ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เสียงของผมไม่มีความหมาย
"ห๊า?! ให้ผมกลับไปเรียนมอปลายอีกครั้งเนี้ยนะ ไม่เอาด้วยหรอกครับ!" เป็นคำถามแรกที่ผุดในหัวของผมขณะที่กำลังใช้เสียงสูงปนไม่พอใจเอ่ยออกมา ผมใช้ตาตี่ๆของผมเองถลึงแบบที่คิดว่าโตที่สุดในชีวิตมองหน้าหัวหน้าอัยการใหญ่ที่มีสีหน้าเรียบเฉย
เขาเฉย...จนผมใจหาย
"อะไรนะปฏิเสธเหรอ?" เขาถามออกมาเสียงนิ่ง ไร้ซึ่งนัยยะในแววตา ชนิดที่ว่าต่อให้ผมเรียนจบปริญญาเอกด้านจิตวิทยามหาวิทยาลัย Oxford ก็เดาความคิดเขาไม่ออก
"...." ผมเงียบ สิ่งเดียวที่ประท้วงคือคิ้วที่ขมวดแน่น เป็นแกนนำที่ยืนกรานกับสิ่งที่พูดไปตอนต้น
ไม่เอา
ไม่มีทาง
ไม่มีวั---
"นาย ปาร์คจีมิน ถ้ายังอยากเป็นอัยการอยู่ ก็ตามฉันไปที่ห้องแต่งตัว!"
และแล้วเหตุการณ์ทุกอย่างก็ผ่านไปไวมาก เรียกได้ยังไม่ทันจะหายใจเข้าได้เต็มปอด และหายช็อคจากเสียงตะคอกดังของคนเป็นหัวหน้า ภารกิจที่ดูเหมือนจะยิ่งใหญ่และหนักอึ้งในหัวใจมันก็ตกอยู่ในกำมือของผม แบบที่ผมแทบไม่รู้ตัว
แล้วผมจะปฏิเสธอะไรได้บ้างล่ะ? (แนบอิโมจิร้องไห้เป็นระยะทางจากแม่สายถึงเบตง) นอกจากคำนิยามใหม่ของชีวิตมาใหม่
สิ่งที่น่ากลัวมากกว่าลูกปืนที่เคยใช้ต่อสู้กับคนร้ายทุกวันตามหลักการเป็นอัยการ นั้นก็คือหัวหน้าอัยการใหญ่นี่แหละ
ผ่านมาสักพักและยืนยันคำเดิมว่าทำใจไม่ได้ยิ่งกว่าเบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ ผมที่ได้การใหญ่มาไว้ในอ้อมอกกำลังถูกรายล้อมด้วยผู้คนกลุ่มนึงที่กำลังจับนั่นนี่ของผมโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตว่าแย่แล้ว แต่สิ่งอ้วนๆกลมๆที่นั่งจุมปุกอยู่มุมกำแพงใกล้ๆนั้นแย่กว่า เข้าใจว่ามาเตรียมพร้อมงาน แต่นั่งกดดันผมแบบนี้ ผมว่ามันไม่น่ารักเอาเสียเลย
"คุณทำหน้าเหมือนจะขัดคำสั่งผม...คุณจะขัดคำสั่งผมเหรอไงปาร์คจีมิน"
จู่ๆอัยการใหญ่ก็เอ่ยเสียงดุๆใส่ นั้นอาจเป็นเพราะผมบังอาจหันไปสบตาเขาพอดีแล้วหน้าเสือกมีการขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เหมือนลูกน้องหัวรั้น แต่จริงๆคือผมโกรธและหงุดหงิดเขา ทำหน้าไม่พอใจใส่ได้ก็จะทำ แต่จะทำตอนจังหวะเขาเผลอ ไปๆมาๆ ดันหลบตาไม่ทันแค่นั้นเอง
"ใครจะกล้าครับ"
