ทุกวันที่เลยผ่านไป ผมหวังเพียงว่าระยะเวลาแห่งการเฝ้ารอจะสั้นลงอีกนิด
ทุกจังหวะที่ก้าวเดิน ผมเชื่อว่ามันจะย่นระยะทางของเราให้ใกล้กันอีกหน่อย

ผมรอได้ ผมรู้ว่าผมรอคุณได้ เพราะผมตอบรับคำท้าพนันของคุณแล้ว ผมเทหมดหน้าตัก เดิมพันมันด้วยเวลาชีวิตทั้งหมดของผมชั่วนิรันดร์

ไม่ว่ากี่ภพ กี่ชาติ ผมจะใช้มันเพื่อรอคุณคนเดียว

.....................
................
............
.......
....
..

"เช้านี้ก็จะออกไปไหนอีกแล้วน่ะครับหัวหน้า" เสี่ยวกัวถามขึ้นหลังจากที่เดินเข้ามาในตึก ในจังหวะที่ผมกำลังเดินไปคว้าเสื้อคลุมตัวเก่งที่แขวนเอาไว้บนเก้าอี้

"ยังต้องถามเขาอีกเหรอ...ถ้าไม่ไปเดินเตร็ดเตร่ในเมือง ก็ออกไปภูเขาที่นอกเมืองนั้นแหละ" เหล่าฉู่เอ่ยขึ้นโดยที่ผมได้แต่ยิ้มในขณะที่มีอมยิ้มรสหวานกลิ้งอยู่ในปาก

ผมไม่ได้สนใจสมาชิกคนอื่นๆ อีก โบกมือให้พวกเขาแล้วเดินจากมา ดูคาติคันเดิมยังคงจอดอยู่ที่หน้าสำนักงาน ผมยังคงใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยเหมือนที่ผ่านมา พาตัวเองเดินวนไปมาในเมือง ด้วยความหวังเล็กๆ ว่าจะได้พบคุณท่ามกลางคนนับร้อย นับพัน

ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั่งเหม่อลอย และทำงานชนิดหามรุ่งหามค่ำ อาจมีสังสรรค์หรือไปเที่ยวบ้าง แต่ในทุกวันจะต้องมีช่วงขณะหนึ่งที่ผมต้องพาตัวเองมาเดินร่อนเร่ วันนี้เองก็เช่นเดียวกัน

เช้านี้อากาศสดใสจนชวนให้อารมณ์ดีอยู่บ้าง หลังจากที่ผ่านพายุฝนมาอย่างหนัก พื้นรองเท้าบู้ทของผมเดินไปตามถนนที่ยังคงมีร่องรอยของฟ้าฝนที่โหมกระหน่ำอยู่หลายวัน

เสียงจังหวะก้าวเดินสลับไปกับเสียงเฉอะแฉะของน้ำที่นองอยู่บนพื้นบางส่วน ท่ามกลางผู้คนที่เดินขวักไขว้นั้น ตัวผมเดินทอดน่องเพียงลำพังอย่างไร้จุดหมาย

มารู้สึกตัวว่าตัวเองเดินมาไกลมากแล้วก็ในตอนที่รสหวานของลูกอมในโพรงปากหมดลง ในตอนนั้นผมจึงได้หยุดฝีเท้า หันมองซ้าย มองขวาพบว่าตัวเองมาอยู่ในสถานที่ที่ไม่ค่อยคุ้นตา แต่ก็คับคลายคับคลาว่ายังคงอยู่ในระแวกของเมือง สุดท้ายเมื่อก้มลงดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ ก็ตัดสินใจได้ว่าควรที่จะเดินกลับไปได้แล้ว

ผมล่วงเอาอมยิ้มอีกอันออกจากกระเป๋ามาแกะห่อ โยนซากซองลูกอมทิ้งไปส่งๆ ก่อนจะเอาเข้าปากด้วยความเคยชิน และจากนั้นก็ออกเดินอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้แปลกอยู่ตรงที่ว่า พอผมเดินไปได้สักพัก จังหวะฝีเท้าก็ถูกรบกวนด้วยเสียงคุ้นหูที่ดังเข้าสู่โสตประสาท

"นิสัยทิ้งของเรี่ยราดนี่ยังแก้ไม่หายอีกรึไง"

เสียงคุ้นหูที่ประทับตรึงในความทรงจำ ทำเอาผมมือเท้าชาไปหมด ขนาดจังหวะที่หมุนตัวกลับไปทางต้นเสียงยังดูเก้งก้าง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผมกลัวว่าถ้าหันกลับไปแล้วพบว่ามันเป็นแค่ผมประสาทหลอนไปเอง คงจะรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย

ชั่ววินาทีที่หันกลับไปสบตากับเจ้าของเสียงเรียก ราวกับเวลาได้หยุดหมุนลงไปแล้ว

คุณคนเดิมในความทรงจำ ยืนอยู่ที่ตรงนั้น ด้านหลังของผม ในมือถือเปลือกลูกอมที่ผมเพิ่งโยนทิ้งไปก่อนหน้านี้

