#จีมินปลดหนี้
^
|
|
เล่นแท็กนี้กัน
ผมอยากจะบ้าตายจริงๆครับ สำหรับเด็ก ม.ปลาย อย่างผม ที่ทุกวันนี้นอกจากอ่านหนังสือ ทำงานพิเศษส่งตัวเองเรียนแล้ว ก็ต้องมาเป็นหนี้นอกระบบอีก แถมหนี้ที่ติดพวกมาเฟียอยู่ก็เหยียบร้อยล้านวอนเลยล่ะครับ เด็กม.ปลาย จะเอาปัญญาที่ไหนไปจ่าย
พ่อกับแม่ของผมท่านเสียไปเมื่อปีก่อนเองครับ ก่อนท่านทั้งสองจะเสียก็ได้สร้างหนี้ก้อนหนึ่งขึ้นมาหวังจะเอาไปฟื้นธุรกิจครอบครัว แต่มันก็ไม่สำเร็จ เรามีกันสามคนพ่อแม่ลูก ผมเองก็รับรู้เรื่องหนี้มาตลอดเลยพยายามเรียนหนังสือให้หนักเพื่อชิงทุนเรียนตอนขึ้น ม.ปลาย และผมก็ทำสำเร็จ ผมได้ทุนเรียนฟรี 3 ปี จนจบมัธยมปลาย โดยต้องรักษาเกรดเฉลี่ยไม่ให้ต่ำกว่า A ซึ่งมันค่อนข้างยากสำหรับคนหัวช้าแบบผม
ตอนที่พ่อกับแม่ผมเสีย พวกเขาสองคนกำลังเดินทางกลับจากการไปรับของสดที่ทะเลปูซานเพื่อเอามาส่งที่ตลาดสดในกรุงโซลอย่างทุกวัน แต่วันนี้รถเกิดเครื่องดับกระทันหันตอนขับข้ามถนนไปอีกฝั่งทำให้ถูกรถบรรทุกที่กำลังขับให้พ้นไฟแดงชนเข้าอย่างจัง สภาพรถแทบไม่เหลือเค้าเดิม
หลังจากวันนั้นผมก็เคว้งมาตลอด จัดการย้ายจากคอนโดเดิมไปยังห้องเช่าที่เล็กกว่าเดิมหลายเท่าแทน เพื่อลดค่าเช่าให้ถูกลง จากที่เคยอยู่ดีกินดี ก็ต้องปรับตัวใหม่หมด ผมทำงานพิเศษ 3 อย่างเพื่อให้มีเงินพอใช้จ่ายทุกอย่าง และต้องรักษาเกรดและการเรียนไปด้วย ผมได้นอนเต็มที่วันล่ะ 6 ชม. เท่านั้น ไม่มีเวลาไปเที่ยวเล่นแบบเด็กๆคนอื่น
"เห้ย!! ไอ้หนูปาร์ค กูรู้ว่ามึงอยู่ในห้อง ถึงมึงจะย้ายไปที่อื่นกูก็ตามมึงเจอจนได้อยู่ดี มึงติดดอกเบี้ยมาสามเดือนแล้วนะ ถ้าเดือนหน้ามึงไม่จ่ายกูจะมาพังห้องเช่าเน่าๆของมึงแน่"
ได้แต่นั่งกอดเข่าฟัง 'อยากตายชะมัด' ถ้าผมไปปูซานกับพ่อกับแม่วันนั้นผมคงไม่ต้องมานั่งกอดเข่าตัวสั่นแบบนี้ ผมกลัวไปหมดแล้ว ผมควรจะทำยังไงดีนะ
'แค่ผมเสียพ่อกับแม่ไปก็ยังชดใช้ไม่พองั้นหรอ'