ผมเอ่ยเสียงแข็ง ง็องแง็งในสายตากลุ่มคนส่วนหนึ่ง แล้วจัดการสวมสูทตัวนอกให้ถูกต้องตามยูนิฟอร์มของโรงเรียนที่บังชีฮยอกจัดการไว้ให้ ขนาดไซส์แม่นเป๊ะกว่าตัวผมเองที่เดาไซส์ตัวเองไม่ค่อยจะถูก มีช่างทำผมเข้ามาหวีสางให้เส้นผมที่ถูกเซ็ตตัวเสยขึ้นเป็นอย่างดี ดีแบบโคตรพ่อโคตรแม่หล่อ ดีแบบที่ผมนั่งเซ็ตทุกวันตั้งแต่ตี4 และได้โดนพังทลายลงมาปกปิดหน้าผาก
นอกจากสั่งให้ผมย้อมผมเป็นสีดำ จากตอนแรกหัวสีแสบกว่าสีประจำด้อมเอ็นสีถี เจ็บช้ำไม่พอใจ ยังบังคับให้ผมไว้หน้าม้าชนิดซีทรูอีก
เผด็จการ
ผมว่าเขาในใจ ก่อนที่เขาจะปรายตามามองผมอีกครั้งและทิ้งท้ายประโยคที่เจ็บแสบกว่าสีผมเก่ากูอีก
"เพราะกวนแบบนี้ไง ผลงานเลยไม่ค่อยจะมี"
โห แทบทรุด
เมื่อผู้เป็นอัยการใหญ่ทำตัวเป็นปืน ยิงคำพูดที่เหมือนกระสุนทะลุหัวใจผมอย่างจัง
บางที ฆาตกร ก็มาในรูปแบบของหมู
ถึงจะแค้นมาก แต่ก็นั่นแหละครับ อย่างที่เขาว่า...
ผมน่ะ เป็นอัยการมาสามปีแล้ว สามปีแห่งบทพิสูจน์ว่าชีวิตก๊อกก๋อยแค่ไหน คดีใหญ่ไม่เคยแตะเหมือนชาวบ้านชาวช่อง เด็กจบใหม่ยังมีผลงานมากกว่าผมเลย แล้วผลงานใหญ่สุดก็คงเป็นจับตัวพ่อค้ายาในบ่อนพนันได้ แถมยังทำกับคู่กับทีมของตัวเอง นอกนั้นก็ไก่ก่าเหมือนตำรวจทั่วไป
แล้วสุดท้ายผมก็ได้รับคดีนี้ ถึงจะไม่ชอบใจอย่างไร แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่อัยการใหญ่อย่างบังชีฮยอกไม่มองข้ามหัวผมเหมือนสามปีก่อนๆ
"นี่ข้อมูลสำหรับนาย"
พอผมแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จแล้ว ไม่กล้าจะมองตัวเองในกระจกเท่าไหร่ ช่างบอกดูดีและยิ้มด้วยความภูมิใจในตัวเอง ผมก็เชื่อเขา วินาทีต่อมา อัยการใหญ่ก็โยนแฟ้มหนาๆมาหนึ่งเล่ม กระแทกอกพอดี พอผมเปิดดูด้วยความสงสัยว่าข้อมูลจากคดีอะไรที่ทำให้กูต้องมาเล่นบทย้อนวัย แล้วก็ผิดหวังรอบที่ร้อยของวัน ตอนแรกก็นึกว่าเป็นเรื่องราวของคดี แต่มันไม่ใช่
"ประวัติส่วนตัว...ของผมเนี้ยนะ ทำไม?"
"นี่เป็นข้อมูลปลอมๆของนายปาร์คจีมิน เด็ก อายุ17ปีที่เขียนขึ้นไง ฉันจัดการกับผู้อำนวยการโรงเรียนแล้วเรียบร้อย นายจะเข้าไปในฐานะนักเรียนใหม่ของชั้นมอปลายปีที่ 2"
"!!!!"
WTF!!!!!
ปลอมเป็นเด็กอายุแค่ 17 เนี้ยนะ!
บ้า บ้าไปแล้ว??!!!
"อะไรอีก มีปัญหาหรือไง"
ก็ต้องมีอยู่แล้ว! อายุสิบเจ็ดเลยนะเว้ย กรี๊ด!