"...เสิ่น..เวย"
ชื่อของคุณที่ผมไม่เคยเอ่ยเรียกออกมาอีกเลยตั้งแต่เรื่องทุกอย่างจบลง ในที่สุดก็หลุดออกมาจากปาก คำสองพยางค์ที่มีอิทธพลขนาดสามารถดึงเอาน้ำตาที่คิดว่าแห้งเหือดไปแล้วให้เอ่อคลอขึ้นมาอีกครั้ง แต่มันก็ไม่มีทีท่าว่าจะไหลริน เนื่องจากผมฝืนลืมตาเพ่งมองที่คุณ เพราะกลัวเหลือเกินว่าหากกระพริบตาลงแค่ครั้งเดียว ภาพรอยยิ้มของคุณในตอนนี้จะสลายหายไป

"ดีใจนะที่คุณยังจำชื่อผมได้...อวิ๋นหลาน"
ชื่อของผม ที่เมื่อเรียกขานโดยคุณมันกลับอ่อนโยนขึ้นมาเสมอ

ยังไม่ทันได้ตั้งสติให้ดี ผมเดินเข้าหาคุณช้าๆ
คุณถอดแว่นตาทรงกลมนั้นออก พร้อมๆ กับที่ผมเอาอมยิ้มออกจากโพรงปาก

สายตาผมจดจ้องใบหน้าของคุณ บันทึกรอยยิ้มของคุณลงในใจ ถ่ายทอดความรู้สึกนับพันหมื่นผ่านดวงตาที่เริ่มจะพร่ามัวอีกครั้งเพราะน้ำตาของผมเอง

เมื่อมาหยุดยืนในระยะที่ไม่ถึงหนึ่งช่วงแขน มือของคุณแตะลงที่ข้างแก้มของผม ประคองกรอบใบหน้าของผมเอาไว้อย่างอ่อนโยน

ผมยกมือขึ้นซ้อนทับมืออุ่นข้างนั้นเอาไว้ ห้ามตัวเองไม่ได้จนในที่สุดน้ำตาหยดแรกก็ไหลลงมา

"อย่าร้องเลย...ตอนนี้ฝนหยุดแล้วนะ"
คุณบอกกับผมแบบนั้น แล้วซับน้ำตาของผมด้วยริมฝีปากนุ่ม

ผมได้แต่พยักหน้ารับคำแล้วพยายามกลืนความรู้สึกที่ตีกันจนรวนไปหมดของตัวเองให้สงบลง
พิงหน้าผากชนกัน จนปลายจมูกแตะสัมผัสกันเบาๆ รับรู้ถึงลมหายใจอุ่นของคุณในระยะประชิด

มือของเราสอดประสาน น้ำตาของผมหยุดลงแล้ว
หยุดพร้อมกับหัวใจที่ค่อยๆ กลับมามีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง

"อืม ฝนหยุดลงแล้ว" ผมครางตอบคุณเสียงเครือ เราทั้งสองคนต่างส่งยิ้มด้วยหัวใจที่ตื้นตัน

ฝนหยุดแล้ว.....เรื่องร้ายๆ ได้ผ่านไปแล้ว
การรอคอยของพวกเรา...สิ้นสุดลงแล้วจริงๆ

"งั้นคุณก็ชนะพนันสินะ...อยากได้อะไรเป็นรางวัลล่ะ" ผมทวงถามคุณออกไป คุณหัวเราะเบาๆ แต่กลับเป็นเสียงหัวเราะที่ผมคิดว่ามันไพเราะที่สุด

"นั้นสินะ...เอาเป็นคุณเป็นไง ผู้กองจ้าว"

"อ่า...คุณเลือกของรางวัลใหญ่เลยนี่ศาสตราจารย์เสิ่น"

"แล้ว...คุณจะไม่ให้ผมเหรอ?"

"ใครว่า...ผมแถมรางวัลพิเศษเป็นชีวิตทั้งชีวิตของผมให้คุณเลย"

เราบีบกระชับมือเข้าหากันแน่น ผมคิดแต่เพียงว่าชีวิตต่อจากนี้จะไม่มีวันปล่อยมือเขาไปอย่างเด็ดขาด

อ่า...ใช่...

ฟ้าหลังฝนย่อมดีเสมอจริงๆ

Continue Reading

You'll Also Like

1.1M 19.3K 44
What if Aaron Warner's sunshine daughter fell for Kenji Kishimoto's grumpy son? - This fanfic takes place almost 20 years after Believe me. Aaron and...
7.3M 303K 38
~ AVAILABLE ON AMAZON: https://www.amazon.com/dp/164434193X ~ She hated riding the subway. It was cramped, smelled, and the seats were extremely unc...
55.1M 1.8M 66
Henley agrees to pretend to date millionaire Bennett Calloway for a fee, falling in love as she wonders - how is he involved in her brother's false c...
1M 39.5K 92
𝗟𝗼𝘃𝗶𝗻𝗴 𝗵𝗲𝗿 𝘄𝗮𝘀 𝗹𝗶𝗸𝗲 𝗽𝗹𝗮𝘆𝗶𝗻𝗴 𝘄𝗶𝘁𝗵 𝗳𝗶𝗿𝗲, 𝗹𝘂𝗰𝗸𝗶𝗹𝘆 𝗳𝗼𝗿 𝗵𝗲𝗿, 𝗔𝗻𝘁𝗮𝗿𝗲𝘀 𝗹𝗼𝘃𝗲 𝗽𝗹𝗮𝘆𝗶𝗻𝗴 𝘄𝗶𝘁𝗵 �...