ผมพอมีเงินเก็บเกือบ 5 แสนวอนที่ช่วยให้เช่าห้องเล็กๆนี้เป็นที่ซุกหัวนอนและมีข้าวกินสองสามมื้อเท่านั้น
เพราะเงินใกล้หมดเลยต้องหาทางหาเงิน ผมเริ่มจากไปสมัครทำพาร์ทไทม์ที่มินิมาร์ทช่วงกะกลางคืน 18:00-23:00 ตื่นเช้าเป็นเด็กส่งนมตามบ้าน 06:00-08:00 และตบท้ายด้วยการเป็นเด็กล้างจานให้ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งในย่านฮงแดมุน 16:00-17:30 อาหารมื้อที่อิ่มสุดก็คงเป็นมื้อกลางวันที่โรงเรียน เพราะฟรีเนื่องจากเป็นเงินทุน ผมทำงานพาร์ทไทม์ได้ชม.ล่ะ 5,000 วอน (ประมาณ 200 บาทไทย) เพราะยังเป็นเด็กอยู่ ลองคิดๆดูก็ได้ว่าวันหนึ่งผมทำงานได้เท่าไหร่กัน ขนาดทำสามที่แล้วนะ
เพื่อนๆผมหลายคนแสดงความเป็นห่วงและอยากช่วยผม แต่ผมปฏิเสธ มันเป็นปัญหาของผมและครอบครัวผม ผมจะแก้ไขมันเอง ทุกคนเลยได้แต่เป็นกำลังใจให้กับผม
"ฮึก...ฮึก"
ผมไม่อาจจะห้ามน้ำตาตัวเองได้อีกแล้ว มันหนักเกินไปสำหรับเด็กแบบผม จ้องมองคัตเตอร์เงาที่วางอยู่ตรงหน้า
"ตายไปก็ดีกว่าอยู่อย่างทรมาน"
ผมเอื้อมมือไปหยิบมันก่อนจะเลื่อนใบมีดให้พ้นฝักเหล็กออกมา เอามันจ่อที่คอตัวเอง ก่อนจะกลั้นใจแทงมันเข้าที่คออย่างแรง
'กรึ่ก'
กลั้นหายใจรับความเจ็บแต่กลับไม่รู้สึกอะไร ผมลืมตามองเศษใบมีดคัตเตอร์ที่หล่นไปอยู่ที่พื้น ใบมีดหล่นลงไปตั้งแต่ผมยังไม่ทันได้ทิ่มมันลงบนคอ 'ขนาดพระเจ้ายังขัดขวางการฆ่าตัวตายของผมเลย' ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมพยายามลองฆ่าตัวเอง ผมลองมาเกือบๆ 10 ครั้ง แต่ไม่เป็นผล เวลาจะเอาของมีคมกรีดหรือแทงตัวเองทีไร ก็เหมือนมีอะไรมาปัดมันออกไปทุกที จะกระโดดน้ำตายเสื้อก็ดันไปเกี่ยวกับราวจับ เลยไม่ตกลงน้ำ จะวิ่งไปให้รถชน ก็ดันสะดุดขาตัวเองบนฟุตบาตตั้งแต่ก้าวแรก ผมคงจะมีกรรมเก่าเยอะสินะ พระเจ้าถึงอยากให้ผมชดใช้มันก่อนจะตาย
.
.
.
.