แล้วผมจะโตมาทำส้นตีนอะไรให้ได้อายุยี่สิบห้าเนี้ย โตมาเพื่อกลับไปเป็นเด็กเหรอ ไม่เข้าใจ อยู่ในภาวะรัวแป้น!!!!
"ว่าไงจีมิน...มีปัญหา?" คุณอัยการใหญ่ถามย้ำ เสียงแข็ง ตาแข็ง ทำไม คิดว่าผมไม่กล้าเหรอไง หึ!
"เปล่าครับ"
เออ ไอ้เวร ถามอยู่ได้ รู้ทั้งรู้ว่ากูไม่กล้า!
ผมแสดงสีหน้าขัดใจ ก่อนจะส่ายหน้าส่งไปแทน อัยการใหญ่ทำเพียงยักไหล่ไม่แคร์กันเลยแล้วเดินนำผมออกไปจากสำนักอัยการลับเพื่อขึ้นรถตู้ขององค์กร ผมเดินไหล่ตกและขึ้นรถไปพร้อมความเศร้าที่แน่นคับอกคับใจ ไม่รอช้ารถตู้ก็เคลื่อนออกไปยังจุดมุ่งหมายทันที
แล้วผมก็เข้าใจทันทีว่าภารกิจเริ่มวันนี้
"หัดนั่งอ่านข้อมูลของนายซะบ้าง ศึกษาไว้หน่อย ไม่ใช่เอาแต่หน้าบึ้งไม่พอใจ รู้ไหมว่านายเนี้ย เวลาสั่งงานทีไรก็ชอบทำท่าปวกเปียก อ่อนแอ ลาออกไปขายขนมครกท่าจะดีกว่า" อัยการใหญ่บ่น บ่นเก่งกว่าแม่ ผมส่ายหน้าปฏิเสธไปมา
"ผมทำขนมไทยไม่เป็นหรอกครับ"
แล้วก็โดนลมหายใจเฮือกใหญ่ๆจู่โจมใส่หน้าอย่างจัง
ผิดอะไรอี๊ก
"เรื่องของนายแล้วล่ะ เหนื่อยใจจริงๆ" เขาว่า "ฟังให้ดีนะปาร์คจีมิน นี่คือภารกิจของนาย มีเด็กผู้ชายที่นายต้องตามหา เป็นลูกชายของอสังหาริมทรัพย์คนนึง หนึ่งในแก๊งพวกมาเฟียผิดกฎหมายเหมือนเคย แต่คดีหนักหน่อย ฉันแค่อยากให้นายตามหาเด็กที่เป็นทายาทแก๊งมาเฟียคนนั้นให้เจอ สืบจนกว่าจะรู้ว่าใครคือคนบงการ หัวหน้าหลักของพวกมัน"
ผมกลืนน้ำลายลงคอเมื่อฟังข้อมูล ปกติก็ทำแต่คดีเล็กๆ แต่พอมาเจอแก๊งมาเฟียแบบนี้มันก็...ทำเอาหัวใจเต้นตุบตับได้
แม่ครับ ถ้าผมรอดผมจะเลี้ยงพิซซ่าแม่ ผมสัญญา
"แล้วมีข้อมูล ลักษณะพิเศษของเด็กคนนั้นหรือเปล่าครับ?" ผมถามเสียงจริงจัง
"แค่รอยสักสัญลักษญ์กางเขนประจำตระกูลไม่เหมือนไม้กางเขนทั่วไป ฉันเองก็รู้ไม่มากนักกับชั้นม.ปลายปี 2 นี่คือข้อมูลสำคัญที่สุด"
"คะ--แค่นี้เหรอครับ" ผมเบิกตากว้าง เลิกคิ้วอย่างตกใจ สาบานว่าไม่ได้ล้อเล่น อัยการนะไม่ใช่โคนัน รอยสักกางเขน?? คงไม่ได้บอกให้ผมไปถอดเสื้อกางเกงนักเรียนชายดูทุกคนถูกมั้ย?
"อืม ถึงแล้วขอให้โชคดีปาร์คจีมิน"
สิ้นเสียงคำสั่งลา ประตูรถตู้ก็เคลื่อนออกอัตโนมัติ เมื่อผมรู้ตัวว่าควรลงไปได้แล้ว ก็หยิบกระเป๋าสะพายข้างที่ในนั้นไม่มีอะไรเลยนอกจาก ปากกา ก้าวเท้าลงจากรถก่อนจะหยิบป้ายชื่อมากลัดไว้ที่อก
มองรถที่เคลื่อนออกไปด้วยความเร็วสูงพร้อมถอนหายใจ ภารกิจเริ่มขึ้นแล้ว และยังไม่ได้หยุดหายตื่นเต้นเลยสักนาที แต่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด คิดถึงตอนภารกิจเสี่ยงๆนี่สำเร็จ อาจจะได้เลื่อนยศกับเขาบ้าง หมายถึงถ้าไม่ตายไปก่อน
แล้วจู่ๆก็คิดเรื่องเศร้าๆขึ้นมา พลางเลื่อนสายตาไปมองที่หน้าโรงเรียน
มัธยมยอนฮวา
โรงเรียนมัธยมปลายชายล้วนชื่อดังของโซลนี่เอง...
〰️
"สวัสดีครับ ผมชื่อปาร์คจีมิน" หลังจากที่เดินงงในดงนักเรียนมาจนเกือบเข้าห้องผิด ผมก็ได้มายืนแนะนำตัวหลังจากครั้งสุดท้ายตอนเรียนมัธยมปลายปี1 ความรู้สึกเดิมๆค่อยๆกลับมาแล้วผมไม่ชอบมันเสียเลย ตอนกวาดสายตาในขณะพูด เหล่าเด็กนักเรียนในห้องก็ต่างไม่สนใจตามประสา
บ้างก็นั่งคุยกันเสียงดัง
บ้างก็นั่งฟังเพลง
บ้างก็นั่งอ่านแต่หนังสือการ์ตูน
นี่แหละเด็ก สะท้อนภาพผมในช่วงอายุนั้นได้อย่างดีทีเดียว "ฝากตัวด้วยนะครับ"
แล้วดูจากหน้าตา ไม่มีใครสักคนพอจะดูเป็นไปได้
"ไปนั่งตรงที่ว่างข้างหน้าต่างตรงนั้นได้เลยนะ 'คิมแทฮยอง' อย่าเอาแต่แกล้งเพื่อนใหม่ละ"
คุณครูที่ปรึกษาของห้องเอ่ยเสียงนิ่ง ไม่ได้ยิ้มใจดีแบบภาพในหัว แล้วประโยคแรกเขาพูดกับผม แต่ประโยคหลังน่าจะพูดกับนักเรียนผมบลอนด์ที่นั่งข้างโต๊ะว่าง ใบหน้าของเด็กคนนั้นเต็มไปด้วยบาดแผล บคคุลที่โดนเอ่ยนามสะดุ้งแล้วขมวดคิ้วใส่คนเป็นครู
นักรบ หรือ นักเลง
"เห็นผมเป็นคนยังไงกันครู ผมคิมแทฮยองคนดีของโลกใบนี้นะคร้าบบบบบบ"
ดีจริง
ถุ้ย
แค่หน้าตามึงก็ผิดระเบียบนักเรียนละ
ผมว่าเขาในใจ เดินไปนั่งที่ใหม่โดยมีสายตาของอีกคนจับจ้อง แทฮยองมองผมไม่เลิกเลย ซึ่งผมชักจะเกลียดรอยยิ้มลูกหมาของเด็กคนนี้เสียเหลือเกิน
เพราะว่ามันจะน่าเอ็นดูมากกว่านี้ หากแววตาไม่ได้เหมือนสัตว์อสรพิษสักชนิด
"ชื่ออะไรนะ" แทฮยองถามผมทันทีที่ก้นแตะเก้าอี้ ผมวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะ ไม่พยายามสบสายตากับเขา
"ปาร์ค จีมิน" ผมว่าพึมพำ เหมือนไม่ใส่ใจนัก แม้นั่นจะเป็นการพยายามอย่างยิ่งยวด
"ชื่อเหมือนผู้หญิง"
กวน
"รู้" ผมตอบ
"จีมินอา จีมินนี่" ผมหันไปมองคิมแทฮยอง เด็กข้างกายที่เอาแต่เรียกชื่อผมซ้ำไปซ้ำมา "พอเรียกแบบนี้ก็เหมือนชื่อผู้หญิงเข้าไปใหญ่"
ผมกำมือ ยิ้มอดกลั้นความหงุดหงิดที่โลดแล่นเต็มต่อมความรู้สึก
ผมมาทำงาน มีภารกิจเสี่ยงตายว่าเครียดแล้ว เจอเด็กแบบนี้มันก็อดโมโหไม่ได้ อารมณ์สวิงยิ่งกว่าผู้หญิงมีประจำเดือน
"ฉันเป็นเพื่อนเล่นนายหรือไงกัน?"