"ขอบคุณที่ใช้บริการนะครับ"
ยื่นถุงใส่ของให้กับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก่อนเธอรับเงินทอนกับรับถุงและเดินออกไปอย่างร่าเริง งานสุดท้ายของวันอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมก็จะได้เงินเดือนแล้ว และผมก็จะได้ไปพักผ่อนสักที พรุ่งนี้วันอาทิตย์โรงเรียนหยุด ผมควรจะไปทำอะไรหลังจากส่งนมเสร็จแล้วดีนะ ใกล้หนาวแล้วผมควรซื้อเสื้อโค้ตสักตัวไหมนะ โค้ตที่ใช้อยู่มันก็ยังใช้ได้ แต่ถ้าได้ตัวที่อุ่นกว่านี้คงจะดีกว่า
'ตื้อ~ดึด'
"ยินดีต้อนรับครับ อ๊ะ"
ได้ยินเสียงสัญญาณก็ต้องพูดวลีเด็ดต้อนรับลูกค้าทันที แต่พอได้เห็นว่าเป็นใครก็อดที่จะเกร็งตัวเองขึ้นมาทันทีไม่ได้
"ไง คุณหนูปาร์ค ขอบอร์โร่เชอร์รี่ 2 ซอง "
ลูกน้องของมาเฟียที่มาทวงหนี้ผมบ่อยๆ เดินไปหยิบบุหรี่ตามที่อีกคนสั่งก่อนจะคิดเงินและส่งให้
"10,000 วอนครับ"
ผมบอกเขา เขายื่นเงินมาให้ก่อนจะรับซองบุหรี่มาเก็บใส่กระเป๋ากางเกง
"ดอกเบี้ยมึงจะจ่ายเมื่อไหร่ เมื่อวานกูไปหามึงที่ห้องเช่ามึง ทำไมมึงไม่ออกมาต้อนรับกู"
เขาพูดเสียงดังใส่ผม ผมได้แต่ก้มหน้านิ่ง ตัวสั่นไปหมดแล้ว
"ผม...ผม ผมยังไม่มีเงินจ่ายครับ เมื่อวานผมทำงานพิเศษเกือบถึงเช้า เลยไม่ได้กลับไปนอนที่ห้องน่ะครับ"
ผมพูดโกหกพลางลอบมองคนที่ยืนสอบปากคำอยู่ด้านหน้า
"ทำงานพิเศษถึงเช้า มึงทำงานอะไรว่ะ ขายตัวรึไง หน้าตามึงก็ออกแนวคุณหนูหยิ่งๆด้วยนี่ คงขายดีน่าดู น่าจะมีตังค์พอมาจ่ายดอกเบี้ยนะ"
"ไม่ใช่นะ!!!!"
ผมโพล่งสวนทันที ได้แต่เอามือกำชายเสื้อแน่นตัวสั่นด้วยความโกรธ
"จีมินเปลี่ยนเวร"
เสียงจากด้านข้างเรียกชื่อผมทำให้ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นมา
"มีอะไรกับลูกค้ารึเปล่าเสียงเอะอะดังไปถึงข้างในเลย "
"ไม่มีอะไรครับพี่จินซอง คุณลูกค้าเค้าหูไม่ค่อยดีน่ะครับ ผมเลยต้องเสียงดังนิดนึง"
พูดเสียงเบาพลางแอบลอบมองคนที่ยืนอยู่ตรงเคาท์เตอร์
"อย่าลืมล่ะกัน ไม่งั้นเรื่องนี้ถึงหูคุณจองกุกเมื่อไหร่ มึงได้สนุกแน่"
เขาพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไป ผมถอนหายใจออกมาเสียงเบาก่อนจะยิ้มให้พี่จินซอง
"งั้นผมกลับแล้วนะครับ"
"อืมมม ดูแลตัวเองดีๆละ รถเมลล์รอบสุดท้ายจะหมดแล้วนะ"
ผมยิ้มให้พี่จินซองก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องสต็อคของไปยังห้องล็อกเกอร์สำหรับพนักงานหลังร้านทันที รีบเปลี่ยนชุดและหยิบข้าวของออกมาจากร้านก่อนจะรีบวิ่งทำเวลาไปยังป้ายรถเมลล์ โชคดีที่วันนี้ผมมาทันรถเมลล์เที่ยวสุดท้าย ในวันเสาร์รถเมลล์เที่ยวสุดท้ายจะหมดเร็วกว่าทุกวัน ผมเคยมาช้าจนคลาดรถเมลล์เที่ยวสุดท้ายหลายครั้ง ทำให้ต้องเดินกลับห้องเช่าและใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการเดินกลับ ไม่ต้องพูดถึงแท็กซี่เลยครับ ผมไม่มีเงินมากพอจะนั่งมันไปไหนมาไหนหรอก
.
.
.
.
วันนี้ถือเป็นวันโคตรซวยของผมเลยครับ ทั้งเป็นวันเดดไลน์ส่งดอกเบี้ยและเป็นวันสอบกลางภาคของผมด้วย กว่าจะออกมาจากโรงเรียนได้ก็แท่บแย่ ต้องขอบคุณพี่จินซองที่ช่วยติววิชาที่ผมไม่ถนัดให้ในวันหยุด และเพื่อนๆที่ช่วยสรุปเล็คเชอร์ให้ผม มันทำให้ผมทำข้อสอบได้สบายบรื๋อเลย ถึงจะกังวลอยู่บ้างก็ตาม ผมร้อนใจสุดๆเมื่อเห็นการจราจรที่แสนติดขัดในเย็นวันศุกร์วันแห่งการปาร์ตี้ ผมเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงเพื่อไปโอนเงินที่ธนาคารให้ไอ่พวกมาเฟียที่ผมติดหนี้อยู่ คนในรถเมลล์ก็เยอะเบียดๆกันเต็มไปหมดจนผมทนไม่ไหว เดินต่อไปอีกสี่บล็อกก็ถึงธนาคารแล้ว ผมตัดสินใจลงจากรถเมลล์ทันทีก่อนจะเดินไปยังธนาคาร
ฮีตเตอร์ให้ความอบอุ่นในธนาคารทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายหลังจากเดินฝ่าลมหนาวมาที่นี่ ผมรีบหยิบใบโอนเงินมากรอกข้อมูลทันทีก่อนจะเดินไปยังเคาท์เตอร์เพื่อโอนเงิน วางใบโอนเงินให้พนักงานสาวสวยก่อนจะเปิดเป้หาซองเงินที่ผมเก็บหอมรอมริบมากว่า 4 เดือนเพื่อจ่ายดอกเบี้ย คราวนี้ผมกะจะจ่ายให้ครบทั้ง 4 เดือนไปเลย เพราะจะได้ไม่ต้องมากังวลว่ายังไม่ได้จ่ายของเก่า ที่เหลือก็เดินหน้าจ่ายของใหม่ไป แต่ค้นเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
'ไม่มี...'
น้ำตาร่วงเผาะทันที ผมเปิดซิปเทของในกระเป๋าออกมาควานหาอย่างบ้าคลั่ง จนคนอื่นๆในธนาคารหันมามองเป็นตาเดียว แต่กลับไม่เจอซองเงินที่ตามหา ภาพตอนที่มีชายคนนึงเดินมาเบียดหลังผมที่บนรถเมลล์ฉายขึ้นมา แรงที่เหมือนมีคนทำอะไรบางอย่างกับเป้ของผมทำให้ผมต้องหันไปมองแต่กลับเจอผู้ชายคนนึงที่ทำท่าเหมือนจะล้มเพราะโดนเบียดแทน ผมคิดว่าเขาคงโดนเบียดมาโดนกระเป๋าผมเลยไม่ได้ใส่ใจ มิน่าล่ะตอนผมลงจากรถไป ถึงเห็นเขายืนยิ้มแฉ่งให้ผม ที่แท้ก็ขโมยเงินผมไปนี่เอง โถ่เว้ย ทำไมมันซวยอย่างนี้ว่ะ
"ให้ฉันช่วยมั้ยคะ"
พนักงานยื่นหน้ามาจากด้านในโต๊ะถามผม ผมส่ายหน้าก่อนจะเก็บของลงกระเป๋าปาดน้ำตาลวกๆแล้วเดินออกจากที่นั่นอย่างคนไร้วิญญาณ
"ฮึกๆ ... ฮึก"
ห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้ไม่ได้จริงๆ หน้าผมชาไปหมดเพราะน้ำตากับลมหนาวมันทำให้หน้าของผมเย็นไปหมด เดินกลับห้องเช่าอย่างไร้เรี่ยวแรง ผมอดมื้อกินมื้อเพื่อเอาเงินไปจ่ายหนี้แต่กลับโดยขโมยหน้าด้านๆ
เดินมาถึงห้องตัวเองก็เกือบตีสาม ไขกุญแจที่ลูกบิดแต่มันก็ไม่ได้ถูกล็อคไว้ ผมจำได้ว่าผมล็อคก่อนออกไปนะ เปิดประตูห้องเข้าไปก่อนจะเปิดไฟ
"!!!"