"เฮ้ๆๆ ไม่เอาหน่า" เชื่อเขาเลย นอกจากกวนส้นตีนยังทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว แทฮยองเลื่อนเก้าอี้มานั่งใกล้ๆผมโดยไม่สนใจครูที่กำลังสอน ผมแทบสะดุ้งเมื่อเขาเอานิ้วมาจิ้มที่ระหว่างคิ้วผมที่ขมวดเป็นปม
เออ เอาเข้าไปคิมแทฮยอง
อิเวรรรรรรรร
อิเด็กเวรรรรรรรร
"ทำไมต้องขมวดคิ้วละ ระวังหน้าแก่ไวนะ" เขาว่าแล้วยิ้มกว้างอีกครั้ง "เรามาเป็นเพื่อนกันไว้ดีกว่า จีมินนี่"
"จีมินก็พอ" ผมว่า "แล้วฉันไม่ต้องการมีเพื่อน ขอบคุณสำหรับน้ำใจมากๆ แค่นี้นะ อยากเรียนหนังสือจะแย่แล้ว"
ผมตัดปัญหา เพราะคิดว่าอย่างน้อยการเรียนตรงหน้าก็ยังดีกว่าพูดคุยกับแทฮยอง
"ถามจริงเถอะนะจีมินนี่ อายุเท่าไหร่กันเนี้ย ช่วยเลิกทำตัวเหมือนคนแก่ๆสักที"
"ฉันอายุเท่าไหร่แล้วไม่เห็นจะเกี่ยวตรงไหน ในเมื่อฉันมาเรียนหนังสือ ฉันก็จะเรียนหนังสือ" ผมว่าพลางละสายตาจากกระดานมามองสายตาอสรพิษของเด็กตรงหน้า เอาเถอะ ไม่เรียนแม่งแล้ว รำคาญ "นายนั่นแหละ อายุเท่าไหร่เอง หัดตั้งใจเรียนหนังสือบ้างเถอะ"
"ฉัน 19 แล้วเถอะจีมินนี่แค่เข้าเรียนช้าปีนึง ซ้ำชั้นอีกปีนึง นายนะอายุเท่าไหร่กันมาสั่งสอนกัน หืม"
เด็กเวรนี่ อย่างน้อยๆฉันอายุมากกว่านาย 6 ปีแล้วกัน
แล้วทำไมต้องมาบอกความโง่เง่าของตัวเองด้วยเนี้ยไอ้เด็กแทฮยอง
"อ่าว เงียบแบบนี้แสดงว่าน้อยกว่าแน่ๆ น้องจีมินนี่"
"เออ กูแค่ 18 ดร็อปไปปีนึง มึงพอใจยัง"
เพราะเริ่มหมั่นไส้ เลยหลุดพูดคำหยาบกับเด็กเมื่อวานซืนออกไป ก็ไม่ได้ตั้งใจหรอก แต่ถ้าไม่ติดว่าสืบคดีอยู่ก็จะลุกไปเตะปากไอ้หมอนี่อยู่เหมือนกัน
"ดร็อปไปทำไร? ค้ายาหรือติดคุก"
คือ...??? กูไม่ใช่มึงนะ
ตุ๊บ!