"ฮึก ฮืออออออ"
เข่าทรุดทันทีที่แสงไฟสาดส่องให้เห็นสภาพห้องตัวเอง มันเละไปหมด หนังสือ ของเครื่องใช้ เสื้อผ้า ถูกเขวี้ยงทิ้งเกลื่อนกลาด สีจากเสปร์กระป๋องถูกพ่นไว้ทั่วห้อง ทั้งคำด่า คำดูถูก คำทวงหนี้ ผมเดินไปยังกระจกที่อยู่ใกล้ตู้เสื้อผ้าซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่สะอาดและปกติที่สุดในห้อง โพสอิทสีฟ้าถูกเขียนไว้ว่า
'กูเตือนมึงแล้ว มึงเตรียมใจได้เลย ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปคุณจองกุกสั่งตามล่ามึงแล้ว'
ผมแปะมันกลับคืนที่เดิมแค่ดันเห็นตัวอักษรด้านหลังกระดาษที่สะท้อนในกระจกเลยต้องเอามันขึ้นมาอ่านอีกครั้ง
'คืนนี้กูจะให้มึงนอนพักก่อน พรุ่งนี้มึงไม่รอดแน่'
ขยำและเขวี้ยงมันทิ้งก่อนจะเดินไปยังฟูกที่นอนเขี่ยของที่ทับสุมๆกันอยู่ออกก่อนจะปัดมันให้สะอาด มีรอยสีพ่นติดนิดหน่อยที่แห้งแล้ว ผมจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะพบมามีแค่เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มของพ่อที่ผมเก็บเอาไว้เพื่อระลึกถึงเท่านั้นที่นอนปกติในตู้ ที่เหลือถูกสีพ่นและถูกตัดทิ้งกระจัดกระจายไปทั่ว ผมเอามันมาใส่ก่อนจะใส่บ็อกเซอร์สีแดงเข้มตัวเดิมที่ใส่มาทั้งวันอย่างเลี่ยงไม่ได้โชคดีที่เชิ้ตพ่อตัวใหญ่จนชายเสื้อปิดไปครึ่งน่องและแขนยาวจนเลยมือผมมาเกือบๆ4นิ้ว ผมเอนตัวลงนอนที่ฟูกก่อนจะห่มผ้าห่มผืนหนา โชคดีที่คืนนี้ดูเหมือนจะไม่หนาวมาก ผมเลยนอนหลับได้สบายหน่อย
.
.
.
.
'กึ่งๆๆๆ'
เสียงเขย่าประตูทำให้ผมใจแป้ว ผมกะว่าจะตื่นแต่เช้ามืดแล้วชิงหนีไปก่อนที่พวกเขาจะมาที่ห้องผม แต่ผมดันหลับลึกจนไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกในมือถือที่ปลุกตอนตีห้าทุกวันเพื่อไปทำงานส่งนม โชคดีที่วันนี้บริษัทนมปิดผมเลยไม่ถูกหักเงินจากการไม่ไปทำงาน
"ปังๆๆ เห้ย ไอ่คุณหนูปาร์ค เปิดประตู อย่าให้กูพังเข้าไปนะ มึงเละแน่"
เสียงตะโกนจากหน้าห้องดังเข้ามาอีกครั้ง ผมสวมเสื้อโค้ตทับชุดที่ใส่นอนเมื่อคืนและหยิบกางเกงขาสั้นอีกตัวใส่ตามเพื่อกันความหนาว หยิปเป้คู่ใจใส่กระเป๋าเงิน โทรศัพท์และเสื้อผ้าที่พอจะใส่ได้อยู่ลงเป้ สวมรองเท้าผ้าใบก่อนจะเปิดประตูเลื่อนกระจกออกไปยังระเบียงชั้นสองลงไปข้างล่างไม่สูงมากนัก
ผมตัดสินใจข่มความกลัวตัวเองพาดขาปีนไปยังรั้วกั้นระเบียง ใช้เท้าเหยียบบนตู้ระบายลมแอร์แต่เหมือนมันจะอยู่ต่ำไปผมเลยต้องค่อยๆใช้มือยึดกับระบียงไว้ก่อน พอปลายเท้าแตะเจอที่ๆวางเท้าได้ก็ก้มลงมองดู พอเจอที่วางเท้าและรับน้ำหนักตัวได้ผมก็ค่อยๆเลื่อนตัวลง
'ปังงงง'
ประตูเปิดออก ผมหันไปมองก็เห็นคนทวงหนี้เดินเข้ามาในห้อง
"เห้ย แม่งกำลังหนีเว้ย"
หนึ่งในสองคนหันมาเห็นผมพอดี ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบปีนหนีทันที วางน้ำหนักลงบนตู้ระบายอากาศได้แล้วก็ตัดใจเสี่ยงดวงกระโดดลงบนกองกระดาษลังที่วางไว้เตรียมขายของเจ้าของตึกทันที
"อึ่ก"
ส่งเสียงร้องนิดหน่อยเพราะความเจ็บ ถึงจะเป็นกระดาษลังแต่ก็ยังแข็งกว่ากองฟูกหลายเท่า ผมรีบยันตัวลุกขึ้นแล้วมองไปที่ระเบียงห้องทันที ก็เห็นคนทวงหนี้ชี้มาทางผม
"เห้ย แมร่งอยู่นั่น"
โกยสิครับ รออะไร ผมวิ่งหนีสุดชีวิต ไปตามทาง ก่อนจะมีรถติดฟิมล์ดำมาจอดที่หัวมุมถนนที่ผมกำลังวิ่งหนีไป 4 คัน ผมชะลอฝีเท้านิดๆเพราะรู้สีกแปลกๆกับรถพวกนั้นก่อนประตูรถจะเปิดออกพร้อมๆกับผู้ชายหลายคนที่เดินลงมาพร้อมไม้เบสบอลบ้าง ไ้ม้หน้าสามบ้าง ทำเอาผมต้องวิ่งถอยหลังก่อนจะหันตัววิ่งกลับไปทางเดิมทันที
"เห้ย อย่าหนีนะเว้ย มันอยู่นั่น"
ผมวิ่งฝ่าคนที่เดินสวนผมอย่างไม่คิดชีวิต วิ่งชนใครก็ไม่มีโอกาสกลับมามองได้แต่พูดขอโทษและตั้งหน้าตั้งตาวิ่งเท่านั้น
"เห้ย นั่นไง ไอ้คุณหนูปาร์ค มึงไม่รอดแน่"