แต่ก่อนที่ผมจะได้เอ่ยด่าอะไรเด็กไม่รู้จักคิดข้างๆนี้ไป เสียงเหมือนอะไรหนักๆกระทบลงมาตรงโต๊ะข้างหลังอย่างดังโดยฝีมือผู้มาใหม่
ผมเองก็เห็นมันเข้ามาแล้วล่ะ ตอนแรกนึกว่านักเรียนมาสายธรรมดา ด้วยความที่นึกคำด่าแทฮยองมันอยู่เลนไม่ได้สนใจนัก แต่ทำไมมึงต้องเข้ามาแล้วทำเสียงดังขนาดนี้ นั่งธรรมดาไม่ได้มันแล้วใช่เปล่า เรียกร้องความสนใจถูกมั้ย
ถ่อยดี เด็กสมัยนี้
"จอน จองกุกวันนี้สายอีกแล้วนะ" คุณครูที่ผมก็ไม่รู้ว่ามีบทบาทด้วยเหรอเอ่ยขึ้น ทำให้เพื่อนทั้งห้องต้องหันไปมองจองกุก เด็กหนุ่มตากลมโตที่นั่งตาใสอยู่ด้านหลังของผมนี่เอง "แต่งกายก็ผิดระเบียบ! ให้ตายเถอะเด็กนี่"
"แล้วไงครับ?"
ขนาดครูว่าร่างสูงก็ยังไม่ยี่หระ จองกุกพูดเสียงทุ้มแล้วเหยียดปากยิ้ม ยิ้มแบบยิ้มตอแหลอ่ะมึง แล้วแสดงกิริยาได้ว่ารำคาญสุดอะไรสุด
คิดว่าถ่อยแล้วเท่ไง๊!
ผมขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าไปเสือกอะไรกับเด็กมันนัก
แต่อายุอานามผมมันมากแล้วน่ะครับ
เห็นอนาคตของชาติเป็นแบบนี้มันก็ปวดหัวใจ
คุณครูถอนหายใจเหมือนระอาเต็มทนกับเด็กตรงหน้า เป็นผมนะ ผมก็ระอา ถ้าอยู่ในฐานะอัยการจะเอากระสุนกรอกปากให้หายซ่าสักครั้ง
ว่าไปกูก็เก่งจัง
เก่งกับเด็กเนี้ย
สาบานได้เลยว่าไม่ชอบขี้หน้าเด็กนี่จริงๆ ขอด่าให้สะใจหน่อย ไอ้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า หน้าตาก็เต็มไปด้วยแผลไม่ต่างกับแทฮยอง ในห้องนี้มันมีแต่เด็กแบบนี้เหรอเนี้ย
!!!!
แล้วผมก็สะดุ้งตัวโยน ใครจะคิดว่าจอนจองกุกผู้ที่โดนคุณครูลอยแพจะหันหน้ามาสบตาผมที่จ้องเขาอยู่ เชี่ย กูตกใจไง ดูสายตาแม่งดิ
อันธพาล!!
กรี๊ดดดดดดดดดด
"มองอะไรคะ?"
ห้ะ?
มองอะไรคะ?
คะกับกูทำไมคะ?
อะไรวะ?
และด้วยความที่ใช้ชีวิตมาหลายปียังไม่เจอคนหน้านักเลงมาพูดคะขาใส่ก็เลยพูดไม่ออก และเพราะยังอึ้งเลยไม่ทันจะตอบอะไร ก็มีเสียงทุ้มข้างผมเอ่ยประโยคที่ทำให้ผมแทบล้มทั้งยืน
"เฮ้ย! จองกุกเพื่อน นี่จีมินเพื่อนสนิทคนใหม่กูเอง วันนี้ไปนั่งแดกข้าวด้วยกันนะ!"
ห๊า
อะไรนะ???????
100%