หนีเสือปะจระเข้หนีจระเข้กลับมาเจอเสืออีก ผมหยุดวิ่งและหันมองชายสองคนที่วิ่งมาทางผมและหันไปมองอีกทางที่มีชายกว่าเกือบสิบคนวิ่งไล่มา ผมร้อนใจไปหมด จะหนีไปไหนดีนะ มองไปด้านหน้าก็เจอกับคนที่ยืนรอสัญญาณไฟเขียวให้เดินข้ามถนนอยู่ ถ้าผมวิ่งไปยังถนนอีกฝั่งได้จะเข้าย่านอับกุจองที่คนพลุกพล่านตลอดเวลาและโอกาสรอดผมจะมีเพิ่มขึ้น ผมวิ่งเข้าไปแฝงตัวในกลุ่มคนที่ยืนรอข้ามถนน ย่อตัวลงให้เตี้ยกว่าคนยืนรอข้ามถนนอยู่ แล้วมองซ้ายมองขวา อีกไม่กี่อึดใจเขาเข้ามาถึงตัวผมแน่ๆ
'ต้ง'
สัญญาณไฟช่วยชีวิต ไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว คนเริ่มออกเดิน ผมรีบวิ่งตามพวกเขาไปทันทีจนข้ามมาถึงฝั่งอับกุจองก็รีบวิ่งหาที่ซ่อนผมไปแอบอยู่ที่แผงขายน้ำผลไม้ที่ยังไม่เปิด แอบยื่นหน้าออกมาดูก็เห็นพวกคนตามทวงหนี้ยืนมองหาผมที่ฟุตบาทถนนอีกฝั่ง ผมหย่อนตัวลงนั่งพักพิงแผงขายน้ำนั่น ถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยก็รอดไปวันนึง ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเข้าซอยหนึ่งไป
'ไปไหนดี'
หลังจากเข้าร้านมินิมาร์ท ซื้อรามยอนกินเป็นมื้อเช้าก็เริ่มคิดหาว่าจะไปที่ไหน ช่วงนี้คงต้องหนีอย่างเดียวแน่ๆ มะรืนนี้ผมต้องไปเรียนด้วย จะไปขออยู่กับพี่จินซองก่อนดีไหมนะ
คิดได้แบบนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเบอร์พี่คนสนิท แต่ยังไม่ทันจะหาชื่อเจอผมก็ดันเดินไปชนกับใครบางคนเข้าจนโทรศัพท์ตก
"อ๊ะ ขอโทษครับ"
ผมกล่าวขอโทษก่อนจะก้มเก็บโทรศัพท์ ลุกขึ้นมองคนที่เกินชนกล่าวขอโทษอีกครั้งก่อนจะเดินต่อ ดีนะใส่เคสโทรศัพท์ไว้ไม่งั้นคงจอแตกแล้วแน่ๆ ผช คนเมื่อกี้สูงจังแฮะแต่น่ากลัวชะมัด
'Butterfly~ Like a butterfly~'
เสียงโทรศัพท์ดังขัดการหาชื่อของผม ก่อนจะขึ้นอันโนวที่หน้าจอ ผมหยุดเดิน ขมวดคิ้วนิดหน่อยก่อนจะกดรับ
"ยอโบเซโย"
[ปาร์คจีมินใช่มั้ย]
"ใช่ครับ ว่าแต่คุณเป็นใครครับ"
[ถ้าเป็นปาร์คจีมินจริงยกมือขวาขึ้นมาสิ]
"ห้ะ ทำไมต้องยกล่ะครับ"
[ยกเหอะน่า]
ผมขมวดคิ้วงงนิดหน่อยเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูแล้วมองหน้าจออย่าสงสัย ก่อนจะยกมือขวาขึ้น
แรงสัมผัสเบาๆที่บ่าเรียกให้ผมต้องค่อยๆหันไปมองที่ด้านหลัง 'คนที่ผมชนเมื่อกี้นี่'
"เจอสักที ปล่อยให้เหนื่อยหาจนวุ่นทั้งแก๊งค์เลยนะ ที่แท้ก็แค่เด็กตัวนิดเดียว"
"!!!!!!!!"
----------------------------------------------
เรื่องเก่ายังไม่จบก็เปิดเรื่องใหม่ได้ ขุดจากคลังขึ้นมาแบบฝุ่นเกาะอะ เรื่องนี้เราแต่งว่าจะเป็นแนวตลกๆ ไม่รู้จะตลกจริงๆมั้ย รอดูตอนต่อๆไปแล้วกันเนาะ